All Blog
Review: Liese Blaune ครีมย้อมผมผสมทรีทเมนท์
สวัสดีค๊า..พบกันอีกครั้งในเรื่องของ
การเปลี่ยนสีผม เพื่อปกปิดผมขาว แถมพร้อม
การบำรุงผมในขั้นตอนเดียว

อย่างที่ทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประมาณ 2-3 อาทิตย์
ผมขาวก็จะเริ่มยาวขึ้นมาประมาณสัก 1-2 เซนติเมตร โดยเฉพาะพี่วิที่มีผมขาว 
ขึ้นในส่วนขอบหน้าผาก จะเห็นชัดมาก ปล่อยไว้ไม่ได้ค่ะ..
อายยย และขาดความมั่นใจไปเลย! 555+





แต่ละจุดที่ขึ้นมาชัดเจนมากกก!! 

พี่วิเลยต้องมีการเก็บสีเฉพาะที่โคนผม ทุกๆ 2-3 อาทิตย์ครั้ง
แล้วเก็บสีทั้งหมดตั้งแต่โคนถึงปลายผมประมาณ 2 เดือนครั้งค่ะ
จริงๆ แล้ว อยากทำบ่อยกว่านี้ แต่ทำสีบ่อยๆ ก็กลัวผมจะเสีย


โดยปกติพี่วิจะเปลี่ยนสีผมเองนะ เพราะเข้าร้านบ่อยขนาดนี้ไม่ไหวค่ะ...เปลือง!!
ทำเองง่ายค่ะ ไม่ยากเลย...ปัจจุบันมีสีให้เลือกเยอะขึ้นมาก ๆ ด้วย
มีหลากหลายรูปแบบด้วยค่ะ แบบแชมพู แบบโฟม หรือแบบครีม เป็นต้น


และวันนี้พี่วิ..จะมาลองเปลี่ยนสีผม เป็นแบบครีมกันค่ะ
ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ของแบรนด์นี้เลย!!
นอกจากจะปิดผมขาวแล้ว พี่วิยังไม่ต้องกลังในเรื่องผมเสียแล้ว 
ด้วยเพราะมีส่วมผสมของทรีทเมนท์

ถือว่าเป็นครั้งแรกของพี่วิเหมือนกันค่ะ
เพราะปกติถนัดใช้แบบที่เป็นชนิดน้ำที่เป็นขวดๆ มากกว่านะ

ลองดูค่ะว่า...ผลลัพธ์จะออกมาเป็นอย่างไร
มารู้จักผลิตภัณฑ์ที่พี่วิจะใช้ในวันนี้กันก่อนนะคะ





Lises Blaune
(ลิเซ่ โบลว์เน่)

เป็นผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม แบบเนื้อครีม ที่ผสมทรีทเมนท์มาเลย
ไม่ต้องบำรุงหลังสระผมค่ะ อุดมไปด้วยส่วนผสมทรีทเมนท์เข้มข้นกว่า 60% 
จะช่วยเคลือบบำรุงเส้นผม ตลอดการทำสี 





มาพร้อมเทคโนโลยีเม็ดสีซึมซาบล้ำลึก
และผสานคุณค่าบำรุงล้ำลึกจาก 3 ส่วนผสมหลัก
1. เคลือบรักษาความเงางาม ด้วยกรดลาโนลิน
2. สารสกัดจากรอยัล เจลลี่ (ให้ความชุ่มชื่น)
3. สารสกัดจากสาหร่าย (ปกป้องเส้นผม)





ใช้ระยะเวลา ในการทิ้งครีมเปลี่ยนสีผมไว้เพียงแค่ 15 นาที
จริงหรือเปล่า?? เดี๋ยวมาดูผลลัพธ์กันค่ะ!!



อุปกรณ์ทั้งหมดในกล่องค่ะ





เริ่มเข้าสู่ขั้นตอนต่างๆ กันเลยค๊า ^^





เริ่มจากการแบ่งผมเป็นช่อๆ ประมาณ 6-8 ช่อแล้วแต่ความหนาของผมนะ
นำครีมทั้ง 2 หลอดมาเทผสม แล้วคนให้เข้ากันค่ะ





ขั้นตอนป้องกัน..กันสักนิด
1. พี่วิจะทาปิโตรเลี่ยมเจลให้รอบกรอบหน้า ใบหู และคอ เผื่อทำเลอะเทอะจะได้เช็ดออกได้ง่ายค่ะ
2. ใส่ผ้าคลุมไหล่ เผื่อหยดเลอะเทอะ จะได้ไม่โดนเสื้อผ้านะ
3. ใส่ถุงมือให้เรียบร้อยทั้ง 2 ข้าง มีมาแล้วในกล่องนะคะ





จากนั้นเราจะเริ่มที่ช่อแรกกันก่อน
ลงครีมที่โคนผมก่อน จนสุดปลายผมแล้วม้วนเก็บไว้
ต่อด้วยช่อถัดๆ ไปให้ครบทุกช่อค่ะ

จากนั้นแกะทุกช่อออกแล้วรวบรวมกัน
เน้นสีตรงที่ผมขาวเยอะๆ ลงครีมให้ชุ่มๆ ค่ะ

ถ้าเลอะเทอะก็ให้สำลี ทิชชู่ หรือคัตตัลบัด เช็ดออกค่ะ

ทิ้งไว้ 15 นาที 

ครบเวลาแล้ว ไปล้างออกกันค๊า





ในขณะที่ล้าง และสระผม
พี่วิจะไม่เกาหนังศรีษะนะคะ จะใช้วิธีนวดเบาๆ

แล้วสระด้วยแชมพูสระผม 1 รอบ แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าให้สะอาด
เป็นอันจบพิธีค่ะ!!



อ้าววว!! แล้วไม่นวดครีมนวดหรอคะพี่?? ไม่ต้องค่ะ!!

โดยปกติการทำสีผมจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบำรุงเส้นผมหลังล้างออก
แต่สำหรับ ลิเซ่ โบลว์เน่ ตัวนี้ไม่ต้องค่ะ!!
เพราะเป็นการทรีทเม้นท์ไปพร้อมๆ กับการเปลี่ยนสีผม
ในขั้นเดียวเลยค่ะ..เริ่ดนะ!!

ในขณะที่ล้างผม และตอนซับผมให้แห้ง
พี่วิสามารถสางผมได้ตลอด ผมไม่พันกันเลยค่ะ


ที่สำคัญเพียง 15 นาที สีผมติดสนิทอย่างไม่น่าเชื่อ
พี่ทิ้งไว้ 15 นาทีจริงๆ ค่ะ เพราะอยากพิสูจน์ว่าจริงตามที่แบรนด์แจ้งไว้หรือไม่

คำตอบคือ ปกปิดได้จริง!! 







ความรู้สึกหลังการใช้!!

1. เซอร์ไพรซ์ มากๆๆๆ กับเวลา 15 นาทีที่ทิ้งไว้!! แล้วปิดได้สนิทระดับนี้
ปกติพี่ต้องทิ้งไว้ 25 นาทีถึง 1 ชั่วโมงแล้วแต่แบรนด์ค่ะ..ครั้งนี้ตื่นเต้นมาก

2. ไม่มีกลิ่นเหม็นฉุน และไม่มีไอฟุ้งๆ ให้รู้สึกแสบตาค่ะ

3. ไม่แสบหรือคัน หนังศรีษะเลยค่ะ

4. ผมนุ่มลื่น ไม่กระด้าง เหมือนเวลาที่เราไปเปลี่ยนสีแบบเนื้อครีมที่ร้านนะ

เป็นผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจมากๆ เพราะประหยัดเวลาไปได้เยอะเลย
ตั้งแต่ทิ้งไว้เพียง 15 นาที และไม่ต้องมาทรีทเม้นท์ หรือบำรุงด้วยครีมบำรุงอีกรอบ
หลังการสระผมเสร็จ









หวังว่ารีวิวนี้จะถูกตา โดนใจสาวๆ ที่มีปัญหาเดียวกันกับพี่วินะคะ ^^
แล้วพบกันใหม่ในบล็อกหน้า..สวัสดีค๊า.....



