เ ที่ ย ว ไ ป ต า ม ะ วั น
Group Blog
 
All blogs
 
Istanbul ในที่สุดก็มาจนได้ ! (4)

อาทิตย์ที่ เจ็ด พฤษภาคม สองห้าสี่เก้า (ต่อ)

ต่อกันที่พระราชวัง Topkapı Palace กันเลยนะฮ้า ก่อนอื่นขอเล่าประวัติที่ไม่ค่อยจะรู้ซะหน่อยละกัน อะแฮ่ม...วังท็อปกะเปอะเนี่ยเป็นที่อยู่ของสุลต่านราชวงศ์ Ottoman มาเกือบ 4 ศตวรรษ ตั้งแต่สมัยสุลต่าน Mehmet ที่ยึดครอง Istanbul สำเร็จในปี ค.ศ. 1453 จนถึงสมัยสุลต่าน Abdulmecid I ด้วยความที่อายุของวังยาวนานหลายสมัย ตึกหลายตึกเลยมีสไตล์แตกต่างกันตามรสนิยมของสุลต่านแต่ละองค์ (สุลต่านเรียกเป็นองค์รึเปล่าอะ?) จนสมัยที่ตุรกีเป็นสาธารณรัฐ Republic ในปี 1923 วัง Topkapı ก็ถูกบูรณะและเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์

ไงล่ะ ปึ้กมั้ยคราวนี้ อ่านบล็อกนี้ก็ได้ความรู้กับเค้าเหมือนกันนะ..ขอบอก

วังนี้หญ่ายมั่กมั่ก บางส่วนก็ไม่เปิดให้เข้าชม บางส่วนเปิดให้เข้าชม แต่คนชมไม่อยากเสียตังค์ก็เลยอดชม อย่างไอ้ส่วน Harem เนี่ย อยากดู๊อยากดู ว่ามันจะเหมือนฮาเร็มที่ได้ยินมามั้ย แต่มันดันจะเก็บค่าเข้าต่างหากอีก 10 Lire (ค่าเข้าวังก็จ่ายมาแล้ว 10 Lire ยังจะมาเก็บเพิ่มอีก) ก็อย่างที่เคยบอก 1.67 Lire ประมาณ 1 ยูโร แล้ว 1 ยูโรก็ประมาณ 48 บาท (คำนวณกันเองนะ) เห็นมั้ย 10 Lire ไม่ใช่ถูกถูกนะคู้ณณ...

เดินไปเดินมา มีตึกหลายแบบจริงด้วย ออกมานอกชาน มองเห็นอิสตันบูลฝั่งเอเชียด้วย อากาศเย็นแต่แดดร้อน รู้สึกเหมือนน้ำจะหมดตัว พวกเราเริ่มเมื่อย เหนื่อย เนือย เฉื่อย เปื่อย แต่เนื่องจากได้มาทั้งที (เสียดายตังค์ค่าเข้า) จึงต้อง(ทน)ดูทุกอย่างให้หมด เราจึงต้องเดินดูเครื่องราชบรรณาการ เครื่องประดับ เครื่องแต่งกายแต่ละสมัย อาวุธ ภาพวาดสุลต่านทั้งหลาย และอะไรต่อมิอะไรที่โชว์อยู่ในห้องโน้นห้องนี้จนหมด

Istanbul 319
- ประตูทางเข้าวัง -


Istanbul 328
- บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ในพระที่นั่งวิมานเมฆมั้ย -


Istanbul 382
- สวนทิวลิปด้านใน -


Istanbul 406
- มุมหนึ่งนอกชานของวัง -


Istanbul 397
- วิวจากนอกชานรูปเมื่อกี้ กับบรรยากาศมาคุ -


หมดแล้ว...หมดซะที...เย้ ดีใจจนออกนอกหน้า พวกเราเดินกะปลกกะเปลี้ยออกมานอกวัง หาที่นั่งพัก อากาศร้อนๆ หนาวๆ อ้าวๆ อย่างนี้ถ้ามีไอติมก็คงดี

