หลายครั้งกับความพยายามของ Lucas Art พยายามจะนำ Star Wars มาเป็นเกม
บางเกมก็ประสบความสำเร็จ บางเกมก็ดับสนิท
เหตุอาจจะมาจากหลายสาเหตุ เช่น ข้อจำกัดของเนื่อเรื่องที่เกมอาจจะต้องทำตาม, บริษัทผู้ผลิตทำมาไม่ดีบ้าง
แนวส่วนใหญ่ที่เห็นได้ชัดเลยจาก Starwars ก็คือ FPS, TPS (FirstPerson Shooter, Thirder Person Shooter)
ที่เราสามารถสวมบทเป็น Jedi ทั้งหลาย ซึ่งก็ออกมาหลายภาคเหลือเกิน
แต่ทีนี้ว่าเรากำลังจะพูดเกม RTS หน้าใหม่ซึ่งเรื่องก็ต้องเป็นของ Star Wars แน่นอน
RTS เก่าที่แล้วมาถือว่าไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ด้วยการนำเอา Engine เก่ามาสร้างเป็นเกมใหม่
ผลก็ออกมาเป็นเหมือน Mod(ification) เสริมของเกมเท่านั้น
และต้นปีนี้เอง เราจะได้พบกับ Empire At War ที่หลายคนจดจ่อกัน

บริษัทผู้สร้างก็คือ Petroglyph พนักงานส่วนใหญ่ ได้มาจาก Westwood Studio
ผู้ซึ่งได้ผลิต เกม RTS ในตระกูล Comand and Conquert ดังๆ ตราตรึงใจขา RTS ทั่วโลกรวมทั้งผู้เขียนเองด้วย
สำหรับโปรเจ็คแรกก็คือเกมนี้เลยแหละ แต่ประสบการณ์ของพนักงาน
ที่สะสมมาจากการทำ C&C นั้นถือว่าน่าเหมาะสม
่ผู้สร้างต้องการเห็นภาพพจน์ของสงครามใน Star Wars นั้น ตามเนื้อเรื่องหนังนั้น
จึงตั้งสงครามในระหว่างช่วงเวลาของ Episode 3: Revenge of the Sith จนถึง
Episode 4: A New Hope
แต่อย่างไรก็ตามเกมถือว่าเปิดกว้างให้เราเล่น ค่อนข้างที่จะอิสระ
ไม่บังคับเนื่อเรื่องที่ตายตัวให้ไล่ไปตาม Mission ไปแบบเกม RTS ทั่วๆไป
โดยที่เมือคุณเข้าเลือก ฝ่ายที่ต้องการจะเป็นจากนั้นก็จะตัดเข้าสู้ Galactic Map
Galactic Map จะเป็นเหมือนแผนที่รวมทุกดาว ไว้บนหน้าเดียวกัน จากนั้นแต่ละดาวก็จะมีที่ประจำ Unit
ให้เราสามารถจับ Unit มาประจำการในที่แห่งนั้นๆได้ เพื่อป้องกันการบุกของศัตรู
ดูดีๆจะพบว่า ระบบนี้คล้ายกับเกมประเภท Turn Base เช่นเกมเก่าๆ Lord of The Realms จนถึง Rome Total Wars
ที่มีแผ่นที่ทวีปให้เราจัดการทหารนั้นเอง (แต่เปลี่ยนเป็นรูปดาว)
ในแต่ละดาวนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ภาค ก็คือบน ภาคอวกาศ (Space) และภาคพื้นดิน (Ground)
เราจะต้องจัดการฐานที่มั่นของเราให้เรียบร้อยซะก่อน โดยการสร้างฐานและสร้าง Unit
ซึ่งคุณจะต้องเป็นเจ้าของดาวดวงนั้นก่อนที่จะเข้าไปจัดการอะไรได้
ทั้งอวกาศและพื้นดินนั้น ก็คือสนามรบดีๆนี้เอง ที่เราต้องปกป้องไว้ไม่ให้ศัตรูเข้ามาได้ไป
ถ้าบุกอวกาศได้แล้ว ภาคพื้นดินก็จะโดนบุกตามมา จากนั้นก็จะเสียดาวในที่สุด
่อย่าคิดว่ามี Galactic Map แล้วเกมจะเป็น Turn Base เพราะไม่ใช่เลย เกมจะเดินเวลาไปตลอด ต่อเนื่อง
และใช้ วัน ของ Galactic เป็นตัวกำหนด เหมือนกับว่า ถ้าหมดวันหนึ่งแล้วก็จะครบ Turn (แบบในเกม Turn Base)
ซึ่งตรงนี้เองที่เวลาที่อยู่บน Galactic Map เราควรที่จะต้องรีบจัดการอะไรต่างๆให้เรียบร้อย
ก่อนที่จะหมดวัน เพราะจากนั้น AI จะบุกมาได้แบบไม่รู้ตัว และไม่มีคำเตือน ...