สถานที่จัดจำหน่าย

Supermarket ทั่วไป หรือตามร้าน HBA


**********************
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
www.facebook.com/liesethailand
www.lieseesydiy.com

Disclaimer:  Sponsored by: Liese Blaune



ไปนั่งฟังเพลินๆ  พี่วิชวนเม้าท์ยาวๆ ได้ที่ YouTube 
ตามลิ้งค์ด้านล่างนี้เลยค่ะ ^_^





Create Date : 04 มิถุนายน 2557
Last Update : 20 มิถุนายน 2557 10:31:28 น.
Counter : 19461 Pageviews.

0 comment
Review: ForeverYoung Mask
เพื่อผิวที่นุ่ม ชุ่มชื้น แลดูอ่อนเยาว์ 
สาวๆ ส่วนใหญ่ในยุคนี้เลยหันมามาสก์หน้ากันมากขึ้น

พี่วิเองก็เป็นค่ะ คือ..ติดการมาส์กหน้ามากๆ
ยิ่งวัย 40+ อย่างพี่วิด้วยแล้ว..ปัญหาผิวเยอะมากก
ต้องยอมรับโดยดีค่ะว่า..มาส์กหน้าแล้ว..ผิวดีขึ้นจริงๆ

ไม่ว่าจะเป็นการมาส์กแบบ DIY ที่เราเอาผักผลไม้ในครัว ผสมกับนมสดหรือน้ำผึ้งและมะนาว
หรือมาส์กสำเร็จรูปเพื่อความสะดวกมากยิ่งขึ้น ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์ต่อผิวทั้งนั้นค่ะ

แต่การเลือกมาส์กสำเร็จรูปก็ไม่ได้ง่ายนะ!!....จริงมั๊ย??
เพราะปัจจุบันมาส์กมีขายเกร่อ เต็มไปหมด สรรพคุณล้ำเหลือทุกแบรนด์
ดังนั้นควรใช้วิจารณญาน ในการพิจารณาที่จะเลือกใช้นะคะ

พี่วิใช้มาส์กหลายตัวมาก รวมถึง DIY ใช้เองด้วยค่ะ
ซึ่งแต่ละตัวก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันค่ะ
DIY มาส์กพี่วิพูดถึงบ่อยๆ แล้วใน Facebook Page : Beauty4ties





วันนี้ขอพูดถึงมาสก์สำเร็จรูปบ้างนะคะ โดยขอพูดถึงตัวนี้ก่อนเลยค่ะ
เพราะกำลังใช้ และเทสอย่างจริงจังอยู่พอดีค่ะ...นั่นคือ 


FOREVER YOUNG
Phytocelltec ALP Rose, Facial Cell Boosting Mask





พี่วิได้มาส์กตัวนี้มา เนื่องจากแบรนด์ส่งมาให้ลองใช้ค่ะ
ซึ่งพี่..บอกกันทางแบรนด์ไปว่า..พี่แพ้ง่ายมากกกค่ะ
และไม่ชอบเทสอะไรเรื่อยเปื่อย..และกลัว!!
เพราะเมื่อผิวพัง..คนที่แพ้จึงต้องตัวดูแลตัวเองเสมอค่ะ 555++


แต่ทางแบรนด์ยืนยันค่ะ..บอกว่าอยากให้ลองจริงๆ เพราะเหมาะกับผิวแพ้ง่าย!!
และเป็นการคิดค้นและพัฒนาสูตรจากแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจริงๆ
เห็นพี่วิมีปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่ชุ่มชื้น แพ้ง่าย เลยอยากให้ลองว่าดีจริงๆ




ก่อนจะลองขอดูส่วนผสมก่อนนะ!!





เป็นมาส์กมีสารสกัดหลักจากสเต็มเซลล์กุหลาบ  และต้นกระบองเพชร 
ขมิ้นชัน มันเทศป่า เป็นต้น 
สเต็มเซลล์จะทำให้ผิวสุขภาพดี ผิวที่อ่อนแอแข็งแรงขึ้น
เหมาะสำหรับทุกสภาพผิวโดยเฉพาะผิวบอบบาง และแพ้ง่าย ไม่ทำให้เกิดสิว 
รวมถึงสิวอุดตัน เพราะเป็นเวชสำอางบำรุงผิวหน้าสูตรเข้มข้นที่
คิดค้นและพัฒนาสูตรจากทีมแพทย์และเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญด้านผิิวพรรณ
ไม่ใส่สี ไม่ใส่กลิ่น ไม่ใส่สารกันบูด และสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง


คุณสมบัติ บำรุงผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใสอย่างอ่อนโยน และฟื้นฟูสภาพผิวถึงระดับเซลล์ผิว 
ช่วยชะลอวัย ลดเลือนริ้วรอย ฝ้า กระ และ จุดด่างดำ

อ่านจบเริ่มอุ่นใจมานิดนึงตรงที่เป็นแบรนด์ที่มีส่วนผสมหลักๆ มาจากธรรมชาติ
และมีทีมแพทย์ช่วยกันคิดสูตร..อืมมมม...ลองดู!!


ซึ่ง ณ. เวลานั้นก็ผิวแห้งจริงจังค่ะ จุดที่มันอย่างทีโซนก็นมันซะ!!
ส่วนหน้าผาก หน้าแก้ม มุมปากก็ลอกซะ!! จริงจังมาก

พื้นฐานหน้าพี่วิคือ ผิวผสมค่อนแห้ง แต่ทีโซนมันค่ะ
หน้าผาก หน้าแก้ม มุมปากลอก และมีสิวบ้างประปราย
มีกระ และฝ้าบางๆ ค่ะ สีผิวไม่สม่ำเสมอ
เป็นคนผิวแพ้ง่าย มีอาการภูมิแพ้ตลอดทุกอาทิตย์
ในกรณ์แพ้ 15 นาทีเห็นผลค่ะจะร้อนและแดงเลย
ในกรณีอุดตัน 2-3 วันสิวจะทยอยขึ้นทันที นี่คือผิวพี่วิค่ะ





พอแบรนด์ส่งผลิตภัณฑ์มาพี่วิยังไม่กล้าใช้ทั้งหน้านะคะ
ลองลงเฉพาะส่วนก่อน ส่วนที่รู้สึกแห้งแต่ผิวยังแข็งแรงอยู่ที่สุด ณ ตอนนั้น
คือแก้มด้านซ้ายของพี่ค่ะ ทาทิ้งไว้ทั้งคืนในคืนแรกที่ทดลอง

หลังจากทดสอบครั้งแรก 15 นาทีแรกผ่านไปด้วยดีตลอดทั้งคืนค่ะ


อีก 2 วันต่อมายังไม่มีสิวขึ้น...โอเคโล่งใจแล้ว
คืนนี้เลยขอมาส์กฝั่งหน้าด้านซ้ายทั้งช่วงนี้เลยค่ะ




เช้าตื่นขึ้นมาไม่มีอาการแพ้ค่ะ ล้างหน้าแล้วรู้สึกหน้านุ่มขึ้น
หลังจากนั้นพี่วิมาส์กทุกๆ 3 วันค่ะ แต่มาส์กแค่ข้างเดียว5555+
ทำไมน่ะเหรอคะ??


พี่อยากรู้ค่ะว่าผลของมันจะเป็นอย่างไง แตกต่างกันแค่ไหน
ดูบ้าไปป่ะ..แต่เป็นคนอย่างนี้จริงๆ 
ตอนนี้ผ่านมา 3 อาทิตย์ที่ได้ทดลองค่ะ
เปรียบเทียบหน้า 2 ฝั่งให้ดูเลย




ความรู้สึกหลังใช้ที่สัมผัสได้

หน้าแก้มด้านซ้ายของพี่วิดูผิวชุ่มชื้นกว่าอีกด้านนึงมาก
ผิวดูกระจ่างขึ้นค่ะ รูขุมขนดูกระชับขึ้น
ถือเป็นแนวโน้มที่ดีมาก ถ้าใช้อย่างต่อเนื่องทุกๆ 2-3 วันครั้งค่ะ

เรามาดูผลิตภัณฑ์กันชัดๆ ค่ะว่าเป็นอย่างไรบ้าง




มาส์กมีลักษณะเป็นเนื้อเจลค่ะ

สีชมพูอ่อนๆ คงเป็นเพราะส่วนผสมหลักคือสเต็มเซลล์จากกุหลาบค่ะ
เนื้อเจลจะมีความเย็นๆ ปกติพี่วิจะแช่ตู้เย็นไว้ด้วยค่ะ
พอก่อนเข้านอนนำมามาส์ก จะยิ่งรู้สึกเย็นผิว สดชื่นมากๆ พี่ถือว่าเป็นการกระตุ้นผิวเราให้ตื่น
เพื่อจะได้รับการบำรุงได้อย่างเต็มที่


ระดับการซึมซาบ
ซึมซาบได้เร็วค่ะ แต่ยังคงให้ความฉ่ำชุ่มชื้นต่อผิวได้ทั้งคืน


สรุปผลลัพธ์ หลังการทดลองใช้
ณ. วันนี้ถือว่าได้ทดลองอย่างสาแก่ใจแล้วค่ะ
ด้านที่มาส์กทุก 3 วันผิวดูกระจ่างขาวขึ้น ผิวนุ่มขึ้น 
สิ่งที่ประทับใจที่สุด คือรูขุมขนดูกระชับขึ้นค่ะ
และเป็นมาส์กที่บำรุงให้ผิวขาว ไม่ใช่การกัดให้ผิว
การบำรุงอย่างต่อเนื่องจะทำให้ผิวขาวแบบสุขภาพดีค่ะ


หวังว่าการเทสผิวในครั้งนี้ของพี่วิ....จะเป็นประโยชน์ต่อสาวๆ
ที่มีผิวแห้ง หมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง ได้มีอีก 1 ทางเลือก
เพื่อผิวที่ขาวกระจ่างขึ้น ชุ่มชื่น อิ่มน้ำขึ้นนะคะ



คำเตือน
ซึ่งเตือนกันทุกครั้งเมื่อรีวิวเกี่ยวกับสกินแคร์ก็คือ
ผิวพี่ไม่แพ้แต่ผิวคุณอาจแพ้!! ผิวคุณไม่แพ้แต่ผิวพี่อาจแพ้!!
ดังนั้น ต้องมีสติก่อนเสียสตางค์นะคะ


ไว้พบกันใหม่ในบล็อกต่อไป...สวัสดีค๊า....





ขอขอบคุณ FOREVER YOUNG
ที่ส่งผลิตภัณฑ์ที่ทรงประสิทธิภาพมาให้พี่วิทดลองใช้นะคะ
เพื่อผิวพรรณที่ YOUNG FOREVER ค่ะ

*************
ขนาด 30 ml.
ราคา 980.-
www.facebook.com/ForeveryoungSkin
IG: foreveryoung_skin
Disclaimer:  Sponsored by: FOREVER YOUNG




Create Date : 28 พฤษภาคม 2557
Last Update : 24 มิถุนายน 2557 20:23:00 น.
Counter : 4930 Pageviews.

0 comment
Review: Matsumoto Kiyoshi : Retinotime Skincare ต่อต้านริ้วรอย

สวัสดีค๊า^^

พี่วิเชื่อว่าสาวๆหลายคนในที่นี้ ต้องไปช้อปปิ้งที่

Tops market กันอยู่บ่อยๆ

พี่วินะ..ทุกอาทิตย์เลยค่ะ




และตอนนี้..เราอาจจะสังเกตุเห็นว่า Tops market ที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว

มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ดูไฟสว่างๆ ดูของระรานตาใช่ไม๊คะ?? 

เป็นเพราะว่าทาง Tops market เพิ่มให้มีโซน HBA ซึ่งเกี่ยวกับ 

Health, Beauty and Accessories

ซึ่งเหมาะกับสาวนักช้อปและช่างเลือกอย่างพวกเรามากๆ

เทสกันมันส์ เล่นโน่นนี่จนเพลินลืมเวลากันเลยค่ะ


และวันนี้พี่วิจะมารีวิวผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ ให้น้ำลายหกกันเลยค่ะ555+

อดรนทนไม่ไหว แล้วล่ะสิ๊...ไปดูกันค่ะ


ส่วนตัวพี่วิชอบโซน Skincare ที่สุดค่ะ

เพราะด้วยวัย ด้วยอ่ะนะ 555++ ก่อนหน้านี้เพื่อนๆ พี่วิทุกคนที่เคยไปญี่ปุ่น

จะต้องกลับมาเม้าท์ให้พี่ฟังว่า ถ้าไปญี่ปุ่นนะ!!ทุกคนต้องไปช้อปปิ้งที่ร้าน 

ร้านนึงมีทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับ Health & Beauty เลย 

ชื่อร้าน Matsumoto Kiyoshi เป็นร้านอันดับ 1 ทางด้านสุขภาพและ

ความงามของญี่ปุ่น คือเป็นที่รู้จักดีของนัก shopping หรือคนที่เดินทางไปญี่ปุ่น 


เมื่อก่อนอิจฉามากกก..แต่ขอโทษจ้า....ตอนนี้ไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่นแล้วนะ..

เพราะผลิตภัณฑ์ Matsumoto Kiyoshi มีขายที่เมืองไทยแล้ว โดยเป็นครั้งแรก

ที่มีจำหน่ายนอกประเทศญี่ปุ่น และสะดวกกว่าตรงที่อยู่ใน Tops Supermarket 

นี่แหละ..ที่สำคัญเป็นสินค้าที่คัดสรรมาแล้ว และ Exclusive มาก มีขายเฉพาะที่

 Tops และ Central Food Hall เท่านั้น



ดูระรานตามากๆ มีอะไรที่น่าสนใจกันบ้างในกลุ่มโปรดอย่าง Skincare 


เริ่มจากแบรนด์แรก..กันเลยนะ

1. ชื่อแบรนด์: Retinotime (เรทิโนไทม์)

Anti-aging Skincare

เป็นอะไรที่เหมาะกับพี่วิมากๆ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและชะลอวัยพี่วิสุดๆ




นี่เฉพาะสกินแคร์นะจ๊ะ...เพี๊ยบเลยยย

จากที่แบรนด์เคลม...เน้นเรื่องอะไรบ้างมาดูกัน...

เป็นผลิตภัณฑ์ต่อต้านริ้วรอยก่อนวัยช่วยบำรุงล้ำลึกถึงผิวชั้นใน ทำให้ผิว

กระจ่างใส และเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวด้วยส่วนผสมหลัก 5 ชนิด


Retinoic acidTocoferil (ปรับสมดุลผิว),

ColloidolPlatinum (ปกป้องมลภาวะสาเหตุของริ้วรอยก่อนวัย),

Rejuline (เพิ่มความยืดหยุ่นและอ่อนนุ่มให้ผิว),

EDP3 (ข่วยให้ผิวนุ่มลื่นและชุ่มชื้น)

และ SuperHyaluronic Acid (ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นล้ำลึกถึงผิวชั้นใน)

*เห็นผลภายใน2 อาทิตย์ หลังการใช้อย่างต่อเนื่อง


ในแบรนด์ Retinotime นี้มีผลิตภัณฑ์ครบถ้วนมากค่ะ

แต่..วันนี้พี่วิจะพูดถึง 3 ตัวที่พี่รู้สึกว่า..น่าสนใจจริงๆ เท่านั้นนะ


เริ่มจากตัวที่พี่วิชอบที่สุดก่อนนะคะ

Retinotime: Cleansing & MassageAEX

เป็น Creme Cleansing make-up remover

ขนาด 175 กรัม  ราคา 1,450 บาท


พี่วิให้ความสำคัญมากๆ กับการทำความสะอาดผิวหน้ามาก เพราะเนื่องจาก

เคยมีประสบการณ์ หน้าพังจากการเป็นสิวอุดตันทั้งหน้ามาก่อน 

และเป็นคนแต่งหน้าตลอด รักเมคอัพค่ะ 555+

ดังนั้นเมื่อเรารักจะสวย ก็ต้องรักสะอาดแบบล้ำลึกด้วยค่ะ

มาดูซิว่า ทำไมพี่วิถึงให้ความสนใจ Cleansing ตัวนี้เป็นพิเศษ



เป็นเนื้อครีมสีเหลืองอ่อนๆ พอเกลี่ยไปแล้ว จะให้ความรู้สึกเหมือนเซรั่มเลย

เนื้อครีมจะใสขึ้น ลื่นแต่ไม่มาก ที่สำคัญเนื้อจะเย็นๆ 

รู้สึกสบายผิวดีค่ะ..เวลานวดเบาๆ ที่ผิว


พี่วิลองเทสโดยการ ทำความสะอาด Eye Liner ตัวโปรดให้ดูแล้วกันนะคะ

เป็นที่ขึ้นชื่อในกลุ่มสาวรักเมคอัพกันอยู่แล้วว่า Eye Liner ตัวนี้ติดทน!! 

ไม่ทำให้เราเป็นแพนด้า นั่นหมายถึงล้างออกไม่ง่ายเลยใช่ไม๊คะ..มาดูกัน



ช่วงทดสอบ!!  ตอนแรกแอบตกใจเหมือนกัน 

คือวนไป 3-4 รอบไม่สะทกสะท้านเลย เอ๊ะอย่างไง??


ที่จริงแล้ว!! แตะ Cleansing ลงผิวแล้วเกลี่ยให้ทั่ว!! แล้วทิ้งไว้ 10 วินาทีค่ะ

จากนั้นวนเบาๆ เท่านั้นแหละ!! ไลน์เนอร์ที่ว่าติดทนนักทนหนา!!

หลุดออกมาง่ายดายมากกกก...พอล้างน้ำออกแล้ว ตัวคลีนซิ่งไม่ทำให้รู้สึกผิวมัน

หรือทิ้งคราบลื่นๆ ติดผิวเลย แต่ผิวจะนุ่มๆ ขึ้นอีกด้วย..ถือว่าเป็นตัวที่พี่วิ

อยากทุ่มทุนเสียทรัพย์มากที่สุดค่ะ

ตัวที่ 2 ที่น่าสนใจคือ โลชั่น

Retinotime: Wrinkle Lotion AEX

ขนาด 160ml. ราคา 1,950 บาท



มีให้เลือก 2 ประเภท แบบชุ่มชื่นเหมาะกับสาวผิวมัน ถึงผิวปกติ

และแบบชุ่มชื่นมาก เหมาะกับสาวผิวแห้งค่ะ

คุณสมบัติคือช่วยปกป้องความหมองคล้ำจากมลภาวะและมอบความชุ่มชื่นสู่ผิว

ช่วยปรับสมดุลให้ผิวและผลัดเซลล์ผิวชั้นอย่างอ่อนโยน




เป็นโลชั่นน้ำใสๆ แบบนี้ค่ะ เนื้อโลชั่นจะมีความหนึบนิดๆ 

ให้ความรู้สึกชุ่มชื่นๆ เกลี่ยง่าย และซึบซาบไวมากค่ะ


มาดูอีกขวดนึงค่ะ เป็นโลชั่นเหมือนกันแต่เป็นแบบน้ำนม

Retinotime: Wrinkle MilK AEX

ขนาด 125ml.  ราคา 1,950 บาท



คุณสมบัติคือช่วยให้ความชุ่มชื้นกับผิวที่แห้งเป็นพิเศษ

และช่วยให้รูขุมขนเล็กลงเป็นการสร้างผิวใหม่และกักเก็บความชุ่มชื้น



เนื้อครีมเป็นสีขาวขุ่นๆ เหมือนน้ำนมเลยค่ะ  ตอนเทออกมาครั้งแรกจะหนืดๆ

รับรู้ได้ว่ามีความเข้มข้นมาก และสักครู่จะเริ่มกลายเป็นน้ำนม 

เกลี่ยแล้วผิวจะดูเงาๆ  ซึมซาบเร็วมากๆ เช่นเดียวกับโลชั่นน้ำใสๆ เลยค่ะ 

แต่โลชั่นน้ำนมจะดูผิวชุ่มชื้นกว่า และมีกลิ่นน้ำนมอ่อนๆ ติดอยู่ที่ผิว 

เหมือนผิวเด็กอ่อนเลย..555..ชอบๆๆ


และตัวสุดท้ายตัวที่ 3 ที่น่าสนใจคือ

Retinotime: Wrinkle Day Milk UV AEX

ตัวนี้เป็น Moisturizer UV Protection Make-up base All in One ค่ะ

มี SPF 50 PA+++ ขนาด 30ml. ราคา 1,650 บาท



เนื้อครีมจะเป็นสีขาวนะคะ

ซึ่งแบรนด์เคลมว่า ใช้เป็นเมคอัพเบสได้เลย..เรามาดูกันค่ะ



พอทาแล้วเกลี่ยบางๆ ให้ทั่ว..จะดูผิวใสโกลว์ๆ ค่ะ

ซึมซาบได้ไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทิ้งคราบขาวๆ 

ผิวจะรู้สึกตึงๆ และดูเนียนเรียบขึ้น เหมือนทาเมคอัพเบสไว้นั่นเองค่ะ

เท่ากับกันแดดด้วย เป็นเบสใสๆ เพื่อปรับสภาพผิวในเรียบได้ด้วย..อ่ะเริ่ดๆ อยู่นะ


ยังมีอีก 2 แบรนด์ที่ Exclusive ไม่แพ้กัน 

แต่ว่าเกี่ยวกับผม และผิวกายค่ะ 




2. ชื่อแบรนด์ : Argelan (อัลจีรัน)

แบรนด์นี้เป็นผลิตภัณฑ์ออแกนิคทั้งหมด

ซึ่งมีตัว Body Cream และ Hand Cream ที่ได้รับการรับรองจาก ECOCERT

ว่าเป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติอย่างแท้จริง 


ตัวที่เรียกว่าชูโรง..โดดเด่น ขายดีสุดๆ ของแบรนด์เลยคือ




นี่เลยค่ะ!!  เป็น Organic Hair Care

 ขนาด 550ml.  ราคาขวดละ 1,150 บาท


เป็นแชมพูเจลสาหร่ายทะเลเนื้อเจลจะช่วยซึมซับสิ่งปรก ที่อุดตันรูขุมขน

ให้สะอาดหมดจด และอีกขวดนึงเป็นทรีทเม้นท์มาส์คโคลนทะเล 

ช่วยเคลือบและกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ในเส้นผม ปราศจากซิลิโคน 

เหมาะกับผิวแพ้ง่าย และสารเคมีที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย


และท้ายสุดที่เราจะกล่าวถึงในบล็อคนี้คือ

แบรนด์ที่เกี่ยวกับเส้นผมโดยเฉพาะค่ะ




3. ชื่อแบรนด์ : Lungta (ลุงต้า)

เป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม..แต่ว่าเป็น Professional Hair Care

เน้นความเป็นสินค้าอันดับ 1 ที่ลูกค้าซื้อแล้วกลับมาใช้มากที่สุด

ในร้าน Matsumoto ที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ


เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผมระดับ Hair Salon มี 2สูตรคือ WhiteSeries 

สูตรสำหรับผมเสียมาก บำรุงล้ำลึกถึงรากผม ช่วยฟื้นฟูผมที่โดนทำลาย

จากการดัดและทำสี  ตัวบรรจุภัณฑ์จะเป็นสีขาวค่ะ


แต่สำหรับพี่วิต้องตัวนี้ค่ะ...เหมาะมาก!!!




PurpleSeries สูตรสำหรับผมลีบและขาดน้ำหนัก ทำให้ผมนุ่มสลวย

ดูมีสุขภาพดีรับรองว่าเห็นผลทันทีตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้

บรรจุภัณฑ์จะเป็นสีม่วงๆ แบบนี้ค่ะ


เห็นมั้ย ความระรานตาในโซน HBA ที่ Tops market มีสิ่งที่น่าสนใจมากๆ

สำหรับสาวๆ ที่รักสุขภาพและความงามอย่างพวกเรา

พี่วิไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ไปญี่ปุ่นแล้วต้องแวะ

ร้าน Matsumoto Kiyoshi ก็ดูสิ!!  มีแต่ของดีๆ ทั้งนั้นเลย!! 


ต้องขอโทษจริงๆ ที่พี่วิไม่อาจรีวิวให้ดูได้ทั้งหมดใน Zone HBA นะ

เพราะว่าของเยอะมาก...ใครแวะไป Tops Market บ่อยๆ อย่าพลาดนะคะ!!


แนะนำว่า...เผื่อเวลาไว้เยอะๆ 

และ!! ไม่ควรพาคุณแฟนไปด้วยค่ะ!!

เพราะจะเป็นการขัดเวลาแห่งความสุข บนสวรรค์น้อย ๆ 

อันเลอค่าของพวกเราค่ะ 5555++




Create Date : 03 พฤษภาคม 2557
Last Update : 4 มิถุนายน 2557 13:29:02 น.
Counter : 20862 Pageviews.

0 comment
Review: แชมพูขจัดรังแค "CLEAR" เคลียร์ ซากุระ เฟรช จุดจบของรังแค

วันนี้มาพูดถึงแชมพูขจัดรังแคกันหน่อยค่ะ
พี่วินี่ ลูกค้าตัวยง ของแชมพูขจัดรังแคเลยนะ
คือใช้แชมพูทั่วไปได้นะ แต่ต้องเลือกมากหน่อย
เพราะบางทีใช้แล้วจะคันหนังศรีษะ เคยไม๊?? คือไม่ได้คันแบบธรรมดานะ
คันแบบลึกมาก เกาแล้วก็ไม่หาย ผลาญหงุดหงิด เสียบุคลิกด้วยนี่สิ
เกามากๆ หรือแม้บางทีไม่เกา ก็ลอกเป็นสะเก็ดรังแคเลย

พี่เลยตัดปัญหาซื้อแบบขจัดรังแคติดไว้ตลอด
ซึ่งในท้องตลาดก็มีหลายแบรนด์มากๆ 
ยิ่งตอนนี้นะ มีหลายกลิ่น หลายสไตล์ เอาใจพวกเราสุดๆ

ล่าสุดที่เห็นเลยนะ  และที่วันนี้จะมารีวิวถึงคือ
“เคลียร์ซากุระ เฟรช”




ซึ่งตอนนี้เอาใจสาวๆ ที่ชอบอะไรที่เป็นญี่ปุ่นๆ 
แล้วถ้าพูดถึงประเทศญี่ปุ่น ต้องนึกถึง"ดอกซากุระ" ดอกไม้ประจำประเทศที่จะเบ่งบานให้คนญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้สัมผัสความงามและความหอมยั่วยวนได้แค่1 อาทิตย์ใน 1 ปีเท่านั้น


ทางเคลียร์บอกว่า....

 งานนี้ ใครที่ไม่ได้ไปญี่ปุ่นหรือไปแล้วพลาดโอกาสเห็นดอกซากุระก็ไม่ต้องวอรี่เพราะตอนนี้นอกจากจะได้สัมผัสความหอมของซากุระเหมือนอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่นแล้วผมยังสวยไร้รังแค ในขั้นตอนเดียวอีกด้วย กับ 
“เคลียร์ ซากุระ เฟรช” ครั้งแรกของแชมพูขจัดรังแคกลิ่นซากุระ
ที่ให้ทั้งผมหอมกลิ่นซากุระสดชื่นยาวนาน 
และความมั่นใจไร้รังแคในขวดเดียว

 สำหรับใครที่ไม่ค่อยชอบใช้แชมพูขจัดรังแคเพราะกลิ่นของแชมพูยังไม่ถูกใจ ต้องลอง “เคลียร์ซากุระ เฟรช” รับรองจะติดใจไม่ว่าจะสะบัดผมกี่ครั้งก็มั่นใจหายห่วง ว่าผมจะหอมกลิ่นซากุระสดชื่นยาวนาน 


ด้วยสารสกัดจากดอกซากุระผสานอานุภาพของเทคโนโลยี

นูเทรียม 10 (Nutrium10)


จุดจบของรังแค  ของดีต้องบอกต่อ



อ่ะในเมื่อเค้าท้าเราซะขนาดนี้ 

คงต้องลองกันซักหน่อยค่ะ


เริ่มจากดู บรรจุภัณฑ์ กันสักนิด

ขวดเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยม สีขาวขุ่น






ฝาเปิด-ปิด 

แค่ดันขึ้นและปิดเบาๆ 







เนื้อแชมพู

เป็นสีขาวขุ่น

มีความเหนียวหนืดกำลังดี

ใช้เพียงเท่านี้ต่อครั้งก็สระสะอาดแล้วค่ะ






กลิ่น

เป็นกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้

คือเจ้ยังไม่เคยไปญี่ปุ่นนะ เลยไม่รู้ว่ากลิ่นดอกซากุระเป็นเยี่ยงไร

แต่ถ้านี่คือกลิ่นของดอกซากุระ..พูดเลยว่า..หอมจัง!! อยากไปญี่ปุ่นเลย ^^






ความรู้สึกหลังใช้ 1 อาทิตย์


พี่วิเป็นคนสระผมวันเว้นวันค่ะ เพราะเป็นคนผมมันง่าย ลีบแบน

หลังใช้ “เคลียร์ ซากุระ เฟรช” แล้ว


1. ไม่คันหนังศรีษะค่ะ

2. ไม่มีรังแค

3. กลิ่นหอม

4. ผมไม่ลีบแบน


แค่ 4 ข้อนี้พี่ว่าก็เพียงพอสำหรับพี่แล้วค่ะ ตอบโจทย์พี่ได้ทุกข้อ

ถือว่าเป็นแบรนด์ม้ามืดสำหรับพี่มากๆ เพราะไม่เคยใช้มาก่อนเลย



พอลองแล้วรู้สึก!! เออ..ทำไมเราปิดกั้นตัวเองใช้แต่อะไรเดิมๆ มาตลอด

คือด้วยความเป็นคนมีรังแคไง...ใช้อะไรก็คัน..เลยไม่ค่อยอยากเปลี่ยน

พอวันนี้เปลี่ยนมาทดลอง “เคลียร์ ซากุระ เฟรช”

แล้วรู้สึก พอใจมากๆ ค่ะ



ตอนนี้มั่นใจ!! ท้าให้พิสูจน์เลยค่ะ 

ผมหอมและไม่มีรังแคแน่นอน!!







ส่วนสาวๆ บางคนที่ไม่ได้มีรังแคแบบพี่วิ เอ๊ะ..ใช้แล้วจะเป็นอย่างไงสามารถดู Comment ได้จาก 2 สาวนี้ได้เลยค๊า



Me.Melissa  น้องเมย์ >> //www.bloggang.com/viewblog.php?id=melissa-me&date=03-05-2014&group=3&gblog=31


และ 

Sp Saypan   น้องสายป่าน >> //www.bloggang.com/mainblog.php?id=saypan&month=03-05-2014&group=1&gblog=23




เคลียร์รังแค กับ “เคลียร์ ซากุระ เฟรช” ได้แล้ววันนี้

ขนาด 380 มล. ราคา 139 บาท


ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านค้าทั่วประเทศ

“เคลียร์ ซากุระ เฟรช” กลิ่นซากุระสดชื่นยาวนาน จุดจบของรังแค







Create Date : 03 พฤษภาคม 2557
Last Update : 10 พฤษภาคม 2557 10:47:21 น.
Counter : 14708 Pageviews.

0 comment
How to: การเปลี่ยนสีผมพร้อมปิดหงอกด้วยตัวเอง..ง่ายจะตาย!!
สวัสดีค่ะสาวๆ 
วันนี้ไม่มี How to Makeup มาให้ดูนะ

แต่ว่ามา How to ย้อมผมปิดหงอกมาฝากกันค่ะ!!!
วัย 40+ อย่างพวกเรา สังขารค่ะ..สังขาร..หลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ



และสาวๆ หลายคนที่ยังไม่สูงวัยเยี่ยงพี่..แค่ 20 ต้นๆ 
บางคน!! ก็เริ่มมีน้องหงอกมาเยือนกันแล้ว..ใช่ไม๊คะ??

ไม่ต้องเสียใจค่ะ..ไม่ต้องเสียใจ!!...คุณมีพี่เป็นเพื่อนแล้ว5555++
ของพี่วินะ...ประจานแนวหน้าเลย..ด้านในไม่ค่อยมี!!
แต่ดันขึ้นตลอดแนวขอบหน้าผาก..เรียกว่าประจานวัยกันสุดๆ ค่ะ
นี่พูดเลยนะ..ว่าเซ็งมาก!! พยายามทำใจมาหลายปีแล้ว..แต่ยังไม่ชิน555++


วิธีจัดการน้องหงอกของพี่วิเหรอคะ??
ก็จะมีทั้งเก็บเฉพาะโคนผม
และเปลี่ยนสีตั้งแต่โคนถึงปลายผมค่ะ

ถ้าเป็นรหัสสีเดิมๆ แบรนด์เดิมๆ ที่ใช้อยู่ตลอดๆ 
1. พี่จะเก็บสีเฉพาะโคนผมตรงที่หงอก หรืองอกยาวขึ้นมาใหม่ 
2. โดยการแบ่งสีย้อมผมออกเป็น 3-4 ส่วน กะเอาค่ะใช้เมจิกขีดไว้เป็นเส้นขั้นๆ
3. การเก็บเฉพาะโคนจะทำทุก 2 อาทิตย์ ประมาณ 3-4 ครั้ง ก็จะหมดกล่องพอดีค่ะ
4. ครั้งที่ 4 จะเก็บสีตั้งแต่โคน ถึงปลายผมเลยค่ะ

ถ้าระหว่างใน 2 เดือนนั้นอยากเปลี่ยนเป็นสีเฉดอื่นๆ ไปเลย
ก็จะทำตั้งแต่โคนผมถึงปลายเลยค่ะ
แต่ส่วนใหญ่จะรอทำตอนรอบที่  4 ค่ะ
คือเปลี่ยนเฉดด้วยแล้วเก็บทั่วตั้งแต่โคนสุดปลายทีเดียวเลย
แล้วซื้ออีกกล่องมาเก็บไว้เพื่อรอเก็บโคนทุกๆ 2 อาทิตย์ต่อไปค่ะ

ด้วยความที่เราต้องย้อมกันบ่อยมากๆๆๆๆ
สิ่งที่พี่ตระหนัก คำนึง นึกถึงมากๆ คือตัวผลิตภัณฑ์ค่ะ
เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราต้องใส่ใจมากๆ ซึ่งจะต้องมี 6 ข้อนี้มาก่อนเลยคือ....
1. ต้องไม่มีแอมโมเนีย
2. ต้องไม่แสบหนังศรีษะ
3. ต้องไม่เหม็นฉุน ถ้าหอมได้ยิ่งดี
4. สีต้องติด..ไม่ใช่ล้างผมเสร็จ!! อ้าววว..หงอกยังอยู่
5. สีต้องสวย 
6. ราคาต้องจับต้องได้จ้า..เพราะต้องทำบ่อยนะ

พี่วิมีแบรนด์ในดวงใจอยู่ 2 แบรนด์ค่ะ
น้องๆ เพื่อนๆ ที่ตามพี่วิในเพจจะทราบกันดีอยู่แล้ว

แต่วันนี้!!!  แบรนด์นึงที่พี่ไม่เคยใช้!! แต่จะลอง!! (นี่ขอยอมรับกันตรงๆ เลย!!)
พูดเลยว่าไม่เคยอยู่ในสายตา..เวลาเลือกซื้อเลย!! ...
เพราะปกติ ถ้าพี่วิจะซื้อผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผม
พี่จะซื้อทึ่ร้านขายส่งหรือร้านอุปกรณ์เกี่ยวกับทำผม

ที่ร้านแสงเจริญตรงปากซอยเพชรบุรี 15 ซึ่งไปแทบทุกอาทิตย์ 
และอีกร้านคือ J&B ปากซอยเพชรบุรี 31 ค่ะ..ซึ่ง 2 ร้านนี้สินค้าราคาถูกมากกว่า
ที่ซื้อในศูนย์การค้าค่ะ ในร้านแรกไม่มีแบรนด์นี้ และร้านที่ 2 พี่ไม่เห็นนะ 
หรืออาจจะไม่ได้สังเกตุ!! 

