Group Blog
 
All Blogs
 
เทคนิคการขับรถ “ขึ้นเขา” และ “ลงเขา”

เทคนิคการขับรถ “ขึ้นเขา” และ “ลงเขา”

พอดีไปอ่านมาจาก //www.maipaimairoo.com เลยขออนุญาต copy มาแปะไว้ใน blog นะครับ

-------------------------------------------------------------------------

หลังจากช่วงปลายปีที่แล้ว ที่ผมไปตะลอนทัวร์ขึ้นเขามาหลายทริป และในระหว่างขับรถขึ้นเขาและลงเขานั้น ก็เจอผู้ร่วมทางหลายคนที่ยังมีปัญหาในการขับแบบไม่ถูกต้องอยู่ ซึ่งจริงๆก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน ในช่วงขาขึ้นไปบนภูเขานี่ไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่ แต่สำหรับขาลงเขานี่ ค่อนข้างเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน


ซึ่งเจออยู่คันนึง ในช่วงจังหวะที่ลงเขามานั้น คนขับเหยียบเบรคมาตลอดทาง ทำให้ผมเห็นควันพุ่งออกมาจากบริเวณจานเบรคกันเลยทีเดียว น่ากลัวสุดๆ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้บริเวณทางลงเขาลาดชันในที่ต่างๆ เขียนไว้ว่า ให้ใช้เกียร์ต่ำ หรือไม่ก็ ระวังเบรคแตก ผมเลยลองหาข้อมูลเกี่ยวกับการขับรถ ขึ้นเขา และ ลงเขา มาให้อ่านกันคับ … และก็อาจจะมีเขียนเพิ่มเติมในส่วนของตัวเองลงไว้บ้างเล็กน้อย ตามเท่าที่พอจะรู้คับ ^^

หลังจากที่แวะไปภูทับเบิกมา ช่วงที่รู้สึกว่าขับค่อนข้างยากที่สุดคือ ช่วงก่อนถึงยอด 3กม. ได้คับ ซึ่งจะเป็นโค้งหักศอกแบบลาดชัดสุดๆ ผมจะอาศัยข้อมูลในการขับรถขึ้นเขาที่ภูทับเบิกมาเขียนคร่าวๆแล้วกันนะคับ ..

วิธีการ ขับรถขึ้นเขา …

1. ควรใช้เกียร์ต่ำ และควรปรับเปลี่ยนเกียร์เมื่อรถเสียกำลัง และอย่าลากเกียร์จนหมดแรงส่ง ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ให้ใช้เกียร์ 2 ในการขับขึ้นเขาและเปลี่ยนไปใช้เกียร์ D บ้าง เมื่อรถอยู่ในทางราบ การขับให้ใช้เกียร์ช่วยตลอดทางเกียร์อัตโนมัติไม่พังง่ายๆ

2. การขับเข้าโค้งธรรมดาหรือบนภูเขา ควรมองให้ไกลให้ลึกและให้คนนั่งข้างช่วยดูสภาพทางด้วย เมื่อแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมาให้ใช้วิธีตัดโค้งวิธีนี้จะช่วยให้รถทรงตัวดี,เข้าโค้งได้เร็ว,รถไม่ใช้กำลังมาก ลูกปืนล้อมไม่ทำงานหนัก,ยางก็ไม่ล้มตัวมาก หน้ายางจะสัมผัสผิวถนนได้มากตามไปด้วย
แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีรถสวนมา

3. การขับรถโค้งต่อเนื่องรูปตัว S มองให้ไกล มองให้ลึก เมื่อแน่ใจว่าทางว่าง ไม่มีรถสวนมาให้ถอนคันเร่งลง แล้วเสียบตัดโค้งในแนวการขับเป็นเส้นตรงที่สุดง่ายไหม? …ครับ แต่การขับรถลักษณะนี้ถ้าไม่แน่ใจเส้นทางข้างหน้าหรือทัศนวิสัยไม่ดีควรขับเข้าทางโค้งธรรมดา อยู่ในทางของเราเอง

4. การขับรถเข้าโค้งหักศอกขึ้นเขารูปฟันปลา การขับแบบนี้ต้องให้ผู้ช่วยดูรถด้านซ้ายด้วยโดยมองถนนด้านบนก่อนว่าไม่มีรถสวนลงมา กดแตรรถก่อนจะขับขึ้นไป หลักการขับก็เหมือนเข้าโค้งธรรมดา จะเลี้ยวซ้ายก็หักพวงมาลัยไปทางขวาก่อน แล้วหักพวงมาลัยไปทางซ้ายเข้าโค้งเมื่อรถเข้าโค้งล้อหน้าจะเกิดแรงต้านรถต้องใช้กำลังมาก ทำให้รถรถขับขึ้นได้ช้า ควรคืนพวงมาลัยกลับมาบ้าง และเร่งเครื่องทำแบบนี้เป็นจังหวะไปมาจนพ้นโค้ง การขับลงโค้งแบบนี้อย่าใช้ความเร็ว ควรลงช้าๆใช้เบรกช่วยชะลอความเร็วแต่อย่าเหยียบแรง ท้ายรถจะปัด ยิ่งหน้าฝนท้ารถจะปัดได้ง่าย ถ้าท้ายรถปัดรถจะเสียการทรงตัว ให้หักพวงมาลัยไปทิศทางท้ายรถ เช่น เลี้ยวซ้ายท้ายรถปัดไปทางขวาก็ให้หักพวงมาลัยไปทางขวา เมื่อรถทรงตัวได้แล้วบังคับให้บังคับรถไปในทิศทางที่ต้องการ ถ้าเอาไม่อยู่ให้เลือกทางภูเขาไว้ก่อน อย่าเลือกทางหน้าผาก็แล้วกัน O_o

