โหด มัน ฮา งูๆปลาๆ กับญี่ปุ่นครั้งแรก #1

สวัสดีค่ะ

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่านี่ถือเป็นรีวิวทริปท่องเที่ยวรีวิวแรกอย่างเต็มตัวของเราเลยก็ว่าได้

จริงๆก็ไม่เป็นเซียนเรื่องท่องเที่ยวอะไรกับเขาเลยแค่อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ท่องเที่ยวต่างแดน

ของเรากับเพื่อนๆให้ทุกคนได้ลองอ่านกัน

หากผิดพลาดประการใดในการเขียนก็ต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยค้า ^^

ทริปนี้เป็นตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว (2014)

ตอนนั้นเราไปญี่ปุ่นกับเพื่อนๆที่เรียนปริญญาโทด้วยกันเนื่องจากต้องไปศึกษางานด้านออกแบบที่นั่น

เราเลยได้ถือโอกาสไปเที่ยวด้วยในตัวเลย (เข้าทางสุดๆ)

ทริปนี้ถือเป็นทริปวัดใจมากเพราะพวกเราต้องเป็นคนจัดหาเรื่องตั๋วเรื่องการเดินทางทุกอย่างกันเองพยายามหาราคาที่ค่อนข้างโอเค ไม่ถูกแต่ก็ไม่แพงจนเกินไปเอาที่เราพออยู่ได้

“ ออกเดินทาง “

7 วัน 4 คืนโตเกียวและอาซากุสะ

3 วันแรก เราต้องอยู่ดูงานและเที่ยวที่โตเกียวและปรึกษากับเพื่อนๆว่า

ไหนๆไปแล้วก็อยู่ต่อให้คุ้มกับค่าตั๋วน่าจะดีกว่าเราจึงวางแผนที่จะอยู่เที่ยวต่อที่อาซากุส

อีก2คืนก่อนกลับ และทุกคนก็ตกลงปลงใจว่าตามกัน




เราออกเดินทางกันตอนตีหนึ่งกว่า (ถ้าจำไม่ผิด)

ครั้งนี้มีเสื้อทีมกันไปด้วยนะ 555

กลุ่มเราชอบทำเสื้อใส่กันเวลามีงานต่างๆ เราว่ามันโอนะ

ใส่กันเป็นกลุ่ม เก๋ดี (คิดเองเออเอง)

เราเดินทางถึงญี่ปุ่น แดนอาทิตย์อุทัย ที่สนามบินนาริตะ

ตอน10 โมงกว่าๆ แลดูคึกคักกันมาก กก มากจริงๆ

หน้าตายังไม่ได้ล้าง เหมือนร่างทุกคนลุกออกมาแล้ว

แต่กายหยาบยังนอนไม่ตื่นอยู่บนเครื่องบินนู้นน -_-Z





ก่อนมา เราเหมือนเตรียมตัวมาดีมากนี่บอกเลยเพราะไม่มีใครในกลุ่มที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่นเลย

ทุกคนนี่คือครั้งแรกล้วนๆ แล้วต้องเดินทางเองทุกอย่างเลยคิดว่าต้องเซฟสุดๆ เราซื้อหนังสือ

“เที่ยวล่าสุด โตเกียว - โยโกฮาม่า มา

ก่อนมาก็อ่าน ศึกษามาพออสมควรอยู่ ว่าอะไรใช้ยังไง

เดินทางต้องไปทางไหน ของกินเด็ดๆนี่ต้องอะไร หือ หนังสือเล่มนี้บอกละเอียดมากเราว่าเล่มนี้เข้าใจสุด มาถึงก็วุ่นๆ แต่ว่าด้วยอ่านหนังสือไกด์มาดีค้า าาา เราจึงตรงดิ่งลงไปชั้นล่าง เพื่อไปซื้อตั๋วขั้นรถไป

