น่าอ่าน enjoyable-to-read
Group Blog
 
All blogs
 

NERAMIS Affiliates Program สำหรับสมาชิกที่ต้องการสร้างรายได้ออนไลน์โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย







Affiliates Program สำหรับสมาชิกที่ต้องการสร้างรายได้ออนไลน์โดยที่ไม่ต้องใช้เงินลงทุนเลย



เนรามิส เราได้พัฒนาระบบมาเป็นออนไลน์ E commerce ผ่านระบบตัวแทน affiliate ขึ้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ที่อยากขายของออนไลน์แต่ไม่อยากลงทุน นี่คือวิธีการที่ง่ายที่สุดในการสร้างรายได้ผ่านออนไลน์ กับ เนรามิส affiliates program โดยเรามอบค่าตอบแทนในลักษณะการแบ่งปันรายได้สูงสุดถึง 25% จากยอดขายผ่านทางช่องทางของคุณ โดยที่คุณไม่ต้องส่งสินค้าเองเลย ทำได้ง่ายๆรายได้ดี


พิเศษยิ่งขึ้น รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มอีก 10% เมื่อคุณแนะนำเพื่อน โดยจะคำนวนจากยอดขายของคนที่เราแนะนำมาทั้งหมด


เพียงแค่สมัครสร้างบัญชีระบบการแนะนำ affiliate แล้วนำลิ้ง พร้อมแบนเนอร์ที่เราได้เตรียมไว้ให้ แล้วนำไปโพสตาม Social Media ต่างๆ เมื่อมีรายการขายเกิดขึ้นผ่านลิ้งที่เราโพสไว้ เท่านี้เราก็สามารถเฝ้าดูรายได้ที่เกิดขึ้นผ่านบัญชีของเราเอง โดยที่คุณไม่ต้องส่งสินค้าเองเลย

สมัครสมาชิกวันนี้รับฟรีทันที่ Register Bonus 100บาท
รายละเอียดเพิ่มเติม https://www.neramis.com/affiliate/




 

Create Date : 28 มีนาคม 2560    
Last Update : 28 มีนาคม 2560 15:50:34 น.
Counter : 811 Pageviews.  

NRM POINT โปรแกรมสะสมคะแนน ที่จะทำให้ทุกการสั่งซื้อสินค้าเป็นเรื่องสนุกและสร้างรายได้ไม่จำกัด





NERAMIS เนรามิส นอกจากเราจะคัดสรรวัตถุดิบเกรดพรีเมียม เพื่อนำไปพัฒนาเป็นสินค้าให้เหมาะสมกับคนไทยมากที่สุด และผ่านมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.แล้ว เรามีความยินดีที่จะมอบโปรแกรมสะสมคะแนนเพื่อสมาชิกของเราโดยเฉพาะ สมาชิกทุกท่านสามารถที่จะกลายมาเป็น NRM PARTNER เพื่อสร้างรายได้ผ่านระบบออนไลน์ได้ง่ายๆไม่จำกัด และนั่นคือเหตุผลที่เราออกแบบ โปรแกรม NRM POINT เพื่อให้ลูกค้าได้สะสมคะแนน


NRM POINT โปรแกรมสะสมคะแนน ที่จะทำให้ทุกการสั่งซื้อสินค้าเป็นเรื่องสนุกและสร้างรายได้ไม่จำกัด

NRM POINT คือโปรแกรมช่วยเหลือตัวแทน ที่สามารถสะสมคะแนนผ่านทุกยอดการซื้อสินค้า จาก https://www.neramis.com รวมถึงสามารถแลกคะแนนเป็นคูปองแทนเงินสด (cash coupon) หรือแลกเป็นส่วนลดในการซื้อสินค้าและบริการได้ที่ https://www.neramis.com

