ทำตูเล่กล้วย
หลังจากไม่ได้อัพบล็อคมาสิบชาติ มาเช็คดูเอ๊า.. เค้ายังเก็บพื้นที่ไว้ให้เรานินา .... ดีจัง ช่วงนี้กำลังเห่อทำขนมคุกกี้ หลังจากทำมาหลายสูตรจากตำราป้าเจี๊ยบ คราวนี้ขอลองสูตรจากนิตยสารมาร์ธ่า สจ๊วต บ้าง เป็นคุกกี้กล้วยๆ ที่วิธีทำกล้วยมาก แต่ตอนอบปาดเหงื่อ...เพราะต้องระวังไม่ให้บางมากไปหรือหนามากไป จะได้สุกเท่ากันค่ะมาดูกันค่ะว่าจะสำเร็จไหม...1. เตรียมเครื่องปรุง ได้แก่แป้งเอนกประสงค์ร่อนแล้วประมาณ 1 ถ้วยนิดๆ น้ำตาลทรายประมาณเกือบๆ ถ้วย เกลือหนึ่งหยิบมือ กล้วยเล็บมือนางบด 3 ลูก (เราไม่มีเครื่องบดเลยใช้ช้อนขูดเอา อิอิ) เนยละลายประมาณ 1/4 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง2. เอาแป้ง น้ำตาล เกลือ มาผสมกัน 3. ตอกไข่ลงไปผสม ใช้ไม้ตีไข่ตีๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันจะได้แป้งเหนียวๆ 4. เติมเนยละลายลงไป5. เติมกล้วยบดลงไป6. ตีส่วนผสมอีกทีให้เข้ากันดี จะได้ส่วนผสมเหลวๆ7.ใช้ช้อนตักหยอดลงถาดที่รองด้วยกระดาษไข 8. ใช้ก้นช้อนละเลงกองแป้งให้บางๆ 9. เข้าอบที่อุณหภูมิประมาณ180องศาเซลเซียส แล้วแต่เตาอบ ของเราประมาณ 10 นาที10. ตูเล่กล้วยพร้อมเสิร์ฟจ้า แผ่นบางๆ กรอบๆ หอมกลิ่นกล้วยมั่กๆ
เกาะพ่อแม่เที่ยวเกาะเกร็ด
อาโหลโย่เย่...ช่วงนี้ชีวิตยุ่งเหยิงมากเลยนะฮ้า...ไม่ค่อยมีเวลาแชทกะเพื่อนๆ เลย แต่ยังไงก็ยังอุตส่าห์อาศัยบ่าพ่อกะแม่ไปเที่ยวเกาะเกร็ดมาเมื่อวันเสาร์ที่ 2 ก.พ. มีรูปมาให้ดูกันเยอะเลยค่ะอันว่ามามี๊แด๊ดดี๊ของเรานั้นพอแก่ตัวมาก็รักใคร่กันดูดดื่มผิดกะแต่ก่อน ความสมานฉันท์แบบบ้านๆ ของทั้งสองก็มีมาให้ลูกๆ หลานๆ ได้ฮากันอยู่เรื่อยๆ เช้าวันเสาร์ตื่นมาเตรียมตัวไปเที่ยวกันแต่เช้า แม่อาบน้ำอยู่แล้วก็ตะโกนถามออกมาจากห้องน้ำว่าแม่:ขวดไหนแชมพูฟะ (แม่อ่านภาษาอังกฤษไม่ออก)พ่อ:ขวดสีชมพูที่อยู่หน้ากระจกไง(หวังดี) นี่เพิ่งสระเมื่อคืนหน่อย: พ่อ....นั่นมันขวดสบู่เหลวเรานะ ก้อเป็นซะอย่างนี้นะ พ่อแม่เรา .......