.. Tomony Corner ..

6 months old .. หม่ำอาหารเสริมได้ซะที รอมาตั้งนาน

6 months old

หลังจากแม่จด ๆ จ้อง ๆ ว่าจะเตรียมทำอาหารเสริมให้ออสตินตอนครบ 6 เดือน ก็ถึงเวลาซะที .. กูรูหลักที่แม่ดำเนินรอยตามก็คือมี๊จีน พี่สาวของแม่เอง ^^ เห็นพี่จิระจิระโตวันโตคืน ก็อยากให้ออสตินโตมั่ง แม่เลยก๊อปปี้เมนูและอุปกรณ์ต่าง ๆ มาใช้ด้วยซ้าเลย >.<"

อุปกรณ์หม่ำ ๆ ของ combi .. ที่เห็นมีถ้วยสีเขียวเพิ่มมาอีกอันนึงก็เป็นมรดกตกทอดของพี่จิระนั่นเองล่ะคร้าบ แต่แม่ไปซื้อมาเพิ่มด้วยอีก 1 ชุด .. พร้อมถ้วยหัดดื่ม step 3 เป็นหลอดดูด และช้อน spare เอาไว้ของ boon มันลดราคา



ผ้ากันเปื้อน .. จริง ๆ แอบชอบคอมบิเหมือนที่พี่จิระใช้ แต่ด้วยการใช้งานแล้วดูไม่เหมาะไม่เท่าไหร่ มันออกจะหนัก แม่เลยหาพลาสติกเบา ๆ มาแทน เตรียมไว้ 2 แบบ .. อันซ้ายมือเป็นพลาสติกบาง ๆ กะเอาไว้ใช้นอกบ้าน .. ส่วนขวามือด้านหลังเป็นผ้า ช่องรองรับเศษอาหารใหญ่โต ใช้งานได้ดีเวลาแม่ต้องป้อนข้าวออสตินคนเดียวแล้วลูกช่วยแม่ละเลงอาหารอ่ะนะ ^^


ตาข่ายผลไม้ ซื้อมาไว้เตรียมให้ลูกกัดผลไม้เล่น แต่ช่วงสัปดาห์แรกของการป้อนอาหารเสริม ยังไม่ได้แกะมาใช้เลย


คืนก่อนที่จะเริ่มป้อนข้าวออสติน ก็ขลุกขลักนิดหน่อย เพราะคิดว่าวันรุ่งขึ้นป๊าจะหยุดงานและช่วยดูออสตินได้ แต่ปรากฏว่าไม่หยุดซะงั้น แม่เลยต้องเตรียมทำอาหาทุกอย่างแบบเร่งรีบ แหะ ๆ

ส่วนประกอบอาหารสัปดาห์แรกของออสติน มีจมูกข้าวกล้องหอมมะลิ ซุปกระดูกหมูต้มพร้อมหอมใหญ่และแครอท มะเขือเทศ ปวยเล้ง และ avocado (ได้ชื่อว่าเป็น 1st solid food for baby เลยน้า)


ป๊ามาช่วยต้มน้ำซุปให้ .. ลีลาเหลือเกิน .. ต้องหมั่นช้อนไขมันออก ห้ามคน และไม่ต้องปรุงรสใด ๆ ทั้งสิ้น


พอน้ำซุปได้ที่ก็เอามากรองไขมันออก ได้เป็นน้ำซุปใสแจ๋ว แบ่งส่วนหนึ่งเอามาตุ๋นกับจมูกข้าวกล้อง อีกส่วนที่เหลือก็ทิ้งให้เย็นแล้วเทใส่บลอคน้ำแข็งโลด .. (ครั้งนี้ลองตุ๋นข้าวข้ามคืน พอรุ่งขึ้นก็เอามาครูดกะตะแกรง แล้วแบ่งมาให้ออสตินหม่ำ 1 ช้อนโต๊ะ .. ที่เหลือก็จับใส่บลอคอีกเช่นเคย


กับข้าววีคนี้เน้นผัก เลือกมา 3 อย่าง คือ มะเขือเทศ ปวยเล้ง แครอท .. จับมานึ่งให้หมด


พอสุกนิ่มดีแล้วก็นำมาครูดกะตะแกรงเหมือนเดิม ทำให้ครบทั้ง 3 อย่าง แล้วใส่บลอคเอาไว้ อ้อ ลืมไปแครอทแม่จับปั่นกะน้ำซุปขลุกขลิกเลยอ่ะ เพราะครูดมาหลายสิ่งเริ่มเมื่อยมือ อิอิ .. จะเห็นว่าครั้งแรกยังกะปริมาณไม่ถูก เลยได้มาแบบกระปิดกระปอยมาก ๆ ..

ข้าว ซุป และผักที่แช่ฟรีซไว้ พอแข็งแล้วก็แกะออกมาใส่กล่องหรือถุง ziplock ได้เลย .. เราจะเก็บไว้ใช้ทั้งอาทิตย์


มื้อแรกของออสติน .. เป็นข้าวตุ๋น กะ avocado 1/8 ลูก เอามาครูดรวมกัน


ราดนมแม่ไปนิดหน่อยให้คุ้นลิ้น


ใส่ถาดเสิร์ฟพร้อมซุป 1 ก้อน (เอาออกจากช่องฟรีซ อุ่นด้วยไมโครเวฟ 2 นาที เป็นอันหม่ำได้) และน้ำต้มสุก


ออสตินหน้าตุ๊ยตุ่ย เพราะง่วง แต่อิแม่อยากป้อนข้าวให้ใจจะขาด ^^ เลยมีโยเยบ้าง ต้องเอาพี่จระเข้มาล่อ .. แต่ก็ป้อนหาย ๆ ความง่วงไม่เป็นอุปสรรคแต่อย่างใด ..


รูปนี้เป็นการหม่ำอาหารเสริมวันที่ 2 .. หน้าตาตั้งใจมาก ๆ .. ท่าทางจะหม่ำเก่งนะเนี่ย the dude ของแม่


Note หลังจากมีประสบการณ์เลี้ยงหลานแบบต้องคอยตามป้อนข้าวป้อนน้ำ เลยตัดสินใจหัดให้ออสตินนั่งทานข้าวเป็นที่เป็นทาง ได้เจ้า booster seat ตัวนี้ล่ะมาช่วย ซึ่งออสตินก็น่ารักมาก ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี .. แถมมีประโยชน์กับแม่มาก ๆ ด้วย เพราะแม่ต้องป้อนข้าวออสตินคนเดียว จะตามจับหรือคอยอุ้มป้อนคงไม่ไหว อิอิ

จริง ๆ ตามหลักควรจะทดสอบว่าลูกแพ้อะไรโดยการป้อนอาหารชนิดเดียวกันเป็นเวลา 3 วันติด .. แม่ใช้ข้าวตุ๋นกะ avocado เป็น base แต่แอบเพิ่มผัก 3 สี ไปอย่างละวันด้วย ซึ่งออสตินก็ไม่แพ้นะคับ และเมนูโปรดดูเหมือนจะเป็นแครอท เพราะหวานมันกำลังดี .. ส่วนมะเขือเทศ มันออกเปรี้ยว ๆ ไปหน่อย (แม่แอบชิมยังคิดว่าอร่อยน้อยไปหน่อยเลย 55)

สนุกดีแฮะกับการทำอาหารให้ลูก .. แต่วีคต่อ ๆ ไป คงไม่มาครูดผ่านตะแกรงแล้วล่ะ มันเมื่อยและใช้เวลานาน เดี๋ยวแม่จะปั่นแหลกเลย หุหุ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 23:08:09 น.   
Counter : 3699 Pageviews.  

Austin was born .. ฉลองซะวันสิ้นปีเลยนะลูก


ถ้าเลือกวันเกิดให้ลูกได้จะเลือกวันไหน? .. "31 ธ.ค. 2553 หรือ 1 ม.ค. 2554"


กำหนดคลอดของออสตินตรงกับวันที่ 2 ม.ค. 2554 แม่ต้องไปพบคุณหมอทุกสัปดาห์นับตั้งแต่สัปดาห์ที่ 37 เป็นต้นมา เพราะอายุครรภ์มากขึ้น สามารถคลอดได้ทุกเวลา และแม่ก็เลือกที่จะคลอดลูกแบบธรรมชาติ .. จนสัปดาห์ที่ 38-39 แม่ก็ยังไม่มีอาการปวดท้องเตือน เลือดออก หรือน้ำเดิน .. คุณหมอเลยให้ไปพบถี่ขึ้น เป็น 2 วันครั้ง .. ล่าสุดคือวันที่ 30 ธ.ค. แม่ก็ไปหาหมอตามปกติ แต่ไหงวัดความดันแล้วพุ่งปี๊ดไปถึง 140 โน่นแน่ะ วัดครั้งที่ 2 ก็ทะลุไป 144 .. เอาแล้วไง

