ดูแลผิวหลังเกิดสิวยังไง? รีวิวนี้มีคำตอบ





สวัสดีค่ะ .... ครั้งนี้มาพร้อมกับเรื่องสิวๆ ของคนที่ไม่ค่อยจะเป็นสิว
กับวิธี "ดูแลผิวหลังเกิดสิวยังไง? รีวิวนี้มีคำตอบบบบ"
ก่อนอื่นเลย ก็จะต้องอธิบายพื้นเพผิวหน้าของเมย์กันก่อน เมย์เป็นคนผิวแพ้ง่าย 
และค่อนข้างแห้ง ช่วงไหนบำรุงดีๆ พักผ่อนเพียงพอ ผิวก็จะดีหน่อย
 แต่ถ้าช่วงไหนนอนน้อยหรือว่าเปลี่ยนสกินแคร์ แมคอัพใหม่ละก็
สิวผด สิวเม็ดเล็กๆ แดงๆ ที่ไม่ค่อยมีหัวก็จะขึ้นมากันเป็นว่าเล่นเลย
และยิ่งคนผิวสองสีแบบเมย์แล้ว ถ้าไม่บำรุงหรือดูแลดีๆ เกิดรอยดำง่ายมากกก
 วันนี้ก็เลยจะหยิบเอาสกินแคร์ที่เมย์ใช้ในช่วงที่เป็นสิวที่ผ่านมา มาแนะนำกันค่า







ริ่มกันที่ตัวแรก กับ BEAUTY COTTAGE SODA
 PORE MINIMIZE CLEANSING FOAM

ตัวนี้เป็นโฟมล้างหน้าที่มีสารสกัดจาก Baking Soda ซึ่งก่อนหน้านี้
เราก็พอที่จะเคยได้ยินคนเอา Baking Soda มาขัดผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิว
ให้เนียนใส หรือผสมน้ำล้างสารพิษในผักผลไม้
หรือเพื่อทำความสะอาดสิ่งของต่างๆให้สะอาด ก็ว่ากันไป 
ส่วนสำหรับโฟมตัวนี้ก็จะช่วยดีท็อกซ์ผิวหน้าของเราให้สะอาด  
และยังมีส่วนผสมอื่นๆที่จะช่วยลดความมัน ลดการอุดตันของสิว 
ละลายพวกหัวสิวที่ผุดๆขึ้นมาเนี๊ยให้แห้งไวยิ่งขึ้นอีกด้วย
ตัวเนื้อโฟมของเค้าก็จะเป็นโฟมละเอียดๆ เนื้อนุ่ม 
และที่ชอบอีกอย่างคือกลิ่นหอมมากก หอมแบบแป้งเด็ก 
กลิ่นเหมือนย้อนวัยไปเมื่ออยู่มัธยมปลายยังไงยังงั้น 555
ตัวแพ็คเกจก็ไม่ต้องพูดถึง น่ารักใสๆ สมวัยเจ้สุดๆ 
และที่เห็น Baking Soda อะไรแบบนี้ นี่ไม่รู้สึกแสบหน้าเลยนะ 
เมย์ว่าเค้าทำออกมาได้อ่อนโยนค่อนข้างดีเลย
หลังล้างหน้าก็ให้ความรู้สึกสะอาด สดชื่น พวกสิวที่ขึ้นมา
ใหม่ช่วงนั้นก็แห้งไว ผิวหน้าดูใสขึ้นด้วยหลังจากใช้มาระยะนึง






THAYERS Rose Petal With Hazel Toner
ในช่วงที่หน้าเป็นสิว ผิวอ่อนแอแบบนี้ หลังล้างหน้าเสร็จก็ต้องต่อด้วยโทนเนอร์
ทำความสะอาดผิวหน้าสูตรอ่อนโยน ที่เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายอย่างเราๆ
เป็นที่สุดดด ด้วยส่วนผสมจากน้ำดอกกุหลาบ,ว่านหางจระเข้,เปลือกวิช ฮาเซล
และวิตามินซี ช่วยปรับสภาพผิวให้แข็งแรง ชุ่มชื้น พร้อมกระชับรูขุมขน
ตัวนี้ไม่มีแอลกอฮอล์ ไม่ต้องกังวลว่าสิวจะขึ้นเพิ่มเลยจ้า
หลังใช้ให้หน้าสะอาด ชุ่มชื้น ถ้าเป็นช่วงที่หน้าแห้งมากๆ ก็จะไม่ใช้กับสำลี
จะได้ไม่ยิ่งเสียดสีผิวให้ผิวแห้งขึ้นไปอีก แค่ใช้หยดลงบนฝ่ามือ 
แล้วตบๆ เบาๆลงผิวให้ผิวพร้อมต่อการบำรุงในขั้นต่อไปพอจ้า





Smooth E Acne Hydrogel 
เจลแต้มสิวสูตรอ่อนโยนของเรา ก่อนหน้านี้เคยลองใช้เจลแต้มสิว
ยี่ห้ออื่นของแฟนแล้ว แต่ส่วนตัวเมย์ว่ามันแสบไป 
เลยลองซื้อของ Smooth E ตัวนี้มาใช้แทน
ด้วยส่วนผสมของตัวนี้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติด้วยมั้ง 
เลยอ่อนโยนต่อผิว แต่ก็ใช้ได้ผล ไม่แพ้เจลแต้มสิวแรงๆอันอื่นเลย 
หลังแต้มก่อนนอน สิวแห้ง ยุบดีเหมือนกันสำหรับสิวเม็ดเล็กๆ 
แดงๆบนหน้าเมย์ ใครที่ผิวแพ้ง่าย ใช้เจลแต้มสิวตัวอื่นแล้วแสบ 
ลองตัวนี้ดูค่ะๆ






Innisfree Green Tea Seed Serum
เซรั่มบำรุงผิวจากฝั่งเกาหลี ตัวนี้ได้มาตอนไปเกาหลีแบบราคาดีมากก
ซื้อตามรีวิวเลยจริงๆ   ด้วยกรดอะมิโนหลากหลายชนิดและสารสกัดเข้มข้น
จากชาเขียว ตัวนี้จึงช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้น ให้ผิวแข็งแรง 
ช่วยลดสาเหตุของการเกิดสิว ให้ผิวกระจ่างใส คนผิวแพ้ง่ายใช้ได้ใช้ดี
 เมย์ใช้แล้วไม่แพ้ ผิวดูชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี แต่ในส่วนของเรื่องความกระจ่างใส 
ส่วนตัวเมย์ว่า ตัวนี้อาจจะยังเฉยๆไปนิดด ไม่รู้สิ...สำหรับผิวสองสีอย่างเมย์
ถ้าเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อความกระจ่างใสจากทางเกาหลี 
ทำอะไรผิวเมย์ไม่ได้เลยจริงๆ ไม่เคยเอาอยู่ 555 หรืออาจจะต้อง
ลองดูกันระยะยาวต่อไป แต่เรื่องความชุ่มชื้นเค้าทำได้ดีเลยจ้า






BEAUTY COTTAGE SODA PORE MINIMIZE CREAM
ครีมบำรุงผิวมาจากไลน์เดียวกันกับโฟมล้างหน้า ที่มีสารสกัดจาก 
Baking Soda เป็นหลัก ตัวนี้สารสกัดมาเหมือนกันกับตัวโฟมเลย 
นอกเหนือจาก Baking Soda แล้ว ก็ยังมีสารสกัดจากพืชต่างๆมากมาย 
อย่างเช่น Nasturtium Extract, Witch Hazel 
รวมถึงน้ำแร่ธรรมชาติที่จะมาช่วยเพิ่มความสดชื่นให้ผิว Vittamin B6 
ที่ช่วยลดความมันส่วนเกินและเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิวของเราด้วย
เนื้อครีมเป็นเจลสีขาว ตัวเจลเวลาทาลงผิวให้ความสดชื่น เนื้อเกลี่ยง่าย
บางเบา ไม่หนักผิว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลิ่นเดียวกันกับโฟมล้างหน้าเลย
หลังใช้มาระยะนึง ผิวแพ้ง่ายอย่างเมย์ถือว่าใช้ได้ ไม่แพ้แต่อย่างใด 
และที่สังเกตได้อย่างแรกเลยคือรูขุมขนดูกระชับขึ้น หน้าดูละเอียดขึ้น 
สังเกตได้จากตรงบริเวณข้างแก้ม
และจมูกได้เลยว่ารูขุมขนละเอียดและเล็กลงจริงๆ >.<