เอาล่ะ ออกเดินทางไปเกาะเกร็ดกันดีกว่า จากบ้านเราที่สะพานใหม่นั่งแท็กซี่ไปไม่กี่นาทีก็ถึงปากเกร็ด ถ้าเพื่อนๆ นั่งรถโดยสารไปก็ลงก่อนถึงสุดทาง(ยูเทิร์น)ป้ายสุดท้ายเกาะเกร็ดนะจ๊ะ แล้วเดินทะลุเข้าไปทางวัดบ่อก็ได้ หรือจะให้ดีให้เดินเข้าไปทางวัดสนามเหนือจะเจอท่าเรือเล็กๆ ที่ข้ามไปเกาะเกร็ดจ้า ถามคนแถวนั้นเอาก็ได้ สำหรับคนที่เอารถส่วนตัวไป ก็ไปจอดที่วัดสนามเหนือ เก็บค่าจอดรถคันละ 30 บาทขาดตัว เจอแร้วท่าเรือ เรามาถึงแต่เช้าเพิ่ง 9 โมงนิดๆ คนเลยยังไม่เยอะ จากฝั่งปากเกร็ด มองไปที่ฝั่งเกาะเกร็ดเห็นเจดีย์เอียงๆ น่านล่ะใช่เลย มาถูกที่แน่ๆรอพักเดียวเรือข้ามฟากก็มา ขาไปยังไม่ต้องจ่ายตังค์ พอส่งถึงฝั่งแล้วค่อยจ่ายที่โต๊ะเก็บเงิน คนละ 2 บาทจ้าพอข้ามมาถึงเกาะปุ๊บ คุณนายก็เริ่มช้อป โดยมีดีไซเนอร์ประจำตัวคอยช่วยเดินจากท่าเรือมาเลี้ยวขวาเข้าวัดปรมัยยิกาวาส พ่อก็สั่งเราให้ถ่ายรูปคู่ให้ที่เจดีย์เอียงพ่อ: ถ่ายรูปให้หน่อย เอารูปคู่ เอาให้เห็นหมาข้างหลังนี่ด้วยนะหน่อย: แล้วนู๋อะพ่อ นู๋ลูกพ่อนะ.......พอได้หมวกสำหรับใส่ชมเกาะแล้ว คุณนายก็ดิ่งไปที่ของกิน เริ่มกันที่ปั้นขลิบไส้ต่างๆ ส่วนพ่อเดินไปย้อนความหลังกับซุ้มขายขนมโบราณแผงขายเครื่องสานน่ารักดีอีกฝั่งเป็นร้านขายพวกกาแฟโบราณ เอกลักษณ์ของที่นี่ก็ต้องใส่โอ่งดินเผาเล็กๆ พอกินน้ำหมดก็เก็บโอ่งมาใช้ได้ หิหิ เราก็ซื้อมาอันนึง น่ารักมากเดินมาเจอร้านขายดอกไม้กับผักทอด มีดอกเข็ม ดอกเฟื่องฟ้า ดอกอัญชัญ ดอกลีลาวดี ผักเป็ด ผักบุ้ง ผักฯลฯ จำไม่หมด แล้วก็มีทอดมันหน่อกะลาอันขึ้นชื่อ ต้องลองซะหน่อยนี่ไง ผักทอดของเรา โปะด้วยทอดมันหน่อกะลา ถ้วยพูนๆ นี่ 40 บาท กินกันอิ่มทั้งบ้านแผงนี้ขายดอกไม้พร้อมกระถาง สีสันสวยมากเดินผ่านเจดีย์มอญ ถ่ายรูปเก็บไว้นิดนึงอ๊ะ ร้านนี้ขายอะไรหน้าตาแปลกๆ คนขายบอกว่านี่ไงล่ะ หน่อกะลา อ๋อ......หน้าตาแบบนี้เอง ถ่ายรูปมาให้ดูกันจะๆเดินกันเริ่มเมื่อย อิ่มด้วย พักขารอขึ้นเรือเที่ยวรอบเกาะเที่ยว 11 โมง ตั๋วราคาคนละ 50 บาท พอเรือมา สองตายายก็ขึ้นไปนั่งจุ๊กจิ๊กกันสองคนนั่งเรือชมวิวไปรอบๆ เกาะ เพลิดเพลินดี แล้วก็มาถึงจุดแวะจอดจุดแรก เป็นร้านขนมหวานชื่อบ้านคุณแอ๋ว อยู่ท้ายเกาะหน้าบ้านคุณแอ๋ว มีเรือเล็กจอดอยู่ สีสันโอ้โห....ฮิพจริงๆบนบ้าน มีขนมละลานตา เลือกกันไม่ถูกสองตายายเริ่มปฏิบัติการด้านในบ้าน มีสาธิตทำขนมหวานด้วย อุอุที่บ้านคุณแอ๋ว นอกจากขนมก็มีอาหารอื่นๆ น่าอร่อยทั้งนั้น ครอบครัวเราก็เลยฝากท้องมื้อเที่ยงไว้ที่นี่ซะเลยแวะที่บ้านคุณแอ๋วครึ่ง ชม. แล้วก็ออกเรือกันต่อ จุดแวะที่ 2 ก็เป็นบ้านขนมสมชาย แต่คราวนี้อยู่ในคลองขนมหวาน ขนมบ้านคุณสมชายละลานตาไม่เท่าที่บ้านคุณแอ๋ว แต่ราคาถูกได้ใจ (แพ็คละ 10 บาท) ส่วนมากก็เลยขนซื้อกันแทบหิ้วไม่ไหวจุดที่ 3 เรือแวะจอดหน้าวัดอะไรซักอย่าง จำชื่อไม่ได้ แวะให้อาหารปลากันจุดสุดท้ายที่แวะคือท่าเรือหน้าหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผา แต่พวกเราไม่ได้แวะเพราะขึ้เกียจเดินแล้ว เรือแวะส่งที่นี่แล้วไม่จอดรอ แต่ไปส่งผู้โดยสารที่เหลือที่ท่าเรือวัดสนามเหนือ จุดเริ่มต้นทริปของเรา เป็นอันว่าจบการเดินทางเท่านี้ความจริงแล้วรอบๆ เกาะเกร็ด สามารถเดินเที่ยวได้อย่างเพลิดเพลิน มีทางเดินเล็กๆ มีกิจกรรมน่าสนใจตลอดทาง แต่เราไม่ได้เดินมากเพราะไปกะคนแก่ ถ้าใครมีเวลาก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวกันนะ รับรองประทับใจสุดท้ายนี้ ขอจบด้วยเรื่องของตายายเช่นเดิม เย็นวันศุกร์เรารีบเลิกงานกลับบ้านไปกินข้าวกะพ่อแม่ที่รออยู่ที่ร้านอาหารในซอย ไปถึงมีแค่น้ำเปล่ากะเบียร์ของพ่อ เลยถามว่า ทำไมไม่สั่งอาหารล่ะพ่อ/แม่ สองเฒ่าตอบพร้อมกันอย่างสามัคคี(เหมือนเดิม) ว่า"ไปเอาแว่นตาบนห้องให้หน่อยจิ อ่านเมนูไม่ออก"อะโธ่.........
รถสวยน้ำลายหกที่งาน Motor Expo 07
ปีนี้มีโอกาสดี ได้ไปเที่ยวงาน Motor Expo 07 ที่เมืองทองธานี กองทัพเดินด้วยท้อง (ซึ่งบรรจุข้าวขาหมูเมืองทองก่อนเข้างาน) ของเราก็ยาตราเข้างานเมื่อวันเสาร์ที่ 8 ธ .ค. เจอรถสวยๆ เพียบเลย ราคาเกินเอื้อมทั้งน้านนน แต่คนจนก็มีสิทธิ์จะฝันนี่หว่า อิอิ....ช่วงแรกเดินตามตาลุงดูพวกรถแต่งเครื่องเสียง เจอรถคันนี้เข้า อุว้าว...เท่โคดๆ ส่วนคันนี้ ติดลำโพงด้านหลังรถไว้ซะเยอะ สงสัยเอาไว้รับจ๊อบช่วง ส.ส. หาเสียงมาดูรถสวยๆ กันมั่งดีกั่ว คันนี้สีชมพูแปร๊ด ได้ใจส่วนมินิสองคันนี้ก็น่ารักสุดๆ ราคาแค่ล้านครึ่ง จิ๊บๆเดินผ่านเบ๊นซ์ บอกตาลุงว่าซื้อให้มั่งดิ ลุงมองราคาแล้วเดินหนี อิอิ 4 ล้านกว่าเอง แหม...ทำเป็นขนาดเบ๊นซ์ลุงยังเดินหนี จะเอาอะไรกะ บูกัตติ เวย์รอน คันละ 165 ล้าน คันนี้ ล่ะ แต่ว่า ตาลุงของเราก็มาสะดุดกะรถจิ๊ปเหลืองแปร๋นคันนี้ปล่อยลุงดูจิ๊ปต่อไป ส่วนเราไปส่องลัมโบกินี ดีกว่า หุหุถัดไปอีกนิดก็เป็นรถสปอร์ตทรงล้ำๆ ของค่ายโลตัสส่วนนี่เป็นรถของมิตซุโอกะ ยี่ห้อญี่ปุ่นที่แหวกแนวจากรถบ้านทั่วๆ ไปมาทำรถสปอร์ต รุ่นนี้เรียก โอโรชิ ซึ่งมีหลายคนบอกว่าหน้าตาน่าเกลียด แต่เราว่ามันสวยดีนะ โดยเฉพาะคันนี้ทำสีขาวมุก พริ้งเลยล่ะ ราคาก็แค่สิบกว่าล้าน โฮะๆๆๆๆๆๆๆซุ้มติดกับมิตซุโอกะ เป็นรถสไปเกอร์ เจ้าของเดียวกัน ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่บุกเบิกรถสองยี่ห้อนี้ในไทย สไปเกอร์นี่เป็นรถประมาณว่า made to oder คือประกอบตามสั่ง แต่ละคันไม่เหมือนกัน ชิ้นส่วนก็แฮนด์เมด ยัยเจ้าของเคยมาออกรายการทีวี เค้าอวดชุดกระเป๋าเครื่องมือที่ให้มาพร้อมกะรถเป็นกระเป๋าหนังของหลุยส์ฯ หมดเลยอะ หึหึ หรูขนาดนี้ราคารถก็เลยพุ่ง 30 ล้านก่าๆมาถึงบูธฮอนด้า ต้องแวะดูแอคคอร์ดตัวใหม่ซะหน่อย สวยหรูดีนะ รูปร่างหน้าตาคล้ายๆ แคมรี่ ราคาล้านหก ล้านแปด ค่อยยังชั่วหน่อย อีคันข้างบนนี่ไม่กล้าหายใจรดเล้ย ส่วนมาสด้า ก็ออก MX 5 มา น่ารักดี ปิดท้าย แวะดูรถโบราณที่เอามาโชว์ 4-5 คัน ได้อารมณ์อีกแบบสรุปแล้ว รวมราคารถทั้งหมดที่ดูมาวันนี้ เฉียดๆ พันล้านบาท สำรวจเงินในกระเป๋า มีอยู่ 200 กว่า กลับบ้านดีกว่า อิอิอิ
อิ่มพุงปลิ้นที่ ทาคุมิ
วันศุกร์ที่ผ่านมารีบเก็บของออกจากออฟฟิศเพราะมีนัดสำมะคัญ ไปกินทาคุมิกันกะชาวแก๊งค์กิ่งฉัตร เนื่องจากยังต้นเดือนอยู่เลยขอเล่นของสูง(ราคา) คือบุฟเฟ่ต์อาหารญี่ปุ่นที่ร้าน ทาคุมิ อยู่ในโรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด ถ.รัชดาฯ จ้าขึ้นจากรถไฟใต้ดินที่สถานีห้วยขวาง มองมาทางซ้าย อ๊า...เจอแล้วอาบอบนวดซีซ่าร์ โอ๊ะ ไม่ใช่....อาคาร เลอ คองคอร์ด ที่อยู่ถัดไปตะหากมาถึงเจออ๋องก่อน เลยควงกันเข้าไปนั่งรอเพื่อนๆ อ๊าย มาถึงร้านแล้ว ด้านหน้าร้านตกแต่งคิขุจองห้องส่วนตัวไว้เพราะรู้ว่าถ้านั่งข้างนอกต้องโดนพนักงานมาไล่แน่ๆ หุหุ แต่ละคน ขาเม้าท์ และแล้ว....เราสองคนก็ประเดิมด้วยความอดใจไม่ไหว ขอเริ่มที่ไอติมคาราเมลกับพุดดิ้งมิ้ลค์ชีส หุหุ ด้วยความกลัวว่าของที่เป็น The Must จะหมดซะก่อนพระเจ้า...อร่อยอะไรเช่นนี้ พุดดิ้งไม่หวานจัด ออกมันและนุ่มและหอม....ประทับใจ กินกับไอติมคาราเมลที่หวานนิด ขมหน่อย เข้ากันมั่กๆอุอุ สาวๆ ยังมาไม่ถึง แต่เราสั่งของมารอเพื่อนด้วยความรัก อาหารเริ่มทยอยมาแย้ววววว ไข่หวานที่หวานสมชื่อ ไก่ทอดกรุบกรอบกรุ๊บกริ๊บ ไก่เหมือนกันแต่เป็นไก่ย่างซีอิ๊ว หนังร่อนกรอบอร่อยสะใจ ปลาแซลมอนย่างซีอิ๊ว ปลาเค้าสดเคี้ยวมันเพลินๆ ยำสาหร่ายแก้เลี่ยนซะหน่อย เกี๊ยวซ่าเคี้ยวหนุบหนับ อิ่มอีกระดับกับข้าวห่อไส้ต่างๆ อันนี้ปลาดิบรวม อ๋องมันโซ้ยคนเดียวหน้าตาอิ่มเอิบปลาบปลื้ม เราไม่กินดิบเลยอด โอ๊ววว...ไข่ตุ๋นของเรามาแร้ววววว นิ่มดีจัง ชอบๆๆๆ (แต่รสชาติอ่อนไปนิด ของฟูจิอร่อยกว่านะ) นี่ก็ของเรา หิหิ เทปันยากิซีฟู้ด รูปนี้เว้าๆ แหว่งๆ เพราะอาหารมาถึงก็รีบกิน ลืมถ่ายรูป สั่งเทมปุระให้เจ๊รี่ แต่ขอชิมนิดนึงนะ อืม...ได้ใจ ปลาหมึกสด พี่ดาวสั่งมา เราได้แต่มองตาปริบๆ เหมือนเคย ชามนี้เป็นอุด้งหน้าเทมปุระ เราไม่ได้กินเพราะกลัวอิ่มเกิน หิหิ รูปนี้ก็แอบถ่ายอาหารของดา เป็นอะไรหน้าปลาซักอย่าง บะหมี่เย็น พร้อมซุปและซอส ชามนี้สุกี้เนื้อ น้ำซุปเข้มข้นอร่อยมาก แต่เนื้อเหนียวไปหน่อย อาหารเยอะแยะ เลือกกินตามชอบ สนุกสนานจนคู่กัดตลอดกาลยังวางนวมชั่วคราว หลังพายุผ่านพ้นไป ตบท้ายด้วยพุดดิ้งและไอติมอีกซักชุด(ใหญ่ๆ)สุดท้ายขอขอบคุณผู้มีอุปการคุณ คือ นู๋ดา ที่พกบัตรลดไปด้วย ทำให้เราพลอยได้อานิสงส์ จากราคาเน็ต 530 เหลือคนละ 450 บาท จ้า
ฮ่วย! เอ็มโพเรี่ยม เปี๊ยนไป๋
วันนี้ไปเอ็มโพเรี่ยม อุแม่เจ้า เปลี่ยนไปจนนึกว่ามาผิดที่ หุหุ นึกว่าเขาดิน ที่แท้เขามีงานกันนี่เอง นึกได้ว่าเพิ่งมีมือถือแบบถ่ายรูปได้กะเค้า เลยเอาซะหน่อย แชะๆๆๆ แหม้............สีมือเราก็ใช่ย่อยนะ ฮุฮุฮุเดินเข้ามาก็เจ๊อะเลย เขียววืดๆ ไปหมดมองมาจากมุมบน อลังการงานสร้างชอบดอกไม้ที่เป็นลูกบอลนี่จัง จ๋วยๆๆตามทางเดินที่เป็นม้านั่ง ก็มีประดับให้ยิ่งน่านั่งกรี๊ดดดด.....อยากกินลาบปลาคาร์ปปปปปปป.......หึหึ วอนซะแล้วปลาพวกนี้ ยิ่งว่ายเข้ามาหาชั้น อุอุ...เค้ามาบ้านผีเสื้อด้วย สีดำๆ เกาะกระจกเต็มไปหมด แต่กินไม่ได้น่ะ เลยไม่ประทับใจเท่าไหร่เอิ่ม....ลวกดอกกระเจียวกินกับลาบปลาคาร์ปก็คงอร่อยอยู่เนาะเดินหลงอยู่นาน เกือบหาทางออกไม่เจอด้านนอกก็เต็มไปด้วยดอกไม้น้องๆ แบบนี้แถวบ้านพี่เรียก กะปอม(เสื้อเขียวพูด): น้องคับ ถ้าชอบเอาไปเลย มาทำงานแทนพี่ที พี่กัววว..........ไก่ฟ้าสีสันสดใสตัวอ้วนดำๆ พวกนี้คือ หมีขอ แต่ไม่เห็นมันขออะไรเลย นอนอย่างเลียววววว้า....ยังไม่ได้ถ่ายรูปนกยูง งู แล้วก็เสือเลย หมดเวลาอู้แล้ว ต้องรีบกลับออฟฟิศ บายๆๆๆ