หลายครั้งนะ!! เวลาพี่พูดเรื่องการเปลี่ยนสีผมในเพจ..
ว่าวันนี้ถึงเวลาเก็บสีนะ ครั้งนี้ใช้ของอะไรบ้าง?? 
เพื่อนๆ น้องๆ ก็จะแนะนำชื่อแบรนด์โน้นนี้ขึ้นมา..น่ารักมาก..
ถือเป็นการช่วยกันแชร์กัน..พี่ชอบ!!

ซึ่งเป็นข้อดีที่เรามีเพื่อนๆ น้องๆ เยอะ..
มีส่วนให้เราได้ยิน ได้รู้จัก และอยากทดลอง
มีแบรนด์แนะนำกันมาตลอดๆ บอกว่าหอมๆ ไม่แสบหนังศรีษะด้วย!!
จนทำให้พี่อยากรู้อยากเห็น!! 5555++ และแอบไปสืบ..จนต้องลองซื้อมา
นั่นคือ Ganier Olia!! 




  วันนั้นเลยตัดสินใจซื้อจาก Tops มา 2 กล่องค่ะ

พอถึงบ้านปุ๊บเจอ E-mail ติดต่อมาว่า
จะส่งผลิตภัณฑ์มาให้ทดลองใช้!! 
คุณพระ!! ..นี่เราตัดสินใจเร็วไป หรือเราเปิดเมลล์ช้าไป555++
พี่เลยตอบไปว่า...อ่อ!! นี่เพิ่งซื้อมาเลย..และกำลังจะลอง!! 
ไม่ต้องส่งมาก็ได้...ไม่เป็นค่ะ

พี่เลยติดต่อน้องเมย์ กับน้องสายป่าน The gang!! "Little Beat"
กะว่าจะเล่าสู่กันฟังขำๆ น้องๆ บอกว่าทางแบรนด์ส่งของมาให้แล้ว!! อ่าวววว!!

คุยไปคุยมา..เราเลยสรุปกันว่า
เออ!! เรามา How to การทำสีผมกันไม๊??
เนื่องจากเราทำสีผมกันเองตลอด และทำบ่อย 
ใครมีเทคนิคอะไรบ้าง...มาแชร์กัน!!

เพราะเชื่อว่าบางคน อาจจะยังไม่เคยเปลี่ยนสีผมเอง..
และเรา 3 คนก็มีผลิตภัณฑ์แบรนด์เดียวกันพอดี
แถมยังคนละเฉดสี...เลยตัดสินใจ How to ร่วมกัน
แบบสไตล์ใคร สไตล์มัน เพื่อเป็นประโยชน์ต่อคนอ่านและเราก็สนุกดี!!!


เห็นวิธีของน้องๆ  2 สาวแล้วใช่ไม๊คะ?? 
ถึงตรงนี้มาดูการเก็บหงอกของเจ้กันดีกว่าค่ะ!!




อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมทั้งหมดมีดังนี้

1. ผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผม พี่วิเลือกเบอร์ 3.16 เป็นน้ำตาลเข้ม  ประกายหม่นเหลือบม่วง
2. ถุงมือ ซึ่งจริงๆ จะมีมาให้ในกล่องแล้ว แต่พี่ชอบถุงมือหมอมากกว่าถนัดดี
3. ถ้วย และแปรงป้ายสีผม ใช้ในเวลาที่จะเก็บเฉพาะโคนผม (จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
4. กิ๊บพลาสติกติดผม 6-10 ตัว แล้วแต่ความหนาบางของเส้นผมค่ะ
5. หวีสำหรับแบ่งผม
6. ถุงพลาสติกใบใหญ่กว้างกว่าตัวเราเล็กน้อย
7. วาสลีน หรือปิโตรเลี่ยมเจล
8. ฟอยล์





ขั้นตอนการเตรียมผม

1. ดูว่าผมเราสกปรกเกินไปหรือเปล่า? 
เมื่อวานใช้สเปรย์หรือออยล์สำหรับจัดแต่งทรงผมไม๊?

ถ้าอย่างใดอย่างหนึ่ง ควรสระผมด้วยแชมพูสระผม 1 รอบ
ห้ามเกาหนังศรีษะ และห้ามใช้ครีมนวดนะคะ เพื่อเป็นการทำความสะอาดก่อน 
สีจะได้ติดง่ายขึ้นด้วย จากนั้นซับน้ำแล้วเป่าผมให้แห้ง แล้วแบ่งผมเป็นช่อๆ
ถ้าจะให้ดี หลังสระผมแล้ว ควรเว้นไว้ประมาณ 1 วัน ให้ผมเรามีน้ำมันบนเส้นผมบ้าง
เพื่อให้การเปลี่ยนสีผมมีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ




2. ถ้าผมสะอาดดีไม่มีผลิตภัณฑ์แต่งผมก็ไม่ต้องสระค่ะ แล้วแบ่งผมเลย




3. พี่จะแบ่งเป็น 2 ฝั่งซ้ายขวาก่อนค่ะ 
แล้วมาแบ่งย่อยๆ อีกครั้ง ประมาณ 6 ช่อไว้ก่อน


ขั้นตอนการเตรียมอุปกรณ์

1. เอาถุงพลาสติกใบใหญ่ๆ ที่เตรียมไว้ มาตัดเว้าตรงก้นถุงเป็นคอเสื้อ 
และเว้าแขน 2 ข้าง เราจะได้เสื้อกล้ามพลาสติกแขนกุดตัวใหญ่ๆ สวมทับชุดลงไป
เพื่อป้องกันสีผม โดนตัว และเสื้อผ้าค่ะ จะได้ไม่เลอะเทอะ...
วิธีนี้เหมาะกับสาวๆ ที่มีผมยาวค่ะ

2. นำสีผลิตภัณฑ์มาเทผสมรวมกัน ตามคำแนะนำที่แนบมา 
แล้วเขย่าๆ ให้ส่วนผสมเข้ากัน



3. ทาวาสลีน เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้สีที่อาจตกลงมาเลอะเทอะ
ที่หน้า ใบหูและคอค่ะ พี่จะทาชิดแนวขอบหน้าผาก ตลอดจนถึง
แนวจอนผม ใบหู ท้ายทอยและบริเวณคอด้วยค่ะ




ขั้นตอนการลงสี 

1. ใส่ถุงมือให้เรียบร้อยก่อนค่ะ แล้วเริ่มจากช่อแรกที่อยู่ด้านล่างสุดก่อนค่ะ
2. เราจะทำเฉพาะช่วงปลายผมก่อน คือจะเว้นโคนผมไว้ประมาณ 2" 
3. ให้ลงสีชุ่มๆ จนถึงปลายผมนวดที่ผมเบาๆ เพื่อให้สีติดให้ทั่ว แล้วใช้ฟอยล์ห่อทับไว้
4. ทำไมต้องห่อด้วยฟอยล์?? เนื่องจากสีผมเดิมที่พี่วิทำไว้ค่อนข้างเข้ม 
สีที่มาลงใหม่จะติดยากมาก  การห่อฟอยล์ช่วยให้สีไม่แห้งไว ไม่ระเหยเร็ว 
เหมือนเป็นการ-อบไว้ จะทำให้สีติดได้ง่ายขึ้น 
ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นเทคนิคส่วนตัวของพี่วิเลยค่ะ
5. ทำให้ครบทุกช่อแล้วทิ้งไว้ 40 นาทีค่ะ
6. อย่าลืมนะ อย่าพึ่งทำที่โคนผม เดี๋ยวเรามาเก็บทีหลัง




