รถรับตัวเจ้าสาวในฝัน อยากได้มั่งอ่ะ
วันนี้เป็นวันเสาร์สบาย ๆ ที่ส่วนใหญ่เราจะเข้ามาเคลียร์เอกสารและดูแลเจ้านายสาวเป็นปกติ ที่โรงแรมจะมีคู่บ่าวสาวมาจัดงานแต่งงานบ่อยมาก โดยเฉพาะช่วงปลายปี เนื่องจากเป็นแขกสำคัญ เราให้สิทธิในการจอดรถหน้าโรงแรมเพื่อเดินผ่าน Lobby มาได้เลย สามีขับรถมาส่งตอนเช้าเราสองคนเห็นรถรับตัวเจ้าสาวแสนน่ารักและน่าประทับใจคันหนึ่งจอดอยู่ เรา: สวยเนาะ อยากได้มั่งจัง เราแต่งงานกันอีกรอบเถอะที่รัก สามี : งานเดียวก็ลากโลหิตแล้วนะ แต่งรอบ 2 อีกเหรอ หัวเราะพร้อมกันทั้งสองคนอย่างขำ ๆ ก่อนแต่งงาน เราตกลงกันในเรื่องการเตรียมการต่าง ๆ เราชอบกุหลายขาวมากเป็นพิเศษ เพราะว่าแม้ไม่ร้อนแรงเท่ากุกลาบแดง แต่ก็งดงามและ บริสุทธิ์ เป็นคำขอร้องเดียวที่เราร้องขอต่อว่าที่สามี เรา : ที่รัก รถรับตัวเจ้าสาว ผูกโบด้วยได้ไม๊ ดูน่ารักดีอ่ะ (ว่าที่)สามี: ไม่เอาน่า ดูเชยจะตาย เค้าเลิกผูกกันแล้ว เราต้องไปถึงบ้านตัวเองตอน ตี5 15 นาทีเพราะฤกษ์หมั้นของเรา ตี 5 ครึ่งนะ แค่ขับรถเข้าไปหมาก็เห่ากันทั้งซอยแล้ว เอารถผูกโบเข้าไปอีก ตื่นกันทั้งหมู่บ้านแน่ ๆ เรา: (สีหน้าผิดหวังเล็กน้อย แต่เข้าใจ) : แล้วที่รักคิดว่ามีพิธีไทยรถน้ำสังข์ที่บ้านเราด้วยดีมั้ย (ว่าที่)สามี : ไม่อ่ะ ที่บ้านเค้าให้เรายกน้ำชา ยกน้ำชาอย่างเดียวก็พอ จะได้ไม่ยุ่ง เรา: โอเคค่ะ แค่ตัวเองเอาสินสอด ทองหมั้นและแหวน รวมทั้งกุหลาบขาวมา 1 ช่อเราก็ดีใจแล้วค่ะ แค่มาขอก็ดีใจมากแล้ว จะทำอะไรก็ทำ (หน้าตุ่ย ออกอาการงอนสุดฤทธิ์) (ว่าที่)สามี: ตัวเองช่วยเตือนเค้าด้วยนะ ช่วงใกล้ ๆ แต่งอ่ะ ว่าเค้าต้องสั่งดอกกุหลาบขาวมารับตัวเองด้วยอ่ะ เรา: จะให้เราซื้อเตรียม Stand by ไว้ให้ไม๊ ?!? เอาเป็นว่าเค้าเตือน 1 อาทิตย์ล่วงหน้าแล้วกัน เฮอะ (ว่าที่)สามี: โอเค โอเค ดี ดี วันแต่งจริงพ่อเจ้าประคุณมาถึงตั้งแต่ ตี 4 เจ้าสาวยังแต่งตัวไม่เสร็จ เพื่อนและน้องสาวต้องขึ้นมาช่วงม้วนผม (แต่งหน้าทำผมเองค่ะ Save cost เพราะพิธีเช้าไม่มีอะไรมาก) ช่อกุหลาบขาวนั้นมีแซมดอกคาร์เนชั่นด้วย โรยกากเพชรสวยงาม (แม้ไม่ใช่กุหลาบขาวล้วน ๆ แต่ก็ยังดีที่มาขอ) พี่ช่างแต่งหน้าของเราใช้ดอกไม้บางส่วนจากช่อดอกไม้รับตัวมาแซมผมให้เรา กุหลาบช่อนั้น เราเดินไปมอบให้กับเพื่อนสนิทที่สุด เพราะ 1 เดือนก่อนหน้านั้น เป็นงานแต่งงานของเพื่อนสนิทคนนี้และเรารับช่อดอกไม้ของเค้าได้ งานแต่งเรา เราก็เอาไปให้เค้าเพื่อเป็นการแลกกัน และงานก็ผ่านไปได้ด้วยดี เราไม่ตกใจ ไม่เครียดไม่กังวลเรื่องใดเลยในงานเพราะรู้ดีว่าสิ่งที่สำคัญมากกว่านั้น คือชีวิตหลังแต่งงานที่เราจะสามารถประคับประคองให้ผ่านมรสุมชีวิตคู่ในรูปแบบต่าง ๆ ได้หรือไม่ ความรัก และความเข้าใจเป็นพื้นฐานที่ดี อย่าลืมที่จะบวกการให้อภัยเข้าไปด้วย ปัจจุบันดี อนาคตก็น่าจะออกมาดีด้วยเช่นกัน ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เราต้องร่วมกันฝ่าฟันไป ก่อนแต่งงานต้องถามตัวเองก่อนว่า พร้อมหรือยังที่จะร่วมทุกข์ ร่วมสุข และดูแล คนคนนี้ตลอดอายุขัยของเรา และตลอดไป
Free TextEditor
Create Date : 07 มีนาคม 2552 |
Last Update : 7 มีนาคม 2552 11:52:28 น. |
|
1 comments
|
Counter : 601 Pageviews. |
|
|
แต่ก็รู้สึกดีที่ทุกอย่างแฮปปี้ค่ะ