กลับมาแล้ว พร้อมเด็กชายตาแป๋ว
ห่างหายไปนานจากการเขียนบล็อค เนื่องภารกิจของความเป็นแม่ ที่กลับบ้านแล้วต้องพร้อมที่จะรับช่วงเลี้ยงลูกต่อจากคุณยายเพื่อให้คุณยายได้พัก พ่อตัวดีของหม่ามี๊ปีนป่ายไปนั่นมานี่ตลอดเวลา สุขภาพแข็งแรงพอสมควรเพราะกินนมแม่ 9 เดือนครึ่ง (จริง ๆ ตั้งใจจะให้ถึง 1 ขวบแต่พ่อคุณกินดุมาก นมในสต็อคหมดเร็วกว่าที่คาดไว้) วันที่ 24 กรกฎาคม 2553 ไปตรวจกับคุณหมอตามปรกติ เรารู้สึกได้ว่าลูกดิ้นน้อยลง คุณหมอเองก็ Ultrasoundดูแล้วพบว่า เด็กแทบจะไม่ขยับตัวเอย น้ำคร่ำก็เหลือน้อยเกินไปแล้ว เราอยากคลอดเองคุณหมอก็เลยบอกว่า หมอให้รอได้อีก 1 อาทิตย์ แต่เราจะต้องนับและสังเกตการดิ้นของลูกอย่างใกล้ชิดมาก ๆ ถ้าผิดปกติให้รีบมาที่โรงพยาบาลทันที ฟังแล้ว เครียดไปเลย มีคำถามกับตัวเองเลยว่า เราต้องเป็นโรคประสาทแน่ ๆ อายุครรภ์ตอนนั้น 38 สัปดาห์ 3 วัน เราถามคุณหมอว่าถ้าเค้าออกมาตอนนี้เลยเค้าจะปลอดภัยใช่ไหม เราจะรู้เลยใช่ไม๊เค้าผิดปกติเรื่องอะไร คุณหมอบอกว่า ใช่ ด้วยความร้อนใจ เราและสามีตัดสินใจผ่าคลอดวันรุ่งขึ้นเลย เพราะเป็นห่วงลูกมาก อีกอย่างนึงอยู่ในท้องเราก็มองไม่เห็นเค้าว่าเค้าสุขสบายดีหรือเปล่า สุดท้าย นัดผ่า จองให้พักฟื้นเรียบร้อย แต่หัวใจของคนเป็นแม่ ยังคงหวาด ๆ กลัว ๆ กับการขึ้นเขียงอยู่ เพราะเตรียมลมไว้เบ่งมาตลอดไม่ใช่เตียงพุงไว้ผ่า วันผ่าเราก็แสนจะตื่นเต้นหมอรมยามาแล้วยาวิ่งไม่ทันฤกษ์ที่แม่สามีอยากได้ คุณหมอเราต้องวางยาสลบ เราเหมือนโดนทุบหัว ตื่นมาเห็นแต่เพดานสีขาว คนเดินผ่านไป ผ่านมาและหายใจได้โล่งปอดขึ้น (ตอนท้องแก่หายใจไม่ค่อยออกเพราะลูกตัวใหญ่มาปิดกระบังลม)เราถามพยาบาลถึง 2 คนว่าลูกเราโอเคมั้ย ครบหรือไม่ พยาบาลใจดีบอกเราว่า ปลอดภัย แข็งแรงค่ะคุณแม่และน่ารักน่าชังมาก ๆ เราถูกเข็นไปที่ห้องพัก ยาสลบและยาชาเริ่มหมดฤทธิ์แล้ว แผลผ่าคลอดเจ็บสุด ๆ ยิ่งตอนย้ายจากเตียงผ่าตัดมาเตียงคนไข้นี่แทบกรี๊ด เราไม่รู้เลยว่าเราต้องเจอกับอะไรที่หนักกว่านั้นมากนัก พอเรามาถึงห้องพัก สามีดีใจมากที่เห็นหน้าเรา รีบเดินเข้ามาหา ถามว่าโอเคมั้ย เราบอกโอเค เข็ดมั้ย เรายิ้ม ๆ บอก ไม่เข็ด (5555555) พอเตียงคนไข้จอดสนิท คุณพยาบาล 5 คนก็ปิดม่านและมายืนล้อมเตียงเรา น้องพยาบาลสาว เปิดผ้าเราออกตั้งแต่หน้าขาจนมาถึงเอว เรางงถามว่า"มีอะไรหรือเปล่าคะ" น้องพยาบาลเอามือกดที่หน้าท้องเราเบา ๆ (ซึ่งความรู้สึกเราตอนนั้นขอโทษนะคะ เจ็บโคตร) พี่พยาบาลส่ายหน้าเล็กน้อยและบแกเราว่า " คุณแม่คะ หมอเอาลิ่มเลือดออกไม่หมด พยาบาลต้องบีบที่หน้าท้องคุณแม่เพื่อเอาเลือดออกมา ไม่อย่างนั้นคุณแม่จะตกเลือด คุณแม่อดทนนะคะ พยาบาลจะบีบแล้วค่ะ" สามีเราตกใจมากโผล่หน้ามาดูในม่านว่าทำอะไร คุณพยาบาลหันไปบอกสามี"คุณพ่อไม่ต้องตกใจค่ะ รอด้านนอกก่อนนะคะ) แล้วเค้าฝ่ามือวางที่ท้องน้อยเราแล้วขยุ้มบีบเหมือนบีบมะนาวให้หมดน้ำ มันสุด ๆ ไปเลยจริง ๆ เราไม่ร้องออกมาสักคำแต่หน้าเราคงแสดงออกมาหมด น้องพยาบาลถึงกับสูดปากแทนเรา เอามือบาง ๆ มาจับมือของเราไว้ พี่พยาบาลบีบอยู่อย่างนั้น 4-5 ครั้ง แล้วหันไปมองลิ่มเลือดที่ออกมา หันไปสอนน้อง "เห็นมั้ย ต้องบีบแบบนี้นะ แค่เอามือกด ๆ ไม่ได้ ลิ่มเลือดออกมาตั้ง 2 ก้อนใหญ่ ๆ " น้องพยาบาลพยักหน้า ทำความสะอาดให้เราและแต่งกายให้เราใหม่ เปิดม่านให้สามีเข้ามา หันมาบอกเราว่า "พี่สุดยอดเลยค่ะ ไม่ร้องสักคำ เยี่ยมมาก" เรายิ้มให้และขอบคุณเค้าที่ยืนอยู่ข้างเรา สรุป เราต้องนอนราบ 24ชั่วโมงเพราะยาที่บล็อคหลัง เราเป็นคนสุดท้ายที่ได้เห็นลูก สามีสงสารเดินไปถ่ายรูปลูกที่ห้องเนิร์สเซอรี่มาให้ดูแทบทุกชั่วโมง พยาบาลสอนให่นมเรื่องวัคซีน เรื่องการอาบน้ำเด็ก เราหน้าอกเริ่มคัดจึงต้องปั๊มออกให้ลูกกิน ความรู้สึกครั้งแรกที่ลูกดูดนมจากออกมันตื้นตันจริง ๆ ค่ะ นี่แหละคือหน้าที่ที่สมบูรณ์และถูกต้องของหน้าอกผู้หญิง ไม่ได้มีไว้ให้ชายพึงใจ แต่มีไว้ให้ลูกดูดนมเป็นอาหารต่างหาก เรากลับมาเลี้ยงลูกที่บ้านหลังจากที่ฝึกวิชาทั้งหลายแหง่จากโรงพยาบาลมาแล้ว 3 เดือนแรกเป็นความโกลาหลที่สุดในชีวิต เหนื่อยที่สุดในชีวิต ในขณะเดียวกันก็มีความสุขที่สุดในชีวิต ลูกชายเรากินเก่ง เลี้ยงง่ายและอารมณ์ดีสุด ๆ พอลูกครบ 6 เดือนเราหยุดปั๊มนมเพราะไม่มีที่เก็บแล้ว พ่อคุณกินไม่ทัน 2 ช่องฟรีซกับ 1 ตู้แช่ขนาด 3.5 คิว ตอนนี้หนุ่มน้อย 10เดือนจะ 11 เดือนแล้ว ธุจ้าได้ ปีนป่ายประจำ เกาะยืน เกาะเดิน และคลานเร็วมาก หน้าทิ่มบ้างล้มบ้างเป็นธรรมดา ดีใจที่ได้มีวันนี้ วันที่เจ้าตัวเล็กกำลังเติบโต เหนื่อยแสนเหนื่อยยังไงมันก็คือความสุขในชีวิตของทั้งเราและสามี ตอนนี้ชีวิตของเราสมบูรณ์แล้ว พ่อตัวเล็กน่ารัก สมกับที่เรารอคอยมาตลอด ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้มีวันดีดีแบบนี้
Free TextEditor
Create Date : 09 มิถุนายน 2554 | | |
Last Update : 9 มิถุนายน 2554 10:44:52 น. |
Counter : 1416 Pageviews. |
| |
|
|
|