สิทธิพิเศษที่มากกว่าการเป็นลูกค้า คือทุกคนสามารถสะสมคะแนนได้ทุกครั้งที่ซื้อสินค้า โดยไม่ได้จำกัดว่าจะซื้อมากหรือน้อย จะซื้อเท่าไหร่ต่อครั้งก็ได้สะสมคะแนน ซื้อมากได้มาก ได้สินค้าแล้วยังได้สะสม POINT เพื่อแลกเป็นคูปองแทนเงินสด และแลกของรางวัลต่างๆอีกมากมาย

ตัวอย่างรางวัล สะสมครบ 50,000 POINT รับ คูปองเงินสด 50,000 บาท และโทรศัพท์ iPhone 7 มูลค่า 26,500 บาท 1 เครื่อง 

แต้มสะสมไม่มีวันหมดอายุ




ใครที่กำลังมองหาวิธีสร้างรายได้ออนไลน์ เข้าร่วมเป็น NRM PARTNER สร้างรายได้ไม่จำกัด เพียงล็อกอินเข้าระบบด้วย บัญชีเฟซบุ๊ค ที่นี่ https://www.neramis.com/my-account/







 

Create Date : 15 มีนาคม 2560    
Last Update : 15 มีนาคม 2560 16:40:41 น.
Counter : 765 Pageviews.  

เร่งความรวย

ที่มา โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR : ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร  กรุงเทพธุรกิจ

คนหนุ่มสาวมักจะใจร้อนอยากรวยเร็ว บางคนเข้ามาเล่นหุ้นได้ไม่นาน และอาจจะบังเอิญได้กำไรเร็วมาก ก็มักจะคิดว่าตนเองจะต้องร่ำรวยได้อย่างรวดเร็ว เขาไม่พร้อมจะเป็น "เต่า" เขาพร้อมที่จะเสี่ยงเป็น "กระต่าย" เหนือสิ่งอื่นใด เขาคิดว่า ถ้าเขาพลาด เขาก็ยังสามารถเริ่มต้นใหม่ได้

ผมเองคิดว่า วิธี "เร่งความรวย" แบบไม่เสี่ยง หรือเสี่ยงไม่มากนั้นมีอยู่ แต่นี่ไม่ใช่การทำตัวแบบ "กระต่าย" แต่เป็น "ซูเปอร์เต่า" ที่เดินทางอย่างรวดเร็ว เพราะเดินหน้า หรือว่ายน้ำเต็มกำลัง มุ่งตรงสู่เป้าหมายโดยไม่หยุด วันแล้ววันเล่า และต่อไปนี้คือ วิธีที่น่าจะได้ผลดีที่สุด

ข้อแรก สำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการที่จะ "รวยแบบเร่งรีบ" ก็คือ ต้องเซฟหรือเก็บเงินจาก "น้ำพักน้ำแรง" เป็นเม็ดเงินมากที่สุด นั่นก็คือ ต้องหารายได้ให้มากที่สุด และจ่ายให้น้อยที่สุด การหารายได้นั้น ถ้าคุณเป็นคนเก่ง ก็จะต้องพยายามทำงานในหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อที่จะได้รับการโปรโมท ได้ตำแหน่งที่สูงขึ้น และอาจจะทำให้มีโอกาสย้ายงานไปในที่ให้เงินเดือนสูงขึ้น เพราะตำแหน่งที่สูงขึ้น และการย้ายงาน คือ หนทางในการที่จะทำให้รายได้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด แต่ถ้าคุณมีศักยภาพที่จำกัด การหารายได้เสริมนอกเหนือจากงานในหน้าที่ก็เป็นหนทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้

ส่วนรายจ่ายนั้น ต้องพยายามอย่าให้เพิ่มเท่ากับรายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำได้แบบนี้ กระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงจะเพิ่มขึ้นเร็วมาก และนี่เป็นการเร่งความรวยโดยไม่มีความเสี่ยงเลย