เดิน เดิ๊น เดิน เดินออกมาตั้งไกล ยังไม่มีวี่แววไอติม หรือแม้แต่ที่นั่งพักเลย พวกเราเดินกลับมาทางด้านหลัง Ayasofya อ๊ะ...เจอแล้ว...คาเฟ่ แต่ดูไฮโซไปนิดนึงนะ แต่ เอาก็เอาวะ เมื่อยจะตายอยู่แล้ว พวกเราตะกายบันไดขึ้นไปยังร้านกาแฟซึ่งอยู่บนเทอเรซชั้นบน กว่าจะเลือกที่นั่งได้ ต้องใช้เวลาคำนวณมุมตกกระทบของแสงอีก (กลัวแดดขนาด) พอเปิดเมนูปุ๊บ จากไอติมก็เหลือแค่น้ำชาตามระเบียบ...บอกแล้วว่ามันดูไฮโซ ยาจกอย่างเราเลยต้องอดทน (ทนอด) ชาก็ชา

Istanbul 426
- วิวจากร้าน ท้องฟ้ากลับมาสดใสอีกครั้ง -



…Adventure #7 – เพื่อนเปื่อย
แดดร่มลมตก ด้วยความที่เดินลุยมาทั้งวัน Aylin เริ่มออกอาการเหนื่อย(มาก) ก็เธอนอนดึก(มาก) แถมต้องตื่นแต่เช้า(มาก) บึ่งรถข้ามทวีปมาหาเราในเมือง(ไกลมาก) วันนี้ก็เดินทั้งวัน(นานมาก) ข้าวปลาก็ทานไม่เป็นเวลา(หิวมาก) ที่สำคัญต้องมาปวดหัว(มาก)กับพวกกะเหรี่ยงข้ามชาติอย่างเรา แล้ววันนั้นของเดือนก็กำลังจะมา(มาก)อีก อาการไมเกรนเธอจึงเริ่มกำเริ่บ

“กลับกันเถอะ” Aylin หน้าซีด
“ไป เรากลับแท็กซี่กัน” เป็นไงล่ะ ใจป้ำ อดไอติมมานั่งแท็กซี่ เพราะเดี๋ยวเพื่อนจะเดี้ยงซะก่อน

แท็กซี่มาส่งในจตุรัส Taksim กลางเมือง ใกล้โรงแรม กลางเมืองจริงๆ เพราะแท็กซี่มาปล่อยตรงกลางวงเวียนเลย พวกเราต้องเดินข้ามถนนฝ่าอันตราย (คนที่นี่ขับรถน่ากลัวโคตร) Aylin เริ่มอาการหนัก

“หิวป่าว Aylin หาอะไรรองท้องก่อนมั้ย” เราถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่หิว เราทนไหว อุ๊...” เพื่อนทำท่าพะอืดพะอม เหมือนอะไรจะกลับออกมาอย่างผิดทาง
“เป็นอะไรรึเปล่า นอนพักที่โรงแรมก่อนมั้ย”
“ไม่เป็นไร เราทนด้ายยยยย อุ อุ อั่วะ” Aylin ท่าจะแย่ รีบเอามือปิดปาก
ด้วยความเป็นห่วง เราเลยเอามือลูบหลังเพื่อน เลยโดนพี่ตาโตด่า
“ไปลูบหลังทำไม เดี๋ยวมันก็ออกมาหรอก” พี่โตรู้อาการดี เพราะเป็นไมเกรนประจำเหมือนกัน
“เอ่อ ไปโรงแรมก่อนก็ได้” Aylin เปลี่ยนใจ
เราเดินข้ามถนนอีกตลบ มุ่งหน้าไปโรงแรม

“เอ่อ รู้แล้ว เดี๋ยวไอมานะ” Aylin อาการดีขึ้นชั่วอึดใจ เธอข้ามไปอีกฝั่ง ไปขอถุงพลาสติกกับขนมปังสองสามชิ้นมาจากร้านค้า ร้านก็ใจดี๊ดี ขอก็ให้
“ไอกลับบ้านดีกว่า เดี๋ยวพักที่โรงแรมแล้วจะไม่ได้กลับ”
“แน่ใจนะ ไหวแน่นะ งั้นพวกเราเดินไปส่ง จอดรถไว้ไหนล่ะ”
“ไม่ไกลเท่าไหร่หรอก เดินไปข้างหลังนี่แหละ”

เดินไปไม่กี่ก้าว Aylin ก็ “อั่วะ อั่วะ....อ้วกกกก”
“น้ำๆ”
“มีกระดาษทิชชู่ป่าว”
“ไหนล่ะน้ำ”
“เปิดฝาด้วยสิ”
“เอ้านี่ ถือๆ”

พวกเราตื่นตระหนกตกใจ โกลาหลกันใหญ่ Aylin ร้องไห้ครวญคราง โอ้ แย่แล้ว ไอแย่แล้ว ไม่ดีเลย แย่จริง

แต่พอได้อ้วกสักพัก อาการคงดีขึ้นเล็กน้อย แต่เธอยังไม่ยอมเปลี่ยนใจ จะกลับบ้านให้ได้ เดินไปขอถุงมาจากร้านอีกรอบ พวกเรารีบจ้ำ เดี๋ยวจะไปไม่ถึงรถ คนป่วยพาเราเดินเลี้ยวไป เลี้ยวมา ข้ามถนนแล้ว ข้ามถนนอีก โห...ไหนว่าไม่ไกลไง เดินจนขาลาก ขึ้นเขาอีกตังหาก

“อ้วกกกก” ว่าแล้ว...ต้องมีระลอกสอง
ฮืออ...Aylin น้ำตาเล็ด พยาบาลจำเป็นทำหน้าที่สุดความสามารถ

ในที่สุด ก็มาถึงที่จอดรถ
“แน่ใจนะว่าไหว”
“สบายมาก ไหวน่า”
“งั้นขับรถดีๆ นะ ถึงบ้านแล้วโทรมาบอกด้วย”
ก่อนร่ำลา เรามีของฝาก ซึ่งก็คือน้ำหอมที่แวะซื้อที่สนามบินมิวนิค ก่อนขึ้นเครื่องไม่กี่นาที เนื่องจากมาถึงสนามบินแล้วเพิ่งนึกได้ว่าควรจะมีของฝากเพื่อน (เป็นเพื่อนรักกันจริงๆ)
“แต้งกิ้วหลายๆ นะ Aylin ที่เสียสละชีพเพื่อเพื่อนที่ดีมากอย่างเรา”
“อะไรเนี่ย ไม่ต้องก็ได้ แค่นี้เองสบายมาก” สบายมากอะไรเล่า ตัวเองไม่สบายจะเป็นจะตายออกขนาดนี้
“รับไปเถอะ พวกเราอุตส่าห์ตั้งใจเจียดเงินกันซื้อเลยนะเนี่ย” Aylin คงซึ้ง
“ดีนะเนี่ยที่อ้วกไปแล้ว ตอนนี้ก็คงหายแล้ว ดมน้ำหอมก็ได้ หอมนะ” เราพูดด้วยความที่มองโลกในแง่ดี (เกินไป) นึกว่าเพื่อนอ้วกแล้วจะหาย
“เฮ่ย ไปพูดอย่างงั้นได้ไง เดี๋ยวก็อ้วกอีกหรอก” พี่ตาโตสะกิด

“อ้วกกกกกกก” พูดไม่ทันขาดคำ ระลอกสามก็มา

หลังจากปฐมพยาบาลด้วยความชำนาญ Aylin ก็ขอบคุณ ค้นหาถุงพลาสติกท้ายรถได้มาถุงเบ้อเริ่ม แล้วร่ำลากลับ เธอไม่วายบอกว่าถ้าวันมะรืนว่าง จะมาหาอีก อ้าว...นึกว่าจะไม่เจอกันแล้ว เลยอุตส่าห์แบกของฝากตระเวนไปด้วยทั้งวัน

พวกเรามองดู Aylin ขับรถออกไปด้วยความเป็นห่วง เราเดินข้ามเขากลับไปทางโรงแรม
“แล้วเราจะทานอะไรล่ะ คืนนี้”
“เราไปหาอะไรข้างทางทานมั้ย เมื่อวานทางกลับบ้าน เห็นร้านอาหารเยอะแยะ ถูกๆ น่ากิ๊น น่ากิน” พี่ตาโต น่ากิน หรือถูกกันแน่พี่
แต่ก็จริงของพี่ตาโต สองข้างทางถนนตรง Taksim Square นอกจากจะมีร้านค้าให้ช้อปแล้ว ยังมีร้านอาหารประมาณร้านข้าวแกงบ้านเราเต็มเลย แบบทำเสร็จแล้ว แค่ตักเสิร์ฟ
“ก็ดีพี่ สั่งง่ายดี แค่ชี้อย่างเดียว”