5. การขับรถบนภูเขาที่มีทางคดเคี้ยวไปมาเป็นเวลานานๆ เมื่อถึงทางตรงลงเขายาวไกล อย่าขับเร็วเด็ดขาด คนขับส่วนมากจะขับเร็วรถมาก อันตรายมากนะครับทางแบบนี้น้ำหนักรถ ความเร็ว ระยะทางถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เช่น มีรถ,คน,ฯลฯ ขึ้นจากข้างทางหักหลบ ไม่พ้นแน่ ถึงจะหักหลบได้แต่รถต้องเกิดอะไรแน่นอน ไม่พลิกคว่ำ แหกข้างทางเข้าป่าหรือไม่ก็ชนรถที่วิ่งสวนมา

6. การขับในทัศนวิสัยไม่ดี ทางโค้งแคบที่มีสันเขาบังสายตา ควรเข้าโค้งแบบธรรมดา ต้องบีบแตรส่งสัญญาณทุกครั้งก่อนจะเข้าโค้งเพื่อป้องกันรถที่วิ่งสวนมา เนื่องจากคนที่ขับรถเจ้าถิ่นบนภูเขาเป็นประจำจะขับรถตัดโค้ง

7. ทางลูกรังหรือทางที่มีหินลอย ทางแบบนี้ถือได้ว่าเป็นทางปราบเซียน กลิ้งกันมาหลายคันครับ การที่ล้อรถลอยตัวขณะวิ่งเข้าโค้งเราไม่สามารถบังคับได้อย่างที่ต้องการและการที่เราไม่คุ้นเคยกับเส้นทางมาก่อนก็ไม่ควรขับรถด้วยความเร็ว

—————————————————-

วิธีการ ขับรถลงเขา …

1. เมื่อขับลงเขาที่ลาดชันมากและยาวไกล ก่อนเข้าโค้งให้เปลี่ยนเกียร์จากตำแหน่ง D มา 2 ถ้า 2 ยังเอาไม่อยู่ให้เปลี่ยนมา L แต่อย่าเปลี่ยนเกียร์ขณะฝนตกทางลื่นรถจะเสียการทรงตัว การใช้เกียร์แต่ละเกียร์ควรดูสภาพทางเป็นหลักในการพิจารณา ส่วนเกียร์ธรรมดาการทำงานจะ
ง่ายกว่า มีเกียร์ให้เล่น 5 ตำแหน่ง และมีคลัทช์ช่วยในการส่งกำลังไปยังล้อตามที่เราต้องการได้ทุกขณะ แต่เกียร์อัตโนมัติบางรุ่นจะทำงานไม่ได้อย่างที่เราต้องการเพราะฉะนั้น ควรประเมินสภาพทางก่อนใช้เกียร์ดีที่สุด

2. อย่าใช้เกียร์ว่างในขณะลงเนินชัน หรือลงเขาโดยเด็ดขาด!! เพราะจะทำให้รถไหลลงด้วยความเร็วสูง โดยไม่มีแรงหน่วงของเครื่องยนต์
อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงขึ้นได้ ดังนั้นจึงควรใช้เกียร์ต่ำ ค่อยๆปล่อยรถให้ไหลลงเนินตามรอบเครื่องยนต์ และอย่าลืมควบคุมความเร็วของรถให้สัมพันธ์กับเกียร์ ด้วยนะครับ

3. เวลาลงเขา ไม่ควรเหยียบเบรคแช่ค้างไว้ ควรเหยียบแล้วปล่อยเป็นจังหวะ เพื่อที่จะไม่ให้จานเบรคเกิดความร้อนสูงจนไม่สามารถเบรคได้ หรือที่เรียกกันว่า เบรคแตก นั้นแหละคับ..

4. การทำให้รถชลอความเร็วไม่ได้มีเฉพาะการเบรคเท่านั้นนะคับ เรายังสามารถใช้เกียร์เป็นตัวช่วยได้อีกด้วย โดยการลดเกียร์จากเกียร์ปัจจุบันลงมาหนึ่งเกียร์ ซึ่งจะทำให้รอบเครื่องสูงขึ้น อันนี้เป็นการดึงเครื่องยนต์เข้ามาช่วยในการชลอความเร็วของตัวรถอีกวิธีนึงคับ ซึ่งจะเป็นการช่วยผ่อนแรงเบรคอีกวิธีนึงด้วย

5. หากเกิดเหตุควันออกมาจากบริเวณผ้าเบรค ไม่ต้องตกใจกลัวคับ เข้าจอดริมทางแล้วรอสักพักเผื่อให้ผ้าเบรคเย็นตัวลง ไม่ควรเอาน้ำราดเข้าไปเผื่อดับความร้อนของผ้าเบรคนะคับ รอให้ควันหายแล้วจึงค่อยขับรถ และอย่าลืมว่าอย่าเหยียบเบรคค้างแค่นั้นก็จะช่วยได้คับ โดยถ้ารถวิ่งแล้ว จะมีลมเข้าไปช่วยระบายความร้อนของระบบเบรคเองคับ


Create Date : 13 มีนาคม 2555
Last Update : 13 มีนาคม 2555 11:04:55 น. 3 comments
Counter : 5215 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: pantawan วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:16:52:32 น.  

 
แวะมาเยี่ยมยามค่ำ...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:21:12:46 น.  

 
แวะมาเยี่ยมยามค่ำ...สวัสดีครับ


โดย: **mp5** วันที่: 13 มีนาคม 2555 เวลา:21:12:47 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

nucfc
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add nucfc's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.