เข้าไปโตเกียวกัน พอลงมาถึงชั้นล่างก็วิ่งเข้าไปที่ช่องซื้อตั๋ว N’EX เลย

จริงๆก็ดูเรื่องราคาอะไรมาเรียบร้อยแล้วนะแต่ด้วยทริปนี้เราอยากเที่ยวแบบ ชิวๆ ไม่หรูหรา ไม่ต้องอะไรมาก เอาเรื่อยๆ เอาพออยู่ได้จริงๆอยากประหยัดนั้นแหละ 555 ดูราคาแล้ว จึงมาสุมหัวกันปรึกษากันว่า ไหนๆลองไปถามตรงราคาตั๋วรถไฟเข้าโตเกียวธรรมดาดูซิ ซึ่งเคาเตอร์อยู่เยื้องๆกันด้านขวามือ

เคาร์เตอร์สีน้ำเงินจำราคาไม่ได้จริงๆว่าเท่าไหร่ แต่คือถูกว่า N’EX มาก ราคาไม่กี่ร้อยเยนเอง เราจึงพยักหน้าและดิ่งไปซื้อตั๋วกัน จริงๆภาษาอังกฤษกลุ่มเราก็ไม่มีใครเก่งเลยเอาจริงๆพองูๆปลาๆกันไป ถือว่ามีปากและความสุภาพนั้นไม่หลงและไม่อดตาย พูดๆไปเถอะชีวิตจะได้ง่ายขึ้นเยอะ




ได้ตั๋วมา ก็ถามหาช่องที่จะต้องเดินไปขึ้นรถไฟ

( ตั๋วที่นี่ก็นะ ภาษาอังกงอังกฤษไม่มีเล้ยย =_= )

พอไปถึง สถานีตามที่เขาบอกทางมา ก็ยืนงงๆอยู่พักนึงลังเลว่าใช่หรือไม่ใช่ สุดท้ายก็ยื่นตั๋วนี้ให้ผู้หญิงญี่ปุ่นคนข้างๆ(เธอคือผู้โชคดีคนแรกของเรา)555 ว่าตั๋วนี้ขึ้นที่นี่ใช่ไหมค่ะ ได้คำตอบมาว่าใช่

รถไฟมาก็ขนย้ายสัมภาระกันเลย






โฉมหน้าสมาชิกที่ยังไม่ตื่นดีกับกระเป๋าใบน้อยๆ ของแต่ละคน

( รูปอาจไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะไม่คิดว่าจะถ่ายมารีวิวเลยตอนแรก เอาไปแค่ถ่ายเล่นๆกันเฉยๆ ภาพเลยอาจเบลอๆไม่สวยเท่าไหร่น้าาาา )

“วันแรกที่ญี่ปุ่น”

วันแรกที่ญี่ปุ่นถือเป็นวันฟรีเดย์ของเราเพราะจริงๆวันนี้ยังไม่มีโปรแกรมไปดูงานอะไร

เราเลยเลือกที่จะประหยัดนั่งรถไฟแบบชิวๆเข้าโตเกียวไปชินากาว่า กันได้

สรุปเวลานั่งรถไฟเข้าเมืองก็ประมาณชั่วโมงนึงได้นั่งไปชมวิวไป เพลินดีค่ะ

พอมาถึงสถานีก็แบกกระเป๋าลงมา อย่างทุกลักทุเล

เอ้าทีนี้ทางไหนดีหละ เป้าหมายคือ เข้าโรงแรมเอากระเป๋าไปฝากไว้ก่อนแล้วค่อยมาออกมาเดินเที่ยวกัน โรงแรมที่เราต้องไปคือ TOKOYO INN ค่ะ ที่ดูกันมาคืออยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟเท่าไหร่

เราก็เลยลองเดินหาทางออกกัน แล้วค่อยถามทางกันไปอีกที

>> อุปสรรคแรกของการเดินทางวันแรก บันได !!

