|
|
เก็บเรื่องมาเล่าให้ฟัง ...... อะไรคือ January Effect
30 มกราคม 2549
เชื่อว่า หากเป็นคนที่ลงทุนในตลาดหุ้นมาได้สักระยะ จะต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ อันน่าเชื่อถือ ของ January Effect เป็นแน่แท้ ซึ่งถ้าจะแปลง่ายๆตามความเชื่อถือของคนในตลาดหุ้นก็หมายถึง การที่หุ้นมักจะขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปีนั่นเอง
อย่างปี 2549 นี้เป็นต้น วันแรกของเดือนมกราคม SET อยู่ที่ประมาณ 710 จุด ส่วนสิ้นเดือนอยู่ประมาณ 760 จุด หรือขึ้นมาประมาณ 7% ในเดือนเดียว ไม่เลวเลยทีเดียวสำหรับผลตอบแทนการลงทุนนี้
ประเด็นคือว่า ตลาดหุ้นนั้นไม่มีอะไรแน่นอน ทำไมเหตุการณ์อย่าง January effect จึงยังคงเกิดขึ้นบ่อยเกือบทุกปี มีอาถรรณ์อะไรหรือไม่ หรือที่บางคนกล่าวว่าต่อไปจะเกิดเป็น December Effect เพราะคนซื้อดักไว้ก่อน แล้ว January Effect ก็จะไม่เกิด หรือคำถามที่ว่าทำไมไม่เป็น February Effect หรือ March Effect บ้าง
จึงอยากเล่าที่มาที่ไปของ January Effect ให้ฟังถึงที่มาที่ไปและเหตุผลของมัน และก็น่าจะตอบข้อสงสัยอื่นๆต่อไปได้ด้วย
กล่าวคือ January Effect นั้นเกิดจากการระดมซื้อหุ้นในตลาดตั้งแต่หลังวันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป ส่วนจะยาวแค่ไหนนั้นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับความน่าลงทุนของประเทศกับตัวแปรอีกหลายๆอย่าง กลุ่มผู้ไม่ประสงค์ออกนามที่เข้ามาไล่ซื้อนั้นก็คือเหล่ากองทุนนั้นเอง โดยเฉพาะกองทุนต่างประเทศ
กองทุนเหล่านี้มีกฎระเบียบของตนเองหลายอย่าง ผลงานของกองทุนนั้นดูจากการต้องทำรายได้ให้ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับดัชนี ดังนั้นช่วงปลายปีจึงนิยมขายหุ้นบางส่วนเพื่อถือเป็นเงินสด เป็นการลดความเสี่ยงผลประกอบการไม่ให้ผันผวนเกินไปกับตลาด (กองทุนนั้นการทำกำไรอย่างมั่นคงต่อเนื่อง สำคัญกว่า การทำกำไรสูงสุดในปีใดปีหนึ่ง การไม่เสี่ยงจึงเป็นสิ่งที่จำเป็น) นอกจากนี้ก็มีหลายกองทุนที่เปิดและปิดกองตามวันในปฏิทิน กล่าวคือ จะต้องปิดกอง ณ วันสิ้นปี และเปิดกองใหม่ ณ วันปีใหม่
ประเด็นที่ยกตัวอย่างมานี้ ทำให้ช่วงสิ้นปี กองทุนขายหุ้นออกและถือเป็นเงินสด และช่วงต้นปีที่เปิดใหม่นั้นก็เลยมีแต่เงินสดซะส่วนใหญ่และหากมองว่าตลาดทุนยังดีต่อ กองทุนก็ต้องรีบเข้าซื้อหุ้นกันตั้งแต่ต้นปีใหม่ทีเดียว นี่เองจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิด January Effect เกิดขึ้น
ต่อมาคนหัวหมอก็เริ่มคิดว่าน่าจะดักซื้อซะตั้งแต่เดือนธันวาคมเลยดีกว่า แล้วเมื่อทุกๆคนคิดเหมือนกันก็จะไม่มี January Effect แต่จะกลายเป็น December Effect แทน เอ่ะ ถ้างั้นดักซื้อตั้งแต่ November เลยดีกว่าไม่มีที่สิ้นสุดไปประการฉะนี้ ......