ข้อสอง เมื่อมีกระแสเงินจากน้ำพักน้ำแรงแล้ว เราจะต้องนำมาลงทุน เพื่อให้เงินทุกบาททุกสตางค์ที่มี และที่ได้มาเพิ่มเติบโตขึ้น ถ้าเราไม่เร่งหรือเฉื่อยแฉะ เราก็เพียงแต่เก็บเงินสดไว้ในบัญชีเงินฝากธนาคาร แต่ถ้าเราอยากรวยเร็วขึ้น และมีความเสี่ยงไม่สูงนัก เราก็อาจจะทำตามสูตรของนักการเงินทั่วไปที่ให้จัดสรรทรัพย์สิน หรือทำ ASSETS ALLOCATION แบ่งเงินบางส่วนลงทุนในหุ้น บางส่วนลงในพันธบัตร บางส่วนเป็นเงินฝาก และในบางส่วนอาจจะลงในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งน่าจะทำให้เงินเติบโตได้ปีละประมาณ 6-7% แต่ถ้ารีบรวยมาก

ผมแนะนำว่า ให้เอาเงินทุกบาททุกสตางค์ที่ออมได้ลงทุนในหุ้นทั้งหมด วิธีนี้ ในระยะสั้นก็เป็นสิ่งที่ค่อนข้างเสี่ยง เพราะเราอาจจะขาดทุนได้ แต่ในระยะยาวตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป จะให้ผลตอบแทนสูงสุดประมาณเกือบ 10% ต่อปีโดยที่ความเสี่ยงจะน้อยกว่าที่คนทั่วไปคิดมาก

ข้อสาม หลังจากจัดสรรเงินลงทุน และเราได้สัดส่วนหรือเม็ดเงินที่จะลงทุนในหุ้นแล้ว ถ้าเราไม่ต้องการเร่งผลตอบแทนที่จะได้จากหุ้น เพราะเราไม่อยากจะเสี่ยงเกินไป เราก็นำเงินนั้นไปลงทุนในกองทุนรวมหุ้นที่อิงกับดัชนีตลาด แต่ถ้าเราต้องการที่จะเร่งความรวยจากหุ้นขึ้นมาให้เต็มกำลัง โดยที่ความเสี่ยงนั้นยังเป็นที่ยอมรับได้ เราก็จะต้องเรียนรู้การลงทุนแบบ VALUE INVESTMENT หรือลงทุนแบบเต่าซื้อหุ้นเน้นคุณค่า

พอร์ตการลงทุน จะเป็นแบบโฟคัส นั่นคือ เราจะถือหุ้นน้อยตัว อาจจะมีหุ้นหลักๆ เพียง 5-6 ตัว ที่คิดเป็นเงินถึง 3 ใน 4 ของเงินทั้งหมดในพอร์ต ด้วยวิธีนี้ เราอาจจะสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากหุ้นขึ้นอีก 3-4% ต่อปี ซึ่งในระยะยาวแล้ว จะทำให้เรารวยเร็วขึ้นมาก

เมื่อได้กำหนดแนวเส้นทางสู่ความร่ำรวยแล้ว ประเด็นสำคัญต่อมา ก็คือ การเลือกว่าเราจะเดิน หรือวิ่งในเลนไหน นั่นก็คือ ในข้อแรก ถ้าเราจะอยากเร่งเต็มที่ ก็หมายความว่า เราอาจจะต้องเสียสละความสุขสบาย โดยเฉพาะทางด้านวัตถุไปพอสมควรเป็นระยะเวลานาน สำหรับหลายคนก็เป็นเรื่องที่ยอมรับได้ยาก เพราะเขาอาจจะคิดว่า กว่าจะถึงวันที่รวย เขาก็ไม่มีแรงที่จะใช้เงินแล้ว

ในข้อสองที่เป็นเรื่องของการลงทุนนั้น ถ้าจะเร่งเต็มที่ ก็คือ การลงทุนในหุ้น 100% นั้น เขาอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป เพราะหากเกิดวิกฤติเขาอาจจะหมดตัวได้

