|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
Qing Qing on the Run in Hong Kong
Hong Kong 2007's Diary
กลับไปเยือนฮ่องกงอีกแล้ว หลังจากที่เคยไปเหยียบมาเมื่อปี 2001 โน่น นานเหมือนกันเนอะ ครั้งนี้มีภารกิจหลักคือการไปดูคอนเสิร์ต ส่วนภารกิจรองคือการเดินเที่ยวและกิน เพราะคราวแรกที่ไปนั้น ยังเงอะๆ งะๆ ไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก เลยอยากจะไปสัมผัสฮ่องกงอย่างละเอียดอีกครั้ง คราวนี้มีสมาชิกทั้งหมด 6 คน (จะว่าไปแล้ว ก็ถือเป็น business trip เหมือนกันนะ 555)
Dec 07, 2007
ตื่นแต่ตีสามครึ่ง ให้ที่บ้านมาส่งที่สนามบินที่ถือเป็นความภูมิใจของคนทั้งชาติ (เหรอ?) เป็นครั้งแรกที่ไปใช้บริการของสุวรรณภูมิ ไกลดีจริงๆ เราไปถึงสนามบินตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง เพราะกลัวว่าคนจะมาเช็คอินกันเยอะ เพราะได้ข่าวมาว่าสามไฟลท์เช้าของสายการบินที่จะไปเช็คอินที่เดียวกันหมด ห้องน้ำในสนามบินน้อยจริงๆ สมคำร่ำลือ ห้องน้ำในห้างฟิวเจอร์รังสิตดีกว่าเยอะ เครื่องออก 8 โมง ใช้เวลาบิน 2.30 ถึงที่โน่น ประมาณ 11.30 (ตามเวลาท้องถิ่นฮ่องกงที่เร็วกว่าไทย 1 ชม.) พอออกมารับกระเป๋ากันแล้ว ก็ออกมาซื้อบัตร Airport Express ช่วงที่เราไป มีโปรโมชัน ซื้อตั๋วแบบกรุ๊ปได้ลดราคา ตามปกติถ้าซื้อตั๋ว AE แบบไปกลับจะต้องจ่ายคนละ 195 เหรียญ แต่นี่คิดราคา 60 เหรียญ ต่อคนต่อ 1 เที่ยว (รู้สึกว่าถ้าซื้อแบบ 2 เที่ยวจะแพงกว่า) และซื้อ octopus card บัตรสำคัญในการเดินทาง ใช้บัตรนี้แปะได้ทุกที่ สะดวกดีไม่ต้องหาเหรียญ เวลาขึ้นรถ จากนั้นพวกเราก็จับรถไฟ ไปลงที่สถานี Kowloon เพื่อต่อ shuttle bus ไปโรงแรมที่พัก ไปถึงโรงแรม ปรากฏว่าห้องยังไม่ได้ เขาบอกว่าให้พวกเราไปเดินเที่ยวกันก่อนแล้วค่อยกลับมา check-in พวกเราเลยทิ้งกระเป๋าไว้ที่โรงแรม และออกมาเดินเที่ยวหาของกิน มื้อแรกวันนี้ กินบะหมี่เกี๊ยวกุ้งที่ร้าน Happy Garden Noodle & Congee Kitchen เส้นอร่อยมั่กเลย คนรับออเดอร์พูดไทยได้นิโหน่ยอีกต่างหาก ฮี่ๆ สบายไป พอกินอิ่มแล้ว ก็เลยเดินไปโน่นนี่ ก่อนกลับไปโรงแรมเช็คอิน เอากระเป๋าขึ้นห้อง ห้องน้ำในห้องกว้างดี 555 เราจะได้นอนหรู 2 คืน เพราะรวมในแพคเกจตั๋ว
 โฉมหน้าบะหมี่เกี๊ยวที่กิน
