A m i l i c i o u s
 
 

(◡‿◡✿) (◕‿◕✿) ภาพงานมีทติ้งที่ดูไบ (◕〝◕) •.★*... ...*★

เอ้า มาแล้วค่ะ ภาพจากงานมีทติ้งเมื่อวันที่ ๕ กันยายน ที่ผ่านมา ณ ห้องอาหาร ไท-ชิ ห้าง Wafi Mall

งานนี้มี “คุณภู” เป็นพ่องานค่ะ คุณภูนี่เพิ่งจะมาถึงดูไบได้ไม่นาน ประมาณเกือบเดือน แต่ไฮเปอร์มาก

มาถึงก็จัดงานนัดเจอกับคนไทยในดูไบเลย ข้าพเจ้าอยู่มาตั้งนมนาน ยังไม่เคยคิดที่จะจัดอะไรเลย
ไม่ใช่อะไรกลัวชาวบ้านเขาไม่มากัน อิอิ...)

งานนี้ก็มีมากันประมาณ ๒๑ คนได้ ครึกครื้นรื่นเริง คุยกันไม่ครบทุกคน
แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับการจัดครั้งแรกค่ะ

ไม่พูดมากล่ะ มาดูรูปกันเลยค่ะ



รูปแรกเป็นสองสาวจาก Emirates Airline ค่ะ

ชื่อน้องแนท กับ น้องน้ำส้ม




*~✿♥♥✿ *~✿♥♥✿



คุณภูู พ่องาน กับ น้องอีฟ ค่ะ



*~✿♥♥✿ *~✿♥♥✿



พี่เบญ Benji กับ คุณโอ๋ Ozzie ค่ะ



คุณมานะ กับ คุณโอ้ว Bossa Hula



น้องโอ๋ Lifesweet กับคุณบอย ค่ะ



Amy กับ แม่ครัวคนเก่งประจำร้านไทชิค่ะ



♥¤..·´¯`·. ◎ ภาพอาหารบางส่วนค่ะ จานนี้เป็นปูนิ่มผัดผงกะหรี่ ◎.·´¯`·...¤♥



ปลาทอดกระเทียม



แกงเขียวหวานไก่ +: εϊз



เมี่ยงคะน้า



ღ ~* ผัดผักรวมมิตร *~ღ



•♥• + ใครเป็นใครบ้างค๊าาาา •♥• +



มุมนี้บ้าง. . .



คู่นี้เค้าน่ารักดีนะคะ



ภาพนี้มืดไปหน่อย



คู่นี้ก็จ้วงกับข้าวใหญ่เยยยยย.....









ถ่ายรูปไว้ได้ไม่เยอะเท่าไหร่นะคะ เพราะถ้ามัวแต่ถ่ายจะกินไม่ทัน เอ๊ย บ้าไม่ช่ายยยยย
รอรูปจากกล้องท่านอื่นด้วยนะเจ้า

ก่อนจะร่ำลากัน ก็มีการถ่ายรูปหมู่กันก่อนจะแยกย้าย. . .



สภาพตัวเองกินจุ หนักท้อง ต้องอุ้มไว้ กลัวจะหลุด หึ หึ. . .



ร่ำลากันด้วยภาพนี้นะคะ ง่วงนอนแล้วล่ะ พรุ่งนี้มีนัดกับหมอที่อนามัยวัดธาตุทอง
โรงบาลที่นี่มันบริการยังกะรัฐบาลบ้านเรา แต่ชาร์จราคาเอกชน




 

Create Date : 07 กันยายน 2551   
Last Update : 8 กันยายน 2551 0:41:17 น.   
Counter : 1065 Pageviews.  


~*~ไปเที่ยวโอมาน ดูปลาโลมาดีกว่า ~*~

จริงๆ แล้วทริปนี้ไปเที่ยวตั้งแต่ชาติปางก่อน คือหลายปีแล้ว

แต่เผอิญไปค้นดูรูปเก่าที่เก็บๆเอาไว้ในหลืบไดรฟ์ซี
เลยจัดการเอามาลงบล็อกซะ


ไฮไลท์สำคัญๆ ในทริปนี้ก็คือการไปดูปลาโลมาที่อาศัยอยู่ในทะเลตามธรรมชาติ
มิได้ดูในตู้หรืออะแควเรี่ยมแต่อย่างใด


ไปได้ประมาณ ๒ ปีแล้วมั้ง ช่วงนั้นขึ้นปีใหม่เสียด้วยสิ
จำได้ว่าประทับใจในตัวทริป แต่ไม่ประทับใจที่พัก เพราะอะไรเดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง


รถตู้ที่ติดต่อที่บริษัททัวร์ไว้มารับแต่เช้า ทริปนี้มีคุณพ่อคุณแม่สามีไปด้วยค่ะ






ช่วงที่ไปนั้นเป็นช่วงอากาศกำลังหนาวเย็น และเป็นช่วงเทศกาล ค่าห้องจำได้ว่าไม่ใช่น้อยเลย
และที่เลือกไปที่นี่ก็เพราะว่า อยู่ไม่ไกล อยู่ติดกับ UAE เลย ประมาณพม่า เชียงราย บ้านเรานั่นล่ะ
อีกอย่างมีร่ำลือว่าไปที่นี่ต้องไปดูปลาโลมา เพราะได้ feel มากกว่าไปดูตามอะแควเรี่ยมอ่ะแหล่ะ ซึ่งก็แหงอยู่แล้ว

ตรงนี้คือชายแดนโอมาน UAE







่วิวข้างทาง




ถึงแล้วค่ะ หน้าโรงแรม







แน่ใจเหรอว่า ๔ ดาว???? มาตรฐานใคร




บริเวณตรงล็อบบี้ของโรงแรม ซึ่งในภาพที่เห็นเป็นกาน้ำชาคนอาหรับ




ก็ยังเป็นตรงล็อบบี้อยู่ แต่อีกมุมนึง




คณะหมอลำกำลังทำการ check-in




พนักงานซึ่งน่าจะเป็นคนโอมานเอง มีอยู่ ๒ คน
อ้อ อยากบอกว่าโรงแรม ๔ ดาวประสาอะไร ไม่มีคนยกกระเป๋าให้แขกอ่ะ




วิวหน้าโรงแรม มีน้ำพุอันเล็กๆอยู่ ๑ อันถ้วน




เอ้า กำลังถ่ายรูป ก็มีแพะเดินมารับบาปแทน เอ๊ย ม่ายช่ายยยยยย
จู่ๆก็เห็นแพะเดินมากินหญ้าของโรงแรม ธรรมชาติมากกกกก





พอเช็คอินอะไรเสร็จเรียบร้อยก็เอากระเป๋า (ที่ต้องยกเอง) ไปเก็บ
จากนั้นสามีก็เดินสำรวจรอบบริเวณสระน้ำ สำรวจดูวิว
ถามว่าวิวสวยไม๊ มันก็สวยดี ดูสงบเงียบ วิเวกวังเวง บรรยากาศยังเป็นธรรมชาติมากๆ
แต่มันเป็นหน้าผา หมายความว่าติดทะเล แต่ไม่ได้ติดชายหาด คือลงไปเล่นน้ำไม่ได้นั่นเอง




วันต่อมาพวกเราก็มีทริปไปดูปลาโลมาที่ Musadam รถก็จะมารับลูกทัวร์ประมาณ ๑๐ โมงเช้าค่ะ




ในภาพเป็นเรือที่จะพาเราล่องไปดูปลาโลมานะคะ
ในแพ็คเกจทัวร์นี้ก็จะมาการแวะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่รัฐบาลโอมานได้อนุรักษ์ไว้
และมีอาหารกลางวัน น้ำ ของว่างด้วย

บางแห่งก็ห้ามถ่ายรูปด้วยซ้ำ เพราะมีคน local อาศัยอยู่และไม่ยินดีที่จะให้ถ่ายรูป
ซึ่งอันนี้นักท่องเที่ยวก็ควรจะปฏิบัติตาม ไม่ควรไปดื้อดึง










น้ำนิ่งดูสงบเงียบดีจริงๆ




เรือออกได้สักพักใหญ่ๆ นักท่องเที่ยวก็เริ่มมองเห็นปลาโลมาที่มันจะมาแหวกว่ายอยู่ข้างๆ เรือ
แต่ละคนก็ตื่นเต้นกัน โดยเฉพาะเด็กๆ จะตื่นเต้นเป็นพิเศษ แหม จะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไร
ขนาดผู้ใหญ่เองยังกดชัดเตอร์นิ้วแทบหงิกเพราะตื่นเต้นพอๆ กับเด็ก

มันดูน่ารักมากจริงๆ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เห็นปลาโลมาว่ายสดๆ ในทะเลแบบนี้
เพราะทุกทีก็มักจะได้เห็นแต่ในทีวี หรือไม่ก็ในตู้ปลาขนาดใหญ่ที่เขาจัดไว้ให้นักท่องเที่ยวดูนั่นแหล่ะ



















น้ำใส น่ากระโดดแหวกว่ายแขกกับปลา แต่ว่า......ถ้าไม่กลัวแข็งตายเสียก่อน เพราะหนาวค่อดๆๆๆ




