Il n'y a qu'un bonheur dans la vie, c'est d'aimer et d'être aimé.
|
||||
เดินทางไป Japan กับ Vietnam airlines 2 ธันวาคม 2560 และแล้วก็ถึงวันเดินทางของเรา สมาชิกมีทั้งหมดสามคน คือเรา น้องสาวเรา และ แฟนเราผู้บินไปรออยู่ที่ญี่ปุ่นแล้ว วันนี้เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อเตรียมตัว เช้าตื่นมายังมานั่งจัดกระเป๋าอยู่เลย สมบัติเยอะ เพราะเสื้อผ้านี่แหละ หนาเหลือเกิ๊น เราให้พ่อไปส่งที่สนามบิน ไปถึงประมาณ บ่ายสองโมงครึ่ง ยังไม่ถึงเวลาเช็คอิน ก็รอกันต่อไป วันนี้เราจะเดินทางกันด้วยสายการบินเวียดนามแอร์ไลน์ โดยไปต่อเครื่องที่ฮานอย ที่เลือกสายการบินนี้ เพราะมีโปร 555 นอกจากนั้นได้น้ำหนักกระเป๋า ถึง 30 กิโล และ เป็น Full Service อาหารการกินไม่ต้องห่วง และ ไม่ต้องมาจ่ายยิบย่อย อื่นๆ อีก รอเวลาเช็คอิน เช็คอินเสร็จเรียบร้อย ได้ Boarding pass มาสองใบ ผ่านจุดตรวจความปลอดภัย เดินมาผ่านมุมบังคับ แต่ใครบังคับก็ไม่รู้ เกทของเราในวันนี้คือ E1 เราเดินเลยเกทไป เพื่อหาที่นั่ง ชาร์จแบตโทรศัพท์ และ นี่ก็คือหน้าตา Boarding pass ของเรา Boarding Time เวลา 18.10 น. และ เครื่องจะออกตอน 18.35 น. ระหว่างรอ ก็เดินถ่ายรูปเล่นไป พลางๆ จนใกล้ได้เวลาขึ้นเครื่องก็เลยเดินไปรอ หน้าเกท แต่เกทก็ยังไม่เปิดจ้า เหมือนว่าเครื่องมาจากเวียดนามช้า กว่ากำหนด กว่าจะได้ขึ้นเครืองก็ปาเข้าไปหนึ่งทุ่ม สำหรับไฟล์ท Bangkok - Hanoi จะใช้เครื่องเล็ก จัดที่นั่งเป็นสองแถว แต่ก็ไม่ได้อึดอัดอะไร เพราะระยะเวลาบินก็สั้น ๆ จากกรุงเทพ ไปถึง ฮานอย จะใช้เวลาบินประมาณ ชั่วโมงครึ่ง เครื่องขึ้นได้สักพัก คุณแอร์ก็เอาอาหารมาเสิร์ฟ มีให้เลือก หมู กับ ปลา เรากับน้องเลือกกันคนละอย่าง จะได้มีรูปทั้งสองแบบ น้องเลือกปลา เราเลือกหมู แต่พออาหารมาถึง เปิดดูแล้ว ก็เลยแลกกัน เพราะน้องอยากกินเส้นมากกว่า และนี่คื๊ออออ เมนูปลา เป็นปลากับมันฝรั่ง ทีแรกดูเผินๆ นึกว่าไก่ ส่วนถ้วยเล็กๆนั่นคือไก่ อารมณ์เหมือนยำวุ้นเส้นกับไก่อบ ส่วนอันนี้เป็น บะหมี่ กับ หมู ขนมหวาน เป็นวุ้นมะพร้าว ที่มีฝอยทอง โรยอยู่เล็กน้อย ตัดภาพมาที่ฮานอยเลยละกัน ตอนนี้เครื่องลงจอดแล้ว ก่อนออกจากเครื่อง ก็ขอถ่ายรูปที่นั่งสักหน่อย พอออกจากเครื่องเดินไปถึงตัวอาคารก็เจอคนเยอะมาก เราก็จะยืนงงๆ ประมาณนึง แต่เราต้องขึ้นบันไดเลื่อนไปจ้า ไม่ต้องไปต่อแถวกับพวกคนข้างล่างเค้า เมื่อขึ้นบันไดเลื่อนมาแล้วก็จะเจอจุดสแกนกระเป๋าอีกทีนึง จากนั้นก็จะเป็นโซนสำหรับรอต่อเครื่อง จริงๆแล้วเรามีเวลารอต่อเครื่อง 