…Adventure #8 – Dinner...มื้อแรกที่ไม่มีไกด์พามากิน
พวกเราเดินข้ามถนนเสี่ยงตายอีกรอบมายังวงเวียนที่แท็กซี่เอาเรามาปล่อย แล้วข้ามอีกรอบไปฝั่งถนนอันศิวิไลซ์ เรามาหยุดยืนเกาะกระจกร้านข้าวแกงร้านแรกมองอาหาร ดูท่าที อาหารน่ากินจัง... แต่
“สั่งยังไงหว่า น่ากลัวจัง”
“งั้นเราลองเดินไปก่อน ดูว่าร้านอื่นเป็นยังไง”

ไม่ใกล้ไม่ไกล มีร้านแบบเดียวกันอีกร้าน
“เอาก็เอา เอาร้านนี้แหละ ลุย”
คนบอกลุย เข้าไปในร้าน แล้วยืนงงอีกพักใหญ่
“จะกินอะไรดีเนี่ย น่าตาแปลกไปหมดเลย”
“สั่งๆ ไปเหอะ ไม่ตายหรอก”

นอกจากเนื้อแกะสไลด์ใส่ขนมปัง ประเภท Döner Kebab แล้ว เราเคยทานอาหารตุรกีฝีมือแม่ Barış (เพื่อนอีกคนที่จะเป็นเหยื่อพวกเราพรุ่งนี้) ด้วยนะ เมื่อหลายเดือนก่อน สมัยที่ Barış ยังอยู่มิวนิค แล้วกลับไปเยี่ยมบ้านที่ Antalya แล้วเอาอาหารกลับมามิวนิคด้วย ที่เคยกินก็มีพริกหวานอบยัดไส้ข้าวผัดหมูกับเครื่องเทศอะไรซักอย่าง แล้วก็มีอาหารอื่นอีก แต่จำไม่ค่อยได้เพราะติดใจอยู่อย่างเดียว ไอ้พริกยัดไส้เนี่ยก็ทานมาแล้วที่ร้านอาหารไฮโซที่ Aylin พาไปเมื่อวาน Aylin อธิบายด้วยว่าพริกยัดไส้เนี่ยมี 2 แบบ แบบร้อน กับแบบเย็น ที่เราทานเป็นแบบร้อน

กลับมาเข้าเรื่องต่อ เรารวบรวมความกล้า หยิบถาดไปต่อแถว ชี้พริกหวานยัดไส้ตามถนัด พี่บูชาตามมาติดๆ ชึ้จานคนข้างๆ แบบว่าเอาแบบนี้น่ะ เป็นเนื้อแกะ Döner โปะบนข้าว กับสลัดแตงกวากับมะเขือเทศ พี่ตาโตสละสิทธิ์ ขอดูลาดเลาก่อน รอดตายมาเปลาะนึง ก่อนถึงแคชเชียร์มีถาดขนมปังแบบขนมปังฝรั่งเศสหั่นเป็นแว่นๆ วางอยู่เต็ม คนข้างหน้าหยิบขนมปังกันใหญ่เลย เรายืนงง จะหยิบดีมั้ยเนี่ย เสียตังค์รึเปล่าหว่า เราพยายามใช้สมอง (อันน้อยนิด) ชะโงกดูชื่ออาหารกับราคาบนเมนูตรงเคาน์เตอร์เพื่อจะคำนวณเงินว่าเค้าเสียตังค์ค่าขนมปังกันรึเปล่า ปรากฏว่า...แป่ววว...อ่านไม่ออก ไอ้อาหารที่คนข้างหน้าสั่งมันเรียกว่าอะไร จะไปรู้ได้ไงล่ะ เอาวะ ถามก็ได้
“ยู ยู ขนมปังนี่ ฟรีอ๊ะป่าวอ่ะ” แป่ววว...แคชเชียร์พูดอังกฤษไม่ได้
“The bread costs no free” คนข้างหลังแอบได้ยิน เลยใจดีช่วยตอบ แต่..อะไรนะ ฟังไม่ถนัดน่ะ มัน no free หรือ no fee กันแน่ งง
“ฮะ ว่าไงนะ How much?”
“No no no…no free” ตอบอีกก็งงอีก เอาล่ะลองหยิบดูละกัน เราเลยหยิบขนมปังมา 2 ชิ้น
พอจ่ายตังค์ ปรากฏว่าขนมปังมันฟรีอ่ะ แหมเสียดาย น่าจะหยิบมาอีก เลยรีบตะโกนบอกพี่บูให้หยิบขนมปังมาเยอะๆ แล้วไปหาโต๊ะนั่ง

