เมื่อผมยกระดับเป็นอาจารย์หมอ --เนียนนนนนน
ไม่รู้เคยบอกไปหรือเปล่าว่าตอนนี้ผมกำลังขึ้นวอร์ดอยู่ที่แผนกฝังเข็ม หลังจากขึ้นเดือนที่สองฝีมือเริ่มแกร่งกล้า อ.ปล่อยให้รับคนไข้เป็นของตัวเอง ก็มีตั้งแต่โรคที่ไม่ยากเท่าไรอย่างปวดไหล่ ปวดเอว หนักหน่อยก็กระดูกต้นคอทับเส้นประสาทมือชา หน้าเบี้ยว ตาปิดไม่สนิท พากิสัน(สั่นไม่เลิก) เคสที่หนักสุดคืออัมพฤกษ์ ร่างกายครึ่งซีกกระดิกไม่ค่อยได้
ก็สนุกดีนะครับที่เวลาฝังเข็มรักษาให้คนไข้แล้วเขาบอกว่าดีขึ้น แม้ผลมันจะไม่ได้รวดเร็ว แต่ว่าบางโรคการรักษาด้วยวิธีอื่นก็จนปัญญาครับ ต้องฝังเข็มเท่านั้น
เมื่อวานนี้ผมก็นัดคนไข้มาฝังเข็มตามปกติครับ แต่ที่พิเศษก็คือมีเด็กนศ.แพทย์ปีสามชาวจีนราว 20 คนมาดูงานแผนกฝังเข็มในวันนี้ด้วย ที่จีนเขาจะให้นศ.ได้มาดูงานในรพ.ทุกอาทิตย์แล้วแต่วิชาไป กองทัพเสื้อกราวน์ขาวก็เลยมาแออัดกันแน่นเต็มแผนกครับ
นี่ไม่ใช่อาทิตย์แรกที่พวกเขามาหรอกครับ แต่ว่าก่อนหน้านี้ไม่ค่อยเกี่ยวกับผมเท่าไร เพราะมีรุ่นพี่ที่แกร่งกล้าสามารถกว่าผมอยู่ และอีกอย่างถึงภาษาจีนผมจะพอไหว แต่ก็ประหม่ายามที่ต้องพูดอธิบายต่อหน้าชุมชนด้วยภาษาของพวกเขาเอง มันมีศัทพ์เฉพาะหลายๆอย่างที่ผมยังจำไม่ได้และไม่คล่อง อาทิตย์ก่อนๆก็เลยรอดตัวปล่อยให้รุ่นพี่คนจีนอธิบายให้น้องๆฟังกันไป
แต่อาทิตย์นี้รุ่นพี่ต่างไม่อยู่ครับ และนศ.ยี่สิบคนจะให้ไปอัดกับรุ่นพี่ที่เหลืออยู่คนเดียวก็ไม่มีที่ ขณะที่ผมกำลังจะเริ่มลงเข็มคนไข้อัมพฤกษ์ อ.ก็มีบัญชามาให้นศ.มาอยู่กับผมห้าคน เอ๋อเหรอไปเลยครับ อืม เอาวะ ทำไงได้ ใจคิดไปก็คว้าเข็มสามสิบกว่าเล่มมาคีบอยู่ในมือซ้าย มือขวาถือสำลีชุบแอลกอฮอล์เดินเข้าสู่เตียงคนไข้โดยมีนศ.ยืนรอต้อนรับอยู่ด้วยใบหน้าหิวกระหายความรู้ ผมเป็นคนตัวเล็กครับ แต่วินาทีนั้นรู้สึกว่าตัวเองใหญ่โคตร
ประหม่านะครับ แต่สมองก็คิดไปว่าจะพูดอะไรวะ ก็เริ่มจากถามอาการคนไข้ว่าดีขึ้นไหม แนะนำอาการคนไข้ให้นศ.รู้คร่าวๆ
"เอาละ คนไข้รายนี้เลือดออกในสมองเมื่อเดือนก่อน ทำให้ร่างกายฝั่งซ้าย แขน ขา ขยับไม่สะดวก กลายเป็นอัมพฤกษ์ ตามทฤษฎีแพทย์จีนของเรา เวลาเจอคนไข้อัมพฤกษ์เราจะเน้นที่จุดลมปราณฝั่งหยาง สาเหตุเพราะเส้นลมปราณหยางมีเลือดและลมปราณเคลื่อนไหวอยู่เยอะ และตามสรีระวิทยาแล้วกล้ามเนื้อที่บังคับการเคลื่อนไหวจะอยู่ส่วนนี้เป็นหลัก" โอ้โห เปิดตัวดูดีโคตร นศ.พยักหน้ากันสลอน
"แผนกฝังเข็มของเรา การฝังเข็มที่หัวถือว่าเป็นอะไรที่โดดเด่น เพราะว่าบนหนังหัวจะมีบริเวณที่สัมพันธ์กับสมองอยู่ เพราะฉะนั้นการฝังเข็มกระตุ้นบริเวณหนังหัวก็คือการกระตุ้นสมองอย่างนึง" นศ.พยักหน้าหงึกๆๆๆ ชักคึกเว้ยเห้ย
"จากจุดไป่หุ้ยกลางกระหม่อม เยื้องไปข้างหลัง 0.5ซม. จากจุดนี้ลากเส้นลงมาตรงแถวๆจอนผมเป็นส่วนที่สัมพันธ์กับสมองส่วนควบคุมการเคลื่อนไหว แบ่งเส้นนี้ออกเป็นห้าส่วนเท่าๆกัน 2/5 บนคุมขา 2/5กลางคุมแขน 1/5ล่างคุมบริเวณใบหน้า" ใจเริ่มมาชักฝอยแหลก คล่องปากซะ
เนื่องจากว่าอัมพฤกษ์ต้องฝังเข็มค่อนข้างจะมากอยู่ครับ เลยถามจุดลมปราณกับน้องๆเขาบ่อยๆนัยว่าจะได้ทวนเนื้อหาที่เขาเรียนมาในห้องด้วย แล้วถ้าตอบไม่ได้ละก็ ผมก็จะขึ้นเสียงเล็กๆว่า
"อะไรไม่รู้เหรอจุดนี้ เปิดหนังสือ!ไม่รู้ก็เปิดหนังสือ ถือหนังสือไว้ทำไม" ได้โอกาสเลยทำเป็นดุซักหน่อย ฮ่าๆๆๆๆๆ น้องก็เปิดกันใหญ่เลยครับ พลิกหนังสือหากันไฟแลบเลย
อ้าว ไหนตอนแรกบอกว่าไม่คล่องไง ก็ไม่คล่องนะสิครับ แต่ว่าก็ยังคล่องกว่านศ.ที่พึ่งเรียนในห้องเรียนกันมา ส่วนอันไหนไม่คล่องเราก็สามารถเนียนได้ เช่น ผมไม่รู้ว่าจุดนี้อยู่บนกล้ามเนื้อมัดที่ภาษาจีนเรียกว่าอะไร แต่รู้ว่ามันอยู่ตรงนี้แหละ แทนที่ผมจะถามว่ากล้ามเนื้อมัดนี้มีจุดลมปราณอะไร ก็ถามเป็นจุดลมปราณนี้อยู่ที่ไหน แล้วนศ.ก็เปิดหาคำตอบจากหนังสือมาประเคนให้เอง พอผมฟังคำตอบก็จะรู้ว่าถูก เพราะคุ้นคำตอบแต่พูดออกมาเองไม่ได้ ผมก็จะพยักหน้าเล็กน้อยพร้อยรอยยิ้มหวานๆให้กับคนตอบเป็นการชมเชยและขอบใจที่ช่วยชีวิต ฮ่าๆๆๆๆ เนี้ยนนนนนนนนนนนนนน
ระหว่างนั้นถ้าผ่านจุดไหนที่มีอิทธฤทธิ์รักษาโรคได้ดีผมก็จะบอกเขาไปด้วย เช่น จุดนี้รักษาโรคกระเพาะได้ดีนะ โดยเฉพาะกรดในกระเพาะมากเกินไป หรือจุดนี้รักษาโรคปวดไหล่ได้ดีนะ
จุดนี้รักษาโรคกรนได้ดีครับ คิดว่าคนไข้คงไม่กล้ากรนอีกเพราะกลัวโดนแทงเข็ม
นอกจากอธิบายตำแหน่งและวิธีหาจุดลมปราณแล้ว ก็ยังมีการแนะนำเทคนิคการแทงต่างๆ เช่น
"ถ้านิ้วมือแข็ง แบมือไม่ได้ละก็ ให้แทงจากจุดโห้วซี ชี้เข็มไปทางเหอกู่นะ (แทงเข็มจากฝั่งนิ้วก้อยของมือให้ปลายเข็มเกือบไปสุดมือทางด้านนิ้วโป้ง)" หรือ "ถ้าน้ำลายไหลก็สามารถแทงตี้ชางชี้เข็มไปทางเจี๋ยเชอนะ" (แทงจากขอบริมฝีปากให้เข็มชี้ไปทางหู)
ความเร่าร้อนในการบรรยายก็ครุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งแทงเข็ม ยิ่งบรรยาย ยิ่งมันส์ ชักรู้สึกร้อนๆเหงื่อออก ตอนแรกนึกว่าใจเรากำลังร้อนซะอีก แต่พอมองไปรอบๆ จากตอนแรกน้องๆรุมห้าคน เป็นสิบ เป็นสิบห้า ล้อมมุงผมไปหมด อ้าวมันมาจากไหนกันเยอะแยะวะ ถึงว่าทำไมร้อน
มีอยู่ตอนนึงน้องนศ.เขามีคำถามเขาก็ถามว่า "เหล่าชือ (อาจารย์) คะ จุดนี้มัน..............." เกิดอาการปรับตัวไม่ทันอย่างกระทันหัน คือเหมือนกับตอนแรกที่โดนเรียกหมอๆไม่คุ้นยังไง ตอนนี้ก็ไม่คุ้นกับการโดนเรียกครูๆยังงั้นแหละครับ ปลื้มชอบกลเลย
เข็มสุดท้ายถูกบรรจงฝังลงที่โคนนิ้วก้อยที่เท้า พร้อมกับจบเล็คเชอร์โดยอ.หมอเชน ก่อนที่ผมจะเดินเข้าไปกินน้ำในห้องพัก พอผมเจอหน้าอ.ผมก็บอกกับแกว่า "อ.ครับ ผมรู้แล้วว่าเป็นอ.มันช่างเหนื่อยจริงๆ" อ.หัวเราะชอบใจใหญ่
สรุปฝังเข็มคนไข้คนนั้นใช้เวลาประมาณยี่สิบนาที และผมอัพเกรดยกระดับตัวเองจากเป็นนศ.----> มาขึ้นวอร์ด----> มาเป็นหมอของคนไข้ ----> และเป็นอาจารย์หมอของน้องๆภายในเวลาสามเดือนเศษ ไม่เลวเหมือนกันนะเนี่ย
Create Date : 18 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 18 ตุลาคม 2551 5:43:35 น. |
|
12 comments
|
Counter : 636 Pageviews. |
|
|
|
โอ๊ย น่ากลัวอะ