สุดท้ายกับ LEADERS CLINIC Regeneration Mask ซองสีม่วง
มาส์กลดรอยแดง รอยดำจากสิว ด้วยสารสกัดจาก Snail secretion filtrate
ก็คือสารสกัดจากเมือกหอยทากนั่นเอง ตัวนี้ก็จะช่วยลดการระคายเคืองของผิว
บำรุงผิวพร้อมมีสารช่วยลดรอย จุดด่างดำจากสิว และช่วยลดริ้วรอยด้วย
ที่สำคัญ สิวจะไม่ขึ้นไปกว่าเดิมแน่นอน เพราะไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์หรือพาราเบน
ดังนั้นผิวแพ้ง่ายอย่างเมย์เลยใช้ได้ รอยสิวหาย โบกไปอาทิตย์ละครั้ง ดีมากแม่












ส่งท้ายกันด้วยภาพช่วงที่เป็นสิว และ ณ ปัจจุปัน
จริงๆก่อนหน้านั้นสิวขึ้นเยอะกว่านี้อีก แต่ไม่ได้ถ่ายไว้ มาถ่ายตอนลดลง
แล้วระดับนึง สังเกตได้จากรอยจุดเล็กๆดำๆ แต่โดยรวมคือเมย์จะเป็นสิวพวกสิวผด 
สิวหัวแดงเม็ดเล็กๆแบบไม่มีหัวมากกว่า ไม่ค่อยได้เป็นสิวอักเสบสักเท่าไหร่ 
แต่ชอบคันและเกา ทำให้บางทีเป็นรอยดำได้ง่าย ช่วงนั้นจึงต้อง
ปรับเปลี่ยนสกินแคร์ที่ใช้ เพื่อให้เข้ากับปัญหาของผิวช่วงนั้น 
ซึ่งหลังจากใช้สกินแคร์กลุ่มนี้มาระยะนึงแล้ว ก็เห็นผลเป็นที่น่าพอใจ 
เพราะสิวหายแล้วววจ้าแม่ รอยแดง รอยดำต่างๆก็จางลง
ผิวก็ดูละเอียดแข็งแรงขึ้นด้วย นอกเหนือจากสกินแคร์แล้ว ก็ต้องบอกว่า
การดูแลตัวเองจากภายในก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญไม่แพ้กันนะคะ เพราะอย่างที่
บอกไปว่าช่วงนั้นเมย์พักผ่อนน้อยด้วย งานเยอะ ไม่ค่อยได้มีเวลาดูแลตัวเอง 
บวกกับไปแพ้อะไรมาอีก ผิวเลยไปกันใหญ่ โชคดีแค่ไหนที่เป็นแค่สิว
เม็ดแดงๆเล็กๆ ดังนั้นมีสกินแคร์ดีแล้ว ก็ต้องดูแลพักผ่อนตัวเราเองให้ดีด้วย 
ดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ พักผ่อนให้เพียงพอ ผิวจะได้ดีจากภายในสู่ภายนอกไปเลยย
วันนี้ไปก่อนแล้ว สวัสดีค่า.....



Create Date : 09 พฤศจิกายน 2562
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2562 10:36:25 น.
Counter : 837 Pageviews.

0 comment
ศึกประชันวิตามินมาร์กหน้า FRESH Vitamin Nectar {VS} MERASKIN Citrus Lush ตัวไหนยืนหนึ่งเรื่องฟื้นผิว









ศึกประชันวิตามินมาร์กหน้า 

FRESH Vitamin Nectar {VS} MERASKIN Citrus Lush 

ตัวไหนยืนหนึ่งเรื่องฟื้นผิวใส เรามีคำตอบ!










สวัสดีค่ะ.....ช่วงที่ผ่านมาเมย์กำลังอินกับการมาร์กหน้าพวกมาร์กส้มมากๆ
ด้วยความหอมของกลิ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็เนื้อสครับ
ที่ไม่บาดผิวหน้า แล้วก็ไม่ทำให้หน้าแห้งจนเกินไป วันนี้เมย์เลยหยิบเอา
มาร์กหน้าตระกูลส้มในกรุสองตัวนี้ มารีวิวประชันความใส ความเลิศให้ดูกันค่า



ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เมย์เป็นคนที่ผิวแห้ง แล้วก็คล้ำเสียง่าย
ช่วงที่ผ่านมาก็ออกแดดค่อนข้างบ่อย ต่อให้ทากันแดดดีแค่ไหนแล้ว
หน้าก็ยังแอบหมองอยู่ดี ทำให้ช่วงที่ผ่านมาเมย์เลยใช้มาร์กหน้าบ่อยมาก
อาทิตย์ละ 2-3 ครั้งกันไปเลย แล้วมาร์กหน้าตระกูลส้มที่เมย์ใช้อยู่นั้น
ก็จะเป็นมาร์กที่มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ และก็มีส่วนผสมของวิตามินซี
ซึ่งสรรพคุณของวิตามินซีในเรื่องของการดูแลผิวนั้น ก็มีอยู่มากมายมากๆ
ไม่ว่าจะเป็น


- ผลัดเซลล์ผิว สร้างเซลล์ผิวใหม่ชะลอการเกิดพวกริ้วรอยต่างๆ
- ช่วยต้านการเกิดเม็ดสี เมลานิน ซึ่งเป็นตัวการที่ทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ
- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
- มีคุณสมบัติในการรักษาแผลให้หายเร็วขึ้น
- ช่วยปกป้องผิวที่ถูกทำร้ายการแสงยูวี รักษาผิวหนังจากการถูกแดดเผาได้อีกด้วย



งั้นเดี๋ยววันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามาร์กหน้าตัวไหน จะเป็นมาร์กหน้ายืนหนึ่ง
เรื่องฟื้นผิวใส แล้วชนะใจเมย์ไปครองงงงง!!!















มาเริ่มกันที่ตัวแรกกันก่อนเลย FRESH Vitamin Nectar
ตัวดังอีกตัวที่เมย์มีอยู่ในกรุมาแล้วสักพักใหญ่ ด้วยความที่เค้ามีกลิ่นหอม
ของส้ม เวลามาร์กแล้วได้กลิ่นส้มหนักๆ อารมณ์แบบผ่อนคลายๆ
ตัวเนื้อมาร์กจะเป็นคล้ายๆแยมส้ม ข้นๆ สกัดจากผลไม้ มีส่วนผสมของวิตามินซี
วิตามินอี วิตามินบี มะนาว ส้มคลีเมนไทน์ และเนื้อส้มบด ที่ให้เนื้อสัมผัส
ไว้สครับผิวนิดๆ ตอนมาร์ก ตัวนี้เมย์มาร์กทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที 
แล้วล้างออก เมย์ใช้ประมาณ 1-2 ครั้ง/สัปดาห์









คะแนนความพอใจ


กลิ่นและเนื้อสัมผัสตอนมาร์ก : O O O O
ตัวเนื้อมาร์กเข้มข้น มีกลิ่นหอมของส้มให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้ดีเวลาใช้

เนื้อสัมผัสหลังมาร์ก : O O
ส่วนนี้ขอหักคะแนนเยอะ เพราะส่วนตัวเราว่าแอบล้างออกยากนิดนึง
ด้วยพอทิ้งไว้สักพักจนเริ่มแห้ง แล้วพวกเนื้อมาร์กจะแห้งติดเป็นก้อนๆ
ต้องถูแรงและนานนิดนึงกว่าจะออก

ปริมาณความคุ้มค่า : O O O
อันนี้จากราคาแล้ว ถ้าเทียบกับปริมาณ ก็ถือว่าแรงอยู่
ตัวนี้ของเมย์ซื้อมาเป็นแบบกระปุกเล็ก 30 ml. 980 บาท
ใช้ได้ไม่เท่าไหร่ก็หมด ฮือออ อ

ความรู้สึกหลังใช้ : O O O
หลังมาส์กให้ความรู้สึกสดชื่นได้ดี ช่วงที่ใช้ตัวนี้มาสักพัก
ผิวหน้าก็ดูใสขึ้น แต่หลังล้างหน้าแอบรู้สึกหน้าเมย์แห้งไปนิด
คือเหมือนเค้าช่วยให้หน้าใสขึ้นแหละ แต่ไม่ค่อยเก็บกังความชุ่มชื้นเท่าไหร่
เลยไม่ค่อยใช้บ่อยมาก 1-2 ครั้ง/สัปดาห์พอ














MERASKIN Citrus Lush
มาร์กเปลือกส้มอีกตัวที่มีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติที่เข้มข้นไม่แพ้กัน
ตัวนี้เนื้อมาร์กจะเป็นเจลส้มใสๆ ดึ้งๆ และเหมือนมีเนื้อเปลือกส้มเล็กๆ
ไว้ให้สครับผิวหน้าด้วยเช่นกัน ตัวนี้เค้าก็จะเน้นที่ส่วนผสมหลักจากเปลือกส้ม
ที่ให้วิตามินซีสูงง ที่จะช่วยในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระ ลดการเกิดริ้วรอย
ให้ผิวชุ่มชื้นกระจ่างใส มีส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยจากผิวส้มและผลไม้ตระกูลซิทรัส 
ที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และก็ยังมีส่วนผสม
ของแอสต้าแซนธินรวมอยู่ด้วย ทำให้เวลามาร์กจะได้กลิ่นของผิวส้มหอมๆ
ธรรมชาติๆ ตัวนี้หลังมาร์กตัวเนื้อเจลจะแห้งเป็นฟิล์มแผ่นใสๆ
เมย์มาส์กประมาณ 15-20 แล้วล้างออก หรือถ้าวันไหนรู้สึกหน้าหมองมากๆ
ก็จะมาร์กทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วล้างออกตอนเช้าเลย เพราะเค้าแห้งเป็นแผ่นฟิล์มอะ
ไม่เลอะเทอะ 5555 เมย์ใช้มาร์กตัวนี้ 3-4 ครั้ง/ สัปดาห์










คะแนนความพอใจ


กลิ่นและเนื้อสัมผัสตอนมาร์ก : O O O O
เป็นเนื้อเจลใส มีเนื้อสครับเปลือกส้มเล็กๆ มาร์กง่าย 
มีกลิ่นหอมส้มอ่อนๆ ฟิลธรรมชาติๆ

เนื้อสัมผัสหลังมาร์ก : O O O O
ชอบที่พอเนื้อมาร์กแห้งแล้วกลายเป็นแผ่นฟิล์มบางๆเคลือบผิวอยู่
คือถึงจะเป็นแผ่นฟิล์มตึงหน้า แต่ไม่ได้รู้สึกทำให้หน้าแห้งตึงไปด้วย 
ยังคงไม่ความหนึบๆ แบบชุ่มชื้นอยู่ สามารถมาร์กนอนได้ ล้างออกง่าย

ปริมาณความคุ้มค่า : O O O O 
ตัวนี้มาในปริมาณที่ถือว่าโอเคเลย และราคาก็ไม่แรงมาก
เวลาใช้ก็ใช้ไม่เยอะ แต่มาร์กได้ทั่วหน้า กระปุกนึงใช้ได้นานเลย
ขนาด 50 ml. เมย์ซื้อมา 890 บาท ถือว่าคุ้มอยู่จ้าา า

ความรู้สึกหลังใช้ : O O O O O
ชอบตั้งแต่หลังล้างออกเลย คือมันให้ความรู้สึกลื่นๆผิว สัมผัสผิวแล้วดูนุ่ม
มีความชุ่มชื้นอยู่ ไม่ทำให้ผิวแห้ง แล้วมันให้ความรู้สึกสดชื่น ผิวดูโกลว์ใสมาก















เนื้อของ FRESH จะออกแนวเนื้อแยม ข้นๆมากกว่า
ของตัว MERASKIN จะเป็นเจลใสๆ มีเนื้อสครับเล็กๆมาให้ทั้งคู่


มาสรุปกันดีกว่า.......

จากข้างบนก็พอจะเดาออกแล้วเนอะ ว่าตัวไหนชนะใจเมย์ไปครอง!!! 555
คือสำหรับเมย์ก็ต้องบอกว่า เมย์ชอบตัว MERASKIN กว่าจริงๆ
อันนี้แบบลองใช้ทั้งสองตัวพร้อมกันครึ่งหน้า คือมันมีความต่างอยู่มาก
จริงอยู่ที่หน้าตา เนื้อผลิตภัณฑ์นางมาใกล้เคียงกันสุดๆ
แต่เนื้อสัมผัสตอนมาร์กแห้ง คือฝั่ง MERASKIN ทำได้ดีกว่ามาก
เนื้อแห้งเป็นแผ่นฟิล์มตึงๆอย่างที่บอก แต่เรายังรู้สึกได้ว่าข้างในมันหนึบๆ
แบบมีความชุ่มชื้นอยู่อะ ส่วนฝั่งของ FRESH นั้นคือแห้งไปเลย แห้งเป็นก้อนไปเลย
หลังล้างออกฝั่ง MERASKIN ก็ล้างออกง่ายกว่า แถมเรารู้สึกได้เลยว่าได้ผิวหน้า
ที่นุ่มชุ่มชื้น แล้วแบบ ผิวมันดูเรียบเนียน รูขุมขนดูเบลอ ดูละเอียดกว่าจริงๆ
เป็นมาร์กที่เอามามาร์กเตรียมผิวก่อนแต่งหน้า ให้หน้าใสโกลว์ ผิวสวยไปได้อีก
ล่าสุดนี่คือติดจนเมย์หิ้วเอาไปใช้ที่ทริปฮ่องกงด้วยเลย 555 เพราะทริปนี้เดิน
ตากแดด ตากลม ตากฝนทั้งวันทั้งคืนจริงๆ นางก็รีเฟรชผิวได้สมใจที่แบกไปสุดๆ
ณ จุดๆนี้ สำหรับศึกประชันวิตามินมาร์กหน้านั้น ก็เลยต้องยกให้
MERASKIN รับมงไปใสๆนะคะ ...... ^^









Create Date : 27 ธันวาคม 2561
Last Update : 27 ธันวาคม 2561 14:19:23 น.
Counter : 477 Pageviews.

0 comment
อาการแพ้ง่าย ไม่ได้เกิดกับผิวหน้า หนังศีรษะเราก็แพ้ได้ มาจัดการปัญหานี้ให้ตรงจุดกัน!





สวัสดีค้าาาา วันนี้เราจะมาว่ากันด้วยเรื่องของผม ....... 
อย่างที่ชื่อกระทู้บอกไว้เลยเนอะ ว่านอกจากผิวหน้าของเรา ที่สามารถ
เกิดอาการแพ้ได้แล้ว หนังศีรษะของเราก็สามารถเกิดอาการแพ้ได้เช่นเดียวกัน
อย่างของเมย์เนี๊ย เป็นคนที่ผมยาวมากก   กก ยาวแล้วยังไง ?
ยาวแล้วก็จะขี้เกียจสระผม 555555 5 (ใครๆก็เป็นเนอะ) แต่นั้นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือ ก่อนหน้านี้ผมเมย์แห้งมากและขาดหลุดร่วงง่าย ส่วนนึงอาจมาจากการที่
เมย์ชอบม้วนผมทุกวัน ทุกวันจริงๆ เลยทำให้ผมแห้งเสีย แล้วพอผ่านไปวันนึง
ผมมันแห้งและลีบมาก เมย์เป็นคนที่ไม่ชอบให้ผมลีบเลย บวกกับที่บอกไปว่า
ไม่ชอบสระผมบ่อยด้วย วันไหนไม่สระผมก็เลยจะมัดรวบเป็นบัน กระจุกๆไว้ 
จนทำให้เกิดอาการคันศีรษะ และมีรังแค เวลาใช้แชมพูที่มีสารเคมีแรงๆ 
ก็จะแสบหนังศีรษะมาก มันจะยิบๆ แบบเกาแรงๆไม่ได้เลย 


ช่วงหลังมาได้ลองเปลี่ยนแชมพูใหม่ เพราะแม่บุญทุ่มจัดให้ 555
เนื่องจากน้องชายเมย์ก็หนังศีรษะแห้ง และแพ้ง่ายเหมือนกัน 
เลยเชียร์ให้แม่ซื้อ Aesop มาให้น้องและเมย์ใช้ บอกว่าแบรนด์นี้
เค้าเครมเรื่องสารสกัดส่วนใหญ่ที่มาจากธรรมชาตินะ
และอะไรที่มาจากธรรมชาติมันก็ดีกับทั้งเส้นผมและหนังศีรษะของเราเนอะ
ส่วนผสมไหนที่เป็นสารเคมีต่างๆที่เค้านำมาใช้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสารเคมี
ที่อ่อนโยน แบบไม่รุนแรง ไม่เกิดผลเสียระยะยาว บลาๆ 
คือพี่ใช้ได้ น้องใช้ดี อะไรทำนองนี้ 
และสุดท้ายเราก็เลยได้มาจริงๆค่ะคุณขา อิอิ ...............
ทีนี้มาดูกัน ว่ามีขั้นตอนดูแลบำรุงเส้นผมยังไงบ้าง ตามมาดูกันเลยย ย





มาเริ่มกันที่ตัวแรก 

กับ  Aesop Sage & Cedar Scalp Treatment


มาเป็นขวดเล็กๆ แบบเซรั่มบำรุงผิว ตัวเนื้อผลิตภัณฑ์จะเป็นเหมือนออย ใสๆ 
กลิ่นออกแนวสมุทรไพร พฤกษาอะไรทำนองนั้นเลย หอมๆ ขมๆ แบบยาแก้ไอ 555 
ตัวนี้ก็จะช่วยในเรื่องของการลดการละคายเคือง พร้อมคืนความชุ่มชื้น 
ให้กับหนังศีรษะ มีวิตามิน อี ที่จะช่วยบำรุงให้กับคนที่หนังศีรษะแห้ง เป็นรังแค 
หรือลอกเป็นขลุย เมย์จะใช้ตัวนี้หยดลงบนหนังศีรษะก่อนสระผม 
ประมาณ 4-5 หยด จริงๆคือดูดขึ้นมาดรอปนึง ก็หยดหมดเลยอะ 
หยดนึงของเมย์คือหนักมาก แล้วผมเมย์ยาวและเยอะด้วย เอาให้ทั่วๆ 
จากนั้นขยุ่มๆ นวดๆ ทั้งที่ผมแห้งนี่แหละ
ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที แล้วค่อยไปอาบน้ำสระผม






ระหว่างที่หมักตัวทรีทเม้นท์ทิ้งไว้ เราก็ไปคลีนหน้ารอ ก็ครบเวลาพอดีที่จะมาสระผม
Aesop ตัวที่เมย์กับแม่เลือกมา จะเป็นตัว Calming Shampoo
ซึ่งเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีซิลิโคน และมีสารเคมีน้อยมาก เหมาะกับคนที่หนังศีรษะ
แห้ง ลอก หรือกระหม่อมบางแบบเมย์ ตัวเนื้อจะเป็นเหมือนเจลใส 
สีออกน้ำตาลอ่อน กลิ่นก็หอมม ม แบบยาแก้ไอ กลิ่นเดียวกันกับตัวทรีทเม้นท์เลย 
เนื้อแชมพูจะมีฟองน้อยกว่าแชมพูอื่นๆทั่วไปนะ แรกๆก็แอบแปลกๆนิดหน่อย 
แบบไม่ค่อยชิน กดเนื้อแชมพูหลายปั้มมาก 555
แต่เห็นฟองน้อยๆแบบนี้ คือหลังสระรู้สึกได้เลยนะ 
ว่าผมเราสะอาดมาก ดูโล่งหัว เย็นสบายหัวสุดๆ






หลังสระผมเสร็จก็มาต่อกันที่ คอนดิชันเนอร์ 
สำหรับตัวคอนดิชันเนอร์ จริงๆแล้วเมย์ก็สนใจอยู่เหมือนกันนะ 
แต่ก็ยังลังเลอยู่นิดๆ ก็เลยขอขนาดทดลองจากพี่ที่เค้าเตอร์มาลองใช้ก่อน  
พี่ที่เค้าเตอร์ก็น่ารักมากก กก ให้มาประมาณนึงเลย 
55 555 >_____<  ตัวนี้จะหอมแบบมะกรูดๆ 
ก็เพราะนางมีสารสกัดจากมิ้นมะกรูดนั่นเอง สำหรับเมย์ผมยาวมาก
เมย์ใช้ประมาณ 2 ซองต่อครั้ง ซองเดียวไม่พอจริงๆ ตัวนี้ก็จะช่วยคงความ
ชุ่มชื้นให้กับเส้นผม ให้ผมไม่ลีบแบบ อันนี้ชอบมากก ก ก
เมย์ หมักไว้ประมาณ 2-3 นาทีก็ล้างออก สำหรับตัวนี้ข้อแตกต่างเลยย ย
จากคอนดิชันเนอร์ตัวอื่นๆที่เคยใช้นะ คือหลังใช้มันจะไม่รู้สึกลื่นๆที่เส้นผมเลย
แต่คือใช้แล้วผมไม่พันกัน และมันให้ความรู้สึกชุ่มชื้นมากๆ
แบบปกติหลังเราใช้พวกนี้ ต่อให้ล้างน้ำออก มันก็จะยังมีความมันๆ ลื่นๆ
เหมือนเคลือบเส้นผมเราอยู่ แต่สำหรับเอ สอป พอล้างออก
คือไม่มีความมันๆลื่นๆอยู่เลย หลังล้างเสร็จ เมย์แค่ใช้ไดร์เป่าผมให้แห้ง 
ก็คือจบ ได้งานผมสวยงาม ^^





เรามาดูผลลัพธ์ที่ได้จากการที่บำรุงหนังศีรษะและเส้นผม 
ด้วยผลิตภัณฑ์ทั้งหมดที่กล่าวมานี้กันดีกว่า จะเห็นได้เลย 

ก่อนใช้ : ว่าผมเมย์แห้งมากก ก ก  แห้งมากจริงๆ
มันมีทั้งความแห้ง ชี้ฟู และลีบแบบในคราวเดียวกัน 
หลังใช้ : แค่ใช้ไดร์เป่าผมหลังสระ จะเห็นได้เลยว่าผมดูเงางามขึ้น
ดูสุขภาพดีขึ้นมาก รวมถึงหนังศีรษะเมย์ก็ไม่รู้สึกแสบ หรือระคายเคืองเลย
ชอบฟีลหลังใช้แบบเบา สบายหัวสุดๆ เหมือนพอหนังศีรษะเราสุขภาพดีขึ้น
มันก็ช่วยให้เส้นผมเราดีขึ้นด้วย ตามลำดับอะ
ผ่านไปทั้งวัน : กลับมาบ้านคือสภาพผมยังโอเคอยู่เลย
ไม่ลีบแบน ฉันรักมากก  ก  อันนี้ที่เห็นกระดกๆ นั้นคือมีแอบมัดระหว่างวันไป
เพราะตากแดดร้อนมาก แต่พอกลับมาปล่อยผมก็ยังจัดทรงง่ายอยู่ 
ผมยังดูสวยอยู่เลย ก็ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคานะจ๊ะ

ยังไงใครที่มีปัญหาเส้นผมและหนังศีรษะแบบเมย์
ก็ลองดูพวกที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ หรือแบบที่อ่อนโยนต่อหนังศีรษะ
และเส้นผมมาลองใช้กันดู ในช่วงที่ผมเราอ่อนแอเนอะ 
ก็ขนาดผิวหน้าเรายังมีช่วงที่แพ้ได้ แล้วนับประสาอะไรกับหนังศีรษะจริงมะ
หรือถ้าใครไม่แน่ใจ ว่าหนังศีรษะหรือเส้นผมของตัวเองมีปัญหาแบบไหน
ก็ลองเข้าไปปรึกษาที่เค้าเตอร์กันดูได้ เพราะเดี๋ยวพนักงานจะช่วยแนะนำ 
และเลือกสูตรที่เหมาะสมให้กับเรา หรือถ้าไม่แน่ใจยังไง 
ก็ขอตัวอย่างทดลองกลับมาลองใช้แบบเมย์ได้เลย ยย 
วันนี้ไปก่อนแล้ว #ทำท่าสะบัดผมแรง 555 พบกันใหม่กระทู้หน้า ขอบคุณค้า ^^



Create Date : 18 กันยายน 2561
Last Update : 18 กันยายน 2561 16:49:58 น.
Counter : 412 Pageviews.