แต่ทำเป็นเล่นไป มันมีคนลงไปเล่นน้ำ (เย็นๆ) จริงๆว่ะ ดูท่าโดดเฮียแกเสียก่อน เห็นแล้วหนาวแทน บรื๋อออ





อย่าว่าแต่เขาเลย ลูก-สามี ก็ตามเขาไปเหมือนกัน










ขอถ่ายรูปกับลูกสาวสักภาพ





อ้าว กลุ่มพี่ยุ่นก็ใช่ย่อย ลอยคอหัวดำอยู่ในทะเลเหมือนกัน



พลบค่ำพอดี ตะวันจะลับฟ้าแล้ว








วันต่อมา ครอบครัวของเราก็ออกไปเดินเล่นรอบๆ นอกโรงแรมค่ะ
สองพ่อลูกยืนดูอะไรน้อ












คุณปู่ คุณย่าพาหลานไปเก็บเปลือกหอยที่ชายหาดข้างๆ โรงแรม




เอ้า เจอกันอีกแล้วเจ้าแพะ คราวนี้เจอหลายตัวเลย
ลูกสาวเห็นแล้วอดไม่ได้ วิ่งไล่เลย (เจอสปีชี่ส์เดียวกันนั่นเอง)






















สรุปว่า ประทับใจในความสวยงามของธรรมชาติมากมาย
หากมีโอกาสก็อยากจะกลับไปอีก แต่คงไม่พักโรงแรมเดิมแล้ว

ขมขื่นมาก เพราะไม่สมกับเป็นโรงแรม ๔ ดาวแม้แต่น้อย

อาหารรสชาติห่วยแตก / ผ้าปูที่นอน ผ้าเช็ดตัว ก็ไม่เปลี่ยนให้
กระดาษชำระหมดก็ไม่เติม แถมโรงแรม ๔ ดาวประสาอะไร ไม่มีอ่างอาบน้ำ มีแต่ฝักบัว
ร้านอาหารก็มีอยู่ห้องเดียว แหลกล่าย แหลกไม่ล่าย ก็ต้องแหลก
ราคาก็แพงเว่อร์ ไม่มีอะไรน่าประทับใจเลย (หมายถึงตัวโรงแรมนะ)
โอยย โอยยย ยังห่างไกลหลายขุม กว่าจะได้ ๔ ดาวนะ
ไปก่อนละกันค่ะ ตอนนี้ดึกแล้ว ขอบพระคุณที่แวะเข้ามาที่บล็อกนะคะ




 

Create Date : 15 สิงหาคม 2551   
Last Update : 15 สิงหาคม 2551 2:36:09 น.   
Counter : 2139 Pageviews.  


❤ ★★Tom Ford & Chloe Eyewear❤ ★★

Tom Ford & Chloe


สวัสดีค่ะ วันนี้ขอเอาแว่นของรักของหวงมาอวดในบล็อกนะคะ แว่นอันแรกที่เพิ่งจะซื้อมาก็คือแว่นยี่ห้อ ทอม ฟอร์ด ที่สาวๆ หรือหนุ่มๆในนี้เป็นที่รู้จักกันดี
แว่นลักษณะนี้ เอมี่ชอบตรงที่น้ำหนักเบา ไม่กดดั้ง (ยิื้่งไม่ค่อยจะมีอยู่)
และที่สำคัญแว่นตายี่ห้อนี้ไม่เกร่อในดูไบ เพราะมีวางขายอยู่ไม่กี่แห่ง
(ไม่เหมือนยี่ห้อพวก ดิออร์ ชาแนล พราด้า ฯลฯ ที่มักจะเห็นเกลื่อนที่ดูไบ)
ราคาในความคิดของเอมี่ก็นับว่าแพงเอาการอยู่ คงจะต้องใช้ถนอมๆ หน่อย ตังค์มันหายากน้อ
เอาล่ะค่ะไปดูรูปกันเลย ใครที่มาดูไบแล้วอยากทราบว่าไปซื้อที่ไหน
ไปซื้อได้ที่ บูติค ๑ ตึกคู่เอมิเรสต์ ทาวเวอร์ นะคะ


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กล่องค่ะ



ซองหนัง (เอหรือเรียกว่ากล่องหว่า) ใส่แว่นตา



ใบรับประกันสินค้า ซึ่งถ้าเกิดเลนส์หลุดออกมานอกกรอบ
จะเปลี่ยนเลนส์ ขาแว่นหักฯลฯ ก็สามารถนำแว่นตาไปที่ร้านที่ซื้อมา
เขาก็จะซ่อมให้ฟรีค่ะ