คำพูดเหล่านั้นเป็นคำพูดของคนที่ไม่เข้าใจถึงที่มาที่ไปของ January Effect อย่างแท้จริง ความจริงคือทำได้แต่เงินส่วนใหญ่ที่มีทิศทางแน่นอนนั้นก็ยังคงอยู่ที่กองทุนกับธรรมชาติของคนที่บริหารกองทุนอยู่ดี January Effect จึงยังคงเกิดอยู่ต่อมา
นอกจากนี้ เดือนนี้ยังมีเหตุการณ์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์หุ้นไทย คือการซื้อขายหุ้นที่มีมูลค่าใหญ่ที่สุดที่เคยเกิดขึ้นในเมืองไทย การขายหุ้น บริษัท Shin Corp นั้นเอง ทำเอามูลค่าซื้อขายวันนั้นพุ่งขึ้นสูงถึงเก้าหมื่นกว่าล้านบาท ท่านนายกและครอบครัวได้เงินสดไปตุงกระเป๋าถึงเจ็ดหมื่นกว่าล้านบาท ......... โอ้
แต่ deal นี้มีการวางแผนด้านถาษีและเรื่องข้อกฎหมายหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทไทยไม่ให้เกิน 49% นั้น ทำให้ภาพพจน์ของ deal นี้หม่นไปเยอะทีเดียว
เรื่องภาษีนั้น เมื่อกฎหมายเปิดให้สามารถทำการซื้อขายผ่านตลาดโดยไม่ต้องเสียภาษีได้นั้น ก็พอเข้าใจอยู่ เพราะทุกๆวันนี้เราๆท่านๆเองก็พยายามเสียภาษีให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่แล้ว แต่ในแง่ที่ท่านเป็นผู้นำประเทศ เป็นบุคคลสาธารณะ ภาพก็เลยออกมาลำบากกว่าชาวบ้านอย่างเราๆ
ส่วนที่รู้สึกไม่ดีคือเรื่องการเลี่ยงตัวบทกฎหมายว่าด้วยการห้ามต่างชาติถือหุ้นเกินกว่า 49% นั้น เลื่ยงโดยการตั้งบริษัทจดทะเบียนในไทยมาใหม่ ให้เป็นบริษัทไทยในนิยามกฎหมายมาเข้าซื้อ โดยบริษัทจดทะเบียนนี้ถือหุ้นโดยต่างชาติแค่ 49% คนไทย 51% มีทุนจดทะเบียนไม่สูงนักเมื่อเทียบกับมูลค่าที่จะไปซื้อมา แล้วใช้วิธีให้บริษัทนี้ไปกู้เงินจากกลุ่มต่างชาติเดิมอีกไม่รู้กี่สิบเท่าของทุนจดทะเบียน
จริงอยู่ว่าตามตัวหนังสือเป็นบริษัทไทย แต่เล่นกู้เงินขนาดนี้ ผู้มีอำนาจควบคุมบริษัทที่แท้จริงก็เป็นต่างชาติผู้ให้กู้อยู่แล้ว เป็นการเลี่ยงกฎหมายที่ไม่สู้จะสวยงามนักสำหรับผู้ที่เป็นผู้นำประเทศ
นี่ก็ไม่ใช่บริษัทแรกที่ไปเป็นของเขา ธนาคารใหญ่เกือบทุกธนาคาร บริษัทที่ดินใหญ่ๆก็ถูกเขาซื้อไปหลายส่วนแล้ว นี่ธุรกิจศื่อสารก็กำลังจะหมดไปอีก
คิดแล้วก็เสียใจ ไม่อยากเห็นวันหนึ่งข้างหน้าคนไทยต้องเป็นลูกจ้าง (ขี้ข้า) ไอ้ประเทศนี้หมดเลยจริงๆ ......
| Create Date : 30 มกราคม 2549 |
| Last Update : 30 มกราคม 2549 17:32:34 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1042 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [