ร้อยฝันเกี่ยวใจ... มาใส่รัก บทที่ 12

บรรยากาศยามเย็นที่เคยคึกคักกันตอนมื้อเย็นในบ้านกลางสวนชานเมืองแห่งนี้ เงียบลงถนัดตาเมื่อวันนี้ทุกคนตกลงแยกย้ายกันรับประทานอาหาร ท่านชายภัสกรทอดเนตรหม่อมเตยที่กำลังเลือกรองเท้าสวมใส่สบายๆ ให้แม่ พลางแนะนำเรื่องร้านอาหาร


“เตยโทรไปสั่งอาหารไว้แล้วค่ะ เขาเริ่มเสิร์ฟตอนสักทุ่มมังคะ ร้านมันอยู่ริมบึงบรรยากาศดีค่ะ แต่อาจยุงเยอะหน่อย เตยเอายาทากันยุงใส่ไปในกระเป๋าให้แล้ว แม่เตือนให้ขวัญทาด้วยนะคะ รายนั้นไม่ชอบทายา เดินขาลายรอยยุงประจำ”


ท่านชายกระแอมเมื่อได้ยินว่าธิดาสาวก็ไปด้วย “แล้วเลี้ยงอะไรกันรึ ถึงไปกันยกบ้าน”


“คุณพ่อคุณแม่จะเลี้ยงเดชกับน้อง ที่ชวยทำบ่อปลาน่ะค่ะ”


“นี่เขายังไม่เลี้ยงทดแทนบุญคุณกันอีกเรอะ มันจะสามเดือนแล้วเนี่ย ปลาออกลูกเต็มบ่อแล้ว”


“เดชเขาไม่ว่างนี่คะ” เตยแก้แทน “นี่เพิ่งกลับจากอยุธยา”


“แล้วทำไม… เราสองคนไม่ไปด้วย” ท่านชายตรัสถามด้วยความสงสัย “รึเพราะฉันไม่ใช่เจ้าของบ้าน ?”


“เอ่อ...” ใบเตยเริ่มอึกอัก “ลูกขวัญบอกว่า... กลัวเดชกับน้องจะ... อึดอัด...”


ท่านชายทรงยิ้มร่า ตรัสเสียงเข้ม ดักคอยืนกรานทันที “ฮ่าๆ ดีละ... ฉัน... จะ...ไปด้วย”


เตยส่ายหน้าอ่อนใจ มองหน้าพ่อแม่อย่างขอความหวังแต่ทั้งสองทำไม่รู้ไม่ชี้ตามเคย และยังออกปากรอให้ท่านชายเปลี่ยนฉลององค์ตามสบาย ทันทีรถขวัญชีวามาจอดลง เตยถึงกับต้องไปรอที่ประตูรถอ้อนวอนไม่ให้ลูกสาวถือสาหาความที่พ่อไปด้วย


“พ่ออยากลองรสชาติร้านอาหารนั่นด้วยน่ะลูก”


“ไปไม่ว่า แต่อย่าไปทำให้ใครประหม่าจนรับประทานอาหารไม่ลงแล้วกัน นอกจากฝาแฝดแล้ว คุณเดชยังพาน้องสาวอีกคนมาด้วย”


“ทำไมไม่ชวนมาให้หมดบ้าน” ท่านชายกระแอมถาม
“ชวนแล้ว แต่เขาเกรงใจ น่าแปลกที่บางคนเราไม่ชวน กลับอยากไป !”


ขวัญชีวาอดสงสารสี่พี่น้องไม่ได้ คงเกร็งน่าดูถ้ารู้ว่ามีหม่อมเจ้าไปนั่งร่วมวงรับประทานอาหารด้วยกัน นึกห่วงเดชขึ้นมาตะหงิดๆ เพราะเขาส่งข้อความมาตอนบ่ายว่า ให้น้องชายกับน้องสาวขับรถมากันเองก่อน แล้วเขาเลิกงานแล้วจะนั่งแท็กซี่ตามมาเองทีหลัง


‘เฮ่อ จะมามอมแมมให้หม่อมเจ้าภัสกรแซวหรือเปล่าน้าคุณเดช’


แต่ไปถึงร้านอาหารกลับเจอสี่พี่น้องไปรออยู่แล้ว พวกเขาลุกทำความเคารพคนในครอบครัวเธอทีละคนๆ เหมือนไหว้ครูบาอาจารย์


ดาราแอบหลังพี่ชายจนน่าสงสาร ขวัญชีวาจึงประคองดารามานั่งข้างตายาย และน้าสาว แต่พอนั่งแล้วถึงเพิ่งเห็นว่าตรงกันข้ามกับพ่อเธอ ซึ่งกำลังพูดวิจารณ์การจัดที่นั่งหน้าตาเฉย


“เอาคนพิการมานั่งข้างคนแก่ แต่ตัวเองนั่งข้างคนหนุ่ม”


ดาราถึงกับหายประหม่ายกมือกุมปากเก็บเสียงหัวเราะเพราะพี่ชายนั้นไม่ยอมห่างขวัญชีวาจริงๆ และขวัญชีวาถึงกับค้อนพ่อทีหนึ่งก่อนเอ่ยฉาดฉาน


“บ้านคุณเดชเป็นคริสเตียน เราต้องให้พวกเขาอธิษฐานก่อน”


“ถ้าต้องร้องเพลงด้วย พ่อขอนำเอง” ท่านชายดักคอตามเคย “แต่เพลงลูกทุ่งนะ... !?”


เดชตอบเบาๆ “ไม่เป็นไร พวกผมอธิษฐานในใจก็ได้ครับ”


แต่ขวัญชีวาไม่ยอม “ไม่ได้นะ มื้อนี้มื้อพิเศษ คุณต้องอธิษฐาน”


เดชรีบนำน้องๆ พึมพำอธิษฐานอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาท่านชายที่นั่งเท้าคางดูด้วยสายตาที่เขาตีความไม่ออก เหมือนขบขัน เหมือนไม่ชอบจนเขาไม่สบายใจ แต่ขวัญชีวากลับตรงกันข้าม ชวนดาราคุยเรื่องที่เดชยอมให้ไปเล่นเปียโนที่โรงแรมกันเสียงขรม


ดาราที่กำลังเห่องานใหม่ก็ลืมประหม่า เล่าเรื่องงานเล่นดนตรีที่ทำไปได้ไม่ถึงเดือนให้ทุกคนฟังด้วยความภูมิใจ เดชสังเกตว่าท่านชายจะทรงสนใจเด็กสาวที่เป็นโปลิโอไม่น้อย แต่ถึงบางอ้อเมื่อขวัญชีวากระซิบบอก


“พ่อก็เล่นเปียโนเก่ง”
“แล้วทำไมคุณไม่เล่นด้วย”


“ไม่อยากเหมือนพ่อ !” ขวัญชีวาชายตาไปทางพ่อแล้วนั่งฟังดาราตอบคำถามตายาย


เดชเหลือบมองเรียวขนตาของขวัญชีวาเป็นแพด้วยความสนใจ เธอไม่แต่งหน้า แต่บางครั้งเขาเคยเห็นริมฝีปากสีเรื่อๆ เขาเผลอเอาเล็บเคาะโต๊ะเบาๆ อย่างลืมตัว เมื่อสงสัยว่าวันนั้นเขาเป็นบ้าอะไรถึงได้กล้าขนาดจูบผู้หญิงคนนี้ คงเป็นพรจากพระเจ้าจริงๆ ที่ขวัญชีวาไม่ถือความและยังปล่อยให้เขามานั่งตรงนี้ได้อีก


“ดูอะไร” ขวัญชีวาหันมาทันเห็นเขาจ้องอยู่พอดี
“เอ่อ... หาลูกกระเดือกคุณมั้ง”


“บ้า... มีซะเมื่อไหร่เล่า” แล้วเธอก็จ้องดูคางเขาด้วยความสนใจ “อิอิ แล้วคุณใช้เวลากี่ชัวโมงกว่าจะดายหญ้าออกจากหน้าหมด วันก่อนยังรกอยู่เลย อิอิ”


“ไม่ถึงสิบนาที สนใจนัก ก็ลองไว้หนวดดูมั่งไหมล่ะคุณหญิง”


“อย่ามาพูดเล่น ขวัญเคยคิดปลูกหนวดด้วย อิอิ”


“ฟังแล้วสยองพิลึก คงหล่อตายล่ะ”


“ก็ไม่แน่ อิอิ นี่ชิมนี่สิ อร่อย” ขวัญชีวาตักอาหารใส่จานเขา “เป็นกรรมกรก็กินไปเยอะๆ”


“แล้วหมอฟันอิ่มทิพย์ได้หรือไง นี่เอาไปกินซะ” เขาตักอาหารคืนบ้าง


แต่เจ้าตัวยกจานหนี “ไม่เอา อิ่มแล้ว”


ทั้งคู่หารู้ไม่ว่าแม้จะคุยกันเงียบแค่ไหน แต่การกระซิบกันยิ่งแสดงถึงความสนิทสนม ภาพความใกล้ชิดก็ตกอยู่ในการจับจ้องของท่านชายที่สะกิดให้ภรรยาดูลูกสาว เตยได้แต่วางช้อนลงพร้อมความรู้สึกว่าอาหารที่เพิ่งกลืนลงไปนั้นรสชาติช่างชวนฝืดคอ นางเคยเห็นลูกสาวชวนเพื่อนชายหญิงมาที่บ้าน แต่ไม่เคยเห็นกระซิบคุยกับชายหนุ่มแบบนี้ที่ไหนให้เห็นเลยสักครั้ง


เดชก็น่ารักดี แต่นางอยากให้เป็นคนอื่นมากกว่า... เตยนึกห่วงลูกสาวขึ้นมา


จนถึงเวลากลับ ขวัญชีวาขอตัวกลับไปนอนคอนโด ให้ตายายกลับรถพ่อแม่ พอรถที่บ้านพ้นไป ขวัญชีวาบอกลาเดชกับน้องๆ แต่เดชกลับสั่งให้น้องๆ กลับไปก่อน


“อ้าว คุณกลับกับน้องสิ ไม่ต้องนั่งไปส่งหรอก นี่ไม่ดึกสักหน่อย แค่สามทุ่มเอง”


“ก็เพราะเพิ่งสามทุ่มนี่แหละ ถึงยังไม่อยากกลับ”


พอรถน้องลับหาย เขายืมรถเธอใช้หน้าตาเฉย และทำท่าเหมือนชอบรถเสียเต็มประดา “ขอยืมรถยุโรปทอมขับเที่ยวหน่อยสิ ไปอวดสาวน่ะ”


เธอยื่นกุญแจให้ทันที “เอาสิ แต่ส่งขวัญกลับก่อนนะ พรุ่งนี้ทำงาน เที่ยวด้วยไม่ได้หรอก”


“อ้าว เหรอ... นึกว่าคุณจะอยากเที่ยวกลางคืนบ้าง ผมจะไปเป็นไม้กันหมาให้”


เขาทำหน้าผิดหวัง แต่ก็ยอมขับรถออกจากกร้านอาหาร แกล้งขับรถเอื่อยเฉื่อยแค่ไหนมันก็มาถึงคอนโดอยู่ดี เขาจอดลงตรงโคนไม้ห่างจากที่จอดวันก่อนเล็กน้อย


“จะยืมจริงก็ได้นะ เอาไปสิ ค่อยมาคืนที่โรงพยาบาล”
“ไม่หรอก แต่...”


“แต่อะไร” ขวัญชีวาเริ่มยกมือกอดอกเมื่อเห็นเขาไม่ยอมขยับลง
“วันก่อน... ผมทำให้คุณนอนไม่หลับจริงๆ เหรอ”


“ใช่... แต่ก็แค่... นอนสงสัยว่าคุณทำแบบนั้นทำไม” ขวัญชีวาพยายามตอบอย่างไว้เชิง


“ก็คุณว่าตัวเองเป็นผู้หญิงวิปริตนี่ ผมเลยอยากยืนยันว่าคุณปกติดี ถ้าคุณโกรธหรือไม่พอใจ แสดงว่ายิ่งปกติ”


ชวัญชีวารีบถามทันควัน “อ้าว… !!! แล้วไม่โกรธอย่างนี้ แสดงว่าผิดปกตินะสิ ?!”