ป้ายราคา ๑๕๐๐ ดีแร่ห์ม ก็ตีเป็นเงินไทยประมาณ ๑๔๐๐๐ บาท

ขายแพงกว่าที่อเมริกาค่ะ คิดว่าแพงกว่าประมาณ ๔ พันบาท








ขาแว่น



ด้านหน้า







ลองใส่แล้วก็เป็นแบบนี้อ่ะค่ะ (เหมือนแมลงวันหรือเปล่า อิอิ)








ส่วนแว่นตาอันนี้หวงเหมือนกัน เพราะว่าใส่สบายตา
น้ำหนักเบา ไม่กดดั้ง (อีกแล้ว) ซื้อมาได้เกือบปีแล้วค่ะ ใช้ถนอมสุดๆ
เพราะโครงหน้าเราหาแว่นใส่ลำบาก พอหาแบบที่ถูกใจแล้วก็เกรงว่าจะหาไม่ได้อีก (เว่อร์เนอะ)
ซื้อที่ห้างแฮรอดส์ ที่ลอนดอนค่ะ ซื้อตอนี้มันออกมาใหม่ๆ ราคาโหดมาก
ยิ่งมาเห็นราคาที่ดูไบแล้วยิ่งเจ็บกระดองใจ เพราะราคาที่ดูไบถูกกว่าหลายพันบาทเลยล่ะ
ราคาที่ดูไบจะอยู่ที่ไม่เกิน ๑๒๐๐๐ บาท (๙๙๕ ดีแร่ห์ม)
แต่ที่อังกฤษตกเกือบๆ ๑๗๐๐๐ บาท น่าเจ็บใจไหมล่ะ






และที่ชอบมากที่เช่นกันก็คือ ยี่ห้องนี้ใส่แล้วไม่โหล
ไม่เกลื่อนค่ะ (ที่ดูไบนะ) เพราะมีขายที่ Emirates Tower, Boutique 1 ที่เดียวค่ะ























ภาพดาราฮอลลีวูดที่ใส่แว่นกันแดด Tom Ford






















-----------------------------------------------------

ภาพดาราฮอลลีวูดที่ใส่โคลเอ้ค่ะ











 

Create Date : 05 สิงหาคม 2551   
Last Update : 17 สิงหาคม 2551 0:45:31 น.   
Counter : 4065 Pageviews.  


Ultimate Afternoon Tea@Burj Al Arab

อยู่ดูไบมาก็เกือบจะสี่ปีแล้ว ไม่เคยไปสักทีตึกเรือใบเนี่ย ใครถามเราก็ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง

จะเข้าไปดูอย่างเดียวเขาก็ไม่ให้เข้า ถ้าไม่ได้ไปใช้บริการ (เคยลองแล้ว เจอยามดุเลยอิอิ)


เอมี่กับเพื่อนก็เลยจอง Ultimate Afternoon Tea ที่ Burj Al Arab ไว้

เป็นการจิบน้ำชายามบ่ายซึ่งต้องจองล่วงหน้านานมากกกก เอมี่ใช้เวลาจองประมาณ ๑ เดือน

ที่นี่จะมีที่ให้จิบน้ำชา ๒ ที่ คือชั้นล็อบบี้ชั้น ๑ กับ ชั้นที่ ๒๗ ซึ่งเป็น Sky View Bar

คงจะมีการเข้าใจการผิดทางการสื่อสาร คนที่รับจองก็เข้าใจว่าเอมี่อยากได้ตรงล็อบบี้

พอเอมี่ไปถึงผิดหวังอย่างแรง เพราะจะไปกินน้ำชาชั้น ๑ ทำไม ไปทั้งทีก็ต้องไปเห็นวิวสวยๆ ข้างบน

ไหนๆ ก็ไหนๆ ไปแล้วนี่นา โอกาสหน้าค่อยจองใหม่ละกัน

น่าเสียดายที่บริเวณล็อบบี้ที่ให้ทานน้ำชา ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูป จึงไม่มีภาพขนมสวยๆ
มาให้เพื่อนๆ ดู

มีแต่ภาพบรรยากาศรอบๆ เท่านั้นค่ะ

ภาพแรก เป็นอีเมล์ที่เอมี่ปริ๊นท์ออกมา ตอนเข้าประตูใหญ่ ยามจะให้เราแสดง
Confirmation number ถ้าไม่มีใบนี้ ก็ไม่สามารถเข้าได้ค่ะ