คุณหมอเช็ค ultrasound แล้วก็บอกว่าลูกสมบูรณ์พร้อมออกมาดูโลกแล้ว แต่จะเอายังไง อาการใกล้คลอดไม่มีเตือนมาเลย ตรวจปากมดลูกก็ยังไม่เปิด .. แถมความดันสูงแบบนี้ก็อันตรายต่อทั้งแม่และลูก จะรอสัญญาณคลอดต่อหรือจะผ่าตัดก็ให้ลองคิดดู .. วินาทีนั้นมองหน้าป๊า เอาไงดีหว่า .. จะรอให้ครบกำหนดคลอดก็อีกตั้ง 3 วัน จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ แต่ถ้าเลือกผ่า แม่ก็อยากได้วันที่ 1 ม.ค. นะ เพราะมันเริ่มต้นปีใหม่ เวลาเข้าเรียนจะได้ไม่เสียเปรียบอายุ .. แต่ป๊าบอกว่า 31 สิดี ถ้าคลอดวันที่ 1 เดี๋ยวหมอไปฉลองปีใหม่ แฮ้งค์ มาทำคลอดไม่ได้นะ แถมตอนไปเข้าเรียนจะได้อายุมากกว่าคนอื่น จีบสาวสบาย .. ว่าเข้าไปโน่น

และในที่สุดแม่ก็ (ทำใจ) เลือกผ่าวันรุ่งขึ้นเลย เพราะกลัวเป็นอันตรายต่อเด็ก .. แอบตื่นเต้นด้วยแหละ อยากคลอดเองนี่เนอะ อ่านหนังสือเกี่ยวกับการกำหนดลมหายใจเพื่อเบ่งคลอด เตรียมพร้อมมาอย่างดี แต่สถานการณ์พลิก ต้องผ่าซะงั้น ..หลังจากแน่ใจแล้วว่าจะผ่า คุณหมอเลยให้งดอาหารและน้ำคืนนี้เลย ส่วนเวลาผ่า เราไม่มีฤกษ์ ก็รอทางรพ. พร้อม ถึงเรียกคุณหมอไปทำคลอดให้

คืนนั้นทั้งคืน ตื่นเต้นไปหมด ใจก็อยากเห็นลูกเร็ว ๆ แต่ก็กลัวด้วยสารพัด .. นอนไม่ค่อยจะหลับเลย แถมต้องตื่นไปรพ. เช้าอีกต่างหาก

31.12.2011 วันเกิดของออสติน



ตื่นแต่เช้า ป๊าพาไปไหว้คุณย่าโมก่อน แล้วก็ตรงดิ่งไปรพ. เลย .. จัดแจงเปลี่ยน package คลอด จากคลอดธรรมชาติเป็นผ่าตัด แล้วก็วัดความดันอีกครั้ง คราวนี้ความดันลดเหลือ 100 เดียว .. เฮ้ย~ ไหงมะคืนสูงจัง งั้นยังไม่ผ่าได้มั้ยอ่า (คิดในใจ) ..

แต่แล้วก็ไม่ทันได้เปลี่ยนใจ เพราะถูกส่งไปยังห้องรอคลอด เตรียมตัวรับการผ่าตัด >.<" พยาบาลมาใส่สายปัสสาวะให้ แล้วก็มีบุรุษพยาบาลมาถามว่าจะดมยาหรือบล็อคหลัง พร้อมอธิบายข้อดีข้อเสีย .. เราก็เลือกบล็อคหลังอ่ะแหละนะ เพราะไม่อยากสลบไม่รู้เรื่อง เอาแค่ช่วงล่างชาก็พอ



นอนรอคุณหมออยู่พักนึง ประมาณ 10 โมงกว่า ๆ ก็ได้ยินว่าอีกเดี๋ยวจะได้ผ่าแล้ว แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่ได้ผ่าซะที มารู้ทีหลังว่ามีเคสน้องคลอดติดไหล่ คุณหมอเลยต้องไปทำคลอดฉุกเฉินให้ก่อน