กระเป๋าใบเท่านี่ เห้อ แบกขึ้นลงบันไดกันสนุกเลยข่าาาาาา

กล้ามแขนนี่ขึ้นโดยไม่ต้องเข้าฟิสเนสกันเลยทีเดียว

พอพ้นสถานีออกมาก็แจ็คพอทเลยค้าาาาา ฝนตก!!!! งื้ออ ออ ร่มเริ้มนี่ไม่ได้เตรียมกันมาหรอกค่ะ

จริงก็ดูกันมาแล้ว ว่าช่วงที่เรามาเป็นช่วงที่มีฝนตกบ้างบางวัน แต่คิดว่า

มาถึงแล้วค่อยหาซื้อเอาละกันแต่ไม่คิดว่าจะมาต้อนรับกันเร็วขนาดนี้ สุดท้าย

วิ่งฝ่ากลางสายฝน เข็นกระเป๋าข้ามถนนไปโรงแรมกันเปียก สนุกเชียว =_=

สุดท้ายไปแอบอยู่ข้างตึก ให้ผู้ชายวิ่งไปหาซื้อร่มไม่งั้นเอาไม่อยู่จริงๆ

จากข้างตึกที่ยืนหลบฝนอยู่ เดินไปอีกประมาณ 500เมตรก็ถึงโรงแรม TOKOYO INN

ตอนนั้นเหมือนสวรรคโปรดดด เห้อ ถึงซะที

เรากับเพื่อนอีกคนมุ่งตรงไปที่เค้าเตอร์ ผ่านไป 5 นาทีห๊ะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

แต่เดี๋ยวก่อนฉันมาผิดโรงแรม =_=!!!!!!!!!! แม่เจ้าโว้ยย ยย

คือไอ้โรงแรม TOKOYO INN เนี๊ย มันมีหลายสาขามากๆๆๆๆๆๆๆทั้งในโตเกียวและที่อื่น บอกเลยตอนนั้น เหมือนจะทรุดแต่ก็เก็บอาการฮากันไม่อยู่ ถามไถ่ทางกันไปสักพัก ก็เดินออกจากโรงแรมตรงไปข้ามทางรถไฟและหาทางไปโรงแรมที่ถูกต้องต่อ





ตอนนี้ฝนเพิ่มซาแล้ว เราเดินไป งงไป แวะถามทางผู้คน

ที่เดินผ่านรอบข้าง แต่ ..... หลายคนเดินหนี !! หือ นี่จะถามทางไม่ได้จะทำอะไรร รรรร

เดี๋ยวก่อนๆๆๆๆๆฟังฉันนนนก่อน และเขาก็เดินจากไป =_= อาจเพราะคนญี่ปุ่นหลายคน

พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เขาเลยเลี่ยงเมื่อเราเข้าไปสปีกอิงลิสใส่

แต่ก็มีคนญี่ปุ่นที่ใจดีหลายคน ช่วยบอกทางให้เราตลอดทาง

ส่วนตัวแล้ว เราว่าคนญี่ปุ่นน่ารักและก็ใจดีมากๆนะ เพียงแต่บางคนเค้าพูดไม่ได้จริงๆ

เค้าเลยเลี่ยงที่จะคุยกับเรามากกว่า ส่วนใครที่พอจะพูดได้ เค้าก็ช่วยเราเต็มที่

เดินไปเดินมา จนหาทางไม่เจอสุดท้ายเราไปถามทางพี่ผู้ชายคนนึง เค้าพยายามบอกทางเรา

แต่เราไม่เข้าใจจริงๆ พี่แกก็พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้แกเลยเดินนำเราไปส่งที่โรงแรมเลย

พี่คือฮีโร่ของพวกหนูนะค่ะ ^____________^ ขอบคุณค้า



สรุปถึงโรงแรมกันด้วยความเหนื่อยล้าจากการลากกระเป๋าตากฝนเที่ยวเล่นข้างทางกันไปมา ฝากกระเป๋ากับทางโรงแรมเสร็จก็ดิ่งตรงออกจากโรงแรมเพื่อหาของกินกันเลย ( หิวมากๆแก)

พอกินเสร็จอะไรเสร็จก็เดินเที่ยว รอบๆที่พักไปเรื่อยเปื่อยจนตกเย็นก็เข้าไปโรงแรม เอาของไปเก็บ เพื่อเตรียมออกไปเดินเที่ยวข้างนอกยามดึกกัน ลงมาข้างล่างก็ได้ความว่ามีรถบัสจากโรงแรม