“เปล่า” เขายิ้ม
“แล้ว... ทำไมล่ะ”
“แสดงว่าคืนนั้น... ผมจูบผิด”


เขาขยับตัวเข้ามาใกล้พร้อมส่งสายตาแปลกๆ มากกว่าวันก่อนเสียอีก แต่ขวัญชีวากลับยังมองเขาอย่างงุนงงเหมือนเดิม คราวนี้เขาไม่แค่แตะที่มุมปากอย่างเดียว เขาจรดริมฝีปากค้างไว้ตรงนั้นครู่หนึ่งถึงขยับให้ริมฝีปากแนบชิดกันกว่าเดิม พอเธอเริ่มขยับหน้าหนีหลังพิงเบาะรถ เขากลับแค่ยกนิ้วแตะปลายคางแล้ววาดริมฝีปากอุ่นๆ ยั่วเย้าเธอเล่นภายนอกไปมา


ขวัญชีวาปิดปากสนิท กำลังคิดวางแผนว่าจะชกให้หน้าหงายหรือผลักไสเบาๆ ประสาหญิง แต่ครู่เดียวที่เผลอขยับหายใจ เขากลับหาทางรุกล้ำให้ได้สัมผัสภายในได้แนบชิดยิ่งขึ้น แล้วเธอก็ลืมแผนการ...


ปล่อยให้เขาโอบรอบเอว อีกมือโอบแผ่นหลังเบาๆ เสียงลมหายใจติดขัดเริ่มเบาบางเมื่อริมฝีปากคนทั้งคู่ถูกประกบแนบชิดกันด้วยชั้นเชิงใครบางคนที่ทำให้คนไม่ตั้งใจ เผลอให้ความร่วมมือทุกอย่างเสมือนสมัครใจ


รสชาติอาหารอื่นๆ ที่เคยสัมผัสตรงปลายลิ้นถูกแทนที่ด้วยรสชาติแปลกใหม่ที่ทำให้อุ่นวาบไปทั้งตัว และหัวใจที่เต้นรัว มือไม้ไม่อาจวางนิ่งได้ที่เดิม เขากระชับมือเธอให้มากอดรอบเอวเขา เพื่อให้ใกล้ชิดและให้ความอบอุ่นแก่กันยิ่งขึ้น


เงากายสองคนคงจะเป็นหนึ่งเดียวกันไปอีกนานถ้าไม่มีเสียงหวอรถพยาบาลจากถนนอีกฟากดังขึ้นขัดจังหวะ


“คุณเดช !!!” ขวัญชีวาผงะหน้าหนี ผลักตัวเขา “เราทำอะไรน่ะ ?”


“จูบกัน !” เขาตอบทั้งยิ้มกว้าง แววตาสดใสเหมือนดวงดาว ขยับไปนั่งที่คนขับแล้ว แต่มือยังกุมมือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย “หนุ่มสาวจูบกันอย่างดูดดื่มในรถ”


“คุณฉวยโอกาสผู้หญิงเผลอนี่” ขวัญชีวาก้มลงเช็ดปากกับหัวไหล่แรงๆ พลางแกะมือออก


เขายื้อเธอจากกริยานั้น โดยการเชยคางแล้วยังลูบริมฝีปากเธออย่างอาลัย “คุณ... เช็ดออกทำไม”


ขวัญชีวาปัดมือเขา “กลับได้แล้ว !!!”


“ไม่กลับ !”


“เฮ้ย จะบ้าเหรอ !?” ขวัญชีวาตวาด แต่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมา


“ยิ้มก่อน ผมไม่ยอมให้ใครร้องไห้หลังจากจูบกับผมนะ”


“ใครจะยิ้มออก ปล่อยๆ” เธอยื้อมือออก


“ไม่ปล่อย ยิ้มก่อน ไม่ยิ้มจะจูบใหม่ !” เขายื่นหน้ามาใกล้อีกครั้ง


ขวัญชีวาจึงยอมแสยะฟันให้ทีหนึ่ง เขาจึงปล่อยมือ เธอยกมือกุมขมับทันที


“เฮ่อ ไม่น่าเลยกู กูจะนอนหลับอีกมั้ยวะเนี่ย !!!”


“หึหึ... คุณหญิงช่างเจรจาไพเราะอ่อนหวานจริงๆ ถ้านอนไม่หลับก็แสดงว่าคิดถึงกระผม เอ... หรือกระผมจะอยู่เป็นเพื่อนเสียเลย ?” เขาชะเง้อมองขึ้นไปบนคอนโด “ว้า... ไม่มีเสื้อผ้ามาด้วย คงต้อง... ถอดเสื้อนอน...”


“ไอ้บ้า !!! ลงจากรถไปเดี๋ยวนี้”


เขาไม่สนคำไล่ ยังถือวิสาสะขยี้ผมเธอเบาๆ หนึ่งทีแล้วเปิดประตูรถลงไป พอขวัญชีวาเดินอ้อมมานั่งตำแหน่งคนขับ เขากระซิบบอกเกือบถึงริมฝีปาก


“พรุ่งนี้เจอกันที่ร้านอาหารเช้านะจ๊ะ”
“ใครอยู่รอพบก็บ้าแล้ว !”


“งั้นก็ดี... พบกันหน้าห้องทันตกรรม ผมไม่กลัวหมอฟันแล้วนี่” เขาปิดประตูรถให้เธอแล้วเดินไปเรียกรถแท็กซี่ หันมาโบกมือลาอย่างร่าเริง


ขวัญชีวาแต่งกายเสียมิดชิด เลี้ยวรถเข้าร้านอาหารเช้าด้วยหัวใจที่เต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มาตั้งแต่เมื่อคืน แม้ยังกระดากอายที่อาจต้องมาพบเจอเขา แต่หากหนีหน้า เขาอาจตามไปที่แผนกทันตกรรมให้ผู้คนล้อเลียนไปอีกนานแน่ๆ และหมอสมภพเองยังเคยแซวเรื่องที่โกหกว่าเขาเป็นญาติ เธอปล่อยให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นได้ยังไงหนอ มันอุบาทว์พิลึกที่เธอพยายามโกรธแต่มันกลับกลายเป็นความตื่นเต้นแทน


เดชวิ่งมาเปิดประตูรถให้ตั้งแต่ไม่จอดสนิท จ้องสำรวจหน้าตาอ่อนระโหยโรยแรงของเธอ
“โอ นี่ผมทำคุณนอนไม่หลับจริงๆ ด้วย ผมขอโทษ”


“ขอโทษก็ไม่หาย คุณเป็นบ้าอะไรขึ้นมาน่ะ”
“บ้าที่ไหน แล้วทำไมแต่งตัวอย่างนี้เนี่ย”


“ไม่ชอบก็ไม่ต้องมาดู หมอฟันเขาแต่งมิดชิดกันอย่างนี้แหละ นั่งใกล้ศีรษะคนไข้นะคุณ !”