จนเที่ยงนิด ๆ แม่ก็ถูกเข็นเข้าห้องคลอด .. เปลี่ยนไปนอนเตียงผ่าตัดซึ่งมีขนาดเล็กเท่าความกว้างช่วงตัว บรรยากาศห้องคลอดก็ปูกระเบื้องซะเหมือนห้องน้ำเลย .. ฮ่า ๆ .. แล้วหมอวิสัญญีก็มาทำการบล็อคหลังให้ .. ไอ้ที่เคยได้ยินว่าฉีดเข้ากระดูกสันหลังนึกว่าจะเจ็บมาก ก็ทำใจอยู่นาน เอาเข้าจริงแป๊บเดียวมาก ๆ แล้วก็เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา .. แต่พอยาเริ่มออกฤทธิ์นี่มันอึดอัดไปหมด ขาขยับไม่ได้เลย มันหนักอึ้ง หงุดหงิดชะมัด .. แล้วป๊าก็เข้ามาให้กำลังใจอยู่ห่าง ๆ คอยถ่าย VDO ไว้ให้



ซักพักคุณหมอจำรัสก็มา เตรียมผ่า ระหว่างขั้นตอนผ่าตัดแม่หลับตาปี๋เลย สวดมนตร์ไปด้วย มันทั้งตื่นเต้นและกลัวไปพร้อมกัน รู้สึกยังไงบอกไม่ถูก แล้วซักพัก็ได้ยินหมอพูดว่า "หมอเด็กมาหรือยัง .. เด็กกลืนแมคโคเนียม (ขี้เทา) เข้าไป" แม่ล่ะใจแป้วเลย ลูกจะเป็นอะไรหรือเปล่า .. เวลาผ่านไปอีกพัก ก็ได้ยินเสียงร้องแหกปากลั่นของเจ้าออสตินของแม่ .. วินาทีนั้นตื้นตันบอกไม่ถูก แล้วพยาบาลก็พาออสตินมาโชว์แม่ ก่อนที่จะพาไปทำความสะอาดและปรับอุณหภูมิ





มารู้ทีหลังว่าออสตินกลือขี้เทาเข้าปอด หมอเด็กต้องใช้สายยางสอดจมูกแล้วดูดออก นานทีเดียว ดูจาก VDO ที่ป๊าถ่ายมาแล้วสงสารลูกมาก ๆ .. แต่หนูปลอดภัยดีแล้วแม่ก็เบาใจ

พอทุกอย่างเรียบร้อย แม่ก็ย้ายมาอยู่ห้องพักฟื้นรอให้เค้าพาลูกมาเจอตอนเย็น .. และแม่ก็เลือกที่จะเลี้ยงลูกเอง เนื่องจากช่วงวันที่ไปคลอดเป็นวันหยุดยาว พยาบาลห้อง Nursery ลาหยุด เหลือแค่ 2 คนเท่านั้น แต่ต้องดูแลเด็กแรกเกิดถึง 9 ชีวิต .. ป๊าเลยขอมาเลี้ยงเองซะเลย กะว่าจะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ เลยจะให้ลูกมาดูดกระตุ้น ..





แต่ปัญหาก็เกิดตามมา เพราะรพ. ไม่สนับสนุนเรื่องนมแม่ เลยไม่มีการอบรมที่ถูกต้อง ป๊ากะแม่ไม่อยากให้ลูกติดจุกนมด้วยความที่อ่านข้อมูลมาเยอะเลยขอป้อนนมด้วย syringe แทน แถมตอนแรกเรากะจะไม่ให้นมผสมเลยด้วยซ้ำ เพราะได้นมจากพี่โอ๋ (ญาติของป๊ามาหม่ำ) แต่ในที่สุดก็ยอมแพ้ เพราะพยาบาลโทรมาเร่งมากบอกว่าลูกร้องไม่หยุด แม่เลยต้องยอม



ออสตินหน้าเต็ม ๆ ยังไม่ลืมตาเลย


พักฟื้นอยู่ 3 วันก็กลับบ้าน .. และต้องมาบู๊กะที่บ้านอีกรอบเรื่องนมผสม เพราะความสงสารหลาน ด้วยเข้าใจว่านมแม่ไม่พอ นมแม่ยังไม่มา .. ไอ้เราก็ทฤษฎีปึ้ก แถมมีพี่สาวเข้าอบรมเรื่องนมแม่มาแล้วด้วย พี่จีนก็เน้นว่าให้เอาลูกเข้าเต้าตลอด แต่ช่วงแรกของความเป็นแม่มือใหม่ก็ panic มาก และถูกกดดันจากสภาพแวดล้อม ทำให้เครียดและกังวล นอนก็ไม่เพียงพอ จนต้องตัดใจให้นมผสมเสริมไปบ้าง ..