ตรงปากกาสีน้ำเงินนั้นเป็น Confirmation number





ในอีเมล์ก็จะมีแจ้งกฏต่างๆ เช่น ห้ามถ่ายรูป ห้ามผู้ชายใส่ยีนส์หรือรองเท้าแตะ

อย่าไปสายเกิน ๓๐ นาทีมิฉะนั้นโต๊ะเราจะถูกยกเลิก





หน้าตาบัตรจอดรถที่นี่

ด้านหน้าบัตร





ด้านหลังบัตร





ต่อไปนี้ขอเล่าโดยที่ไม่มีภาพประกอบนะคะ อย่างที่แจ้งไว้คือไม่สามารถถ่ายรูปได้

วันนี้ไปสายประมาณ ๒๐ นาทีเนื่องจากรถที่จองไว้มาช้ามาก เลยตัดสินใจขับรถเอง

พอไปถึงพนักงานต้อนรับพาไปยังโต๊ะที่จองไว้ซึ่งเป็นโต๊ะที่หันหน้าไปยังทางเข้าโรงแรม

ตรงส่วนนั้นจะเห็นวิวทะเล สวนน้ำ และ Souk Madinat ใครขับอะไรมาเห็นโม๊ดดดด

หลังจากที่นั่งแล้วพนักงานเสริฟนำถามว่าจะรับ welcome drink แบบใด

เพื่อนขอรับเป็นแชมเปญ ส่วนเอมี่ขอเป็น Sparkling Apple Juice อันนี้นับเป็นเซ็ตที่ ๑

จากนั้นเมนูชาและของว่างจึงถูกนำมาให้ ซึ่งวันนี้เอมี่ขอเลือกชาโปรดคือ Masala Chai

หรือชาอินเดียใส่นม กลิ่นและรสชาตออกเผ็ดร้อนนิดนึงค่ะ

ชาสามารถเปลี่ยนได้ตลอด โดยที่ไม่มีการชาร์จเพิ่ม แต่ถ้าขอแชมเปญเพิ่มหรือ Sparkling Apple Juice จะถูกชาร์จเพิ่มค่ะ

ส่วนเพื่อนสั่งชาสมุนไพรไป ชื่อว่าอะไร จำไม่ได้แล้ว

ของว่างเซ็ตแรกเป็น แซนด์วิชไส้ต่างๆ ทำพอดีคำน่ารับประทาน เสริฟบนถาดเครื่องเงินเนื้อดี แต่ว่ารสชาติจืดไปหน่อยไม่ค่อยอร่อยนัก

ของว่างเซ็ตที่ ๒ เป็น พัฟปลาแซลมอน เสริฟพร้อมกับซอสเนย อร่อยมากๆ อยากขออีกแต่ไม่กล้า

ของว่างเซ็ตที่ ๓ เป็น ไอศกรีม สตรเบอรี่ เชอเบท พรีเซนเทชั่นให้เต็ม ๑๐ อลังการมากสำหรับการเสริฟไอติม ๑ ลูก บรรยายไม่ถูก รสชาติก็อร่อย ไม่เปรี้ยวปี๊ด

ของว่างเซ็ตที่ ๔ เป็น Scone ๔ ลูก มีแบบไม่มีไส้ กับแบบมีลูกเกตุ ได้คนละ ๒ ลูก
สโคนนี้เสริฟพร้อมกับแยมต่างๆ และวิปครีม อร่อยมากค่ะ

ของว่างเซ็ตที่ ๕ เป็น ขนมเค้กชิ้นเล็กๆ มีให้เลือกมากมายบนถาดเงิน จำได้ว่าทานไปชิ้นเดียวเพราะอิ่มขนม

ของว่างเซ็ตที่ ๖ เป็น Fruit Parfet ค่ะ ได้คนละ ๑ อัน ทานไม่หมดอีกเหมือนกัน เสียดายจัง

ครบแล้วค่ะ ๗ คอร์ส นั่งตั้งแต่ บ่าย ๒ โมงครึ่งจนถึงประมาณ ๕ โมงเย็น


ค่าเสียหาย ๒ คน ก็ประมาณ ๘ พันบาท ไม่รวมทิป

เขาชาร์จค่า Sparkling Apple Juice ไปแก้วละ ๑๐๐ เดียแร่ห์มแน่ะ
(ประมาณ ๘๐๐ บาท)