คืนนี้เรามีนัดดูคอนเจี๋ยที่ Hong Kong Coliseum ประมาณ impact arena บ้านเรา เราเก็บของ พักเท้าสักครู่ ก็ออกมาเดินเล่น และไปนัดเจอกับพี่อีก 2 คนที่เขาจะไปดูคอนด้วยกัน พอรวมพลกันได้ พวกพี่ๆ ที่เราไปสมทบเขาจะไปหาไรกินก่อน ไปลงที่ร้านเฉี่ยวฟะ ที่มรว.ถนัดศรีเคยแนะนำ ตอนแรกพวกเรากะไม่กิน แต่พอเห็นโฉมหน้าโจ๊กแล้ว อดไม่ไหว เลยต้องกิน (ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ถ้าไม่กิน เราจะไม่มีแรงซ่าในคอนแน่ๆ) ฉันสั่งโจ๊กปลา และน้ำอัลมอนด์ อร่อยดี โจ๊กเค็มดีชอบ อิอิ จากนั้น เราก็มุ่งหน้าไปสถานที่แสดงทันที ส่วนของคอนฯ เขียนไว้แล้วที่นี่ โปรดคลิก Jay Chou's Concert

 พบได้ตามสถานีรถไฟใต้ดิน อุอุ
 บรรยากาศหน้างานคอนเสิร์ต
 ของที่เราซื้อจากหน้างานคอน
คืนนั้นกลับมาอาบน้ำ นั่งเขียนโปสการ์ด กว่าจะนอนเกือบตี 2
Dec 08, 2007
วันนี้ตื่นเช้า ไปกินโจ๊กร้านเดิม แต่วันนี้เราสั่งโจ๊กใส่เนื้อและไข่เยี่ยวม้า หืม เนื้ออร่อย ^^ วันนี้เรามีนัดกันไปไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่ Repulse Bay พวกเรานั่งรถเมล์สองชั้นไป ไปขึ้นที่ไหนจำไม่ได้แล้ว แป่ว.. แต่ถือเป็นการผจญภัยอย่างนึงทีเดียวเชียว เพราะทางแคบและคดเคี้ยว ไม่ต้องไปหาความหวาดเสียวถึง disneyland หรือ ocean park เลย มาขึ้นรถเมล์แบบนี้แหล่ะ เสียวดี ฮี่ๆ ที่ Repulse Bay มีรูปปั้นของเทพองค์หนึ่งที่เชื่อกันว่า ลูบแล้วจะมีเงิน พวกเราก็ไปยืนรอต่อแถวลูบกันใหญ่ มีเจ้คนนึงยืนลูบอยู่หลายเที่ยวมาก จนเรานึกในใจว่า ยกกลับบ้านเลยดีมั้ยเจ้? สงสัยจะเป็นบาปที่ไปต่อว่าเขาอย่างนั้น เพราะทริปนี้ มีแต่เงินออก ไม่มีเงินเข้า 5555 เสร็จจากการไหว้เจ้าแม่ เราไปต่อกันที่ Stanley Market อืม ก็ธรรมดานะที่นี่ ขายของเหมือนสำเพ็งบ้างเรา แต่โปสการ์ดที่นี่ราคาถูกที่สุด เท่าที่เราเจอ 2 เหรียญเท่านั้น ที่อื่นๆ ราคา 4-5 เหรียญแน่ะ แถวนี้มีร้านอาหารฝรั่งทั้งนั้น เห็นว่าแถวนี้ฝรั่งพักเยอะ พวกเราเลยฝากท้องไว้ที่ร้านอาหารแถวนี้ สั่งสปาเก็ตตี้ และอื่นๆ มากิน อร่อยดีอ่ะ ชอบ เสร็จจากนั้น ก็กลับเข้าเมืองมาลงแถวๆ central ฉันกับเพื่อนและน้องอีก 2 คน แยกไปขึ้น The Peak งมกันอยู่สักพักกว่าจะหาทางไปเจอ เรานั่งรถเมล์ขึ้นไปหล่ะ สาย 15 หวาดเสียวดีเหมือนเคย ขึ้นไปถึงแล้ว ก็ยังงงอีกว่า ทางขึ้นไปชมวิวอยู่ไหน แต่ในที่สุดก็หาเจอ อากาศข้างบนเย็นกว่าข้างล่าง ลมแรงดี เสียค่าขึ้นไปดูตั้ง 20 เหรียญ แพงหว่ะ คิดว่าคงต้องมาชมตอนกลางคืนถึงจะสวยงาม เพราะได้เห็นแสงไฟ แต่ที่เราเห็นมันก็คือแท่งตึกเรียงๆ กัน แถมมีหมอก (หรือควัน?) เยอะ ไม่ชัดเอาเสียเลย เราอยู่กันบนนั้นไม่นานอย่างที่คิด แล้วก็ลงมา ตามไปสมทบกับพี่ๆ ที่แยกไปเดินช้อปปิ้งกัน
 Stanley Market
 คุณปู่คนนี้ต้องเป็นญาติกับคุณปู่ที่เราเจอที่ปรากแน่ๆ
 คนต่อคิวขึ้น The Peak ยาวเป็นกิโล
วันนี้มีเพื่อนชาวฮ่องกงชื่อ Agnes นำทางพวกเราไปกินมื้อเย็นที่เหลาแห่งนึง ตาม request จากพี่ในกลุ่ม เมนูเด็ดคือนกพิราบทอด อืม..เห็นหน้ามันแล้ว ก็รู้สึกหยึยๆ แต่กินแล้วก็อร่อยดีเหมือนกัน ปลาก็อร่อย อร่อยทุกอย่าง จ่ายตังค์ก็อร่อย 155 เหรียญ ฮาฮา...T-T ขากลับไปขึ้นรถไฟฟ้ากลับโรงแรม ฉันได้กินน้ำมะม่วง อืม เหมือนกินข้าวเหนียวมะม่วงเวอร์ชันน้ำน่ะ ก็แปลกดี แต่ก็รสชาติใช้ได้ แต่ฉันว่าน้ำมะม่วงปั่นในตลาดนัดใกล้ที่ทำงานฉันอร่อยกว่าแฮะ ร้านขายน้ำมะม่วงแบบนี้กระจายตัวทั่วเกาะเลย คนกินเยอะเสียด้วย แสดงว่าคนฮ่องกงชอบกินมะม่วงสุกสินะ กว่าจะถึงโรงแรมก็ดึกอีกเช่นเคย เพราะดันผ่านร้าน Sasa ร้านขายเครื่องสำอางรวมแบรนด์ ราคาถูกกว่าที่นี่ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เลยช้อปกันมัน :D กลับถึงโรงแรม ยังไม่เสร็จธุระ ต้องนั่งแพคกระเป๋า เพราะเราจะนอนที่นี่คืนสุดท้าย แล้วจะย้ายไปนอน guest house กัน
Dec 09, 2007
วันนี้เรามารวมตัวกัน 8 โมงเช้าเพื่อ check-out ออกจากโรงแรม และนั่งแท็กซี่ไปยังเกสต์เฮาส์ที่จองไว้แถว Mongkok ให้ bellboy เรียกแท็กซี่ให้ หล่อเชียว bellboy นะไม่ใช่คนขับแท็กซี่ 555 เราบอกกับเพื่อนว่าหวังว่าคนขับแท็กซี่จะไม่ถามนะว่าอยู่ตรงไหน เพราะเขาคงไม่ถามภาษาอังกฤษแน่ๆ แต่เขาก็ยังถามอะไรไม่รู้จนได้ ก็ได้แต่เอาแผนที่ชี้ๆ ให้ดู บอกว่าพูดจีนไม่ได้ ก็ยังจะพูดอยู่นั่น ฮ่วย พูดไม่ได้ว้อย.. พอมาส่งถึงที่ยังบอกว่าอาริกาโต้ เลยบอกเป็นจีนกลางไปว่า ไม่ใช่ญี่ปุ่นแต่เป็นคนไทย เฮียก็ยังพูดว่าอาริกาโตะมา กาลุ่ม -_-'
เกสต์เฮาส์ที่เรามาพักคือ Hong Kong Budget Hotel อยู่ตึก Sincere House บรรดาเซียนฮ่องกงคงรู้จักดี เพราะมีเกสต์เฮาส์ยี่ห้ออื่นอยู่อีกหลายเจ้าเหมือนกัน ที่ฮิตๆ คงเป็น Dragon Hostel สำหรับ HK Budget นี้ เจ้าของคือ Jacky Chan พวกเราเลยเรียกว่าเฉินหลง ฮ่าๆ เราไปปลุกเฮียแกแต่เช้าเลย ขออภัยจริงๆ แต่พวกเราแค่จะมาทิ้งกระเป๋าไว้ แล้วรีบไปเที่ยวต่อน่ะ บอกเฮียว่าจะกลับมา check-in ตอนบ่ายๆ ว่าแล้วก็เดินตัวปลิวไปขึ้นรถ mtr (ใช่ไหม? หรือ mrt) ไปสถานี tung chung วันนี้เป้าหมายของเราคือ พระใหญ่ Polin แต่ก่อนไปไหว้พระขอกินก่อน ที่นี่มีร้าน Pie and tart ถ้าออกจากสถานีให้เลี้ยวซ้าย มีพายและทาร์ตอร่อยๆ รอคุณอยู่ เรากินทาร์ตนม อร่อย ขากลับมาซื้อไส้เนื้อไปกินอีก ก้ออร่อยเช่นกัน มีไส้นกกระจอกเทศด้วยนะ อิอิ อิ่มแล้วก็เตรียมตัวขึ้นไปไหว้พระ ค่าตั๋วรถขึ้นไปวันธรรมดา 16 เหรียญ วันเสาร์อาทิตย์ 22 เหรียญ ไฮโซอย่างพวกเรามาเสาร์อาทิตย์เลยต้องจ่ายเต็มราคา ฮ่วย.. ขึ้นไปถึงแล้ว พบว่ามีหมอกและควันบดบังทัศนียภาพ ทำให้เห็นพระใหญ่ได้ไม่ชัดเจน บันไดขึ้นก็สูงดีฮ่ะ ทดสอบสมรรถภาพขาอีกครั้งก่อนไปดูเจี๋ยในคืนนี้ หุหุ ใช้เวลาอยู่แถวๆ ฐานองค์พระสักพัก ก็เคลื่อนตัวลงมา ไปจุดธูปไหว้พระกันด้วย พอไหว้พระเสร็จแล้ว ก็กลับลงมา และมา check-in กับ Jacky ห้องที่เรานอนเป็นห้องสำหรับ 4 คน สเปซข้างในก็แคบๆ แต่ว่ามี facility ครบดีนะ มีห้องน้ำในตัว มีโทรทัศน์ด้วย มีกระติกน้ำร้อนใบเขื่อง ที่นอนสะอาดสะอ้านดี (สภาพน่านอนกว่าที่ hostel ที่เราไปนอนที่ปรากอีก) ค่าห้องก็คืนละ 500 กว่าบาทเท่านั้น ไม่ไกลจากสถานี mongkok ด้วย ข้างๆ ตึกมีร้านลูกชิ้นเหม็นอยู่ 55 กลิ่นมันไม่น่ากิน แต่ว่ารสชาติดี อุอุ

พอเราจัดของกันเสร็จแล้ว พี่ๆ ส่วนนึงจะไปเดินเล่นที่ฝั่งฮ่องกง ส่วนฉันกับเพื่อนขอเดินดูแถว mongkok ดีกว่า เพราะอยากซื้อซีดีเต็มแก่ ฮี่ๆ แต่ก่อนไปซื้อซีดี เราขอไปกินข้าวกันก่อนที่ร้าน Yoshinoya ที่ห้าง Langham เดินไม่ไกลจากที่พักเท่าไร เวลาที่เราไปถึงคงบ่ายสามกว่าๆ เพราะมีอาหารชุด tea set ขาย คืออาหารชุดนี้จะขายเป็นเวลา บางสาขาจะขายบ่ายสอง บางสาขาบ่ายสาม จุดเด่นก็คือมันถูก 55 เซ็ตนึงก็มีข้าวและชา 1 ถ้วย ทั้งหมด 15 เหรียญ (ถูกสุดในเกาะที่เราหากินได้ในทริปนี้) เราสั่งข้าวหน้าเนื้อ ตามคำแนะนำของเพื่อนที่บอกว่าอร่อย อือ อร่อยดี ได้กินข้าวแล้วรู้สึกว่าอิ่มท้องดี จากนั้นเดินต่อไป ไปหาตึก Sino Center เพราะพี่เขาบอกว่าที่นี่มีร้านขายซีดีถูก สภาพห้างเหมือนพันทิพบ้านเรา เดินเข้าไปก็เจอโปสเตอร์อิเจี๋ยคาวบอย หราอยู่เชียว ขึ้นไปชั้นสองก็เจอร้านซีดี เราเข้าไปซื้อซีดีอัลบั้มใหม่ของเจเจ (คือจริงๆ ออกมานานแล้วแต่เพิ่งมาซื้อ) ที่ต้องการ และซีดีที่พี่อีกคนฝากซื้อ ส่วนเพื่อนซื้อซีดีเจย์ทั้งหมด 3 ชุด ร้านนี้ดีนะ มีทุกเวอร์ชันเลย หมายถึงอัลบั้มล่าสุดของเจี๋ยที่เขาให้ pre-order กันแล้วจะมีของแถมน่ะ ใครไม่ได้ pre-order แต่อยากได้ของแถมอย่างปฏิทิน และตุ๊กตาคาวบอย ร้านนี้มีเพียบ ^^ จากนั้นก็ไปต่ออีกร้าน เพราะร้านแรกนี้ไม่มีดีวีดีคอนเสิร์ตเจเจ พอเข้าไปอีกร้าน ไปถามเขา เขาก็หยิบมาให้เลย แพ็กเกจใหญ่ดีชอบ ราคาก็ไม่แพง อิอิ สองร้านนี้ขายซีดีราคาไม่แพงจริงๆ เพราะตอนหลังเราไปเดินห้าง เจอร้านนึงขาย ราคาบวกเพิ่มมา 50-100 เหรียญ เวอร์มากๆ พอได้ซีดีสมดังประสงค์ ก็เดินเรื่อยเปื่อย กลับมาถึงที่พัก ขอนอนสักงีบ เพราะคืนนี้ต้องออกศึก ไปดูอิเจี๋ยรอบสอง นอนได้นิดหน่อย พี่ๆ ก็กลับมา แล้วเราก็ออกไปที่สถานที่เล่นคอนกัน
 ซีดีอัลบั้ม West Side ของเจเจ และ ดีวีดีคอนเสิร์ต Just JJ world tour
Dec 10, 07
จริงๆ แล้ว ไม่ได้อยากจะไปนานเลย แต่ไฟลท์วันที่ 10 เนี่ยที่เต็ม พวกเราเลยต้องอยู่ฮ่องกงกันอีก 1 คืน วันนี้เรานอนตื่นสายกันมากๆ แบบว่าเมื่อคืนหมดแรง 555 วันนี้สามคนในกลุ่มแยกไปเที่ยวมาเก๊า ส่วนเราที่เหลือสามคนไปวัด Wong Tai Sin และ Chilin Nunnery วัด Wong Tai Sin ควันธูปเยอะมากๆ วันก่อนพี่คนนึงส่ง sms มาบอกว่า ได้ข่าวว่าที่ฮ่องกงถูกปกคลุมไปด้วยควันที่มาจากโรงงานในกวางตุ้ง ฉันว่า อาจเป็นควันธูปจากวัดนี้บวกกับควันบุหรี่ที่เขาสูบๆ กันตามถนนก็เป็นได้นะ ไหว้พระกันแล้ว ก็ไป Chilin Nunery ต่อ ที่นี่สงบและสวย ที่สำคัญชมฟรีไม่เสียตังค์ เราชอบที่นี่นะ ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวเท่าไร ติดๆ กับ Chilin มีสวนที่เพิ่งเปิดเมื่อปลายปีที่แล้วชื่อ Nan Liang Garden กว้างใหญ่ดี ชอบๆ เดินๆ ไปก็มีเพลงคลาสสิคให้ฟังด้วยนะ ที่ชอบก็คือ เขาออกแบบรายละเอียดอื่นๆ ได้กลมกลืนกับสวนดีจริงๆ เช่นถังขยะ ก็ทำเป็นไม้ให้ดูเนียนๆ ไป ไม่ใช่สีส้มแสบตา เอ แต่อาจทำให้คนมองข้ามมันไปก็ได้นะ 55 ที่สำคัญไม่ใช่ถังขยะอย่างเดียว ยังทำแบบว่าแยกประเภทขยะด้วย เราออกจากที่นี่ แล้วก็ไปเดินเล่นกันต่อที่ห้างใดสักห้าง จำไม่ได้ ไม่เคยจำเลย ห้างที่นี่เยอะจริงๆ แล้วก็มาเดินเล่นกันแถวๆ mong kok อีก คราวนี้ไปห้าง Harbour City ที่นี่ได้แวะ Welcome Supermarket ฉันซื้อช็อคโกแลตและป๊อกกี้ไว้สำหรับเอากลับบ้าน
 Chilin Nunery
 ไม่มีอาไร ต้นแก้วนั่นแล พอดีว่าเป็นชื่อเพลงนึงของเจี๋ย อิอิ
 ถังขยะที่บอก
 ป้ายหน้าห้องน้ำ เท่ห์ดีอ่ะ
ขนมที่ได้จาก Welcome Supermarket
 กล่องนี้เพื่อนร่วมงานทุกคนต่างชื่นชม แม้กระทั่งเจ้านายว่าไปซื้อมาจากไหน อร่อยมาก
 ช็อคโกแลตรส green tea อร่อยมากเช่นกัน และตามด้วย Malterser รส Dark Chocolate และ Capucino
 ป๊อกกี้รส Men's Coffee แต่ผู้หญิงอย่างเรากินแล้วโค่ดชอบ อาหย่อยๆ
เสร็จแล้วเราไปนั่งรอเวลากันที่โรงแรมมาร์โคโปโล 55 คือเดินจนเมื่อย รอเวลาที่ว่าก็คือ เรานัดกับพวกอีกสามคนที่ไปมาเก๊าว่าให้เจอกันที่หอนาฬิกาจิมซาจุ่ยประมาณ 2 ทุ่มเพื่อดู Symphony of Light การแสดงสำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ที่นั่งริมอ่าวถูกจับจองเต็มไปหมดเลย เราขึ้นไปนั่งดูกันบนสะพาน เราว่าแสงไม่อลังการอย่างที่คิดนะ คิดๆ ไปแล้วก็รู้สึกว่าเปลืองไฟดีเนอะ แป่ว แต่ทำไงได้ มันเป็นจุดขายของประเทศเขานี่นา ดูเสร็จแล้วมีนัดกับอลิซ เพื่อนฮ่องกงอีกคนนึงกินข้าว วันนี้กินเหลาอีกเช่นเคย กินเป็ดปักกิ่ง อร่อยมากกกกก อร่อยกว่าที่เราเคยกินที่ปักกิ่ง ชื่อร้าน Peking Garden ตึกไหนไม่รู้ รู้แต่อยู่ใกล้หอนาฬิกาที่จิมซาจุ่ย นอกจากเป็ดปักกิ่งแล้ว ก็กินไก่ขอทานด้วย กินเสร็จก็กลายเป็นขอทานกันในพริบตา คืนนั้นกว่าจะได้นอนก็ดึกอีก เพราะต้องแพ็คของทุกอย่างลงกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางกลับ
 อันนี้วิ่งตามไปถ่ายสำเภาข้ามฟากอ่ะ ได้มาแค่นี้
 ได้ข่าวว่าเฮียทั้งสองมาเมืองไทยตอนเราไปฮ่องกง ขอบคุณมาก >.<
Dec 11, 07
เราเช็คเอาต์แต่เช้า ปลุก Jacky อีกแล้ว เสร็จแล้ว นั่งรถแท็กซี่ไปสถานี Kowloon เพื่อเช็คอิน โหลดกระเป๋าไปก่อนเลย (ดีจังที่สามารถเช็คอินได้จากในเมือง) แล้วเราก็เดินตัวปลิว มาที่แถวๆ Central เพื่อหาติ่มซำกิน ดูสิมาอยู่ตั้งหลายวัน ยังไม่ได้กินติ่มซำ หายากพอดู เพราะร้านที่รู้จักก็เปิดตอนเที่ยง ถามคนแถวนั้นก็ยากจัง หลายๆ คนเดินผ่านไปเฉยๆเลย คงกลัวพวกเราจะขอตังค์ แต่ในที่สุดก็เจอจนได้ ร้าน majesty seafood restaurant อร่อยมากเลย ไม่แพงด้วย กุ้งใหญ่ยักษ์ ไม่เหมือนบ้านเราที่แพงและกุ้งเล็ก จากนั้นก็กลับไปที่สถานี kowloon เพราะเราต้องถึงสนามบิน 14.20 ในสถานี ดันไปเจอร้านขายตุ๊กตาน่ารักเข้า ไม่น่าเลยจริงๆ เพราะดันมีขายพวกตุ๊กตาจากเรื่อง Totoro น่ะเซ่ ก็เลยหมดเงินกันไป :D
 Olympic Countdown
ไฟลท์ออก 15.00 (เวลาที่โน่น) ถึงเมืองไทยประมาณ 16.30 (เวลาที่นี่) เรานั่งแท็กซี่กลับบ้าน คนขับถามว่าทำไมไม่ลงดอนเมือง อ้าว.. ถ้ามันมีให้ลงก็อยากจะให้ลงอยู่เหมือนกันค่ะ เพราะดอนเมืองใกล้บ้านเรามากกว่า ค่ารถแท็กซี่รวมค่าทางด่วนแล้ว สามารถนั่งรถทัวร์ไปภูเก็ตได้ 1 เที่ยว เหอๆ -_-;
ก็เป็นอันว่า เสร็จสิ้นทริปเฉพาะกิจนี้ได้ดีโดยสวัสดิภาพ กลับมาออกอาการเปื่อยที่บ้าน คงเพราะกินน้ำน้อย นอนก็น้อย ตอนนี้เลยไม่รู้เป็นอะไร เจ็บคอนิดๆ เป็นหวัดหน่อยๆ เหมือนเป็นร้อนใน และง่วงนอนมากๆ >.<
**เก็บตก..
-เราว่า ฮ่องกงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยการก่อสร้างจริงๆ สร้างอยู่ทุกมุมเลย สงสัยจะติดเชื้อจากกรุงเทพแฮะ แล้วก็คนที่นี่คงมีอาชีพช้อปปิ้งเป็นหลักอีกแล้ว เพราะคนเยอะมากจริงๆ (หรือเพราะเราเดินฝั่ง Kowloon) เดินแล้วอึดอัด แถมคนสูบบุหรี่กันเยอะ เดินแล้วสำลักควัน ไม่รู้จะได้กลับไปอีกเมื่อไรนะ เมื่อมีภารกิจอะไรแบบนี้อีกหล่ะมั้ง ฮ่ะฮ่า..
-ประโยคที่พูดบ่อยมากคือ i don't speak chinese, English please.. ก็หน้าตากลมกลืนกับเจ้าบ้านเหลือเกิน
-ผู้ชายเกาะนี้หน้าตาดี ชอบ ชอบ กร๊ากกกก
-สำหรับหน้าตาอาหารที่เรากินๆ ไปนั้น ขอเชิญไปดูหน้าตาได้ที่เว็บเจ๊จิลค่ะ ;D Xiaof

Create Date : 18 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 18 ธันวาคม 2550 22:35:10 น. |
|
23 comments
|
Counter : 1732 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: mamminnie วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:22:57:01 น. |
|
|
|
โดย: ตงเหลงฉ่า IP: 58.9.35.224 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:23:09:48 น. |
|
|
|
โดย: pipm IP: 125.25.17.42 วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:23:44:27 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing IP: 58.8.74.99 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:8:47:23 น. |
|
|
|
โดย: Nungkwak IP: 203.130.143.243 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:10:07:27 น. |
|
|
|
โดย: น้าไจ๋ แฟนเจี๋ย IP: 203.144.130.176 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:17:51:39 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing IP: 124.121.84.22 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:21:02:02 น. |
|
|
|
โดย: น้าไจ๋ แฟนเจี๋ย IP: 203.144.130.176 วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:12:30:24 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing IP: 124.121.80.106 วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:8:54:11 น. |
|
|
|
โดย: pikku IP: 203.131.217.4 วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:10:33:44 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing IP: 124.121.85.135 วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:13:30:35 น. |
|
|
|
โดย: Qingqing วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:22:36:46 น. |
|
|
|
โดย: เลขาตัวซน วันที่: 29 ธันวาคม 2550 เวลา:0:02:58 น. |
|
|
|
โดย: เสี่ยวป้างจื่อ ^_^ IP: 203.155.179.11 วันที่: 14 มกราคม 2551 เวลา:10:31:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|