ออสตินหลับพริ้มเลย


ป๊า .. ไม่ค่อยจะเห่อเลยน้า ผู้ที่คอยสนับสนุนเรื่องนมแม่และให้กำลังใจโดยตลอด


Note: กว่าจะประสบความสำเร็จในการให้นมแม่ล้วนได้ แม่ก็เจอปัญหาอีกเพียบ .. เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกทีนะจ๊ะ




 

Create Date : 05 กรกฎาคม 2554   
Last Update : 12 กรกฎาคม 2554 20:20:13 น.   
Counter : 919 Pageviews.  

พบคุณหมอ - ultrasound กันดีกว่า .. รวบยอดตั้งแต่ครั้งแรกจนก่อนคลอด

หลังจาก test แล้วว่าตั้งท้อง ป๊าก็พาไปฝากครรภ์ ตอนแรกไปคลีนิกคุณหมอเบญ ซึ่งเป็นคุณหมอประจำตระกูลกลาย ๆ เพราะใคร ๆ ที่บ้านป๊าก็ต้องมาคลอดกะคุณหมอคนนี้ ..

5w 5d ไปฝากครรภ์ครั้งแรก เช็คประวัติแม่กะป๊าว่าเป็นอย่างไร และเจาะเลือดไปตรวจ แต่คุณหมอยังไม่ได้ ultrasound แม่เลยยังไม่เห็นลูก ..

9w 5d คราวนี้ได้ ultrasound แล้วจ้ะ .. เห็นแค่ถุงน้ำคร่ำกะลูกที่มีรูปร่างเหมือนถั่วแดง ยาวแค่ 2.8 cm



ครั้งที่ 3 เราต้องเปลี่ยนคุณหมอให้ลูกล่ะ .. ด้วยความที่คุณหมอเบญไม่รับทำคลอดแล้ว เลยไปปรึกษาญาติ ๆ ลงเอยมาเป็นคุณหมอจำรัส ซึ่งเป็นคุณหมอที่ใจดี แต่คิวยาวมาก .. เอ้า ลองไปกันดู ..

13w 4d - ลูกยาว 7.1 cm .. รอบศีรษะยาว 31.7 cm



17w 4d - ลูกยาว 11.9 cm .. คุณหมอพูดให้ตื่นเต้นว่าแอบเห็นปิ๊กาจู้ แต่ยังไม่คอนเฟิร์ม .. คุณป๊าแอบดีใจไปก่อนล่วงหน้าแล้ว อิอิ

21w 4d - คุณหมอเห็นปิ๊กาจู้ชัดเจน ชาย 100% .. ศีรษะลูกยาว 5.1 cm

25w 5d - ศีรษะลูกยาว 5.9 cm ขายาว 6.7 cm .. คราวนี้แม่เห็นลูกอ้าขาโชว์ของดีแบบเต็ม ๆ เลยล่ะ อิอิ .. ไม่มีอายเลยลูกช้านนนน



29w 5d - Ultrasound 4D .. ลูกหนักคร่าว ๆ 1,469 g .. พยายามจะมองหน้าลูก แต่ลูกเอามือบังหน้า .. แอบเห็นจมูกโด่ง ๆ ของลูกด้วยล่ะ ^^ แถมคุณหมอยังชี้ปิ๊กาจู้ให้เห็นชัด ๆ อีกด้วย

ปิ๊กาจู้ .. ดูออกมั้ยเอ่ย


กำลังเอามือบังหน้าอยู่ .. เห็นนิ้วและแขนชัดเลย


อีกมุมนึง .. เห็นหน้าแล้ว .. จมูกโด่งนะเรา


อีกซักรูปแบบ zoom zoom


ปิดท้ายด้วยรูป 2D .. กำลังทำไรอยู่น้า


** พูดถึง Ultrasound 4D นี่ก็ดีน้า ช่วยให้แม่เห็นลูกในมุมที่เหมือนจะจับต้องได้ มากกว่าแบบ 2D ที่เป็ฯเหมือนภาพวาดแบน ๆ .. ตอนที่ลุ้นว่าลูกจะเป็นยังไง ใจก็เต้นแรงอยู่ไม่เบา แต่ดูท่าทางลูกจะอายนะ เอามือปิดหน้าตลอดเลย มีแว้บเดียวที่เปิดออก ให้ได้เห็นดวงตาและจมูกบ้าง .. แข้งขาดูยาว .. แม่แทบจะอดใจรอให้ถึงวันคลอดไม่ได้เลยทีเดียว .. อยากเห็นลูกแล้วล่ะ

