เฟซบุ๊คดิ้นพิสูจน์ตัวหลังราคาหุ้นไม่โดนใจนักลงทุนนักวิเคราะห์แนะมุ่ง"โฆษณา" และ"ขายสินค้า"

หลังทุบสถิติเปิดขายหุ้นไอพีโอ ในราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ของวงการเทคโนโลยี แต่ราคาหุ้นที่ซื้อขายกันมีแนวโน้มดิ่งลงเรื่อยๆ โดยราคาปัจจุบันต่ำกว่าราคาไอพีโออยู่หลายดอลลาร์ ทำให้"เฟซบุ๊ค" แบกรับความคาดหวังขนาดมหึมาจากนักลงทุน ที่ต้องการเห็นความชัดเจนในการสร้างรายได้จากผู้ใช้ 900 ล้านคนของเจ้าตลาดสื่อสังคมแห่งนี้

สิ่งทำให้นักลงทุนกังวล คือ ความสามารถของเฟซบุ๊คในการสร้างรายได้จากจำนวนผู้ใช้มือถือที่กำลังเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเฟซบุ๊ค เปิดเผยในหนังสือชี้ชวนเสนอขายหุ้นไอพีโอในวินาทีสุดท้ายว่า บริษัทอาจจะมีปัญหาในการสร้างรายได้จาก"มือถือ" ซึ่งได้จุดประกายความความขัดแย้งขึ้นในเวลาต่อมา

หุ้นของเฟซบุ๊คราคาตกลง 23% นับตั้งแต่เปิดไอพีโอเมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะความกังวลว่า บริษัทจะไม่สามารถทำเงินจากผู้โฆษณาบนอุปกรณ์พกพาได้มากพอ

งานวิจัยใหม่ของบริษัทที่ทำโฆษณาระบบดิจิทัล พบว่า เฟซบุ๊คสามารถคิดค่าโฆษณาในราคาที่สูงขึ้นได้ เพราะมีผู้ใช้เข้าดูโฆษณาบนพีซีและอุปกรณ์เคลื่อนที่มากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบด้วยว่า โฆษณาแบบเสียเงินรูปแบบใหม่ อาทิ โฆษณา“เรื่องราวของผู้สนับสนุน” ที่ผู้โฆษณาจ่ายเงินเพื่อให้ระบบแจ้งเตือนบรรดาเพื่อนของผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้กด”ไลท์”แบรนด์นั้น แสดงให้เห็นความสำเร็จในการทำให้ผู้คนกดเข้าโฆษณาได้ในเบื้องต้น

นายเจด วิลเลี่ยม นักวิเคราะห์บีไอเอ/เคลซีย์ ให้ความเห็นว่า เฟซบุ๊คยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการโฆษณา การศึกษาของแอดพาร์ลอร์ บริษัทที่บริหารแคมเปญบนเฟซบุ๊คของบริษัท อย่าง อเมริกัน เอ็กซ์เพรสส์ เสนอให้ เฟซบุ๊คมุ่งหน้าไปที่โฆษณาบนมือถือ โดยจากการศึกษา พบว่า อัตราการคลิกผ่านของเฟซบุ๊ค หรือสัดส่วนผู้ใช้ที่คลิกผ่านไปยังเวบไซต์ของผู้โฆษณาบนมือถือสูงกว่าเดสก์ทอป 15 เท่า

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ ยังเห็นว่า "การขายสินค้า" บนเวบไซต์ เป็นอีกหนึ่งช่องทางทำเงินที่เจ้าตลาดเครือข่ายสังคมแห่งนี้ ไม่ควรมองข้าม กระแสข่าวล่าสุด ระบุว่า เฟซบุ๊คอาจจะกำลังซุ่มพัฒนาปุ่ม”ต้องการ” เพื่อให้ผู้ใช้แบ่งปันรายการที่อยากได้กับเพื่อน

นางลอร่า มาร์ติน นักวิเคราะห์ของนีดแฮม แอนด์ โค. อธิบายว่า ปุ่ม”ต้องการ” จะทำหน้าที่เหมือน”รายการสินค้าที่ต้องการ” ดังนั้น เฟซบุ๊คจะสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลและรู้ว่าผู้ใช้ต้องการสินค้าประเภทไหน

