ขับรถเที่ยว SOUTH AFRICA ตอนที่ 3 - สัมผัสแรกที่เคปทาวน์
ดีใจที่ได้เจอกันอีกครั้งนะ...เคปทาวน์
ไม่ว่าจะรักหรือจะเกลียด CAPE TOWN (เคปทาวน์) หนึ่งในเมืองที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จะอยู่ในความทรงจำของคุณเสมอ พิสูจน์ได้จากการที่ "MOTHER CITY" แห่งนี้ได้รับการโหวดจากนิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังของโลกให้เป็นมืองท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของโลก เมื่อไม่นานมานี้ เคปทาวน์ไม่ใช่เมืองที่ปลอดภัยที่สุดในโลก หรือหรูหราฟู่ฟ่าที่สุด --- ไม่ใช่เลย ความเป็นจริงวันนี้ มันยังดูห่างไกลจากคำนิยามเหล่านี้มาก แต่เคปทาวน์ คือหนึ่งในเมือง ที่ทั้ง "โดน" และมีสเน่ห์มากที่สุดเมืองหนึ่ง ในใจของใครๆหลายๆ คน รวมทั้งผมด้วย
แค่สถาที่ตั้งหน้าทะเล หลังภูเขา (เทเบิลเมาเท่นส์) ก็ถูกตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว นักเดินทางผู้คร่ำหวอดไปมาแล้วเจ็ดย่านน้ำ ก็ยังคงอดชื่นชมในความงามของที่ตั้งของเมืองแม่ "เคปทาวน์" นี้ไม่ได้
ภูเขาหัวตัดเทเบิลเมาเท่นส์นั้น ไม่ว่าอยู่มุมไหนของเมืองคุณก็จะสามารถมองเห็นมันได้ ภูเขาสูงทะมึนนับพันเมตรที่เพียงแค่นั่งกระเช้าขึ้นไปในเวลาเพียงไม่นาน คุณก็จะได้พบกับโลกธรรมชาติอีกโลกหนึ่งที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความวุ่นวายของเมืองเบื้องล่าง เกริ่นมาจนเยิ่นเย้อ...เพียงเพื่อจะบอกว่า วันแรกที่เดินถึงเคปทาวน์นั้น ผมยังจะไม่พาเที่ยวเมืองแสนสวยแห่งนี้ก่อน เพราะผมจะเก็บไว้ปลายทริป หลังจากที่ได้ไปสัมผัสกับธรรมชาติของเส้นทางการ์เด้นรูท (Garden Route) จนชุ่มปอดแล้ว ค่อยหันกลับมามองดูเคปทาวน์กันใกล้ๆ แบบเจาะลึกทุกซอกมุมทีเดียวเลยก็แล้วกัน
หลังจากไม่ได้เจอเพื่อนเก่าคนนี้มาสองปี ผมตัดสินใจเดินทางมาเยือนอีกครั้ง เคปทาวน์ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยจากวันที่พบ คราวที่แล้วผมเดินทางมากับกรุ๊ป ไม่ทราบอะไรมากนักเกี่ยวกับเมืองนี้ นอกจากวิตกว่าจะปลอดภัยหรือไม่ จะโดนพี่มืดจี้กลางถนนหรือไม่ แต่การพบกันครั้งแรกของผมกับเคปทาวน์ก็ถือว่าผ่านไปได้โดยไม่มีเหตุร้ายใดๆ ทั้งกับผมเองและคนอื่นๆในคณะทัวร์ในครั้งนั้น คราวนี้ผมมาเยือนเคปทาวน์อีกครั้ง ในวิถีที่แตกต่าง ด้วยการเช่ารถขับเอง ในเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการโจรกรรมรถยนต์มากที่สุดเมืองหนึ่ง แต่ผมพยายามจะเปิดใจกว้าง และให้โอกาสเมืองนี้อีกครั้ง เพราะอย่างน้อยคราวที่แล้ว เคปทาวน์ก็ไม่ได้ทำให้ผมผิดหวังแต่ประการใด เครื่องบินมาถึงสนามบินเคปทาวน์ในตอนเย็น เสียเวลาครึ่งค่อนชั่วโมงกับการรอรับรถเช่า Chevrolet AVEO เกียร์ออโต้ จากบริษัท Europcar ที่จองไว้ล่วงหน้า เสียเวลาเพิ่มอีกเล็กน้อยในการเช่า GPS ในราคา 59Rand+14% VAT (หรือเกือบๆสามร้อยบาท) ต่อวันจากเคาน์เตอร์ของ Vodashop Rentafone ซึ่งที่นี่คุณจะสามารถเช่าซิมมือถือได้ด้วย