0 comment
ระเบิดกรุให้คลุ้งไปด้วยแป้งฝุ่นโปร่งแสง วัดกันแบบชัดๆ แบรนด์ไหนเริ่ดดดด





สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้เมย์จะมาเปิดกรุแป้งฝุ่นให้ดูกัน

ว่าตัวไหนจะเริ่ดด ด และถูกอกถูกใจเมย์กันบ้าง

เชื่อเลยว่ามีหลายตัวแน่นอนที่เพื่อนๆก็คงจะมีอยู่ในกรุแล้วเหมือนกัน

(ทุกลุคที่ลงแป้งฝุ่นในนี้ จะเป็น every lookที่เมย์แต่งไปทำงานทุกวันน้า

จึงไม่ต้องตกใจ ถ้ารูปไหนจะไม่ปัดแก้มบ้างหรือไม่ปัดขนตาบ้าง 5555

เพราะถ้าตื่นสาย ก็ไปกันอย่างนั้นแหละค้าลุคธรรมชาตตตตตติ)

อะมาดูกันดีกว่า ว่าจะมีตัวไหนน่าสนใจกันบ้างตามมาดูกันเลยจ้า...... 





ศรีจันทร์ srijan translucent powder

แป้งฝุ่นโปร่งแสงแบรนด์ไทยที่เข้ามาอยู่ในกรุของเราในวันนี้

ตัวเนื้อแป้งจะออกสีเหลืองนวลๆเซ็ทลงบนผิวหน้าแล้วทำให้หน้าดูผ่องเว่อ

ผ่องแบบรู้ว่าลงแป้งมาอะ 555 เมย์ว่าตัวนี้ก็ไม่ได้บางเบาเท่าไหร่นะถ้าเทียบกับตัวอื่นๆ

ตัวนี้จะค่อนข้างลงผิวแล้วแน่นสุดเลย โดยรวมก็เข้ากับสีผิวน้ำผึ้งแบบเมย์ได้ค่อนข้างดี

คุมมันได้ดีพอสมควรเลย เรื่องแพ็กเกจก็ดูดีเลยชอบที่หมุนเปิด ปิดได้ กันหกเลอะเทอะ

แต่ไม่ชอบพัฟเลย ยยเธอจ๋า เล็กและแข็งไปนิดใช้ไม่ถนัดมือเลย ฮืออออ...





innisfree NO-SEBUM Mineral Power

แป้งฝุ่นสัญชาติเกาหลีที่มาในรูปแบบกระปุกแบบมินิ พกพาง่าย

ตัวเนื้อแป้งละเอียด มีกลิ่นหอมอ่อนๆของมิ้นท์ เนื้อแป้งเป็นสีขาว

ลงผิวแล้วได้ผิวเนียนดีเลยแต่....แต่เราว่ามันลอยไปนิดนึงอะ

ถึงใครว่ามันจะไม่มีสีก็เถอะ แต่เราใช้แล้วรู้สึกว่าแอบวอกไปนิดดดนึง

(หรือเราดำไปก็ไม่รู้ 555) คุมมันได้ดีเลยตัวนี้ส่วนถ้าคนผิวแห้งมากๆ

อาจจะไม่ค่อยแนะนำตัวเท่าไหร่เราว่ามันจะยิ่งทำให้หน้าดูแห้งเกินไป

พัฟนิ่ม แต่เล็กมาก ใช้ไม่ถนัดเหมาะแก่การพกพาไว้เติมระหว่างวันมากกว่า





THREE ULTIMATEDIAPHANOUS LOOSE POWDER

แป้งฝุ่นเนื้อโปร่งแสง จากแดนปลาดิบ แหม่...มีทุกเชื้อชาติจริงๆ 555

ตัวเนื้อแป้งละเอียด บางเบาของเมย์เลือกมาเป็นเบอร์ 02 เข้ากับผิวนี่ดีสุด

เมย์ว่าสาวผิวสองสี ใช้เป็นเบอร์นี้น่าจะชอบนะลงผิวแล้วได้ลุคธรรมชาติๆ

ดูกลืนไปกับผิวเลย ดูเป็นผิวเรา เนียนและแบบไม่ลอยคุมมันได้ดีประมาณนึง

ไม่ดรอประหว่างวันแพ็กเกจก็ทำได้ดีสมกับเป็นแบรนด์จากญี่ปุ่น ชอบที่ทำเป็นตาข่ายมาก ก
คือมันง่ายและไว เราว่ามันช่วยทำให้แป้งออกมาละเอียดด้วย พัฟนางก็นิ่มและใหญ่ได้ใจ

ดูจากสภาพคงจะบอกได้ถึงความสมบุกสมบันเนอะ 555สำหรับใครที่ชอบงานผิว

ชอบความเป็นธรรมชาติ ไม่ชอบความหนักหน้า ก็ต้องลองแบรนด์นี้เลย





laura mercier LOOSE SETTINGPOWDER

แป้งฝุ่นโปร่งแสง เชื่อว่าต้องเป็นตัวแรกๆที่ทุกคนน่าจะมีอยู่ในกรุ

ตัวแป้งเป็นสีเนื้อ บางเบา ลงผิวแล้วไม่ทำให้รองพื้นเปลี่ยนสี ไม่วอกเข้าได้กับทุกสีผิว

ส่วนเรื่องคุมมัน ทำได้ดีอยู่แล้วสำหรับตัวนี้แต่ถ้าคนผิวแห้งที่ไม่ชอบความแมทจนเกินไป

อาจจะไม่มักตัวนี้สักเท่าไหร่ ... เพราะฟินิสลุคที่ได้อาจทำให้ดูหน้าแห้งเกินไปบ้าง

โดยรวมยังเฉยๆกับตัวนี้อยู่ เมื่อเทียบกับราคาและตัวอื่นๆที่มี และเพราะฉันผิวแห้ง 555

อีกอย่างคือเธอไม่มีพัฟมาให้ ร้ายมาก และตัวช่องที่เทแป้งเราว่าแป้งออกยากไปนิด

ตอนนี้จึงยกให้คุณแฟนใช้ไปเป็นที่เรียบร้อย นางเป็นคนหน้ามันนางเลยชอบ เสร็จเค้าหละ...