พอดีเอมี่ไปสั่งเพิ่มอ่ะ โดนเลย






บริเวณน้ำพุ ขึ้นมาตรงล็อบบี้ที่ทานชาค่ะ น้ำพุสีสวย ดูตอนกลางคืนคงจะสวยกว่านี้








ตรงนี้เป็นบริเวณที่ทานน้ำชาค่ะ





แหงนหน้าขึ้นไปก็จะเห็นชั้นบนของโรงแรมเป็นแบบนี้ค่ะ







ใกล้ๆ เชฟหมวกสูง ก็คือโต๊ะที่เรานั่งทานน้ำชาค่ะ





บรรยากาศค่ะ เหลืองทองอร่ามตามสไตล์แขกอาหรับ





น้ำพุก้อนหินสี





ก้อนหินสีฟ้า ตัดกับสีน้ำพุเต้นระบำ ของเขาสวยจริงๆ ค่ะ





โคมไฟเพดานสีทอง (ทองจริงป่าวหว่า)





ทางขึ้นไปล็อบบี้ชั้น ๑ จะมีตู้ปลาอะแควเรี่ยมขนาดยักษ์ให้ดูข้างๆ








ด้านขวาเป็นภาพเขียนของ Sheikh Maktoum bin Rashid Al Maktoum ค่ะ
ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีของยูเออี ซึ่งท่านได้จากไปเมื่อปี ๒๐๐๖ ค่ะ
พระนามท่านอ่านออกเสียงว่า เชค มัคทุม บิน ราชิด อัล มัคทุม

ทางด้านซ้ายมือเป็น The late Sheikh Rashid bin Saeed Al Maktoum
UAE Vice President from December 2, 1971 to October 30, 1990 ค่ะ
พระนามท่านอ่านออกเสียงว่า เชค ราชิด บิน ซาอีด อัล มัคทุม






ภาพเขียนของ Sheikh ทั้งปัจจุบันและที่ผ่านมาค่ะ





เกือบค่ำแล้วค่ะ กลับบ้านดีกว่า

ลงด้านล่าง






บริเวณด้านหน้ารอรถค่ะ





พอร์ชใครน้อออออ





กลับแล้วจ้า รถติดแน่ๆเลย





ท้ายน่าชนจัง เบทน์ลี่ย์สีดำ





 

Create Date : 04 กรกฎาคม 2551   
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 1:56:29 น.   
Counter : 954 Pageviews.  


++++พาไปกินอาหารร้านเชฟปากจัด Verre by Gordon Ramsay++++

คราวที่แล้วพาไปที่ร้านของเซเลบเชฟ แกรี่ โรด (ซึ่งค่อนข้างผิดหวังกับรสชาติอาหาร)

คราวนี้ขอพาไปร้าน Verre ของเซเลบเชฟอีกคนนึง Gordon Ramsay นะจ๊ะ

เนื่องจากเป็นโอกาสพิเศษ ครบรอบวันแต่งงาน (เมื่อวานนี้) ก้านยาวและเอมี่ติดใจรสชาติอาหารที่นี่ตั้งแต่คราวที่แล้ว

ก็เลยตกลงกันว่า ร้านนี้แหละเป็นร้านของเราทั้งสองคน

ครั้งแรกที่มาที่นี่เมื่อประมาณเกือบ ๒ ปีที่แล้วค่ะ

ครั้งนี้ก็เลยเป็นครั้งที่ ๒

Verre ตั้งอยู่บนชั้น ๒ ของโรงแรม Hilton Dubai Creek ค่ะ

จองโต๊ะไว้เวลา ๒๐.๐๐ นาฬิกา พอไปถึงพนักงานก็พาไปยังโต๊ะที่จองไว้

พนักงานชายก็จัดแจงรินน้ำใส่แก้วให้ทันที พร้อมกับถามเราทั้งสองคนว่าจะรับเครื่องดื่มแบบใด

เอมี่ดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ จึงขอสั่งเป็นน้ำขิงแทนการสั่งไวน์หรือแชมเปญ

ส่วนก้านยาวสั่งไวน์ค่ะ



เมนูของทางร้านค่ะ ทางร้านให้มาเป็นที่ระลึก

ก็มีทั้ง Starter / Main Course Menu

แล้วก็มี Prestige Menu ไวน์ลิสต์กับเมนูของหวานค่ะ

หน้าตาเป็นอย่างนี้นะคะ สีปกจะออกม่วงเข้ม



บริเวณด้านหน้าของ Verre



ป้ายชื่อร้าน



ข้างหน้าอีกเช่นกัน



จริงๆแล้วตอนแรกก็เกร็งกับเกรงใจเนื่องจากไม่แน่ใจว่าทางร้านจะอนุญาตให้ถ่ายรูปได้หรือเปล่า

แต่พอเดินเข้าไปในร้าน มีคนถ่ายรูปแชะพอดี คิดในใจว่าอ้าวอย่างนี้เราก็น่าจะถ่ายได้

แต่ก็นะ เพื่อความแน่ใจจึงถามผู้จัดการร้านอีกครั้ง (เป็นผู้จัดการร้านที่มีอัธยาศัยดีมาก)
เขาบอกให้ถ่ายได้พร้อมกับบอกว่าดีใจเสียอีกมีคนชอบหน้าตาอาหารของร้าน

แน่ะ ผิดกับหัวหน้าพนักงานเสริฟที่ Mezzanine ของตา Garry เลย

เอมี่ได้ฟังอย่างนั้นก็ดีใจ ขอบคุณเขามากมาย

มาดูหน้าตาเมนูข้างในกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง อันนี้เป็นหน้าจานเรียกน้ำย่อยนะคะ

ของเอมี่สั่ง Sauteed foie gras ค่ะ ไม่มีพลาด ชอบทานตับค่ะ




ของก้านยาวสั่งเป็น Ravioli Scottish lobster and salmon ค่ะ

เดี๋ยวมาดูกันค่ะว่าหน้าตาอาหารเป็นยังไง



ระหว่างที่รอ อาหารจานเรียกน้ำย่อย ทางพนักงานก็นำ complimentary
จาก chef มาเสริฟให้ก่อนค่ะ

เป็นซุปมะเขือเทศ ข้างล้างก้นถ้วยจะเป็นโฮมเมดพาสต้า เส้นสปาเก็ตตี้ค่ะ อร่อยดี อยากทำเป็นบ้างจัง

ซุปมะเขือเทศบางแห่งรสชาติจะออกเปรี้ยว แต่ที่นี่อร่อยค่ะรสชาติพอดี



ใกล้ๆ อีกนิด

(ก้านยาวถ่ายรูปทีไร ภาพออกมาเงี้ยะทู๊กที เอเชียมันยังถ่ายดีกว่าพ่อมันอีก)



ทานเสร็จด้วยเวลาอันรวดเร็ว (ก็มันมีแค่นั้น)

จานในภาพนี้เป็น foie gras ที่สั่งค่ะ เขาทำมาดิบไปนิดนึง แต่ก็อร่อยอยู่ดีค่ะ

presentation ก็สวยงาม เม็ดดำๆข้างๆตับที่ดูคล้ายๆ เม็ดข้าวเป็น madeira lentils



จานนี้เป็นจานเรียกน้ำย่อยของก้านยาวค่ะ Ravioli of Scottish lobster and salmon
with tomato chutney and lobster veolute

เอมี่ชิมไปคำนึงก็พอไม่เอาแล้วค่ะ มันเค็ม อิอิ แล้วมันเสียรส foi gras น่ะค่ะ




เมนูอาหารจานหลักนะคะ



จริงๆ แล้วโลภอยากกินหมดเลย ตัดสินในยากมากๆ เอาเป็นว่า เลือกเมนูกินนกละกัน

Oven roasted guinea fowl with tarragon linguine



ในรูปเป็นนกที่เอมี่สั่งค่ะ อร่อยมากกกกกกกกก ตอนแรกก็กลัวว่าจะเหม็นคาว

แต่ที่นี่ทำดีมากค่ะ ไม่เหม็นคาว แล้วเนื้อก็นุ่มไม่แข็งไม่แห้ง



ส่วนจานนี้ของก้านยาวค่ะ เป็นเนื้อแกะ สีคิกขุเชียว เนื้อชมพู๊ ชมพู

เอ หรือว่าก้านยาวมันเป็นปอป



อีกภาพนึง พี่ท่านไม่ยอมให้ถ่ายหลายช็อต แบบว่าโมโหหิว



สิบนาทีผ่านไป



เอาภาพบรรยากาศในร้านคั่นบ้างนะคะ

กะประมาณด้วยสายตา ในร้านจะมีประมาณ ๒๕ โต๊ะค่ะ มีโต๊ะเยอะกว่าร้านของ แกรี่ โรด

แต่ว่าพื้นที่น้อยกว่า ร้อนของแกรี่ จะกว้างขวางมากกว่า สไตล์การแตกแต่งร้าน
ของแกรี่ก็จะดูหรูหราไฮโซกว่าค่ะ เน้นขาวแดง สามารถเห็นครัวได้

แต่ที่ Verre สีโทนร้านจะออกทะมึน มองไม่เห็นครัว
layout ก็มีจะมีจุดบอดคือ ผู้จัดการร้านอาจจะไม่สามารถมองได้ทั่วร้าน
ในขณะที่ Mezzanine ของ แกรี่ ลูกค้าทำอะไรต้องการอะไรจะสามารถเห็นได้หมดค่ะ เพราะว่าโล่งกว่า