เข้า ออก ไปส่งที่สถานี Shinakawa ตามตารางเวลาเราเลยออกไปพร้อมรถบัส ไปลงเดินเที่ยวกัน ที่สถานี Shinakawa มา ถึง ฝนก็ตกอีกแล้วจ้า าา าา เหมือนฝันร้ายจริงๆ งือๆ เดินไปได้ไม่เท่าไหร่ ด้วยฝนตก ด้วยหิวก็เลยลงเอยกันที่ร้านราเมนใกล้ๆสถานี ร้านนี้







คือร้านที่เข้าไป ดันไม่มีรูปภาพอาหารอีกค้าาาาา เอาไงหละทีนี้

หิวก็หิว คนก็เยอะแยะ ถ้าหาร้านใหม่กว่าจะได้กินคงอีกนานแน่ๆ

พวกเราเลยชี้ไปที่ คนที่กินอยู่ก่อนแล้วสรุปเอาตามคนญี่ปุ่นที่นั่งกินก่อนกันหมด

ชามเลยเรียงรายทำพร้อมกันอย่างนี้จ้า

ถึงโรงแรม อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ( ที่โรงแรมที่ชุดให้ใส่ )

ถึงจะเหนื่อยมาทั้งวันแต่สุดท้ายก็มานั่งเม้าปาร์ตี้กันเล็กน้อย ก่อนกลับห้องไปพักผ่อนกัน zZ

" วันที่ 2"

วันนี้ตื่นเช้า มาเจอสายฝนโปรยปรายอีกตามเคยค้าวันนี้อาจารย์นัดเจอเราที่ 2k540 กินข้าวเสร็จก็นั่งรถบัสของที่โรงแรมไปขึ้นรถไฟ ที่สถานีShinagawa และก็ตามเคยค่ะ งง กับการซื้อตั๋ว

และการดูแผนที่มาก ยังไม่เข้าใจจริงๆตอนนั้น สุดท้ายก็เลยไปจบที่ informationและก็ได้ตั๋วมาเรียบร้อย


ถึงที่หมายวันแรกล่าช้าไปเล็กน้อย ด้วยอุปสรรคนาๆประการ

แต่ก็ถือว่า ทำได้ดี ปรบมือค้า 5555





ถึงที่หมายก็รีบเข้ามาด้านใน ทำกิจกรรมต่างๆเรียบร้อยก็ลุยตากฝนไปที่ต่อไปกันค้าาาา





Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2558 12:42:33 น.
Counter : 980 Pageviews.

2 comment
โหด มัน ฮา งูๆปลาๆ กับญี่ปุ่นครั้งแรก #2

" วันที่ 3 "

วันนี้เป็นวันที่แสนดี ฝนไม่ตกละจ้า

มันเริศจริงๆ ลุยฝนกันมาสองวัน เปียกปอนเท้าเหม็นจนไม่ไหวละ

วันนี้หละ ถึงทีฉันบ้างงงงงงงงง ง ง ง ง ง ง ง





ช่วงเช้าวันนี้ อาจารย์นัดเรากันที่ 2k540

วันนี้เดินทางได้ลื่นไหลกว่าวันก่อนๆมาก เริ่มซื้อตั๋วรถไฟและดูแผนที่เส้นทางรถไฟเป็นละ

แต่เดี๋ยวก่อน .... นั่งรถไฟมาได้สักพักนึงรถไฟที่เรานั่งก็หยุดที่สถานีนึง ( จำไม่ได้ว่าสถานีอะไร )

แล้วก็ไม่ไปต่อ ตอนแรกคนที่อยู่ในรถไฟกับเราก็ยืนรอในรถอยู่สักพักก็มีเสียงประกาศอะไรสักอย่าง

ซึ่งเราไม่รู้เรื่องเลย =_= แล้วหลังจากนั้น คนก็ค่อยๆเดินออกไป ออกไป ออกไป ขึ้นรถไฟฝั่งตรงข้ามกัน