ด้านนายจีน มันสเตอร์ นักวิเคราะห์ของไปเปอร์ เจฟฟรีย์ ให้ความเห็นว่า ปุ่ม”ต้องการ” อาจเป็นผลิตภัณฑ์ที่แท้จริงตัวแรกของเฟซบุ๊คที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการซื้อขายแลกเปลี่ยนบนเวบไซต์ของบริษัท เพราะเฟซบุ๊คจะได้ข้อมูลลักษณะเดียวกับที่กูเกิลได้เมื่อผู้ใช้พิมพ์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขาย

แหล่งข่าววงใน ออกมาเปิดเผยว่า เจ้าของเครือข่ายสังคมยักษ์ใหญ่แห่งนี้ กับ”เอชทีซี คอร์ป”ผู้ผลิตมือถือจากไต้หวัน กำลังเร่งมือผลิตสมาร์ทโฟนยี่ห้อเฟซบุ๊คเพื่อให้สามารถวางตลาดได้เร็วที่สุดกลางปีหน้า จากเดิมที่ต้องการเปิดตัวในช่วงสิ้นปีนี้ แต่เพราะต้องการให้เอชทีซีมีเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้นจึงต้องเลื่อนกำหนดการณ์ออกไป

แหล่งข่าวคนเดิม ยังเปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ เฟซบุ๊ค ยังพัฒนาระบบปฏิบัติการสำหรับสมาร์ทโฟน และรวบรวมอดีตโปรแกรมเมอร์ของแอปเปิลเพื่อปรับปรุงแอพพลิเคชั่นสำหรับไอโฟนทั้งหมดของบริษัท

กว่าครึ่งของผู้ใช้เฟซบุ๊ค 900 ล้านคนเข้าใช้โปรแกรมเครือข่ายสังคมยอดนิยมผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่ ขณะที่ยอดขายโฆษณา 3,150 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้วไม่ได้มาจากโฆษณาบนมือถือเลยแม้แต่น้อย

นายวิคเตอร์ แอนโธนี่ นักวิเคราะห์ของโทปีก้า แคปิตอล มาร์เก็ตส์ อิงค์. กล่าวว่า ซีอีโอเฟซบุ๊ค นายมาร์ค ซัคเกอร์เบิร์ก สามารถใช้สมาร์ทโฟนเฟซบุ๊ค ที่มีโปรแกรมเครือข่ายสังคมในตัว เพื่อล่อใจนักการตลาดและหยุดความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มราคาหุ้นที่ดิ่งลง

ด้านการ์ทเนอร์ บริษัทวิจัยตลาด คาดว่า จำนวนผู้ใช้โปรแกรมสื่อสังคมที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จะดึงให้รายได้รวมทั่วโลกของธุรกิจสื่อสังคมพุ่งขึ้น 43.1% ทะลุ 16,900 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดย”การโฆษณา”จะเป็นแหล่งรายได้ใหญ่ของโปรแกรมสื่อสังคม ซึ่งการ์ทเนอร์ ประเมินว่า ปีนี้ จะมีมูลค่า 8,800 ล้านดอลลาร์ ตามมาด้วยรายได้จากเกม ที่เพิ่มขึ้นจากปี 2553 และ 2554 สองเท่าตัว โดยคาดว่าจะมีมูลค่ามากถึง 6,200 ล้านดอลลาร์ และรายได้จากการสมัครสมาชิก อยู่ที่ 278 ล้านดอลลาร์

นางเนฮา กัปต้า นักวิเคราะห์อาวุโสของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า ในปีนี้จะมีประชากรทั่วโลกใช้งานเครือข่ายสังคมกว่า 1,000 ล้านคน โดยสื่อและความบันเทิงรูปแบบใหม่จะทำให้ผู้ใช้ผูกพันกับเวบไซต์สื่อสังคม รวมถึงดึงดูดผู้ใช้หน้าใหม่ ขณะที่การแข่งขันที่เพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ให้บริการสื่อสังคมจะทำให้เกิดสื่อสังคมรูปแบบใหม่ๆ

www.bangkokbiznews.com