ที่สำคัญ เขาอาจจะเห็นว่า บ้านเป็นสิ่งที่จำเป็นเกินกว่าที่จะรอให้ร่ำรวยก่อน และสุดท้าย ก็คือ การลงทุนแบบโฟคัสและใช้แนวทางการลงทุนแบบ VALUE INVESTMENT นั้น แม้ว่าอาจจะให้ผลตอบแทนสูงขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงมากหากหุ้นที่ถือไว้น้อยตัวนั้นมีอันเป็นไป เหนือสิ่งอื่นใด ก็คือ เขาเองก็ไม่แน่ใจว่า ตนเองมีความสามารถในการเลือกหุ้นเพียงพอหรือไม่ ดังนั้น สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การเลือกเดินสายกลางๆ ไม่เร่งรีบรวยนัก น่าจะเป็นทางที่สมเหตุผลกว่า

หนุ่มสาวที่พร้อมและอยากลองเดินทางในถนนสายซูเปอร์ไฮเวย์ เพื่อที่จะเร่งความรวยตามแนวทางที่ผมกล่าวไว้นั้น ผมเองเชื่อว่าโอกาสประสบความสำเร็จ และทำให้เขาเป็นอิสระทางการเงินก่อนอายุ 50 ปี น่าจะมีอยู่ไม่น้อย และสำหรับคนที่มุ่งมั่น และมีความสามารถสูง โอกาสที่เขาจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีก็น่าจะไม่เกินเอื้อม เพราะเส้นทางสายนี้ แม้ว่าคนจำนวนมากอาจจะมองว่าเป็นเส้นทางวิบากและอันตราย แต่ถ้าเราไม่หวั่นไหวท้อถอยไปเสียก่อน เราก็จะพบว่า แท้ที่จริงแล้ว มันคือเส้นทาง "สายไหม" ที่น่าท้าทาย น่ารื่นรมย์ และไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คนคิดเลย

งานออนไลน์ , รวยออนไลน์




 

Create Date : 12 มีนาคม 2557    
Last Update : 12 มีนาคม 2557 14:42:01 น.
Counter : 592 Pageviews.  

ทำไมต้องวางแผนการเงิน

การวางแผนการเงินว่ามีความสำคัญอย่างไร ใครบ้างจำเป็นต้องวางแผนการเงิน การวางแผนการเงินเป็นเรื่องของคนที่มีเงินเหลือเท่านั้นหรือ คนที่รายได้ไม่พอกับรายจ่ายต้องวางแผนการเงินหรือไม่ และหากต้องการวางแผนการเงินด้วยตนเอง สามารถทำได้ไหม ทำอย่างไร

เพราะว่าชีวิตของเรามีความไม่แน่นอน ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลง มีความท้าทายอยู่ตลอดเวลา เราจึงต้องวางแผนชีวิตและปรับเปลี่ยนแผนอยู่ตลอดเวลา การวางแผนการเงินเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนชีวิต และอาจกล่าวได้ว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากที่สุด ในสังคมที่ใช้เงินเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ

การวางแผนการเงิน ช่วยให้เราสามารถวางแผนชีวิตในปัจจุบันและอนาคตได้ดีขึ้น มีทางเลือก และวิเคราะห์ทางเลือกได้

การวางแผนการเงิน จำเป็นสำหรับทุกคนที่ต้องการวางแผนชีวิตให้ดี ไม่ขลุกขลัก ทำให้เกิดความมั่นคง แผนชีวิตรวมถึงการซื้อบ้าน แต่งงาน เลี้ยงดูลูก วางแผนการศึกษาให้ลูก ทำประกันชีวิตและทรัพย์สิน เก็บเงินเพื่อการเกษียณ การลงทุน และการวางแผนมรดกและภาษี

ในสมัยก่อน ผู้ที่สนใจวางแผนการเงินมักเป็นผู้ที่มีความมั่งคั่งสูง และส่วนใหญ่จะวางแผนเพื่อจัดการมรดกและภาษี ส่วนคนทั่วไปก็เป็นสังคมเกษตรกรรม คือไม่ว่าอย่างไรก็มีกิน เรื่องมีใช้นั้นอาจจะติดขัดบ้าง สบายบ้าง ก็แล้วแต่สภาพ หรือหากทำงานเป็นข้าราชการ ซึ่งมีรัฐคอยดูแลสวัสดิการให้ตลอดชีวิต