แต่เดชยังจูงมือหน้าตาเฉย ขวัญชีวาพยายามแกะออก แต่ในสมองพาลคิดถึงสาวน้อยคนหนึ่งที่เธอไปบังอาจไปลวนลามเข้าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน เวรกรรมตามทันเธอแล้วจริงด้วย !!!


“ปล่อยมือนะ อย่ามาจูง ไม่ได้พิการสักหน่อย อายคนตายห่า”


เขากลับกระชับแน่นขึ้น “ตาปกรณ์นั่งอยู่ ไม่จูงไว้ เดี๋ยวตานั่นอาจมาลากคุณไป”


“ฮึ ทีวันก่อน ยังนั่งหัวเราะแนะนำให้รู้จักอยู่ได้”
“วันนี้ไม่เหมือนวันนั้น”


“ไม่เหมือนยังไง” ขวัญชีวายอมปล่อยให้เขาจูงมือ เพราะเริ่มรู้ซึ้งว่าการยืนยื้อมือไม้กันนั้นเรียกสายตาชาวบ้านให้อายมากกว่า


“วันนั้นผมยังโง่ และขี้ขลาดอยู่ ตอนนี้กล้าและฉลาดแล้ว... ไหนๆ คุณกินอะไร”


ขวัญชีวาชี้ๆ เซ็ทเมนูอาหารแล้วกลับมานั่ง เธอไม่กล้ามองไปทางปกรณ์


สักครู่เดชก็ถือถาดอาหารมา พอนั่งลงเสร็จก็โบกมือหยอยๆ ให้ปกรณ์เหมือนตั้งใจประกาศอะไรบางอย่าง แล้วถามเธออย่างเข้าข้างตัวเอง


“คุณไม่รู้จริงเหรอ ว่าผมคิดอะไร ผมว่าคุณรู้นา”


“แน่นอน รู้แล้วสิ !” แต่เธอกลับเปลี่ยนเรื่องคุยเฉย “ไม่ไปทำงานหรือไง”


เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นตัวบางๆ กับกางเกงขายาวสีอ่อนๆ และรองเท้าธรรมดา
“ผมว่างสามวัน วันนี้คุณเลิกงานกี่โมง”


“วันนี้เช้าเพียบ บ่ายประชุม และมีคนไข้นอกเวลาจนอาจสี่ทุ่มโน่น”
“โอ๊ย แล้วเป็นหมอฟันมันดีกว่ากรรมกรตรงไหนล่ะเนี่ย”


ขวัญชีวาปล่อยให้เขานั่งพร่ำเพ้อ ตัวเองหลบหน้าหลบตาเขา กวาดๆ อาหารเข้าปากแม้จะไม่รู้รสเลยสักอย่าง เขาฉีกซองครีมใส่ถ้วยกาแฟให้แล้วคนๆ พร้อมจ้องหน้าเธอด้วยสายตาหยาดเยิ้มกึ่งเล่นกึ่งจริง จนเธอทั้งอายทั้งอยากฟาดจมูกสวยๆ เขาให้ดั้งหักอีกสักครั้ง


“คุณเดช” ขวัญชีวาพยายามจริงจัง
“ครับผม !”


“ทำไมจู่ๆ คุณก็เปลี่ยนไป ไม่คิดว่าคุณจะเป็นอย่างนี้”
“ไม่ได้เปลี่ยน แต่พอคุณกลับจากนครสวรรค์ ผมก็มั่นใจว่าเราสองคนไปกันได้ต่างหาก”


“ไปกันได้แบบไหน”
“แบบคนรัก” เขาตอบอย่างมั่นใจ แต่กลับถามต่อเสียงอ่อย “หรือ.... คุณรังเกียจผม”


“อย่ามาทำพูดไร้สาระ เรื่องรังเกียจ เคยทำเหมือนรังเกียจใครหรือไง”


“จริงสิ คุณไม่เคยทำแบบนั้นกับผมนี่” เขาคว้ามือเธอไปกุม “ผมขอโทษนะ ต่อไปผมจะไม่จู่โจมคุณแบบเมื่อคืนแล้ว ไม่จูงมือเหมือนจูงคนปัญญาอ่อนด้วย”


พอออกจากร้านเขาเลิกจูงมือจริงๆ แต่กลับโอบไหล่เหมือนเพื่อนสนิทเดินกลับไปที่ลานจอดรถ ขวัญชีวาเหลือบเห็นปกรณ์มองมาอย่างตาค้าง


“เดี๋ยวตอนเที่ยงผมไปรับมากินข้าวบ้านผมนะไปกลับ 15 นาที เอง”


เธอปฏิเสธไปก็เท่านั้น เขาทำเหมือนไม่ได้ยิน และยังเปิด-ปิดประตูรถให้เหมือนเธอเป็นคนง่อย


แต่พอขวัญชีวาเลี้ยวรถเข้าโรงพยาบาลแล้วเจอยิ่งยศรออยู่ ถึงเริ่มเสียดายที่เขาไม่มาส่งเธอให้ถึงที่ห้องทำงาน แต่ยอมปล่อยให้ยิ่งยศคุยป่วนจนกระทั่งถึงห้องทำงาน



สิบเอ็ดโมงสี่สิบห้า แค่เธอโผล่หน้าออกมาจากห้องทันตกรรม ก็เจอเดชยืนกอดอกยิ้มเผล่อยู่ เธอสบายใจไม่น้อยที่ไม่มีใครสังเกต


“กินแถวนี้ก็ได้มั้ง”


“ไม่ได้ๆ ผมทำกับข้าวพิเศษให้คุณ ไปเถอะๆ” เขาเดินมาทำท่าจะโอบเอาหน้าตาเฉย


ขวัญชีวาถอยปรูด “ขอร้องๆ ให้ไหว้ก็ยอม อย่าทำอะไรประเจิดประเจ้อแถวนี้”


“ทำไม หรือหมอยิ่งยศอะไรนั่นยังเวียนอยู่ ?”