กว่าจะมาถึงที่พักก็เกือบทุ่ม ต้องขอบคุณ GPS เลขาส่วนตัวที่ช่วยนำเราผ่านไฮเวย์ N2 อันยุ่งเหยิงและยึกยือ ประมาณ 18 กม.จนมาถึง Claremont ซึ่งเป็นชานเมืองตอนเหนือของเคปทาวน์ ได้อย่างปลอดภัยและใช้เวลาเพียงไม่เกินครึ่งชั่วโมง ทั้งๆ ที่เป็นชั่วโมงเร่งด่วน ที่พักในคืนนี้เป็นเกสต์เฮาส์ - ที่แอฟริกาใต้นี่ ถือเป็นที่พักแบบหนึ่งที่เป็นที่นิยมที่สุด และราคามีตั้งแต่ย่อมเยาจนไปถึงแพงเหมือนโรงแรมห้าดาวเลย เกสต์เฮาส์แห่งนี้มีชื่อว่า Harfield Guest Villa ตั้งอยู่ในย่านผู้มีอันจะกิน ซึ่งถือว่าค่อนข้างปลอดภัย และสงบสวยงาม เป็นระเบียบเรียบร้อยทีเดียว เรียกได้ว่าบรรยากาศไม่แตกต่างจากชานเมืองไครส์เชิช หรือเมลเบิร์นเลยก็ว่าได้ เข้ามาดูบรรยากาศด้านในเกสต์เฮาส์แห่งนี้กันครับ บรรยากาศแบบผู้ดีอังกฤษเป๊ะเลย
บรรยากาศภายในห้องพัก ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่ห้องเท่านั้นที่เปิดให้บริการ เนื่องจากเป็นเกสต์เฮาส์เล็กๆ แต่ตกแต่งหรูหราเหมือนโรงแรมบูติคชั้นดีเลยทีเดียวครับ แต่สนนราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่นะครับ คือ 1,060 RAND หรือประมาณห้าพันบาท ถือว่าแพงที่สุดแล้วในทริปนี้ครับ (ราคานี้สามารถพักโรงแรมเชนห้าดาวบ้านเราได้สบายๆ แต่มาที่นี่ได้แค่เกสต์เฮาส์นะครับ)
ห้องที่ผมพักนี้ มีขนาดกว้างขวาง และมีมุมโซฟาตัวใหญ่ให้นั่งเล่นได้อย่างสบาย
จริงๆ ผมได้จองเวลารับประทานอาหารค่ำเอาไว้ตอนหกโมงครึ่ง ที่ห้องอาหารชั้นล่าง แต่ด้วยอากาศที่หนาวเหน็บ ฝนปรอยๆ ลงมาอย่างไม่ยอมหยุด อุณหภูมิก็ลดลงไปประมาณสิบองศาต้นๆ เท่านั้น ทั้งๆ ที่เป็นช่วงต้นฤดูร้อน (เดือนพฤศจิกายน) แท้ๆ ผมก็เลยโทรลงไปขอเลื่อนเวลาเป็นหนึ่งทุ่ม ขอเวลารับไออุ่นจากฮีทเตอร์ไปพลางๆก่อน โอ้..ห้องน้ำที่นี่ทำได้สวยคลาสสิคมากครับ แลดูเป็นผู้ดีเกินสภาพแขกผู้มาพักอย่างเราจริงๆ
Victorian Bathtub เลยหรือครับท่าน...จะหรูไปนิดนึงนะสำหรับเกสเฮาส์ ?!?
ผมเดาว่าผู้อ่านที่ชอบศิลปะสไตล์โคโลเนียล คงจะชื่นชอบที่นี่เป็นแน่แท้ ดูช่างใสใจในรายละเอียดดีจริง ก๊อกทองเหลืองเอย กรอบกระจกฉลุลายเอย งามแท้ๆ
บนเตียงนอนมีการจัดวางผ้าเช็ดตัว อย่างมีศิลปะสวยงาม Attention to detail นี่สุดยอดจริงๆ และนี่แหล่ะที่ทำให้ผมชักเริ่มหลงไหลที่พักแบบเกสต์เฮาส์ หรือที่รู้จักกันอีกอย่างว่า Bed & Breakfast แล้วละสิ
หนึ่งทุ่มเศษ ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว ฝนด้านนอกยังคงตกปรอยๆ อย่างไม่ขาดสาย ทั้งเปียกทั้งหนาวไม่ใช่เล่นทีเดียว
อาหารค่ำในวันนี้ผมได้ทำการจองล่วงหน้าเอาไว้แล้วตั้งแต่ที่เมืองไทย เพราะเนื่องจากเกสต์เฮาส์จะไม่สต๊อกวัตถุดิบสำหรับอาหารมื้อค่ำ แขกที่อยากจะรับประทานอาหารค่ำต้องแจ้งล่วงหน้าเสมอ
อาหารมื้อแรกในประเทศแอฟริกาใต้ เริ่มต้นด้วยซุปถ้วยนี้ครับ ซุปร้อนๆกับขนมปังชุ่มเนยเนื้อนุ่มละเอียดช่วยคลายความหนาวจากอุณหภูมิประมาณ 12 อาศา ณ ขณะนั้นได้ดีทีเดียว
ตามมาด้วยสลัดผักสดกับเนยแข็งที่ทำจากนมแพะ
จนมาถึงอาหารจานหลักซึ่งก็เป็นปลา Linefish ตามเมนูเขาเขียนไว้เช่นนั้น ซึ่งผมก็จนปัญญาว่ามันคือปลาอะไร รู้แต่เพียงเป็นปลาเนื้อขาวที่ทั้งสดและอร่อยมาก ไม่เสียชื่อเมืองเคปทาวน์ ซึ่งตามข้อมูลระบุว่า อาหารทะเล 85% ที่จับได้ในน่านน้ำประเทศแอฟริกาใต้ทั้งหมดตะต้องมาขึ้นที่ท่าเรือเคปทาวน์
ส่วนอาหารจานหลักอีกจาน เป็นความผิดพลาดของผมเองที่อ่านเมนูไม่เข้าใจ นึกว่าเป็นจานที่เน้นปลาทูน่าและมีผักเป็นเครื่องเคียง แต่กลับกลายเป็นสลัดทูน่าจนใหญ่กว่าสลัดที่สั่งมาในตอนแรกอีก ก็เป็นอันว่าวันนี้เราได้บริโภควิตามินและเส้นใยอาหารไปมากมายก่ายกองทีเดียว ....ท่าจะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำเมื่ออาหารมื้อเที่ยงที่รับประทานบนเครื่องบินยังย่อยไม่หมดดีเสียด้วยซ้ำไป
ราวกับว่านั่นยังไม่หนำใจ อาหารหวานปิดท้ายมื้อแรกในเคปทาวน์ของผม ก็ยกมาเสิร์ฟตรงหน้า ใช้ชื่อฟังดูน่าสนใจว่า African Malva Pudding
ถึงแม้จะอิ่มเพียงไหน แต่กระเพาะน้อยๆของเรายังมีที่ว่างสำหรับของหวานที่ยั่วยวนนี้เสมอ...ฮ่า ฮ่า
และแล้วค่ำคืนนี้ ก็ได้จบลงใต้โคมไฟระย้าในห้องของเราที่ตกแต่งอย่างสวยงาม
ต่อมาเช้าวันใหม่ ฝนที่ตกพรำๆต่อเนื่องจากเมื่อคืนวานได้หยุดสนิท พร้อมกับท้องฟ้าที่เริ่มเปิด เผยให้เห็นเทือกเขาเทเบิลเเท่นส์ ในมุมมองอีกด้านหนึ่งซึ่งแตกต่างไปจากมุมมองทีคยเห็นในภาพถ่ายทั่วไป
นี่เราได้มาถึงเคปทาวน์อีกครั้งจริงๆ หลังจากการเดินทางที่ยาวนานเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด
เริ่มต้นดีอย่างนี้ ผมมั่นใจว่าวันต่อๆไปต้องดีเช่นกัน
ถึงแม้ยังคงรู้สึกอิ่มกับอาหารมื้อค่ำเมื่อวาน แต่ในใจก็นึกอยากจะเห็นอาหารเช้าสไตล์ Bed & Breakfast ของแอฟริกาใต้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง
โยเกิร์ตกับผลไม้สดเมืองหนาว ตักได้ตามสบาย นับเป็นการเริ่มต้นเช้าวันใหม่ที่สดชื่นและได้คุณค่าทางอาหารมากมาย
ตามมาด้วยอาหารจานหลัก ซึ่งปรุงสุกโดยคุณแกรม (Graham) ซึ่งเป็นทั้งเจ้าของเกสต์เฮาส์ และเชฟฝีมือดีคนหนึ่ง จานแรกเป็นปลา มีรสชาติเข้มข้นเล็กน้อย หอมอร่อย อิ่มท้องกำลังดี แถมมาด้วยเบคอนร้อนๆ
ส่วนอีกจานหนึ่ง เป็นเบคอนและไข่คน ตามแบบอเมริกันเบรคฟาสต์ทั่วไป แต่มีเห็ดหอมย่าง และมะเขือเทศย่างเสิร์ฟคู่กันด้วย อร่อยและอิ่มกำลังดี
ก่อนที่จะเช็คเอาท์และอำลาจากเกสต์เฮาส์ที่สวยงามแห่งนี้ไป คุณแกรมผู้มีอัธยาศัยดี เป็นกันเอง ได้แนะนำเส้นทางที่ผมจะไปในวันนี้ ด้วยการเข้าเน็ท ปรินท์แผนที่มาให้ผมเอาไว้ดูด้วย แกบอกว่า
"เชื่อ GPS อย่างเดียวไม่ได้หรอกครับคุณ ผมเป็นคนที่นี่ ผมจะเขียนเส้นทางที่ดีที่สุดให้คุณเอง"
ขอบคุณครับคุณแกรม กับการบริการดีๆ จากใจ ทั้งที่พัก และอาหาร ประทับใจมากๆ ครับ (เอ่อ...คราวหลังถ้าผมมาอีกเนี่ยจะมีส่วนลดให้ไหมครับ ขอสักครึ่งราคาก็ดีนะคร้าบบบ...)
Create Date : 05 มิถุนายน 2553 | | |
Last Update : 5 มิถุนายน 2553 10:26:01 น. |
Counter : 3800 Pageviews. |
| |
|
|
|