แต่ในปัจจุบัน คนทำงานเป็นลูกจ้างรับเงินเดือนกันมากขึ้น แม้จะมีสวัสดิการ แต่ก็ไม่ได้รับไปตลอดชีวิต ซึ่งแม้จะทำงานในภาครัฐในปัจจุบัน ก็ไม่ได้รับสวัสดิการตลอดชีวิตแล้วเช่นกัน นอกจากนี้ คนเรายังอายุยืนมากขึ้น หากวางแผนชีวิตและแผนการเงินไม่ดี นอกจากตัวเองจะลำบากแล้ว ลูกก็จะลำบากด้วย

จากข้อมูลล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ในปี 2550 ประเทศไทยมีประชากรสูงวัย คืออายุ 65 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วน 8.2% ของประชากรทั้งหมด และมีประชากรในวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน คือวัย 15-64 ปี จำนวน 70.2% ส่วนประชากรวัยเด็กคืออายุต่ำกว่า 14 ปี เป็นสัดส่วน 21.6% แต่ในปี 2580 คืออีก 30 ปีข้างหน้า เราจะมีสัดส่วนของผู้สูงวัยเพิ่มเป็น 15.6% ของประชากรทั้งหมด และมีวัยหนุ่มสาวและวัยทำงาน 67.4% ส่วนอีก 17.2% จะเป็นวัยเด็ก จะเห็นว่าสัดส่วนวัยทำงานลดลง แปลว่าในปัจจุบัน หากมีประชากร 100 คน จะเป็นคนทำงานเพื่อหาเลี้ยงผู้สูงวัยและเด็ก 70 คน แต่ในอนาคต จะมีคนทำงานเพียง 67 คนเท่านั้น และเมื่อสัดส่วนของเด็กลดลงไป สัดส่วนของคนทำงานในอนาคตต่อๆ ไปข้างหน้าก็จะลดลงไปด้วย คนที่อยู่ในวัยทำงานในปัจจุบันซึ่งจะกลายเป็นผู้สูงวัยในอนาคต จึงต้องเตรียมวางแผนชีวิตและวางแผนการเงินเพื่อเลี้ยงดูตัวเองในยามสูงวัย

การวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ทุกคนควรจะทำ และเริ่มทำได้เร็วที่สุดก็จะเป็นประโยชน์มากที่สุด จะเริ่มจากวัยเด็กที่เก็บค่าขนมบางส่วนเอาไว้ซื้อของชิ้นใหญ่ที่อยากได้ หรือจะเริ่มตั้งแต่วันที่เริ่มมีรายได้ก็ยังถือว่าเริ่มเร็ว เพราะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือที่เราเรียกกันย่อๆ ว่า “สภาพัฒน์” ได้เปิดเผยข้อมูลล่าสุดว่า ครัวเรือนเกือบ 50% ที่รายได้ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างเป็นสุข แปลว่าต้องกระเบียดกระเสียร และต้องกู้ยืมมาใช้จ่ายหรือซื้อของ โดยหนี้สินของครัวเรือนเพิ่มขึ้นจาก 82,485 บาทต่อครัวเรือนในปี 2545 เป็น 116,585 บาทต่อครัวเรือนในปี 2549 หรือเพิ่มขึ้นถึง 9.33% ในช่วงเวลา 4 ปี

หากเราไม่มีการวางแผนการเงิน ครัวเรือนของเราก็อาจเป็นหนี้มากขึ้น และไม่สามารถหลุดพ้นจากวัฏจักรแห่งหนี้ไปได้ เพราะการกู้ไม่ได้เป็นการกู้ยืมมาลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นในอนาคต แต่มีการกู้ยืมส่วนหนึ่งที่กู้มาใช้จ่าย