แต่ก็ยังพอมีบางส่วนที่นั่งรออยู่ในรถไฟเหมือนเราด้วยความไม่รู้เรื่อง เราจึงนั่งรอกันต่อไป

จนเวลาผ่านไปสัก 10 นาที คนก็เริ่มออกจากรถไฟกันหมด และผู้หญิงคนข้างๆ

ซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ ก็เลยหันมาบอกพวกเราว่าต้องออกไปเปลี่ยนขึ้นรถไฟอีกฝั่ง

เพราะมีคนกระโดดรถไฟฆ่าตัวตายทำให้รถไฟสายนี้วิ่งต่อไปไม่ได้ o.O !!!!!

เอ่อ ออ อ อ อ อ..............

ผ่านเรื่องระทึกจนไปถึงที่หมาย







จากนั้นช่วงบ่าย เราก็ไปตะลุยกันต่อที่ Shibuya








วันนี้เดินช็อปกันอย่างเมามัน อย่างว่าแหละ

เรามากันเองแบบชิวๆ เมื่อยไหน กินนั่น วันนี้อยากไปแค่ไหนก็ไปแค่นั้น

เอาที่เราสะดวกและสบายใจ มันสุดตรงนี้แหละ







วันนี้เดินกันเมามันมาก นั่งรถไฟกลับโรงแรมจบด้วยการนั่งพักโดยไม่แคร์สายตาคนขึ้นรถไฟที่สถานี ก็เค้าเมื่อยนี่หน่า คืนนี้กลับไปพักแช่น้ำจากนั้นนอนหลับเป็นตายข่าาาาาา





" วันที่ 4 "

วันนี้จากที่เราวางแผนกันไว้ ว่าจะอยู่และไปเที่ยวต่อกันที่อาซากุสะ

ก็เก็บกระเป๋าเดินทาง มุ่งหน้าสู่ อาซากุสะกันเลยจ้า







อย่างที่บอกว่า เราเริ่มชินและเข้าใจกับการซื้อตั๋วและดูแผนที่กันแล้ว

การเดินทางจากโตเกียวมาอาซากุสะวันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เอาจริงๆนะ เราว่าถึงเราจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราพยายาม

พูดญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ศึกษาคู่มือไกด์เอาภาษาไทยมีขายเยอะแยะไป

ถ้าลองศึกษามาก่อน ให้พอรู้บ้าง บวกกับถามเค้าบ้างบอกเลยว่าคิดจะไปเที่ยวที่ไหนก็ไม่ใช่

เรื่องยากเลย ยิ่งมีเพื่อนมาด้วยอย่างนี้หละก็ยิ่งไม่ต้องกลัวใหญ่ ไปไหนไปกัน

ตลอดหลายวันที่ผ่านมา เดินทางด้วยตัวเองบ้าง หลงบ้างถามบ้าง

คนญี่ปุ่นถ้าเค้าช่วยได้ เค้าช่วยตลอดบอกเลย มีครั้งนึงจำไม่ได้ละว่าวันไหน

เราเดินหาทางขึ้นไปสถานีไม่ถูก ก็มีแม่ลูกญี่ปุ่นคู่นึงเดินเข้ามาหาพวกเรา

เพราะคงเห็นว่าเรา งงๆ กับทางกันอยู่ลูกสาวเค้าอายุน่าจะประมาณ ม.ต้น ได้

พูดภาษาอังกฤษพอได้คู่แม่ลูกชาวญี่ปุ่นก็เลยเดินนำพวกเราไปส่งถึงที่เลย >.<

ขอบคุณกันยกใหญ่ น่ารักที่สุด ด ด ด ด ด ด ด ด ด







วันนี้เราอยู่เดินเที่ยวกันที่อาซากุสะทั้งวัน

คือเดินทั้งโซนนี้ก็คงไม่เบื่อจริงๆ เดินไปทางนี้ทะลุไปนู้น

เดินไปเดินมาอีกทีก็มึดซะแล้ว






" วันที่ 5"