ขวัญชีวากลับทำเขาประหลาดใจเสียเอง “อืม ถ้าเจอหมอนั่น ขวัญจะกระโดดขี่คอคุณเอง”


“ฮ่าๆ ดูคุณจะหมั่นไส้เขามากไปมั้ยเนี่ย”


“ก็คนไม่เต็มบาทน่ะ แกเก่งมาก เคสยากๆ นี่ผลงานแกทั้งนั้น แต่มาใหม่ๆ แกแอบปล่อยลมยางขวัญ เพื่อให้ขวัญได้ขอความช่วยเหลือแก แต่ขวัญเอาเรื่องเกือบถึงตำรวจแน่ะ”


“เฮ่อ สมัยนี้ยังมีคนใช้มุขเห่ยนี้จีบสาวอีกเหรอ ล่าสุดที่ผมเคยได้ยินก็ตอนผมอายุ 21 นู่น แสดงว่าอย่างน้อยมีหมอสองคนใช้มุขเห่ยๆ นี้จีบสาว ฮ่าๆ”


ทั้งสองไปถึงบ้านตอนเลยเที่ยงเล็กน้อย พ่อแม่เขากำลังออกจากบ้านพอดี เหลือเพียงดาราที่นั่งซ้อมเปียโนเอาเป็นเอาตายในห้องโถงชั้นลาง


“เพลงหวานๆ หน่อย คุณศิลปิน เล่นเพลงอึกทึกครึกโครมหนวกอยู่ได้” แต่ตัวเขาเองกลับทุบผนังบ้านปังๆ เตือนน้องสาว


ดาราเล่นเพลงหวานแหววประชดพี่ชายทันที เขาตักอาหารบริการแขกพิเศษที่กำลังนั่งมองบ้านด้วยความพิศวง บ้านสองชั้น แต่ชั้นล่างกลับเป็นห้องโถงกว้าง ไม่มีของประดับประดาอะไรนอกจากมุมห้องนั่งเล่นที่คงใช้เป็นห้องรับแขกด้วย มุมเปียโนหลังใหญ่ของดารา และชั้นวางของเล็กๆ น้อยๆ


“นี่ลานห้องโถงนี่ คุณกับน้องเว้นไว้ใช้เล่นฟุตบอลรึไง”


“ใครจะเล่นบอลในบ้าน เราเตะตะกร้อต่างหาก อิอิ คุณอยากแต่งให้ก็ได้ แต่แต่งแล้วต้องมาอยู่”


“แหวะ... เผลอไม่ได้เลย”


ขวัญชีวาทำท่าจะเริ่มกินแต่เขาตีมือ “อธิษฐานก่อน นี่บ้านคริสเตียน”


“เอ่อ เหรอๆ อธิษฐานยังไง ลืมแล้ว”


“มา... งั้นผมนำอธิษฐานเอง”


เขานั่งลงแล้วโอบไหล่เธอ พึมพำอธิษฐานคล่องปรู๊ด แต่คงมีอะไรที่เธอไม่รู้เกี่ยวกับชีวิตคริสเตียนอีกเยอะแยะ เพราะเพิ่งรู้ว่าคนนำอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าต้องพึมพำใส่หูคนนั่งใกล้ๆ และตรงคำว่า “เอเมน” ที่เขาเอ่ยตอนสุดท้ายปากเขาเกือบชิดถึงแก้มจนเธอเบี่ยงตัวหนี


“ดาราไม่กินเหรอจ๊ะ” ขวัญชีวาขยับหนี แล้วแก้เขินโดยการตะโกนถามน้องสาวเขา ซึ่งตะโกนมาของเล่นเพลงเดิมอีกรอบ


“ชวนมันมาทำไม ก้างขวางคอ” เดชขัด


ขวัญชีวาแซะไข่เจียวมากินโดยไม่สนใจเจ้าของบ้านอีก จนเธอเกือบอิ่มดาราถึงเขยกมาร่วมด้วย ท่าทางคงหิวเต็มทีและหยิบเต้าหู้ปลาขึ้นมาชิมก่อน ก็ถูกพี่ชายดีดนิ้ว จนเธอรู้สึกเจ็บแทน รอดาราจนอธิษฐานฉบับย่อเสร็จในหนึ่งนาที เธอถึงท้วง


“นี่บ้านนี้ ทำไมทำโทษแรงนัก ดีดนิ้วแบบนี้เจ็บนะ”


“โอ๊ย นิ้วไอ้พวกนี้หนายิ่งกว่าหนังช้าง ไอ้หมอกกะไอ้เมฆผมถีบตกโต๊ะประจำ”
เขาเล่าถึงความดุร้ายของความเป็นพี่ใหญ่อย่างภูมิใจ


“คุณใจร้าย ถ้ามีลูกตัวเองจะทำอย่างนี้หรือเปล่า”
“คุณสอนเองสิ”


ดาราปล่อยก๊ากออกมาชื่นชมกับความฉลาดฉับไวเข้าข้างตัวเองของพี่ชาย ทำเอาขวัญชีวาอิ่มตื้อขึ้นมาทันที เขาชวนไปเล่นเปียโนต่อจากดารา แล้วเดินหายขึ้นชั้นบนไป ขวัญชีวาก็นั่งลง บนม้านั่ง แล้วไล่คีย์เล่นๆ ลองฟื้นความหลังไปเกือบจบเพลง ถึงรู้ว่าเจ้าของบ้านกลับมาแล้วและไม่ได้แค่นั่งใกล้อย่างเดียว ใบหน้าเขาวนเวียนอยู่แถวขมับเธอ


“เฮ้ ไหนว่าไม่จู่โจมแล้วไง”


“ไม่จูบ นี่แค่ดมๆ เท่านั้นเอง” เขาหัวเราะอายๆ “ผมคุณหอม ผมแอบดมมาตั้งแต่อยู่ในเต็นท์นู่น ฮ้อมหอม...”


“อี๋ จมูกคุณมีปัญหาแล้วล่ะ อยู่นั่นสองสัปดาห์เอาหัวจุ่มน้ำสองหนเอง”


“อ้าว นึกว่าจะโกรธที่ถูกผมละเมิด”


“จะให้โกรธเหรอจ๊ะ จัดให้ได้นะ?”