การวางแผนการเงินสำหรับผู้ที่มีรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่าย มี 2 ทางเลือกคือ การพยายามตัดลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น กับการต้องทำงานพิเศษเพื่อหารายได้เสริม ทางเลือกและการตัดสินใจนี้ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนการเงินค่ะ

สำหรับกลุ่มที่มีเงินเหลือ จำเป็นต้องวางแผนการเงินเพื่อเพิ่มพูนความมั่งคั่ง เมื่อหยุดทำงานแล้วจะได้สบาย นอกจากนี้ การวางแผนการเงินมิได้จำกัดเฉพาะแผนส่วนบุคคล แต่ยังครอบคลุมไปถึงการวางแผนการเงินสำหรับธุรกิจด้วย

การวางแผนการเงินไม่ว่าจะเป็นเงินมากเงินน้อย ก็มีหลักการคล้ายๆ กัน คือ มีการตั้งเป้าหมายการเงินที่วัดได้ และมีความเป็นไปได้ เมื่อนำไปปฏิบัติแล้วก็ต้องทบทวนแผนและสถานะเป็นระยะๆด้วย แผนการเงินนั้นสามารถวางได้เอง หากมีความรู้ความชำนาญเพียงพอ หรือสามารถให้ผู้วางแผนวางให้ได้ค่ะ ในสัปดาห์หน้าเรามาติดตามกันว่าหากจะวางแผนการเงินเองจะต้องทำอย่างไร และผู้วางแผนมืออาชีพมีไหม จะใช้บริการได้อย่างไร มีประโยชน์อย่างไรที่จะใช้บริการ

ที่มา Money Pro : วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ  กรุงเทพธุรกิจ




 

Create Date : 06 มีนาคม 2557    
Last Update : 6 มีนาคม 2557 16:56:53 น.
Counter : 567 Pageviews.  

วางแผนการเงินเมื่อเริ่มสร้างครอบครัว

ผู้ที่เริ่มมีครอบครัวควรจะวางแผนการเงินอย่างไร มีอะไรต้องคำนึงถึงบ้าง และเงินที่ออมไว้นั้น ควรจะลงทุนอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด

โดยทั่วไปคนมีครอบครัวแล้วจะรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้น้อยกว่าคนโสด เนื่องจากคนโสดมีภาระเพียงการดูแลตนเองและดูแลพ่อแม่ แต่คนที่มีครอบครัวแล้วต้องคิดถึงอนาคต ต้องดูแลครอบครัว (สามี/ภรรยา/ลูก) และยังต้องดูแลพ่อแม่และดูแลตนเอง ยิ่งมีภาระมากเท่าใด ก็ยิ่งรับความเสี่ยงได้น้อยลงเท่านั้น ข้อยกเว้นก็คือคนมีครอบครัวที่มีความมั่งคั่งมาก จนถึงแม้ว่าหัวหน้าครอบครัวไม่สามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ คนอื่นๆ ในครอบครัวก็สามารถอยู่กันได้อย่างไม่ลำบาก ในที่นี้จะสมมติว่าเป็นครอบครัวปกติที่เพิ่งจะเริ่มต้นชีวิตครอบครัวค่ะ

การวางแผนการเงินของคนที่มีครอบครัวแล้ว จะต้องให้ความสำคัญกับการวางแผนการออมเป็นอันดับแรก เนื่องจากจะมีภาระอันยิ่งใหญ่ตามมาในภายหน้า โดยเฉพาะผู้ที่เตรียมจะมีบุตร ต้องวางแผนการออมเพื่อเตรียมค่าใช้จ่ายในการฝากท้อง ค่าใช้จ่ายในการคลอดด้วย

การเก็บออมเงินของคนที่สร้างครอบครัว จะต้องพยายามเก็บให้ได้เพิ่มขึ้นจากที่เก็บตอนเป็นโสด หากสามารถเก็บได้ถึง 20 ถึง 25% ของรายได้ก็จะดีมาก การออมนี้เป็นการเก็บออมเพื่ออนาคต ซึ่งอาจจะเพื่อซื้อบ้าน รถยนต์ อาจจะเก็บไว้เป็นค่าเล่าเรียนของลูก เก็บไว้เพื่อการเกษียณอายุ หรือเก็บเอาไว้พักผ่อนหย่อนใจ