32w 4d - ลูกหนักประมาณ 2,094 g .. แข็งแรงสมบูรณ์ดีจ้ะ

35w 5d - ลูกหนักประมาณ 2,200 g .. กลับหัวลงข้างล่างแล้ว

36w 4d - ลูกหนักประมาณ 2,600 g .. ในรูปกำลังวัดความยาวศีรษะอยู่ (หัวโตเหมือนกันนะเรา อิอิ)



38w 1d - ลูกหนักประมาณ 2,800 g .. สมบูรณ์พร้อมคลอด คุณหมอแซวว่าถ้าจะผ่า ก็นัดวันมาได้เลย

39w 1d - ลูกหนักประมาณ 3,031 g .. ยังอยู่ในระยะใกล้ชิดที่ต้องไปพบคุณหมอบ่อย ๆ

39w 3d - ใกล้วันคลอดแล้ว แต่แม่ยังไม่มีอาการเตือนคลอดเลย .. ครั้งนี้ไปพบคุณหมอแล้วแม่ความดันขึ้น 144 คุณหมอเลยอธิบายความเสี่ยงหากจะรอคลอดในภาวะความดันขึ้นและถามว่าจะเอายังไงจะรอหรือจะผ่า ..



อืมมม แม่จะเลือกแบบไหนน้า ??




 

Create Date : 29 เมษายน 2554   
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 20:29:14 น.   
Counter : 1254 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่องชื่อเล่น .. ทำไมต้อง Austin: The dude น้า ^^

แม่กะป๊าเริ่มคิดชื่อเล่นให้ลูกตั้งแต่รู้ว่าท้อง ทั้งๆ ที่มีหลายคนทักว่าท้องนี้น่าจะเป็นลูกสาว เพราะแม่หน้าตาสดใสไม่มีสิวฝ้า รวมทั้งเหล่าอี้ฝันว่าได้แหวนเพชรเลยตีความกันไปอย่างนั้น แต่ป๊าก็มั่นใจว่าได้ลูกชายแน่นอน เลยมาคิดกันเล่นๆ ว่าจะเรียกลูกว่าอะไร

ด้วยครอบครัวของป๊านิยมตั้งชื่อด้วย ต.เต่า เลยต้องคิดชื่ออันแสนจะเหลือน้อยนิด เพราะมามีลูกเอาซะช้ากว่าคนอื่น เอาเป็นว่ามาดูลิสต์รายชื่อ พร้อมที่มากันดีกว่า

Austin << แม่ชอบชื่อนี้เพราะมันตอบโจทย์ทั้งหมด และโยงไปถึงออสเตรเลีย สถานที่กําเนิด Tomony love story

ตุ้งแช่ << ป๊าชอบมาก .. จริงๆ แม่ก็ชอบนะ น่ารักดีสําหรับเด็ก แต่โตแล้วกลัวเพื่อนล้ออ่ะ