วันสุดท้ายก่อนกลับ

วันนี้เป็นวันช็อปปิ้งส่งท้ายของวันเราเลยคุยกันว่าอยากไปช็อปปิ้งกันที่ย่าน โอเอนจิ

และร้านที่เราตั้งเป้าหมายไว้คือ Mode Off (ร้านที่ไม่ว่าหนังสือเล่มไหนก็แนะนำ)








ด้วยความมั่นอกมั่นใจในการนั่งรถไฟของพวกเราวันนี้จึงเดินทางออกจากโณงแรม

ด้วยความมั่นอกมั่นใจ แต่......... สุดท้าย 5555









เนื่องจากที่ที่เราจะไปนั้นอยู่ไกลและต้องนั่งรถไฟออกไปอีกฝาก

ครั้งนี้เลยต้องมีการเปลี่ยนสายรถไฟด้วยและด้วยรถไฟแต่ละสาย

บางทีไม่ใช่รถไฟมาแล้วเราจะขึ้นเที่ยวนั้นได้เลยแต่เราจะต้องคอยสังเกตเวลาที่เราซื้อตั๋วด้วย

ว่าเที่ยวของเรานั้น รถไฟมาเวลาไหน แล้วคค่อยขึ้นไป

เพราะไม่อย่างนั้น จะเหมือนกับพวกเราครั้งนี้ 555

นั่งไปนานมาก กก กก ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ และก็ไม่ถึงสถานีที่เราจะไปสักที

นั่งไป เริ่มนานไป นานไป จนฟังชื่อสถานีละมันเลยมาหลายสถานีแล้วนี่หน่า

แต่ทำไมไม่ได้ยินชื่อสถานีที่เราจะลงเลยด้วยความรู้ตัวว่าเลยแล้วแน่ๆ

เลยยิ้ม และหันไปหาพี่ผู้หญิงที่นั่งข้างๆว่าเราต้องการลงสถานีนี้ เลยแล้วใช่ไหมคะ

โชคดีที่พี่ผู้หญิงช่วยเราได้ เย้!!!! เค้าบอกว่า เลยมาแล้วเราต้องลงสถานีหน้าและนั่งย้อนกลับไป

เพราะขบวนที่เรานั่งมาเป็นแบบเร่งด่วนอะไรทำนองนี้แปลไม่ถูก แบบ จะจอดเฉพาะสถานีหลักเท่านั้น

และโชคดีที่พี่ผู้หญิงคนนั้น ลงสถานีหน้าพอดีเค้าจึงเดินพาเราไปส่ง ให้ขึ้นรถไฟกลับ และบอกว่าเราต้องขึ้นรอบไหน ^^

และแล้วก็มาถึงซะที







มาถึงปุ๊ปก็ถามทางและมุ่งหน้าสู่ร้าน Mode Offตามที่ตั้งใจไว้


คือร้าน Mode off ที่สวรรคนักช็อปมากๆค่ะ

ของมือสองที่นี่เริศเลอ ล้ำค่ามากอะแก บอกเลยบางตัวมือหนึ่งนั้นก็มีนะ

ถ้าหาดีๆ ของมือสองก็สภาพแบบ ดีเว่อมาก บรรยายไม่ถูกคือลายหูลายตาไปหมด

ถึงขนาดลืมถ่ายรูปร้านมาฝากกันเลย >.<

เสร็จจากช็อปของมือสองตรงนี้

กินซูชิสายพานเสร็จ เราก็นั่งรถไฟ กลับเข้าไป ฮาราจุกุกันอีกรอบ

เพราะเพื่อนๆ อยากจะช็อปกันส่งท้ายย ย ย ยย ย

เดินช็อปกันที่ฮาราจุกุได้จนบ่ายสามด้วยความที่หลายๆคนยังอยากได้ของที่ตัวเอง

ตั้งใจจะซื้อกลับกันอยู่ เราเลยตกลงที่จะแยกย้ายกันเดินแล้วไปเจอกันที่โรงแรมเลยทีเดียว

