Google
Group Blog
 
All blogs
 
ชั่วขณะสุดท้ายแห่งชีวิต

หากคุณเป็นแม่ที่มีลูกกำลังป่วยระยะสุดท้าย คุณจะทำอย่างไร


นี่เป็นคำถามที่เกิดขึ้นเมื่อได้พบกับเด็กคนหนึ่งซึ่งกำลังเข้าสู่วาระสุดท้ายแห่งชีวิต


แม่ของเด็กน้อยมีลูกคนเดียว แยกทางกับพ่อของเด็กไปนานแล้ว


สองคนแม่ลูกเคยให้สัญญาต่อกันว่า จะไม่แยกจากกันไปไหน นั่นคือ ก่อนหน้าที่จะพบว่าลูกคนเดียวกำลังป่วยด้วยโรคร้ายแรงที่ไม่มีโอกาสรักษาให้หายได้


สองแม่ลูกประคับประคองกันเดินเข้าออกรพ.เป็นว่าเล่น ทั้งที่รู้ว่าโอกาสที่จะต่อชีวิตให้กับลูกน้อยมีเพียงไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์


ถ้าเป็นเรา เราจะทำอย่างไร กับภาพลูกที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอซียู


เราจะมีกำลังใจที่จะไปเฝ้าอีกหรือ


เราจะบอกลูกว่าอย่างไรดี ที่เรารักษาสัญญาไว้ไม่ได้


คนเป็นแม่ที่ไหนจะไม่หัวใจสลายที่ต้องเห็นลูกคนเดียวจากไป


แต่เชื่อไหมคะว่า หลังจากที่ลูกเสียไป ได้มีโอกาสคุยกับคุณแม่ของน้องเขาด้วยความเป็นห่วง


ถามเขาว่า เป็นอย่างไรบ้าง คุณแม่ตอบว่า รู้สึกปลอดโปร่งมากขึ้นหลังจากได้พูดกับลูกก่อนจะถึงวาระสุดท้าย


ด้วยความเข้มแข็งทางจิตใจอย่างยิ่ง เธอได้บอกกับลูกที่กำลังจะเดินทางไปสู่อีกภาวะหนึ่งว่า


“เราไม่มีอะไรติดค้างกันอีกนะลูก หนูทำหน้าที่ลูกได้ดีที่สุดแล้ว แม่ก็ได้ทำทุกอย่างที่จะทำเพื่อลูกหมดแล้ว สัญญาที่เราเคยให้กันไว้ ก็ถือว่าเราได้ทำแล้วนะ แม่ขอให้ลูกหลับสบายและมีความสุขกับชีวิตใหม่”


คุณแม่บอกว่า หลังจากพูดจบ สีหน้าที่ดูเหมือนเป็นทุกข์ของลูกก็กลับสดใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัดแม้จะไม่รู้สึกตัว


เธอจึงมั่นใจว่าลูกรับรู้ในสิ่งที่แม่พูดได้ และหลังจากนั้นไม่นานลูกก็หมดลมหายใจไปอย่างสงบ


แม้จะเสียใจกับการจากไปของบุคคลที่รักยิ่ง แต่เธอบอกว่าภาระที่ติดค้างใจได้รับการปลดปล่อย


เธอเชื่อมั่นว่าแม้จะไม่ได้พบกับลูกอีกก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะเธอได้ทำหน้าที่ของเธออย่างสมบูรณ์แบบแล้ว


และเธอจะดำเนินชีวิตในปัจจุบันต่อไปอย่างดีที่สุด


ได้ฟังจบ ก็เลยขออนุญาตนำเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนๆคนอื่นได้ฟัง อย่างน้อยก็เป็นกำลังใจให้กับคนที่กำลังอยู่กับความทุกข์ถึงบุคคลที่กำลังจะจากไป


สิ่งที่ได้จากการพูดคุยกับคุณแม่รายนี้ คือ เมื่อเราเผชิญหน้ากับความเจ็บป่วยระยะสุดท้ายของคนที่เรารัก สิ่งที่เราพอจะทำได้ก็คือการทำให้คนที่กำลังเจ็บป่วยดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความทุกข์และห่วงน้อยที่สุด ไม่ใช่การพยายามยื้อยุดชีวิตเอาไว้ทั้งที่ในความเป็นจริงอาจจะทำไม่ได้ และยังเพิ่มความทรมานในการยึดติดกับร่างกายที่ทรุดโทรมหมดอายุแล้ว


อ่านแล้ว ใครที่ยังไม่ได้ทำดีกับคนใกล้ตัว ก็อย่าคิดประมาทไปว่า เวลายังมีอีกมาก เพราะชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอนค่ะ






Free TextEditor


Create Date : 10 ตุลาคม 2551
Last Update : 10 ตุลาคม 2551 1:05:16 น. 6 comments
Counter : 378 Pageviews.

 
เราเข้าใจคะลูกเปรียบเหมือนหัวใจของแม่ทุกคน


โดย: CrackyDong วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:3:12:28 น.  

 
โอ้วววววววววววววว โดนจังเลย


โดย: peeshin วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:7:08:28 น.  

 
เหมือนเราตอนที่ดูแลสามีที่ป่วยเป็นมะเร็งตับ
เราไม่พยายามที่จะเยือเขาไว้เพราะรู้ว่าเขาจะต้องเจ็บปวด
และเมื่อวันที่เขาจากไปเราก็รู้สึกโล่งใจ ที่ได้ช่วยปลดปล่อยความเจ็บปวดของเขา แต่ก็ยังคิดถึงเขาตลอดเวลา


โดย: Ked IP: 125.27.79.245 วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:8:26:32 น.  

 
อ่านแล้วเศร้าจังเลยค่ะ

คุณแม่ท่านนั้นเข้มแข็งมาก ๆ เลยนะคะ


โดย: แค่คนหนึ่งคน วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:11:39:19 น.  

 
คุณ CrackyDong จริงด้วยค่ะ ขนาดเรายังไม่ได้มีลูกของตัวเอง ฟังแล้วยังอึ้งไป (เกือบร้องไห้แน่ะ)

คุณ peeshin รู้สึกโดนเหมือนกันค่ะ ตอนฟังจบ ก็เลยขออนุญาตคุณแม่น้องเขาว่า จะนำมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง เขาบอกว่าถ้าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ใครได้ เขาก็ยินดีค่ะ

คุณ Ked คุณก็เป็นคนเข้มแข็งมากๆคนหนึ่งเช่นกันค่ะ มีคนเคยบอกเราว่า การที่เรายังระลึกถึงใครคนหนึ่งตลอดเวลา แสดงว่าเขาไม่ได้จากเราไปไหนเลยค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ

คุณ แค่คนหนึ่งคน เศร้าจริงๆค่ะ แต่ก็รู้สึกดีที่คุณแม่เขาเข้มแข็งมาก ถ้าเป็นตัวเองไม่รู้จะทำใจได้แค่ไหน


โดย: อย่างไรก็ดี วันที่: 10 ตุลาคม 2551 เวลา:15:56:52 น.  

 
ดีใจจังเลยค่ะที่ได้มีโอกาสแวะมาบลอกนี้ ขอบคุณสำหรับข้อความดีๆนะคะ


โดย: Kae IP: 206.169.124.88 วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:22:15:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อย่างไรก็ดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add อย่างไรก็ดี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.