ขั้นตอนการเติมโคนผม

1. เมื่อครบ 40 นาทีแล้ว เรามาแกะฟอยด์ออกกันเลยค่ะ
2. เริ่มแกะจากช่อล่างสุดก่อนดูว่าสีผม เริ่มติดไม๊?? แล้วแกะออกให้หมด
3. ถ้าน้ำยาเปลี่ยนสีผม 1 กล่องหมดแล้วหรือดูว่าไม่พอ ผสมใหม่!! กล่องที่ 2 เลยค่ะ
4. จับช่อแรกที่ด้านหน้าตรงหน้าผาก แล้วลงสีจากโคนผม
ให้ทั่วถึงในจุดที่เราเว้นไว้ในตอนแรก
5. ลงให้ทั่วโคนผมทุกช่อที่เราเคยเว้นไว้ค่ะ เน้นตรงผมขาวเยอะๆ ชุ่มๆ ค่ะ
6. จากนั้นนวดศรีษะเบาๆ เพื่อให้สีกระจายให้ทั่วถึง แล้วทิ้งไว้อีก 30 นาที




***ทำไมต้องมาลงสีที่โคนผมทีหลัง!! 
เพราะโคนผมอยู่ติดหนังศรีษะค่ะ ในบริเวณนี้จะเป็นผมที่งอกยาวออกมาใหม่
และมีอุณหภูมิอุ่นๆ ที่หนังศรีษะด้วย..จะทำให้สีผมติดไวกว่าช่วงอื่นๆ มาก 
ถ้าเราลงสีที่โคนผมพร้อมปลายผม และทิ้งไว้ในเวลาที่เท่ากัน 
จะทำให้สีตรงโคนผมอ่อนและสว่างกว่าส่วนอื่นๆ 
ทำให้สีที่ออกมาไม่เนี๊ยบ!! ไม่สม่ำเสมอค่ะ  
โคนแดงปลายดำอะไรแบบนั้นเลยค่ะ

เมื่อครบตามเวลาแล้ว ไปล้างผมกันค่ะ!! ยังต้องใส่ถุงมืออยู่นะ!! 
ล้างด้วยน้ำเปล่าธรรมดาอย่างเดียวค่ะ
ถ้ายืนสระกับฝักบัวจะสะอาดกว่ามาก!! เพราะเราจะได้ใช้ทั้ง 2 มือนวดเบาๆ 
เพื่อล้างสีให้ทั่วทั้งหนังศรีษะได้ค่ะ...

ขอย้ำ!! ตอนสระผมยังต้องใส่ถุงมืออยู่นะคะ..
ไม่อย่านั้นเล็บจะเปลี่ยนไปตามสีผมที่เราย้อม..ซึ่งจะสีขมุกขมัวเล็บดำเลยทีเดียว 
ล้างน้ำเปล่าจนรู้สึกสะอาดสุดๆ แล้วให้นวดบำรุง
ด้วยคอนดิชั่นเนอร์ หรือครีมนวดที่มีมาให้ในกล่องค่ะ นวดทิ้งไว้ 5-10 นาที 
เพื่อล็อคสีไว้และบำรุงให้ผมนุ่มลื่นค่ะ


จากนั้นซับผม และเป่าให้แห้งจัดทรงตามต้องการมาดูกันค่ะ..
ว่าผมสีน้ำตาลเข้ม ประกายหม่นเหลือบม่วง เป็นอย่างไรกันบ้าง




ความรู้สึกที่..ชื่นชอบหลังทดลองใช้

1. กลิ่นหอมดีค่ะ
2. ไม่แสบหนังศรีษะ ไม่มีไอฟุ้งๆ ให้แสบตาทั้งที่อยู่ในห้องน้ำแคบๆ 
3. ผมไม่แห้ง หยาบ กระด้างมือค่ะ
4. สีผมติดชัดในความเป็นน้ำตาลเข้มค่ะ และจะเห็นเหลือบม่วงเข้มๆ เวลาอยู่กลางแจ้ง
5. ปิดผมขาว (ผมหงอก) ได้อย่างมิดชิดเลยค่ะ

ความเห็นส่วนตัวที่อยากให้ปรับค่ะ

1. พี่ว่าสีติดช้าไปนิดนึงค่ะ คือต้องไว้นานมากอย่างที่พี่ทำสีถึงจะติด 
โดยเฉพาะผมหงอกและสีถึงจะออกชัดเจน
2. ขวดที่เราต้องถือจับเวลาทำสี รูปทรงน่ารักดีชอบนะคะ!! แต่เวลาที่ถุงมือเลอะสีแล้ว 
ด้วยความที่เป็นทรงกลมและผิวเรียบ ทำให้ขวดลื่นมาก จับไม่ค่อยอยู่ 
และจะทำให้บีบสีออกมายากขึ้นค่ะ
3. ราคาแอบสูงไปหน่อยค่ะ..ถ้าไม่ใช่ช่วงลดราคานี่!! ต้องยืนคิดสักพักค่ะ!!
แต่ถ้าเทียบคุณภาพที่ได้ ทำสีแล้วผมไม่เสีย ก็คุ้มค่าค่ะ

ข้อดีของ Garnier Olia อีก 1 ข้อ..ที่พี่ชอบคือมี ODS ค่ะ
ODS (Oil delivery system) ที่เป็นพลังสารสกัดจากน้ำมันดอกไม้ธรรมชาติถึง 60%
มีดอกทานตะวัน ดอกคาเมลเลีย ดอกแพชชั่น และดอกลิมแนนทิสอัลบา โดยน้ำมัน
จะช่วยผลักเม็ดสีเข้าสู่เส้นผม และไม่ทำให้ผมเสียระหว่างทำสีค่ะ


ความรู้สึกสรุปแบบภาพรวม...ชอบค่ะ!!

เอาละเรามาดูกันว่า...ให้ลุคไหนกับพี่วิได้บ้าง...





หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกๆ คนนะคะ..ไว้จะหาเทคนิคอื่นๆ มาแชร์กันอย่างนี้อีก!!

ดูกระทู้ที่พวกเราลงด้วยกันได้ที่นี่ค่ะ --> //pantip.com/topic/32082155

วันนี้พวกเรา 3 สาว Little Beat น้องสายป่าน น้องเมย์ และพี่วิ ต้องบ๊ายบายกันไปก่อน..
ไว้พบกันใหม่ครั้งต่อไป..สวัสดีค๊า... ^_^



Create Date : 29 เมษายน 2557
Last Update : 21 พฤษภาคม 2557 11:40:14 น.
Counter : 40380 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  

beauty4ties
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 157 คน [?]



หวัดดีค๊า...วิค่ะ "งานไม่ใหญ่แน่นะวิ" ^_^

วิเริ่มเขียนบล็อกมาถึงปี 2566 นี้ก็น่าจะเกือบๆ 10 ปีได้แล้วหล่ะค่ะ ผลุบโผล่เป็นช่วงๆ หลักๆ วิเขียนรีวิวค่ะ ปัจจุบันก็พึ่งเริ่มหัดเป็นแม่ค้ามือใหม่

อยากเห็นทุกคนมีรอยยิ้มทุกวันน๊า..^_^

ฝากกดติดตาม Blog นี้กันด้วยนะคะ วิจะกลับมาอัพเดท เรื่องในวัย 50 ให้มากขึ้น นอกจากที่บล็อกนี้แล้ว..ทุกคนสามารถติดต่อพูดคุยกับวิทุกวันได้ที่ Facebook นะคะ --> Beauty4ties

ขอบคุณทุกคนค่ะ ^^
New Comments