Chanel Poudre Universelle Libre

ปิดท้ายกันด้วยแป้งฝุ่นจาก CHANEL ที่แสนเลอค่ามาในรูปแบบตลับใหญ่มหึมา และราคาแร๊งง

ตัวนี้แป้งจะออกเป็นสีเนื้อ ไปทางโทนชมพูที่สุดตัวเนื้อละเอียด ให้ความเนียน กระจายแสงได้ดี

ชอบที่กลิ่นหอม มมกับฟินิสลุคตอนลงผิวครึ่งวันเช้าที่ให้หน้าเนียนผ่องฝุดๆ

แต่เสียที่ไม่คุมมัน ระหว่างวันนี่ขนาดหน้าแห้งก็ยังมีหลุด และแอบดรอประหว่างวันด้วย

เสียใจ..... ผ่านไปครึ่งวันคือหน้ามันดูหมองๆอะอาจจะเป็นเพราะสีที่ออกโทนชมพูด้วยมั้ง

ซึ่งมันไม่เหมาะกับโทนผิวเรา ส่วนพัฟนี่คือไม่ได้ใช้เล้ยยยใช้ของตัวอื่นลงแทนตลอด

เราว่ามันไม่นุ่มและแอบแข็งไปหน่อย


จากทั้งหมดนี้เมย์เลยขอเอาจัดอันดับตามความชอบส่วนตัวของเมย์

และผู้ที่ได้รับมงในครั้งนี้นั่นก็คืออ อ มิส มิส มิสสส

1. THREEULTIMATE DIAPHANOUS LOOSE POWDER

2. srijan translucent powder

3. laura mercier LOOSESETTING POWDER

4. Chanel Poudre Universelle Libre

 

5. innisfree NO-SEBUM Mineral Power





จบไปแล้ว วว ก็จะมีตัวที่ชอบไม่ชอบบางจุดบ้างผสมๆกันไปเนอะ บางตัวก็ซื้อด้วยสติ

บางตัวก็ซื้อด้วยความน่ามืดตามัว 555 5 ก็เลยมีเฟลบ้างผิดโทนสีไปบ้าง เป็นธรรมด้า......

ท้ายนี้ ก็ขอส่งท้ายกันด้วย มินิ How toกันหน่อยดีกว่า เพราะปกติเมย์เขียนกระทู้ยาวมากกก

 

เดี๋ยวจบสั้นๆ แบบนี้จะหาว่าสั้นไป วันนี้จะมาในลุคไหนไปกันดูกันค้า >>>











มาเริ่มกันที่ในส่วนของรองพื้น ซึ่งในรีวิวด้านบน รองพื้นก่อนลงแป้ง ก็จะเป็นตัวนี้เลยที่เมย์ใช้

THREE ANGELICSYNTHESIS  FOUNDATION SERUM

ตัวนี้จะเป็นรองพื้นที่เกลี่ยง่าย และมีส่วนผสมในการบำรุงผิวมาด้วยในตัว ทำให้ผิวยังดูชุ่มชื้น

และดูบางเบาเป็นธรรมชาติ เมย์ใช้นิ้วนวดๆให้ทั่วใบหน้าก่อน แล้วค่อยใช้ฟองน้ำตบให้เนียนอีกที








ลงรองพื้นเสร็จแล้ว ก็มาต่อกันที่ THREE AIRLIFT SMOOTHING WAND

ตัวนี้จะเป็นคอนซีลเลอร์ที่มาในรูปแบบที่ไม่มีสี ใช้ปกปิดริ้วรอยใต้ตา เส้นร่องแก้ม

ช่วยให้ใต้ตาดูสว่างขึ้น พวกเส้นริ้วรอยดูตื้นลง เวลาลงแป้งจะได้ไม่ตกร่อง

เมย์หมุนแท่งคอนซิลเลอร์ขึ้นมาแล้วปาดตรงจุดที่จะใช้ จากนั้นก็ใช้นิ้วเกลี่ยตามอีกที








จากนั้นก็ตามด้วยแป้งฝุ่น THREE ULTIMATE DIAPHANOUS LOOSE POWDER

รีวิวไปแล้วไม่ต้องพูดเยอะ เซ็ทไปเลยโลดด ดด






มาต่อกันที่ตา

1. เขียนคิ้วกันก่อน เมย์ใช้ดินสอวาดโครงคิ้วบางๆไว้ก่อน แล้วถมด้านในด้วย NYX NUDE MATTE SHADOW สีน้ำตาล เกลี่ยให้หัวฟุ้งๆ ไม่ต้องเน้นกรอบชัดมาก

2. ใช้สี CHOPPER จาก NAKED2 ลงเป็นเหมือนเบสบางๆให้ทั่วเปลือกตา

3. จากนั้นใช้สีทอง HALF BAKED ลงบริเวณกลางเปลือกตา แล้วใช้สีน้ำตาลจาก NYX มาคัดเบ้าเบาๆ และลงตาล่างด้วย ตั้งแต่กึ่งกลาง ไปถึงหางตา

4. ใช้สีทองเดิม ลงเพิ่มบริเวณหัวตา และตาล่าง

5. กรีดอายไลน์เนอร์ โดยไม่ต้องวิงหางออกมาก กรีดให้พอดีกับหางตา

 

6. เสร็จแล้วก็ปัดดัดขนตา ปัดขนตาเป็นอันเสร็จ





วันนี้ขอสีแก้มแบบเชอรี่ๆหน่อย เมย์ใช้เป็น elf. blush สี Berry Merry

ปัดไปเลยบริเวณหน้าแก้มและจมูก







ส่วนปากก็ใช้เป็น Peripera Peri's Ink Velvet สี #15 เกลี่ยบางๆพอให้ดูเป็นธรรมชาติ






เป็นยังไงกันบ้างค่ะ กับลุคนี้ ง่ายอีกแล้ว ไม่ยากเลยเนอะ >.< ใครที่ชอบลุคการแต่งหน้าง่ายๆ ดู

เป็นงานผิว ไม่หนัก ไม่มากจนเกินไปแบบเมย์ ก็น่าจะชอบกันน้า วันนี้ไปก่อนแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาจนจบนะคะ สวัสดีค้า ^________________^




Create Date : 02 สิงหาคม 2561
Last Update : 2 สิงหาคม 2561 22:58:48 น.
Counter : 521 Pageviews.

0 comment
ท้าพิสูจน์...ไพร์เมอร์ถูกยันแพง อันไหนรอด อันไหนร่วง!










ยู้ววฮูวว … สวัสดีค่ะทุกคนกลับมาเจอกันคราวนี้กับภารกิจ ท้าพิสูจน์..ไพรเมอร์ในกรุของเมย์

สืบเนื่องจากช่วงวันหยุดที่ผ่านมาได้มีเวลาเก็บห้อง เก็บโต๊ะเครื่องสำอางที่รกทั้งหลายแหล่ของเมย์

ซึ่งก็นานที ปีหนมากกก กว่าได้เก็บได้ทำ และก็เลยได้ค้นพบว่า เอ้อ… ฉันมีไพรเมอร์ในกรุอยู่

ไม่ใช่น้อยเลยนะเนี๊ยวันนี้ก็เลยอยากจะมารีวิว มาพิสูจน์กัน ว่าอันไหนจะรอด อันจะร่วง

ตามมาดูกันเลยค้า …. ….



(เดี๋ยวก่อนอื่นขอบอกลักษณะผิวหน้าของเมย์ก่อนเนอะ เมย์เป็นคนผิวแห้ง ค่อนไปทางแห้งมาก

จะมีบางช่วงที่หน้ามันบริเวณ T Zone บ้าง ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาของการดูแลผิว ณช่วงเวลานั้นๆ)



มาเริ่มกันที่ตัวแรกเลยดีกว่า

เมย์ไล่จากราคาน่ารักๆ ไปจนถึงราคาที่อาจทำให้กระเป๋าตังฟีบก็แล้วกันเนอะ 555








MAYBELLINE BABYSKIN pore Eraser

ไพรเมอร์เนื้อเจล กึ่งซิลิโคนใสที่มาพร้อมกับราคาสุดแสนจะน่ารัก

ตัวเนื้อใส เกลี่ยง่ายแต่ก็แอบแห้งไวมาก สำหรับคนผิวแห้งอย่างเรา คือต้องรีบเกลี่ยหน่อย

ไม่งั้นจะเกลี่ยยากอยู่ ในเรื่องของการช่วยอำพรางรูขุมขนนั้นก็ทำได้ดีประมาณนึง

แต่ก็ไม่ได้แบบ ว้าว วอะไรขนาดนั้น


หลังจากใช้คู่กับรองพื้น :ตัวนี้สามารถช่วยให้ลงรองพื้นได้ง่าย ไม่รู้สึกหนักหน้า

เรื่องรูขุมขนก็ยังพอมีให้เห็นชัดอยู่ เป็นจุดๆ โดยเฉพาะช่วงร่องแก้ม หรือในส่วนที่หน้าแห้งมากๆ

แต่ในส่วนอื่นก็ถือว่าช่วยเบลอรูขุมขนได้ดีในระดับนึง ระหว่างวัน เครื่องสำอางติดทนดี จะมีหลุดบ้าง

แห้งเป็นคราบบ้าง ก็เฉพาะในส่วน ที่แห้งมากๆ โดยรวมถือว่า ก็คุ้มค่า สมราคา










wet n wild Coverall Primer base de teint


ไพรเมอร์ราคาน่ารักอีกตัวจากwet n wild

ตัวนี้เนื้อจะเป็นสีขาวออกไปทางเจลมากกว่าซิลิโคนเล็กน้อย

ส่วนตัวเมย์ไม่ค่อยชอบกลิ่นของตัวนี้สักเท่าไหร่นะโอเคแหละที่ตัวนี้

นางไม่มีน้ำหอมแต่คือกลิ่นมันซิลิโคนแรงมากอะ กลิ่นแบบออกกาวหน่อยๆ

แต่ตัวเนื้อเกลี่ยง่ายไม่มีความเหนอะหนะ


หลังจากลงรองพื้น: ลงรองพื้นได้ง่ายขึ้นช่วยกระจายแสงบนใบหน้าได้ดี

ในแง่ของการอำพรางรูขุมขนก็ทำได้ค่อนข้างดี แต่ยังแอบมีคราบความผิวแห้งอยู่นิดๆ

โดยเฉพาะช่วงจมูกระหว่างวันถือว่าคุมมันได้ดี หน้าไม่หลุด ไม่ลอก

ถึงแม้ผิวจะดูแห้งไปนิดๆ แต่ก็ยังถือว่าใช้ได้อยู่ 









Benefitthe PORE fessional Pro Balm to Minimize


มาถึงไพรเมอร์ตัวดังจากBenefit กันบ้าง ตัวนี้เนื้อจะลื่นๆ แบบซิลิโคนสีครีมๆ

กลิ่นหอมชวนน่าหลงใหล ... ตัวเนื้อเกลี่ยง่าย แต่แห้งไวมากกก มากแบบเกลี่ยปุ๊ป แห้งปั๊บ

สัมผัสหลังทาคือแห้งสนิทแห้งแบบ นี่ยังเกลี่ยไม่ถึงไหนเลยอะ แห้งแล้ว 5555

แล้วคือกลายเป็นนี่ไม่ชอบ...เพราะเราเป็นคนผิวแห้ง ยิ่งช่วงไหนหน้าแห้งมากใช้ตัวนี้คือไม่รอด

แต่ถ้าคนผิวมันหรือผิวผสมน่าจะเหมาะกับตัวนี้มากกว่า


หลังลงรองพื้น: เมย์ว่าตัวนี้ช่วยอำพรางรูขุมขนได้ดี ในเรื่องการคุมมันในช่วงที่

หน้ามันบริเวณT-zone คือทำได้ดีมาก หน้าไม่เป็นคราบแต่ข้อเสียของตัวนี้คือ

เมย์ว่ามันยังไม่เหมาะกับคนที่ผิวแห้งมากๆอย่างเมย์เท่าไหร่คือถ้าช่วงไหนหน้าแห้งมาก

เมย์ใช้ตัวนี้ไม่ได้เลยมันเบลอรูขุมขน คุมมัน แต่มันไม่ได้ให้ความชุ่มชื้นกับผิว

เลยทำให้หน้าแห้งไปจนบางครั้งเป็นคราบและกลายเป็นทำให้เห็นจุดบกพร่องบนใบหน้าชัดขึ้น

แถมยังกลัวจะอุดตันเพราะเป็นเนื้อแบบซิลิโคนอีก










ILLAMASQUAHydra Veil


ไพรเมอร์รูปแบบกระปุก ปุ๊กลุคแบบเดียวที่เรามี 555+

ตัวนี้นางมาต่างจากตัวอื่นๆ โดยสิ้นเชิง เพราะไม่มีส่วนผสมของซิลิโคน ไม่ต้องกลัว

เรื่องอุดตันผิวเลย ด้วยเนื้อเจลใส ที่มาในรูปแบบคล้ายๆวุ้น หรือเจลลี่

เนื้อเจลคืนรูปตามสภาพที่มันอยู่ เมื่อตักเนื้อเจลขึ้นมาแล้วทาลงผิวตัวเจลจะค่อยๆแตกตัว

และกลายเป็น “น้ำ”ที่ให้ความชุ่มชื่นกับผิวและบำรุงผิวไปด้วยในตัว เนื้อเจลเกลี่ยง่าย

หลังทานี่คือรู้สึกสดชื่น สบายผิวมาก กกก เนื้อสัมผัสหลังทาจะออกไปทางครีมบำรุงมากกว่าตัวอื่นๆ

ทาแล้วหน้าไม่แห้ง แต่ก็ไม่ได้เหนียวให้ความรู้สึกเหมือนเวลาเราลงครีมบำรุงผิวทำนองนั้น


หลังลงรองพื้น : เราชอบฟินิสลุคของไพรเมอร์ตัวนี้มากกว่าตัวอื่นๆนะ เมย์ว่าเค้าช่วย

ในเรื่องเบลอรูขุมขน อย่างสาวผิวแห้งแบบเมย์ได้ดีมากด้วยเนื้อเจลที่ให้ความสดชื่นและชุ่มชื้น

ทำให้ได้ความฉ่ำวาวแบบงานผิวออกมา แต่ที่ชอบไปยิ่งกว่าคือ เห็นผิวฉ่ำวาวแบบนี้

ระหว่างวันนี่คือหน้าไม่มัน ไม่เป็นคราบแห้งเลยถ้าตัวอื่นนี่คือหน้าผากกับจมูก แป้งแห้งหลุด

ไปก่อนละ จากเช้า ผ่านไปบ่าย ผิวก็ยังดูสดใส เครื่องสำอางยังติดทนเลิศมาก














Lauramercier foundation primer – oil free


ตัวนี้มาเป็นแบบเนื้อครีม เลยทำให้เกลี่ยง่าย แรกๆมีความหนึบๆบนผิว

แต่แห้งไวอยู่ เลยไม่ทำให้รู้สึกเหนอะหน้าอะไร ด้วยเนื้อครีมสีเขียว

ตัวนี้เลยช่วยปรับสภาพผิวหน้า จุดแดงบนใบหน้าได้ค่อนข้างดี

แต่ก็แอบไม่ชอบกลิ่นนิดๆ นะ เพราะมันมีเหมือนกลิ่นซิลิโคนอ่อนๆอยู่


หลังลงรองพื้น : ตัวนี้เรื่องอำพราง หรือเบลอรูขุมขน สำหรับเมย์เมย์ว่ายังไม่ค่อยเท่าไหร่

ด้วยช่วงรอยใต้ตา ร่องแก้ม ก็ยังแอบเห็นเส้น หรือรูขุมขนชัดอยู่ลุคที่ได้จะออกมา

ดูแมทๆ แต่ก็ไม่ทำให้ผิวดูแห้งมาก ระหว่างวันคุมมันได้ประมาณนึงตกบ่ายมีช่วงทีโซนมันบ้าง

แต่ก็ไม่ได้เยอะ โดยรวมคือเครื่องสำอางติดทนดีอยู่มีหลุดบ้างเล็กๆ น้อยๆ

บริเวณหน้าผากและปลายจมูก โดยรวมยังรู้สึกเฉยๆกับตัวนี้










CHANEL Le Blanc De Chanel Multi UseIlluminating Base


เป็นเบสเนื้อเหลวที่สุดที่มีในกรุออกแนวเนื้อลิควิดสีขาว มาในขวดแก้ว

สวยหรูดูแพงก็แพงจริงๆแหละ 555+ ตัวเบสจะช่วยปรับสภาพผิวให้ดูเนียนสว่างขึ้น

และมีมิติมีการเล่นแสงมากขึ้น เนื้อเบสหอม มมม เกลี่ยง่าย ช่วยลดขนาดรูขุมขนได้ดี


หลังลงรองพื้น : ตัวนี้ทำออกมาได้ผิวที่ให้ผิวดูฉ่ำน้ำ และปรับให้ผิวดูสว่างขึ้นมากกว่าตัวอื่นๆ

ช่วงครึ่งวันแรกนี่คือได้ผิวออกมาสวยเลยแต่พอตกบ่ายขนาดผิวแห้งแบบเมย์ก็ยังแอบเริ่มมีความมัน

มีความเยิ้มเหมือนกันนะ เลยทำให้หน้าดูดรอบลงนิดนึงอะ ถือว่าเรื่องคุมมันยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่

แต่โดยรวมเรื่องความเนียนความเบลอรูขุมขนก็ทำได้ดีอยู่นะแต่เราว่าเหมาะกับการถ่ายรูปแบบ

แป๊ปๆมากกว่า ถ้าให้อยู่ทั้งวันสำหรับเมย์ยังไม่ตอบโจทย์ ยิ่งกับคนผิวมันแล้ว ตัวนี้อาจจะเอาไม่อยู่










MACPREP + PRIME Natural Radiance BASE


ตัวนี้จริงๆ ของเค้ามีทั้งหมด 2 สีนะ ถ้าจำไม่ผิด ถือสีเหลือง(เนื้อ) กับสีชมพู

ส่วนของเมย์ที่ใช้ตัวนี้จะเป็นเจลสีเหลืองหรือสีเนื้อ ที่จะช่วยเตรียมผิวก่อนแต่งหน้าและบำรุงผิว

ไปด้วยในตัว ตัวเจลบางเบาไม่หนักหน้า เกลี่ยง่าย มีความชิมเมอร์นิดๆ ให้ผิวดูโกว ดูสว่าง


หลังลงรองพื้น : ตัวนี้เป็นอีกตัวที่ให้ฟินิชลุคที่เป็นงานผิวๆ นางมีความเนียน มีความโกว

ให้กับผิว ก็คงจะมาจากตัวชิมเมอร์ที่นางใส่ลงไปนั้นแหละ แต่ไม่เงาเท่ากับตัวของชาแนล และก็ไม่ได้ดู

ฉ่ำน้ำขนาดอิลามาสก้านะ เป็นแบบอยู่กึ่งกลางระหว่างสองอันนี้ ผ่านไปครึ่งวันแอบมีความมันอยู่

ถ้าต้องอยู่ข้างนอกนานๆอาจจะต้องมีซับมงซับมันกันบ้าง บริเวณทีโซน โดยเฉพาะช่วงจมูก

แต่โดยรวมตัวนี้ก็ยังถือว่าใช้ได้ สำหรับสาวผิวแห้งแบบเมย์(ถ้าใครชอบความโกวหน่อยนะ)










NARS PORE & SHINE CONTROL PRIMER


ตัวเนื้อครีมสีขาวมีความหอม แบบน้ำหอมมากกว่าตัวอื่นๆ เนื้อเกลี่ยง่าย แห้งไว

ช่วยปกปิดรูขุมขนได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว หลังลงผิวสักครู่จะรู้สึกได้เลยว่า ตัวเนื้อจะแห้งไปกับผิว

ให้ผิวสัมผัสแบบแป้งที่ไม่มีความเหนียวเหนอะหนะ หรือความมันอยู่เลย


หลังลงรองพื้น : ช่วยปกปิดรูขุมขนบนใบหน้าได้ค่อนข้างดีอาจจะมีบ้างช่วงจมูก และร่องแก้ม

ที่ยังแอบเห็นร่องรอยอยู่ ได้ผิวที่เนียนแบบแมทไม่มีความมันวาว หรือเงาแบบงานผิวเกาหลีแต่อย่างใด

ตัวเนื้อไม่หนักไม่เหนอะหน้า เพราะนางคุมมันได้ก็ค่อนข้างดีตลอดทั้งวัน เราว่าตัวนี้สำหรับ

คนผิวมันน่าจะชอบแต่สำหรับผิวแห้งแบบเมย์ เมย์ว่าตัวเนื้อทำให้หน้าแห้งไปนิด

ระหว่างวันเลยอาจทำให้หน้ายิ่งดูแห้งเข้าไปอีก







( หลังลงทันที )






( ผ่านไป 8 ชั่วโมง)





เป็นยังไงกันบ้างคะ ได้เห็นข้อแตกต่างของไพรเมอร์แต่ละตัวกันไปแล้ว

จากข้างบนจะเห็นได้เลยเนอะ ว่าตัวที่มีความมันออกมาน้อยที่สุด 3 ตัวตามลำดับ

นั้นก็คือ ตัว


1. ILLAMASQUA

ตัวนี้นอกจากจะมีความมันน้อยที่สุดแล้ว อย่างที่บอกไปว่านอกจะช่วยให้

ผิวเราออกมาสวยฉ่ำน้ำ ดูชุ่มชื้นสุขภาพดีแล้วเค้ายังช่วยฟรีซผิวให้ดูสดใส

ได้ยาวตลอดทั้งวันมากกว่าตัวอื่นๆ เรียกได้ว่าเป็นงานผิวที่แท้ทรูเลยทีเดียว

และอีกจุดที่เด่นเลยก็คือไม่มีส่วนผสมของซิลิโคนด้วยไม่ทำให้เกิดการอุดตันด้วย

สาวผิวแห้งแบบเมย์ เลยยกรางวัลที่ 1 ให้กับตัวนี้เลยจ้าาา



2. MAC

ตัวนี้มีความมันออกมานิดๆถ้าเทียบกับตัวอื่นแล้วก็ถือว่าน้อยมาก

ได้ความลุคผิวโกว ผิววิ้งกันไป ถ้าใครชอบ แต่ตัวนี้เนื้อของนางจะเป็นเหมือน

ซิลิโคนนิดๆ เวลาทำความสะอาด อาจจะต้องทำความสะอาดดีๆกันหน่อย

จะได้ไม่อุดตันรูขุมขนนะจ๊ะ สาวๆคนไหนที่ชอบผิวกึ่งมันกึ่งแมท ก็ต้องตัวนี้เลย



3. wet n wild

ถูกและดียังมีให้เห็น คำๆนี้ยังใช้ได้อยู่จริงจริ้งง ง

ด้วยราคาที่น่ารัก และคุณภาพที่เกินราคา อาจจะติดแค่เรื่องของกลิ่นนิดนึง

ที่แรงไปหน่อย แต่ด้วยความที่นางสามารถคุมมันได้ดีเมื่อเทียบกับหลายๆแบรนด์

ที่ราคาแรงแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว แถมยังได้งานผิวที่เนียนไม่แพ้ตัวอื่นๆเลยน้า





ซึ่งจะเห็นได้เลยนะว่าตัวที่เหลือนี่คือมีความมันออกมาเยอะมาก กก ก

สำหรับส่วนตัวเมย์แล้วเนี๊ยอย่างที่บอกว่าเมย์เป็นคนที่ผิวค่อนข้างแห้งอยู่แล้ว

บางตัวที่มีความมันนิดๆ หน่อยๆสำหรับเมย์ก็เลยยังไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่

เพราะก็ไม่อยากให้หน้าดูแห้งจนเกินไป ยังไงใครที่สนใจหรือกำลังเลือกหาไพรเมอร์คู่ใจกันอยู่

เมย์ก็หวังว่า รีวิวเล็กๆน้อยๆของกระทู้นี้จะพอเป็นทางเลือกให้เพื่อนๆได้ลองหาไพรเมอร์

ที่เหมาะสมกับสภาพผิวหน้าของตัวเองกันได้ง่ายขึ้นเนอะ

วันนี้ไปก่อนแล้ว พบกันใหม่ตอน เก็บห้องครั้งหน้า 5555

สวัสดีค้า ^^




Create Date : 03 พฤษภาคม 2561
Last Update : 8 พฤษภาคม 2561 13:22:47 น.
Counter : 661 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  

maybedong
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]



All Blog