ติ่งลี่ << อารมณ์จีนๆ คิดพร้อมตะลุ่งตุ้งแช่

ต๊วบ << ป๊าคิด แต่แม่ว่าอุบาทว์ง่ะ มันหยึยส์ๆยังไงไม่รู้

เต้บ << มาจากตอนนั่งรถเข้ากรุงเต้บ ก็คิดกันไปได้

ต้าลุ่ง << คําสร้อยจากตุ้งแช่ เกร๋ดี

ต้าลี่ << แปลงมาจากต้าลุ่ง

ปาร์ตี้ << เผื่อว่าลูกจะเกิดช่วงเทศกาลที่มีงานฉลอง

ไตตั้น <<จํามาจากหนัง

โตโต้ << ดูโฆษณาเครื่องนอนบ่อยไปหน่อย

เต๋อ << อยู่ดีๆ ป๊าก็พูดขึ้นมาซะงั้น

แต๊ แต๋ << ทํานองเพลงขึ้นต้น wonderful tonight

เติม << ป๊าชอบ บอกว่าไทยดี

ต๊อก << ไก่ต๊อกลูกไก่โต้ง

ตุ๋น << ปิ๊งขึ้นมาตอนกินไข่ตุ๋น

โจโฉ << มาไงก็ไม่รู้ ไม่มีต.เต่าเลย

โตน << มาจากสโตน หินกล้า อิอิ

โต่ง << สุดโต่งล่ะมั้ง จำไม่ได้ว่ามายังไง งงๆ

ถึงจะมีตัวเลือกเยอะ แต่ชื่อ “ออสติน” ก็มาอยู่ในใจแม่ซะแล้ว เวลาที่ลูบท้องคุยกับลูก แม่ก็จะเรียกลูกออสติน ส่วนป๊านะเหรอ บอกว่าจะพยายามหาชื่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเจ๋งกว่านี้ก็ยอมได้ .. ชิดิ๊

แต่ไปๆ มาๆ เวลาเรียกลูก ฮีเรียกดู๊ด (dude) ซะงั้น .. เลยเป็นที่มาของคําว่า “Austin the dude” ด้วยประการฉะนี้




 

Create Date : 29 เมษายน 2554   
Last Update : 29 เมษายน 2554 21:17:50 น.   
Counter : 1289 Pageviews.  

คุณแม่ท้องกับการออกกำลังกาย

พูดถึงเรื่องออกกําลังกาย จริงๆ ควรทําให้เป็นนิสัย แต่ส่วนตัวแล้วไม่ค่อยได้ออกเท่าไหร่ จนก่อนท้องได้ซัก 3-4 เดือนมีไปเข้าฟิตเนสบ้าง ซึ่งมีส่วนช่วยอย่างมากที่ทําให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมเป็นที่พักพิงให้เจ้าตัวเล็กตลอดระยะเวลา 9 เดือน

3 เดือนแรกคุณหมอห้ามออกกําลังกายเด็ดขาด เพราะเสี่ยงที่จะแท้ง เนื่องจากกระบวนการสร้างรก สร้างพันธะเชื่อมโยงต่างๆ ระหว่างแม่กะลูกยังไม่แข็งแรงพอ แถมร่างกายต้องปรับตัวอีกเยอะ ทั้งฮอร์โมนและอาการง่วงหงาวหาวนอนที่เกิดขึ้นตลอดวัน

จนย่างเข้าเดินที่ 5 เราเริ่มออกกําลังกายจริงจังด้วยการซื้อหนังสือโยคะสําหรับคุณแม่ตั้งครรภ์มาทํา โอ้! มันช่วยได้มากเลยทั้งทําให้จิตใจผ่อนคลายจากการฝึกหายใจและความแข็งแรงในการแบกรับนํ้าหนักตัวที่เพิ่มขึ้น และด้วยความที่เราอยู่บ้านตึกแถวต้องเดินหลายชั้น ก็ช่วยให้ร่างกายต้องปรับตัวให้แข็งแกร่งมากขึ้น จากตอนแรกเรากลัวและโกรธไปหมดว่าทําไมให้คนท้องอยู่ชั้นสูงๆ ต้องเดินขึ้นๆ ลงๆ อันตราย .. แต่เราก็อาศัยความระมัดระวัง และผ่านช่วงท้องโตๆ มาได้

ใครว่าคนท้องออกกําลังกายไม่ได้ ไม่จริงเลย เพียงแต่ต้องเลือกออกด้วยท่าทางที่ปลอดภัย บางท่าก็ช่วยให้กระดูกเชิงกรานมีความยืดหยุ่น เตรียมพร้อมในการคลอดแบบธรรมชาติ นอกจากนี้การเคลื่อนไหวของแม่ยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการในการเคลื่อนไหวของลูกอีกด้วย

ท่าโปรด: ท่าต้นไม้ ยืนขาเดียว (ทําท่านี้จนท้องแก่ ขาแข็งแรงกันไปเลยทีเดียว)







 

Create Date : 27 เมษายน 2554   
Last Update : 29 เมษายน 2554 15:51:49 น.   
Counter : 1197 Pageviews.  

1  2  

Avocado girl
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]


ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




.. Tomony ..
A couple who loves cooking and dinning out ^^ .. Of course, traveling is also their interest!!

{{สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน blog แห่งนี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดี ตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด}}
[Add Avocado girl's blog to your web]