พนักงานเสริฟของ Verre ทั้งหมดเป็นชาย ชุดยูนิฟอร์มก็จะเป็นเสื้อแขนยาวสีม่วงเข้ม

tuck in เรียบร้อยเข้าไปในกางเกงสีดำขายาว มีผู้จัดการร้านคนเดียว ซึ่งฟังจากสำเนียงการพูด

ภาษาอังกฤษและเวลาออกเสียงไวน์ เขาน่าจะมาจากฝรั่งเศส (ไม่แน่ใจนะคะ เดาในใจเล่นๆ)

ส่วนชุดยูนิฟอร์มของทาง Mezzanine จะเป็นขาวดำ พนักงานมีทั้งหญิงและชายค่ะ



อีกภาพนึงค่ะ



มาดูเมนูของหวานกันบ้างค่ะว่ามีอะไรบ้าง

วันนี้เอมี่ไว้ใจเชฟค่ะ ให้เชฟเลือกให้ ก็เลยสั่งเป็น

Assiette of Verre desserts chosen by the chef



เมนูของหวานเพิ่มเติม
(วันนี้ก้านยาวสั่ง Cold chocolate fondant ค่ะ เมนูนี้อยู่ภาพบน)



ใครอยากทานชีส ก็จัดให้ได้ ชุดละ ๘๒ เดียแร่ห์ม (คูณ ๘ นะคะ)



เอาละ สั่งเรียบร้อย ทางร้านมี pre-dessert มาให้ด้วยค่ะ เรียกว่าอะไรนั้น จำไม่ได้แล้ว

รู้แต่ว่า อยากสั่งกลับบ้านสักกล่องสองกล่อง (เขาจะว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงป่าว)

จัดจานน่ารักดีค่ะ เหมือนถวายศาลพระภูมิ กระจุ๋มกระจิ๋ม ๒ คำหมด



ใกล้ๆ อีกนืด



เสริฟแล้วค่ะ ของหวานเชฟเลือกให้ โหย จำไม่หมด เอาเป็นว่า อร่อยทุกอย่างเลยค่ะ

ก้านยาวมีการแอบจก ถูกตีมือดังผั๊วะ



ของหวานของก้านยาวค่ะ
Cold chocolate fondant with milk mousse



หมดแล้วค่ะ ภาพอาหาร เหลือแต่ภาพคนถ่ายบ้าๆบอๆ

เอา Menu Prestige มาให้ดูเล่นๆค่ะว่าเขาเสริฟอะไรบ้าง

หนแรกที่มานี่สั่ง เมนูนี้ไปค่ะ อร่อยทุกอย่าง คุ้มมากๆ ค่ะ





ส่วนอันนี้เป็น ไวน์ที่ไว้ทานคู่กับของหวานค่ะ

ราคาก็แพงตามปีที่ผลิตนะคะ อยากทราบว่าเป็นเงินไทยเท่าไหร่ ให้คูณ ๘ ค่ะ



ยังเป็นภาพเมนูไวน์ที่ทานคู่กับของหวานค่ะ



จบแล้วค่ะ ใครสนใจอยากไปทาน ติดต่อได้ที่นี่ค่ะ






ค่าเสียหาย เบ็ดเสร็จก็ ๑,๑๕๘ เดียแร่ห์ม (คูณ ๘ นะคะตีเป็นเงินไทย)

ทิปให้ ๒๐๐ เดียแร่ห์มค่ะ ก็ประมาณ ๒๐ เปอร์เซ็นต์

ถือว่าไม่มากแล้วก็ไม่น้อยสำหรับร้านระดับนี



Matthew Pickop คือ Executive Chef ที่ Verre ค่ะ

หน้าตาเขาเป็นอย่างนี้





หนึ่งใน Signature Dish ค่ะ

Tartare of marinated salmon with creme fraiche and oscietra caviar



แต่ว่าใครอยู่ดูไบหรือจะมาเที่ยวดูไบก็ให้มาวันที่ ๔ พฤษภาคม นะคะ เพราะเชฟแกจะบินมาเอง
แค่วันเดียวเท่านั้นค่ะ!!!!!!!!!!!!!!!!




 

Create Date : 10 เมษายน 2551   
Last Update : 11 เมษายน 2551 12:50:09 น.   
Counter : 3692 Pageviews.  


1  2  

CoolDubaiChic
 
Location :
Dubai United Arab Emirates

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




○ สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๓๙
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของรูปภาพ และ ข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด ○

○ All rights reserved. No part of this blog may be reproduced or used in any form without written permission from the blog owner ○

[Add CoolDubaiChic's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com