4 ชั่วโมง แต่ด้วยความที่เครื่องดีเลย์ เวลาที่รอก็เลยลดลงไปหน่อย ภายในสนามบิน ก็จะมีร้านค้า ร้านอาหารต่างๆ แต่ก็ไม่ได้เยอะมาก เวลารอนานๆ มันก็จะเบื่อประมาณนึง มีจัดแสดงรูปภาพให้ดูแก้เบื่อ และแล้วก็ได้เวลาขึ้นเครื่องไปญี่ปุ่นกันแล้ว เย้ๆๆๆ ไฟล์ทนี้ใช้เครื่องบินดรีมไลน์เนอร์ ขึ้นเครื่องมาก็ไม่สนใจอะไรแล้ว กะว่าจะนอน หมอน ผ้าห่ม พร้อม แต่ !!! เห็นแอร์เดินเอาเมนูอาหารมาแจก เป็นเมนูอาหารเช้า ไอ้เราก็คิดว่า สงสัยจะเสิร์ฟ ตอนใกล้ๆเครื่องลงมั้ง สักพักได้กลิ่นๆ กะว่าจะไม่กินเพราะ มันดึกแล้ว และ ง่วงด้วย ถามน้องน้องก็บอกไม่กิน แต่ด้วยความที่ว่า เค้าเสิร์ฟแค่มื้อนี้ไง ไม่ได้เสิร์ฟก่อนเครื่องลงอีก เลยบอกน้องว่า กินเห๊อะ เช้าจะได้ไม่ต้องกิน มีให้เลือกระหว่างปลา และ เนื้อวัว เราสองคนเลือกปลาโดยไม่ต้องคิดเลย อาหารเช้า มาเสิร์ฟ ตอนตีหนึ่งสิบห้านาที เครื่องดื่มเราเลือกเป็นโค้ก อิ่มมมมม ก่อนจะนอนขอดูจอสักนิดนึง หลังจากแอร์มาเก็บถาดอาหารไปแล้ว ต่อไปนี้ก็คือการนอนค่ะ โดยจะใช้เวลาบินประมาณ 4 ชั่วโมง สำหรับไฟล์ทนี้ ลืมตาตื่นมาด้วยความงัวเงีย เพราะไฟในเคบินเปิด แล้ว นั่นแสดงว่าใกล้ถึงแล้ว สินะ และแล้วเราก็มาถึงสนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่นโดยสวัสดิภาพ รอคิวตรง ตม. แปปเดียว ระบบจัดการเค้าดีมาก ผ่าน ตม. แล้ว ก็จะไปเจออีกจุดนึงที่เราต้องยื่นใบศุลกากร ตรงนี้เค้าอาจจะสุ่มตรวจกระเป๋า ทีแรกเราก็คิดว่าเค้าจะเปิดกระเป๋า เตรียมการเต็มที แต่เค้าไม่เปิดดูเลย ( แฟนเราเดินทางคนเดียว แฟนบอกว่า เค้าขอให้เปิดกระเป๋าด้วย ซึ่งแฟนเราซื้อคุกกี้มาฝาก ก็ต้องเปิดกล่องคุกกี้ให้เค้าดูด้วย ) หลังจากผ่านอะไรต่างๆมาเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการไปซื้อพาสนั่นเอง โดยเราซื้อที่สนามบินนั่นแหละ ซึ่งคนรอคิวเยอะมาก และใช้เวลานานมาก เนื่องจากบางคนอาจจะยังไม่ได้ทำการบ้านมา ก็จะใช้เวลาเยอะมากกกกกกก แล้วตรงนั้นมีเจ้าหน้าที่อยู่สองคนเอง พอถึงคิวเราเรายื่นกระดาษให้ดูเลยว่าจะเอาแบบไหนบ้าง ก็เลยใช้เวลาแค่แปปเดียว ตอนนั้นจำได้ว่าใส่แค่เสื้อแขนยาวตัวเดียว ตอนอยู่ในสนามบินมันก็ชิวอยู่ พอจะเดินไปขึ้นรถไฟเท่านั้นแหละ เปิดกระเป๋าหาเสื้อกันหนาวอย่างไว คืออุณหภูมิมันก็ไม่ได้หนาวมากนะ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับไทย มันก็หนาววววแหละ |
cochonelle
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 20 คน [?]
Group Blog All Blog Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |