เชน หยินและหยาง

หมอจีนรู้อะไรจากประจำเดือน 2 (ภาคตอบคำถาม)


หลังจากได้รับคำถามแล้วกลับมานั่งพิจารณา
ก็เห็นซึ้งถึงสัจธรรมว่า อุเหม่
การให้คำปรึกษาโดยไม่จ่ายยาหรือฝังเข็มนี่ช่างยากจริงหนอ คือผมอธิบายได้ครับว่าทำไมมันถึงมีอาการแบบนี้ๆๆ
แต่การจะบรรเทาอาการเหล่านั้นโดยให้คุณแค่กลับไปปฎิบัติตัวใหม่เนี่ยมันได้ผลช้าและไม่ชัดเจน
อีกทั้งยังอาจจะทำให้คุณเสียเวลาพลาดโอกาสที่ดีที่สุดในการรักษาไป
เพราะฉะนั้นเอนทรี่นี้จึงเหมือนเป็นการตอบคำถามกว้างๆไว้ประกอบการตัดสินใจในการเข้ารับการรักษาต่อไปครับ หากใครต้องการคำตอบที่ชัดเจนกว่านี้อีกก็เชิญหลังไมค์ละกันครับ



แล้วประจำเดือนแบบไหนที่เรียกว่าปกติล่ะคะ



ผมขอหยิบคำตอบที่มีอยู่แล้วมาตอบละกันนะครับ
หลักๆก็คือให้ดูว่า
1.ประจำเดือนมาครั้งละกี่วัน
2.รอบเดือนนานแค่ไหน 3.ปริมาณของเลือดที่มามากน้อยเพียงใด
ดังนี้ครับ


"ประจำเดือนปกติ

ประจำเดือนคือเลือดที่ออกจากโพรงมดลูกเป็นรอบๆ
ห่างกันทุก
28
วัน ผิดพลาดได้ไม่เกินบวกลบ 7 วัน หมายความว่า
บางเดือน หรือ ของ บางคน
รอบของประจำเดือนอาจจะเป็น
21 วัน 22 วัน หรือ30 วัน 35 วันก็ได้ ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ระยะเวลาที่มีเลือดประมาณ
2-7 วัน โดยปริมาณเลือดที่ไหลออกมาทั้งหมด
ราวๆ
20-60
ซีซี (30-80 ซีซี เพิ่มเติม
ใช้ผ้าอนามัยไม่เกินยี่สิบแผ่น
- ผู้เขียน) ต่อรอบ

เด็กสาวที่เริ่มมีประจำเดือนใหม่ๆ
ในช่วง
1-2
ปีแรก
จะมีประจำเดือน ไม่สม่ำเสมอ
รอบมักจะยาว บางคน 2-3 เดือนจึงจะมาสักครั้ง เนื่องจากการทำงานของรังไขยังไม่ค่อยสมบูรณ์
ทำให้ไข่ตกไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือน

จึงมาห่างๆ
และมักจะมามากนานหลายวัน หลังจากนั้น
เมื่อเข้าที่เข้าทางก็จะมีรอบเดือนสม่ำเสมอมากขึ้น เพราะมีการตกไข่ ทุกเดือน


ปัจจัยที่ทำให้มีประจำเดือนเร็วหรือช้า
ขึ้นอยู่กับพันธุกรรม เชื้อชาติ สิ่งแวดล้อม
แสงสว่าง ความอ้วน ผอมของร่างกาย
สุขภาพทั่วไป สภาวะ ทางจิตใจ
และเชื่อหรือไม่ คนที่อาศัยอยู่ในเมือง
หรือประเทศใกล้เส้น ศูนย์สูตร

พื้นที่ระดับน้ำทะเล
เช่น กรุงเทพมหานคร จะมีประจำเดือน เร็วกว่าพวกที่อยู่ในชนบทไกลจากเส้นศูนย์สูตร
หรืออยู่บนยอดเขา เช่น ธิเบต เป็นต้น
ที่น่าแปลกก็คือมีการศึกษาพบว่าเด็กที่ตาบอดกลับมีประจำเดือนเร็วกว่าเด็กปกติ
แสดงว่าแสงสว่างน่าจะมีผลต่อการ มีประจำเดือนด้วย"



มาช้าจังว้อย จะมาไม่มาวะ



บางคนประจำเดือน
มาสองสามเดือนครั้ง บางคนมาห้าหกเดือนครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้ผมคงต้องตั้งข้อสงสัยแล้วละครับว่าคุณมีการตกไข่หรือเปล่า ถ้าร่างกายไม่ตกไข่ มันก็จะไม่มีประจำเดือนมาครับ
แต่ในบางคนประจำเดือนก็จะมาเป็นลักษณะกะปริบกะปรอย เป็นเวลานานไม่หยุดสักที สองอาการนี้อาจจะสลับกันเกิดไปมาก็ได้เช่น
ประจำเดือนไม่มาสามเดือนแล้วก็กะปริบกะปรอยไม่หยุดเป็นเดือนๆ



ถ้าเป็นเช่นนี้ผมแนะนำให้ไปตรวจครับ
เพราะเป็นได้หลายสาเหตุอยู่ แต่ที่น่าสงสัยที่สุดก็คงเป็น
PCOS เวลาแพทย์จตรวจนั้นก็จะตรวจฮอร์โมนเพศ
มีการอัลตร้าซาวนด์ดูมดลูกและรังไข่ อีกวิธีนึงก็คือการสั่งให้คุณกลับไปวัดอุณหภูมิร่างกายตอนเช้า
(ที่ไทยไม่แน่ใจว่าทำกันแค่ไหน
แต่ที่จีนนี่แทบจะสั่งให้ทุกคนที่ประจำเดือนผิดปกติไปวัดมา
ผมว่าวิธีนี้น่าจะสะดวกดีนะครับ วิธีวัดคือเมื่อตื่นเช้ามาอย่าพึ่งขยับตัว
นอนอยู่บนเตียงก่อน อย่างแรกที่ต้องทำคือคว้าปรอทมาอมไว้ใต้ลิ้นวัดอุณหภูมิไว้สามนาที
แล้วก็จดบันทึกไปเรื่อยๆทุกวัน ทำติดต่อกันอย่างน้อยก็สักสามเดือน ถ้าคุณมีการตกไข่อุณหภูมิร่างกายจะสูงขึ้นประมาณสิบสี่วัน
พอประจำเดือนมาอุณหภูมิก็จะลดลง ถ้าคุณท้องอุณหภูมิจะสูงคงที่ไม่ลดลงอีกครับ วิธีนี้นอกจากจะช่วยในการวินิจฉัยแล้ว
ยังเป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผลการรักษาเป็นอย่างไรบ้าง)
ปัจจุบันนี้PCOSเป็นสาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ประจำเดือนผู้หญิงมาไม่ปกติครับ
สาเหตุของโรคนี้ยังไม่แน่ชัดครับ



ความเป็นไปได้อีกอย่างก็เช่น
ฮอร์โมน
PRL
(ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นการขับน้ำนม)
สูงกว่าปกติ
มันก็คล้ายๆกับว่าหลังคลอดลูกแล้วทำไมประจำเดือนไม่มาก็เพราะฮอร์โมนตัวนี้สูงนั่นแหละครับ
นมมาเลือดหด ก็ว่ากันไป ซึ่งก็ต้องตรวจดูอีกทีว่าสูงแค่ไหน
ถ้าสูงมากก็อาจจะต้องเช็คสมองดูว่ามีเนื้องอกอะไรหรือเปล่าที่ทำให้ฮอร์โมนตัวนี้มีค่าสูงผิดปกติ
อาจจะตรวจด้วยการเจาะเลือดได้เหมือนกัน ในที่นี่คนที่มีฮอร์โมนตัวนี้สูงไม่จำเป็นที่ต้องมีน้ำนมออกมาทุกคนนะครับ



ส่วนเรื่องกลัวการขึ้นขาหยั่งอย่างที่ใครหลายคนอายและกังวลกันนั้น
ผมจะบอกให้สบายใจว่าไม่ต้องกลัวไปครับ ยังไงก็หนีไม่รอด ฮ่าๆๆ มันหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้วครับ
เพราะฉะนั้นเชิญทำใจไปซะแต่เนิ่นๆเลย



ถามว่าต้องตรวจไหม
ควรตรวจครับ ตอนนี้คุณอาจจะไม่รู้สึกว่าประจำเดือนมาช้าเป็นปัญหาอะไร
ดีเสียอีกประหยัดค่าผ้าอนามัย ไม่เลอะเทอะหงุดหงิด หรือปวดท้อง
แต่วันใดที่คุณอยากมีลูกแล้วมันมีไม่ได้เนี่ย ผมว่ามันไม่ค่อยคุ้มกันนะครับ



คนไข้
PCOS มากินยาจีนกันก็เยอะนะครับ
แล้วก็ได้ผลดีเหมือนกัน แต่ว่าการรักษาต้องใช้เวลาหน่อยครับ
สามารถรักษาควบคู่กันไปกับยาแผนปัจจุบันได้ครับ