ก็พอนั่งรถไฟกันได้หมดแล้ว จึงแบ่งกันเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่มนึงเดินช็อปต่อที่ฮาราจุกุอีกกลุ่มขอกลับไปซื้อของที่อาซากุสะ และส่วนของเรา

ขอกลับไปที่ 247 อีกครั้งเพราะตอนนั้นดูกระเป๋าตังให้ป๊าไว้

พอเดินกลับไปซื้อเสร็จ ด้วยอากาศกำลังดี ลมเย็นสบายเราเลยตัดสินใจที่จะเดินจากตรงนี้

เดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเมื่อย ค่อยขึ้นรถไฟกลับแต่ที่ไหนได้

เดินไปเดินมา เดินไปสักพัก เจอของดีซะงั้น จากตรง .....

เราเดินตามถนนข้างล่างเรียบทางรถไฟไปเรื่อยๆจนไปเจอย่านที่เค้าขายพวก รองเท้า ชุดกีฬาเยอะๆ

ไม่รู้เหมือนกันว่าเค้าเรียกว่าย่านอะไร(ใครพอรู้บอกทีนะค่ะ อยากไปอีกเหมือนกัน )

เป็นตลาดสองข้างทางเรียบทางรถไฟเป็นแผงคล้ายๆจตุจักรบ้านเราเลย

ราคาก็ถูกมาก ก ก ก ก ก ก ก ถูกจนน่าตกใจ !!! ผู้ชายหลุดไป คือสวรรคแหละค่ะ

กว่าจะรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดซะแล้ว

พอเดินต่อจากตลาดพวกของกีฬามาหน่อย ก็เจอเป็นตลาดปลา

ของกินเยอะมากก กกกก เหมือนเป็นตลาดปลาและขายอาหารหน้าร้านเลย

เราฝากท้องกันที่นี่ และเดินต่อไปอีกหน่อยก็เจอเป็นตึกที่ขายพวกเครื่องใช้ไฟฟ้า

แต่ตอนนั้นเหมือนร้านค้าข้างทางเริ่มวายกันหมดแล้ว

เพราะจากเวลาตอนที่เราเดินไปจนถึงจุดนั้นก็สามทุ่มได้แล้ว

อากาศเริ่มหนาวลงเรื่อยๆ ๆ ๆ ๆ ๆ จนมารู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงสถานี อูเอโนะซะงั้น !!!! 555

คือจากที่เราซื้อของให้ป๊า จนเดินกลับมาถึงอูเอโนะก็สามสี่สถานีแหละ

ถึงว่า มารู้ตัวอีกทีก็ปวดขาซะแล้ว อิอิ

เรานั่งรถไฟจากอูเอโนะต่อไปที่อาซากุสะ

และเดินกลับโรงแรมด้วยความอ่อนล้า แต่คุ้มค่า :D

วันนี้มันคุ้มค่าจริงๆ ไปนู้น โผล่นั้น กลับมานี่เดินได้เป็นกิโลๆ คือไกลมาก

คืนนี้จบลงหัวถึงหมอน กลับสนิท วันรุ่งขึ้นแพ็คของกลับละจ้า

ตื่นเช้ามา เดินทางกลับจากสนามบินนาริตะถึงสุวรรณภูมิประมาณห้าโมงเย็น

ทริปนี้สนุกมากๆ สะพายเป้ ลากกระเป๋าขึ้นลงรถไฟกันอย่างทุลักทุเล

เดินลุยฝน ถูกบ้าง หลงบ้าง เหนื่อยก็พักถือเป็นประสบการณ์ต่างถิ่น

ที่สนุกและมันมากๆทริปนึง

ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านกันมาจนจบนะค่ะ เขียนผิดๆถูกๆบ้างต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ

พบกันใหม่ทริปหน้า เร็วๆนี้นะค่ะ ^^






Create Date : 07 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2558 22:38:09 น.
Counter : 997 Pageviews.

0 comment

maybedong
Location :
ปทุมธานี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]