“ไม่จ้ะๆ นี่ๆ มีอะไรให้ดู” เดชโบกหมวกแก็บสีน้ำเงินไปมาต่อหน้าเธอที่มองอย่างคาดไม่ถึง


“หากันเกือบตาย !!! ใบนี้มันเบาและพอดีหัว มาอยู่กับคุณได้ไง คุณขโมยไปเหรอ”


“แน้... ตัวเองย่างหมวกลืมไว้ที่ราวตากผ้าบนเขาโน่น ผมอุตส่าห์เก็บไว้ให้อย่างดี”


“งั้น เอาคืนมา” เธอจะดึงกลับเร็วรี่


แต่เขายกหนีทันควัน “ไม่คืน ผมเอาไว้วางใต้หมอน ไม่มีมัน ผมนอนไม่หลับ”


“แล้วเอามาให้ดูทำไม”


“จะได้รู้ว่าผมคิดอะไร ยังไงกับคุณมานานแล้ว”


“คิดลามก ?”


“แน่นอน” เขารีบพยักหน้าเจ้าเล่ห์ “อยากรู้มั้ยว่าลามกขนาดไหน หมวกใบนี้ใช้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ?”


“คุณทะลึ่ง กลับดีกว่า ได้เวลาทำงานแล้ว”


ขวัญชีวาลุกจากเก้าอี้เปียโน มองนาฬิกา เขาเอาหมวกไปเก็บแล้วงตะโกนสั่งน้องสาวให้ล้างจาน พาเธอไปส่งที่โรงพยาบาล


ตอนรถเลี้ยวเข้าเธอเห็นนักศึกษาทันตแพทย์ปีสี่ปีห้ากลุ่มใหญ่ที่เธอเคยแอบไปทำท่าชีกอใส่เดินมาไกลๆ ความรู้สึกอายพุ่งพรวด หากคนพวกนั้นเห็นเดชแกล้งโอบเอวเอาอีก เธอคงต้องเดินเอาปี๊บคลุมหัวเพราะโดนล้อเลียนข้อหาทอมใจแตกแน่ๆ


ดังนั้นทันทีที่เขาจอดรถ จึงพยายามประจบเขา


“เอ่อ ขอบคุณมากค่ะ เย็นนี้ไม่ต้องมารับนะคะ กลางดึกคืนนี้คุณค่อยโทรมา เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ”


“เอ่อ ค่ะๆ” เขาเผลอรับคำแบบเดียวกับเธอด้วยความแปลกใจ ที่เธอมาพูดจาเอาสุภาพไพเราะเพราะพริ้ง


ขวัญชีวาวิ่งตึกๆ อ้อมหนีผู้คนไปอีกทาง กลับไปถึงห้องพักตัวเองจึงผ่อนลมหายใจโล่งอก ทั้งกลัวๆ ทั้งมีความสุขปนอายๆ อย่างสับสน


เกือบบ่ายโมงครึ่ง เยี่ยมรัตน์ถึงเริ่มมาเตือนให้ไปประชุม แต่ตรงบอร์ดที่ทันตแพทย์กับนักศึกษาใช้แลกเปลี่ยนความรู้กัน หมอขึ้นชั้นคลีนิคหน้าละอ่อนกำลังคุยหน้าระรื่นเรื่องใครบางคนชวนให้เธอเดินเข้าไปแอบฟัง


“เมื่อกี๊เราพี่หิ่งห้อยที่ลานจอดรถ ยืนคุยกับพี่แกตั้งนานแน่ะ เราถามว่าจอดรถตรงนี้มาหาหมอฟันหรือเปล่า แกตอบว่าไงรู้เปล่า”


“เล่ามา อย่าให้ต้องคอยชง”


คนฟังตอบด้วยความขัดใจ พอคนฟังทำหน้าอยากรู้ คนเล่าก็ได้ทีเล่าต่ออย่างภูมิใจ
“แกว่า... ‘เปล่า... พี่ไม่ได้เป็นอะไร แต่พี่จะมาฟันหมอต่างหาก’ ฮ่าๆ”


“ต๊าย ตอบได้อุบาทว์มาก” แต่คนที่ว่านายหิ่งห้อยตอบอุบาทว์กลับยิ้มปากฉีกถึงหู “พี่แกหมายถึงชั้นแน่ๆ เสียดายชั้นยังไม่ได้เป็นหมอจริงๆ ซะที อดโดนฟันแหงๆ”


“ฮ่าๆ แต่แกว่ามีแฟนเป็นหมอที่นี่จริงๆ นะ พอถามว่าคนไหน แกว่ายังบอกไม่ได้เพราะเดี๋ยวแฟนแกโดนล้อ แกอดฟันกันพอดี...! ดู๊ ดูพี่แกตอบ”


“ฮ่าๆ ชั้นสงสารหรืออิจฉาแฟนแกดีวะเนี่ย แต่อาจเป็นพี่หมอปีห้าก็ได้ เพราะพี่ปีห้าคนหนึ่งเป็นนักเขียนสำนักพิมพ์เดียวกับแกน่ะ อิอิ คบเด็กสาวนี่หว่า”


อีกคนกำลังกระซิบหัวเราะกันต่อเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ขวัญชีวาแกล้งกระแอมให้ได้ยินเสียก่อน นักศึกษากลุ่มนั้นหันมามองแล้วเป็นอันแตกวงทันที เธอส่ายหน้าอ่อนใจต่อสาวๆ สมัยนี้แม้กระทั่งนักศึกษาทันตแพทย์ก็ยังนิยมนักเขียนนิยายโรมานซ์ออกนอกหน้าเกินเหตุ


เธอเดินเข้าห้องประชุมตามหน้าที่ แต่หัวใจล่องลอยคิดถึงคำของนายหิ่งห้อยที่ตอบสาวๆ ว่าจะมาฟันหมอ แล้วพาลเลยเถิดไปว่าเดชกำลังทำคิดจะฟันเธอด้วยหรือเปล่า แต่คิดถึงจูบเขาแล้ว


เธอว่า... คำตอบน่าจะเป็นแบบเดียวกัน...!!!


สมาธิกลับมาอีกทีเมื่อมีการแนะนำตัวแพทย์หญิงคนใหม่ที่เป็นนางแบบดัง เพิ่งเห็นว่าวันนี้แพทย์และหัวหน้างานผู้ชายหลายคนมาจอแจในที่ประชุมมากเกินเหตุ แต่ไม่รู้เพราะเธอพยายามเก๊กขรึมเพื่อปกปิดเสียงหัวใจเต้นถี่เมื่อใจลอยคิดถึงเดช หรือการแต่งกายห้าวเกินเหตุที่เธอจงใจประชดเขากันแน่ ถึงได้ชี้นำให้คุณหมอนางแบบสาวสวยคนนั้นมานั่งแหมะลงข้างๆ เธอ


“สวัสดีค่ะ ขอเรียกพี่ขวัญแทนคำว่าคุณหญิงนะคะ จี๊ดเป็นเพื่อนใบตาลค่ะ เคยได้ยินชื่อพี่ขวัญมานานแล้ว”


นางแบบยกมือไหว้เธออ่อนช้อย ขวัญชีวาเผลอยกนิ้วแคะฟันจนเกือบเสียภาพพจน์ทันตแพทย์ผู้ต่อต้านการกัดเล็บทั่วราชอาณาจักร ก่อนรีบตื่นจากภวังค์รับไหว้งงๆ แล้วหันมองผู้คนในห้องประชุม ที่แฝงแววตาทั้งชื่นชมและแววตาบางอย่าง


ที่เธอเดาว่าน่าจะ ‘สมเพชกึ่งขบขัน’


ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงนั่งเอกเขนกภูมิใจ แต่วันนี้เธอเหลือบมองหน้าอกหน้าใจที่ไม่รู้ว่าของจริงของเทียมของหมอจี๊ดแล้วพาลคิดถึงเดช สงสัยว่าถ้าเดชมานั่งอยู่ตรงนี้จะเลือกจ้องหน้าอกเธอหรือหน้าอกหมอจี๊ดกันแน่


ประชุมกันสองชั่วโมง แต่ขวัญชีวาไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง เธอทำหน้าไม่ถูกเมื่อหมอจี๊ดกอดแขนเธอเหมือนสนิทกันมานาน พวกหมอชายกลุ่มหมoยิ่งยศมองมาไม่วางตา จนประชุมเสร็จ หมอจี๊ดยังเดินเกาะแขนเธอแจออกมาจากห้องประชุม


“พี่ขวัญ กลับเลยหรือเปล่าคะ”
“มีนัดคนไข้นอกเวลา เสร็จสามสี่ทุ่มโน่นแหละจ้ะ”


“วันงานเลี้ยงจี๊ดนั่งกับพี่ขวัญนะคะ จี๊ดยังไม่มีเพื่อนที่นี่เลยค่ะ”


หมอจี๊ดอ้อนแล้วโบกมือลา ถอยห่างไปสามสี่ก้าวก็วาดท้าวเดินมาดมั่นตามแบบฉบับนางแบบไปทันที


เยี่ยมรัตน์มากระชากแขนขวัญชีวาพร้อมหัวเราะร่า
“ฮ่าๆ แม่เจ้าโว้ย ระวังถูกเจาะลมยางนะคะหมอขวัญ หมอชายโสดๆ หล่อๆ เป็นสิบ แต่นางแบบดันมาสนใจทอม เฮ่อ... พวกดาราก็เป็นซะอย่างนี้”


แต่ขวัญชีวาบอกกับเยี่ยมรัตน์อายๆ
“ขวัญไม่... ไม่ค่อย... เป็นทอมแล้ว พี่ดูไม่ออกเหรอ”


“แต่คงล้างภาพยากค่ะ คุณหมอประวัติดีนี่คะ ฮ่าๆ”


ขวัญชีวาได้ยินเสียงยิ่งยศมาไกลๆ แล้วยิ่งมั่นใจ เธอคงไม่ใช่ทอมอีกแม้แต่น้อย เพราะเริ่มรู้สึกว่ายิ่งยศน่าสนใจกว่าหมอจี๊ดคนสวยเป็นกอง แต่ยิ่งยศก็ไม่เคยคุยอะไรชวนประทับใจตามเคย แซวเธอเรื่องทำเป็นเก๊กขรึมล่อหมอจี๊ด และยังนินทานักศึกษาแพทย์ที่เพิ่งเดินผ่านพ้นไปที่กำลังเมาท์กันเรื่องนายหิ่งห้อย


“อ้าว ไหนว่าหมoยศรู้จักกับตาหิ่งห้อย ไหงมานินทาได้”


“โอ๊ย ไม่เจอมันสิบชาติแล้ว เคยสนิทกันหน่อยก็ตอนอยู่อเมริกานู่น แต่ไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่หรอก มันอายุน้อยกว่าผมปีหรือสองปีนี่แหละ ชกมันหน้าแหกมาแล้ว หมั่นไส้ที่มันริมาเขียนหนังสือ มันเขียนแก้หื่นมั้ง”


“นายหิ่งห้อยแก่ขนาดสามสิบขึ้นแล้วเหรอ ไอ้เรานึกว่าเด็กจบใหม่ เห็นสาวๆ ชอบพูดถึงจั๊ง”


“สาวๆ ไม่ชอบได้ไง ‘ไอ้นั่น’ มันใหญ่”


“เฮ้ย !!!” ขวัญชีวาหน้าแหย “หมoยิ่งยศเจ้าคะ ยังไงขวัญก็ผู้หญิง พูดอะไรคิดหน่อยสิ”


“หึหึ ก็สาวๆ นั่นแหละพูดถึงไอ้นั่นของตาหิ่งห้อยให้ได้ยิน แต่ผมอยากพบมันเหมือนกันนะ อยากเห็นจมูกมันอีกทีให้ชัดๆ ฮ่าๆ” ยิ่งยศทำท่ามีลับลมคมนัย แล้วกลับไปทำงาน


ขวัญชีวากระซิบถามเยี่ยมรัตน์อย่างไม่เข้าใจเรื่องนายหิ่งห้อย ถ้าถึงกับมีคนวิจารณ์ไปถึง ‘ไอ้นั่น’ แสดงว่าพ่อเจ้าประคุณไม่ต่างจากคาสโนว่า


“พี่ว่าพวกนักเขียนนี่ เจ้าชู้หรือเปล่า”


เยี่ยมรัตน์แบะปากยืนยัน “พันเปอร์เซ็นต์ พวกศิลปินเป็นคนอ่อนไหว เจ้าชู้แน่ๆ”


“อืม ขวัญคิดถูกแล้ว ที่ไม่ชอบผู้ชายอ่อนไหว อิอิ”


“แต่เอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกค่ะ ผู้ชายเจ้าชู้ทั้งนั้น เอ... คุณหมอไปชอบใครมาจริงๆ เหรอ”


“งื่อ”


ขวัญชีวาพยักหน้า ยอมรับแล้วทำงานอย่างสบายใจที่อย่างน้อยเดชก็ไม่เพี้ยนเหมือนยิ่งยศ และไม่เจ้าชู้หวานเสน่ห์อย่างนายหิ่งห้อยอะไรนั่น


ดังนั้นพอสี่ทุ่มเธอกลับถึงห้องพักหัวถึงหมอนก็เลิกคิดมากที่ถูกจู่โจม เสียงโทรศัพท์เขาก็ฟังดูรื่นหูขึ้นโข


“จะนอนแล้วเหรอคร้าบ”


แต่เธอจะอ่อนหวานตอบเขาไม่ได้เด็ดขาด
“โอ๊ย เสร็จงานสามทุ่มครึ่ง นั่งหลังขดหลังแข็งเขี่ยขี้ฟันให้ชาวบ้านทั้งวัน สี่ทุ่มไม่ง่วงก็บ้าแล้ว”


“พรุ่งนี้เที่ยงไปกินข้าวบ้านผมอีกนะ”


“ไม่ได้ๆ พรุ่งนี้ลุยยาว ตอนเที่ยงขอแอบงีบเอนหลัง เพราะบ่ายทำแทนหมอสมภพ และมะรืนก็คงไปไหนไม่ได้ เพราะหัวค่ำมีงานเลี้ยงใหญ่ ไม่อยากไปแต่ก็ต้องไป”


“ว้า เดี๋ยวผมก็ไม่ว่างแล้ว” เสียงเขาอ้อนวอน


ขวัญชีวาชักใจหาย “ต้องไปทำงานเหรอ... มะรืนบ่ายไปเที่ยวดิ เอ... หรือว่าโดดงานเลี้ยงเลยดี”


“ไม่ต้องโดดน่า แล้วงานเลี้ยงอะไร ทำไมไม่อยากไป”


“ก็เลี้ยงประจำปีน่ะ เฮ่อ เล่าคุณดีมั้ยเนี่ย...”


“ทำไม... หมoยิ่งยศอะไรนั่นอีกเรอะ เล่ามาๆ ผมไปชกให้”


“ลำพังหมoยศไม่เท่าไหร่ ขวัญด่าต่อหน้าคนยังเคยมาแล้ว แต่หมอจี๊ดคนดังนั่นสิ เขาเคยรู้จักขวัญผ่านใบตาล มาทำท่ามาชอบขวัญออกนอกหน้า หมู่นี้ไม่ยักภูมิใจเหมือนเมื่อก่อน อายคนน่ะ”


เสียงเดชหัวเราะถูกใจทันที “ฮ่าๆ ก็บอกแล้วว่าคุณเป็นผู้หญิง ผมพิสูจน์แล้วนี่นา”


ขวัญชีวาก็อยากคุยต่อ แต่น้ำเสียงตอนท้ายๆ เขาชวนให้หัวใจเตลิดเปิดเปิง พาลพาเธอนอนไม่หลับไปอีกคืนเลยขอบอกลา เขาก็ยอมโดยดี


โปรดติดตามต่อไป ...




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2553
8 comments
Last Update : 15 ตุลาคม 2553 23:57:18 น.
Counter : 2192 Pageviews.

 

โอ๊วววว...ว้าววววว ขวัญค่อย ๆ เปิดใจให้เดชแล้วด้วยรอยจูบสะท้านใจนี่เอง......
แต่ทำไมแม่ของขวัญถึงอยากให้เป็นคนอื่นที่ไม่ใช่เดช......น่าจะเข้าใจนะเพราะว่าตัวเองก็ผ่านชีวิตรักแบบช้ำ ๆ มาแล้ว....

 

โดย: ต่างแดน IP: 89.2.55.176 16 ตุลาคม 2553 3:50:43 น.  

 

Oh, how to get away from the girl, take a boy to a party with you, might be a good idea naka.

 

โดย: Olathe IP: 71.199.69.216 16 ตุลาคม 2553 4:30:53 น.  

 

สะดุดนิดนึงกับความคิดของแม่ขวัญ..แต่หัวอกคนเป็นแม่เนาะ...คุณเดชก็ใช้ได้นะนั่น นึกว่าจะเป็นแบบรักนะแต่ไม่แสดงออกซะอีก...

สนุกค่ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะค่ะ

 

โดย: เอิงเอย IP: 68.224.193.220 18 ตุลาคม 2553 21:05:12 น.  

 

มาอ่านแล้วจ้า เขียนดีนะ แต่อาจใช้บทบรรยาย บางประโยค ไม่สละสลวยไปบ้าง เราเอางานเขียนลงแล้วแวะไปอ่านได้นะ เป็นเรื่องสั้นค่ะ แล้วจะเข้ามาอ่านอีกนะ

 

โดย: radakorn (radakorn ) 26 ตุลาคม 2553 10:06:28 น.  

 

รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ

หายเงียบไปหลายอาทิตย์แล้ว

 

โดย: britz IP: 1.46.3.8 8 พฤศจิกายน 2553 20:58:47 น.  

 

น้ำท่วมบ้านอะป่าวคับ...เงียบไปเลยรออ่านต่ออยุ่น่ะ

 

โดย: pikulthong IP: 118.173.169.172 19 พฤศจิกายน 2553 10:30:35 น.  

 

หายเงียบไปเลยนะครับ

รออ่านอยู่นะครับ เป็นกำลังใจให้มีผลงานออกมาอีกเยอะๆ

 

โดย: วันหน้าผมจะเป็นนายช่าง IP: 125.26.34.226 2 ธันวาคม 2553 11:33:34 น.  

 

 

โดย: radakorn 3 มีนาคม 2554 20:48:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ปลายเดือน กันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นามปากกา ปลายเดือน กันยา
นิเทศศาสตร์ มสธ.

เขียนไปเรื่อยๆ เรื่องจริง เรื่องโกหก เขียนได้หมด
อ่านไปเรื่อยๆ เรื่องชาวบ้าน เรื่องจริง เรื่องโกหก ชอบหมด

อยู่ไปเรื่อยๆ ด้วย
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ปลายเดือน กันยา's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.