นอกจากการวางแผนการออมแล้ว ยังต้องวางแผนการใช้จ่าย เช่นเดียวกับที่เคยทำสมัยยังเป็นโสดอยู่ โดยต้องจัดการกระแสเงินสดให้ดี ให้มีสภาพคล่องอย่างเหมาะสม ไม่ติดขัด ในวัยนี้ต้องพยายามอย่าเป็นหนี้สินเพื่อการบริโภค แต่หากจะต้องกู้ยืมแล้ว ควรจะเป็นการกู้เพื่อการซื้อทรัพย์สินที่มีค่า และมีการเพิ่มค่าไปตามระยะเวลา เช่น กู้มาซื้อบ้าน เป็นต้น

คาถาที่เหมาะกับคนที่กำลังสร้างครอบครัวคือ อย่าใจอ่อน ซื้อของง่าย และอย่าใจอ่อนไปค้ำประกันใคร หากรู้ตัวว่าเป็นคนใจอ่อน ก็ต้องพยายามอย่าเข้าไปเดินในห้างในช่วงเทศกาลลดราคา เพราะจะเกิดการ "ซื้อ" โดย "ไม่ได้ตั้งใจ" เยอะมาก การค้ำประกันก็เช่นกันค่ะ บางคนไปค้ำประกันผู้อื่น ถึงเวลาเกิดอะไรขึ้นหากผู้กู้ไม่มีเงินชำระ เจ้าหนี้ก็มักจะมาไล่เบี้ยกับผู้ค้ำประกัน ซึ่งอาจทำให้หมดเนื้อหมดตัวไปได้เช่นกัน

เมื่อมีภาระรับผิดชอบ สิ่งหนึ่งที่ควรจะทำคือการทำประกันเพื่อบรรเทาความเสียหายหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น โดยการประกันที่ควรทำมีทั้งการประกันชีวิตและประกันภัยทรัพย์สิน สำหรับการทำประกันชีวิตนั้นอยากแนะนำให้ทำประกันแบบสะสมทรัพย์ซึ่งต้องมีระยะเวลา 10 ปีขึ้นไปจึงจะสามารถนำเบี้ยประกันไปหักภาษีได้ ในอัตราปีละไม่เกิน 50,000 บาท การทำประกันชีวิตนี้ จะทำในวงเงินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับภาระทางการเงิน ซึ่งวงเงินคุ้มครองสำหรับการประกันแบบนี้จะไม่สูงมาก หากมีภาระทางการเงินมาก เช่น ต้องผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ทั้งยังมีบุตรที่อยู่ในวัยเล่าเรียน ก็อาจจะทำวงเงินประกันอุบัติเหตุเพิ่มเติม เนื่องจากเบี้ยประกันจะต่ำกว่าค่ะ ไม่แนะนำให้ทำแบบสะสมทรัพย์เพิ่ม เพราะนำไปใช้สิทธิทางภาษีไม่ได้แล้ว

การทำประกันภัยทรัพย์สินเป็นสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้ โดยเฉพาะทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูง เช่น บ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือทรัพย์สินที่กำลังทำการผ่อนชำระอยู่ เนื่องจากหากเกิดสูญหายหรือเสียหาย ยังได้เงินค่าชดใช้มาช่วยทำให้การจัดซื้อของใหม่ทดแทนของเดิมเป็นไปได้ง่ายขึ้น การทำการประกันความเสียหายจากการโจรกรรม ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ควรพิจารณา โดยเฉพาะหากเป็นบ้านที่ไม่มีคนอยู่ในช่วงกลางวัน