“อ้าว พี่ บอกให้ขนมปังมาเยอะๆ ทำไมเอามาแค่ 3 ชิ้นเล่า”
“ก็มันเกรงใจเค้าน่ะ”
แต่พอมองโต๊ะรอบๆ เค้าหยิบขนมปังมาเป็นพะเนินทั้งนั้นเลย

“เอาล่ะ Guten Appetit นะค้า” ขอให้ทานอาหารให้อร่อยภาษาเยอรมัน
“โห ขนมปังอร่อยแฮะ ไม่น่าเชื่อ” ก็หน้าตามันดูไม่น่าอร่อยมากนี่นา
“เสียดายเนอะ”
“แต่ไอ้สลัดเนี่ย ไม่มีรสชาติเลย เหมือนแค่เอาแตงกวาไปล้างน้ำเลย” มันเป็นแตงกวาแช่น้ำจริงๆ รสธรรมชาติมั่กมั่ก
“ไอ้พริกยัดไส้นี่มันเย็นน่ะ นึกว่าร้อน” ก็เพื่อนก็บอกแล้ว ว่ามันมี 2 แบบไง
“ไอ้ข้าวนี่ก็รสปะแล่ม แกะก็มีกลิ่น”
ปรากฏว่ามื้อนี้ ขนมปังฟรีอร่อยสุด
“เรากลับไปตายรังกับมาม่าใส่ไข่ดีกว่า”

ทานเสร็จ เราข้ามถนนเสี่ยงตายอีก 3 ตลบมาถึงฝั่งโรงแรม พี่บูชาขอแวะร้านค้าที่ Aylin ไปขอถุงพลาสติก พี่ท่านกลับออกมาพร้อมเบียร์ 2 กระป๋อง น้ำแกลลอน และที่ขาดไม่ได้...“ไข่”

กลับถึงโรงแรมก็ได้รับ message สั้นๆ จาก Aylin ว่าถึงบ้านเรียบร้อย ค่อยยังชั่วหน่อย จากนั้นเราก็ส่งข้อความติดเรทให้ Barış “Hi, I’m at room 501 Hotel La Villa, Topçu Caddesi #28, Taksim. Tel 2565626. Pls call. See u…Dao” เพื่อนจะโดนแฟนฆ่ามั้ยเนี่ย ได้รับ Message ติดเรทตอน 5 ทุ่ม

และแล้วเพื่อนก็โทรมา อ้อ..มันยังมีชีวิตอยู่ เรานัดกันพรุ่งนี้ 10 โมงที่โรงแรม เฮ่อ...วันนี้เหนื่อยจัง แต่พรุ่งนี้จะได้เจอ Barış แล้ว จะเป็นยังไงน้อ....



…to be continued…Istanbul (5)…




Create Date : 08 กรกฎาคม 2549
Last Update : 2 สิงหาคม 2549 19:34:56 น. 2 comments
Counter : 628 Pageviews.

 
เป็นเมืองในฝันที่อยากไปมากๆครับ
เรื่องเล่าสนุกมากครับ


โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 8 กรกฎาคม 2549 เวลา:3:59:00 น.  

 
มารออ่านค่ะ


โดย: ลูกบัว IP: 124.157.152.115 วันที่: 8 กรกฎาคม 2549 เวลา:6:40:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

daonari
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add daonari's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.