ส่วนเรื่องอาการต่างๆที่เกิดขึ้นก่อนประจำเดือนมาและพร้อมกับประจำเดือนมา
ผมขอเอาข้อมูลจากวิกิพีเดียไทยมาอ้างอิงครับ สังเกตที่ผมไฮไลท์ไว้นะครับ


กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน
(
premenstrual
syndrome)


เป็นอาการที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนมีประจำเดือน
1-2 สัปดาห์ ซึ่งเป็นช่วงหลังไข่ตก
อาการที่พบบ่อย ได้แก่ อาการทางกาย เช่น ปวดท้อง
ปวดเมื่อยหลัง
ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย
น้ำหนักขึ้น มีการคั่งของน้ำในร่างกายมากขึ้น เต้านมโตขึ้น รู้สึกตึง เจ็บ ความรู้สึกอยากรับประทานอาหารเพิ่มขึ้น
ท้องอืด ถ่ายเหลว มีสิว
และมีการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรม
จิต อารมณ์ เช่น หงุดหงิด โกรธง่าย
อารมณ์ตึงเครียด
วิตกกังวล หลงลืม ขาดความสนใจไม่มีสมาธิ รู้สึกโศกเศร้า
นอนไม่หลับ



อาการปวดประจำเดือน
(
dysmenorrhea)



เป็นอาการปวดท้องน้อยในระหว่างเริ่มมีประจำเดือนถึง
8-48 ชั่วโมง เนื่องจากร่างกายมีการหลั่งสาร
prostaglandin
ออกมา ทำให้มีการหดรัดตัวของกล้ามเนื้อมดลูก หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูกมีการหดเกร็งร่วมกับมีอาการปวดเมื่อยหลัง อ่อนเพลีย
เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน ถ่ายอุจจาระเหลว ปวดศีรษะ ง่วงนอน
คล้ายจะเป็นลมความสนใจต่อสิ่งต่างๆ
ลดลง
…”



ที่ผมไฮไลท์ไว้นั้นคืออาการที่หมอจีนและการกินยาจีนสามารถรักษาให้หายได้ครับ หลักๆเลยของอาการพวกนี้เกี่ยวพันอยู่กับสามอวัยวะครับ
นั่นก็คือ ตับ ม้าม และไต (เป็นอวัยวะในทางแพทย์จีน
ไม่ใช่ในสรีระวิทยาแบบแผนปัจจุบัน) อย่างที่ได้ย้ำอยู่บ่อยๆว่า เวลาอารมณ์ไม่ดี
ลมปราณตับเดินไม่สะดวกก็จะมีอาการทางอารมณ์ทั้งหลาย รวมถึงคัดหน้าอก ท้องอืดท้องแน่น


ลมปราณติดขัดนานเข้าก็เลยเกิดไฟกลายเป็นสิวขึ้น
ในบางคนปวดหัว รู้สึกหัวบวมๆ แก้มแดงๆ ร้อนใบหน้า คล้ายเป็นความดันสูงก็มาจากสาเหตุนี้เช่นกัน


หากตับแกร่งมักจะข่มม้ามเป็นไปตามหลักธาตุทั้งห้า(โหงวเฮ้ง)
ม้ามในทางแพทย์จีนคือระบบการย่อยอาหาร เมื่อโดนข่มก็จะทำให้คลื่นไส้
อาเจียน ถ่ายเหลว ถ่ายถี่
คุณอาจจะเป็นคนที่ระบบการย่อยอาหารไม่ดีอยู่แล้วก็เป็นได้ครับ
แต่พอประจำเดือนมาอาการเลยยิ่งหนักขึ้นไปอีก


แพทย์จีนบอกว่าตับกับไตมีแหล่งกำเนิดมาจากเดียวกัน
มีความสัมพันธ์กันเพราะไตเป็นตัวให้กำเนิดตับ ผู้หญิงมีประจำเดือนได้ก็เพราะสารสำคัญที่มาจากไตเป็นหลัก
ประจำเดือนไม่ปกติแสดงให้เห็นว่าไตไม่ดีพอ ตำแหน่งไตอยู่ตรงแถวเอว
เพราะฉะนั้นคนไตไม่ดีจึงปวดเมื่อยแถวเอวหลังครับ ยิ่งเวลามีประจำเดือนมาบางคนจะยิ่งเมื่อยมาก




-------ต่อภาคสอง------







Create Date : 31 กรกฎาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 21:41:50 น. 1 comments
Counter : 524 Pageviews.  

 
เข้ามาอ่านได้ความรู้ดีค่ะ
ขอบคุณนะคะ


โดย: kai (aitai ) วันที่: 31 กรกฎาคม 2551 เวลา:22:10:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aunlamun
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add aunlamun's blog to your web]