ข้อแนะนำในการวางแผนทางการเงินของคนที่เริ่มต้นสร้างครอบครัว คือ อย่าสร้างภาระให้ตนเองมากเกินไป ควรจะตั้งเป้าหมายทีละ 1-2 อย่าง เพราะหากสร้างภาระมาก ท่านอาจจะเกิดความเครียดและไม่มีความสุข เผลอๆ อาจจะทะเลาะกับคู่สมรส ทำให้ชีวิตสมรสร้าวฉานไป ค่อยๆ ช่วยกันคิด ช่วยกันสร้าง ไม่ต้องตั้งเป้าหมายว่าจะต้องมีทุกอย่างครบบริบูรณ์ในเวลาเท่านี้เท่านั้นปี ตั้งเป้าหมายไปทีละอย่างสองอย่างจะดีกว่าค่ะ บางอย่างที่ไม่จำเป็นต้องมี ก็ไม่ต้องมี เช่น บ้านพักตากอากาศ เป็นต้น มีไปก็เป็นภาระ สู้อยากไปไหนก็ไปพักโรงแรมในจุดนั้นๆ ไม่ได้ บ้านพักตากอากาศควรจะเป็นเป้าหมายของผู้ที่บุตรโตและเริ่มทำงานหาเงินได้แล้ว ไม่ต้องมีภาระในการส่งให้บุตรเล่าเรียนอีกต่อไป

การก่อหนี้ยืมสิน ให้ก่อเท่าที่มีกำลังจะผ่อนชำระ อย่าก่อหนี้เกินตัว เพราะจะเกิดการพัลวันวุ่นวาย อย่าไปเที่ยวด้วยเงินผ่อน อยากเที่ยวต้องเก็บเงินไปค่ะ เก็บไม่ได้ก็ยังไม่ต้องไป เก็บได้น้อยก็เที่ยวใกล้ๆ เก็บได้มากค่อยออกไปเที่ยวไกลๆ

หากหมดภาระการผ่อนรถและบ้านแล้ว ควรจะมองหาทรัพย์สินที่จะก่อให้เกิดรายได้เป็นงวดๆ เช่น การซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า การลงทุนในกองทุนรวมพันธบัตร กองทุนรวมตราสารหนี้ กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น นอกจากนี้ก็มีกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ และกองทุนรวมหุ้นระยะยาว ซึ่งเงินที่นำไปลงทุนสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ หากลงทุนในกองทุนกลุ่มนี้ ต้องอย่าลืมใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีให้ครบถ้วนนะคะ ได้สิทธิมาแล้ว ควรจะใช้ค่ะ นอกจากจะได้ประหยัดภาษีแล้ว ยังช่วยทำให้อนาคตมั่นคงขึ้นอีกด้วยค่ะ

การลงทุนของคนในช่วงชีวิตนี้ไม่ควรจะอนุรักษนิยมจนเสียโอกาส หากสามารถลงทุนในระยะยาวได้ ความเสี่ยงจากความผันผวนของผลตอบแทนก็จะลดลง หากอนุรักษนิยมจนเกินไป เงินออมอาจจะโตช้ากว่าอัตราเงินเฟ้อได้ และจะทำให้อำนาจซื้อของท่านลดลง แนะนำให้ลงทุนในตราสารหนี้และพันธบัตร หรือกองทุนรวมตราสารหนี้ ประมาณ 40-50% ของเงินลงทุน และลงทุนในหุ้นทุนหรือกองทุนรวมหุ้นทุนประมาณ 30% อสังหาริมทรัพย์หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ 10% ส่วนอีก 10-20% เป็นเงินฝากหรือเงินลงทุนที่มีสภาพคล่อง ไว้เผื่อฉุกเฉินค่ะ

ที่มา MONEY PRO : วิวรรณ ธาราหิรัญโชติ  กรุงเทพธุรกิจ

//www.socialrichonline.com




 

Create Date : 05 มีนาคม 2557    
Last Update : 5 มีนาคม 2557 13:23:47 น.
Counter : 957 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

น่าอ่าน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เนรมิตความงามของคุณสำหรับทุกฤดูกาล
>
Friends' blogs
[Add น่าอ่าน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.