เมื่อสงครามเริ่มแล้วบนอวกาศรอบดวงดาว เราจะถูกตัดฉากไปที่พื้นอวกาศ ที่มี พื้นหลังเป็นดาวดวงนั้นๆ
ซึ่งจะดูแปลกตาและตระการตาอย่างมากจริงๆ
ฉากบนอวกาศนั้นเราจะใช้ได้เฉพาะยานรบ ที่มาจากในตามที่เราเห็นในเรื่องของ Star Wars เลย
ส่วนถ้ารบบนพื้นดินผิวดาว ก็จะตัดภาพไปยังพื้นดินตามแบบเกม RTS ที่รบกันบนดินทั่วไป
พื้นดินก็จะใช้ได้แต่รถถังและทหาร และยานบิน เท่านั้น
รูปแบบของ Unit นั้น เกมจะใช้ระบบเหมือนการเล่น ค้อน กรรไกร กระดาษ เช่น
A ยิง B ได้, B ยิง A ไม่เข้า, C ยิง B ได้, B ยิง C ไม่ได้
สลับกันไปตามแต่ละชนิดของทั้ง 2 ฝ่าย
โดยที่แต่ละ Unit จะมีจุดอ่อนเฉพาะด้าน
การรบในภาคใดก็แล้วแต่ เกมจะใช้ระบบ เรียกพวกมาช่วย (Reinforcement)
เพราะว่าคุณจะสร้าง Unit ขณะ เล่นไม่ได้ และเงินจะถูกหยุดไว้จนกว่าจะกลับเข้าไป Galactic Map
เราจึงจำเป็นจะต้องเตรียมพร้อม Unit เพื่อบุกไปรบให้เพียงพอ และเฝ้าดาวอย่างพอเพียงด้วย
การสร้างฐานต่างๆนั้น บน Galactic Map จะให้คุณสร้างชนิดฐานบนดาวแต่ละดวงค่อนข้างจะจำกัดเป็น Slot
เมื่อเต็มแล้วจะไม่สามารถสร้างได้อีก
ฐานเหล่ามีไว้เพื่อทำให้ดาวดวงนั้นสามารถผลิต Unit ขึ้นเองได้
และเมื่อเข้ารบ บางฐานก็สามารถจะผลิต Unit ขณะรบได้ด้วย
บางชนิดของฐานจะเป็นอาวุธพิเศษเช่น Ion Cannon ที่ต้องสร้างไว้บนพื้นดิน
จะถูกใช้ก็ต่อเมื่ออยู่บนอวกาศ ซึ่งค่อนข้างมีประโยชน์ในระดับหนึ่ง
การโจมตีของ Unit ต่างๆทั้งหมดในเกมสำหรับอวกาศแล้ว
เราสามารถคลิกยิงส่วนที่ต้องการโจมตีส่วนใดส่วนหนึ่งของศัตรูได้ เพื่อตัดกำลัง เช่น
Shield Generator ถ้าทำลายแล้วเกราะก็จะไม่มีทำให้ยิงเข้าง่ายๆ
Engine ถ้ายิงส่วนของเครื่องยนตร์นี้แ้ล้ว ศัตรูก็จะเคลื่อนที่ไม่ได้ เป็นต้น ...
เกมจะไม่เปิดโอกาศให้คุณสร้างฐานบนแผ่นที่ในฉากรบได้เองเลย
มีแต่นำ Unit ไปซ่อม หรือไปยึดเท่านั้น
(การยึดจะใช้เฉพาะกับ Building Pad ที่ไว้สร้างป้อมปืน ซึ่งคุณอาจจะต้องเอาทหารไปคุมพื้นที่ก่อน)
Unit แต่ละคัวจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป มีพลังพิเศษ Skill ต่างกันไปด้วย
พวก Hero จะมีอะไรที่เวอร์ๆเป็นธรรมดาสักหน่อย
การแสดง Unit บน UI ถือว่าค่อนข้างทำให้เข้าใจง่าย เกมจัดแบ่งเป็นหมวดไว้ให้เราเลือกคลิกใช้ Skill ...
การเรียก Unit มาสนับสนุน (Reinforcement) นั้นไม่ใช่ว่าจะทำได้ตลอด
บนพื้นดินจะเรียกพวกมาได้ก็ต้องวางที่ Point เท่านั้น (ต้องเป็นเจ้าของก่อน)
ส่วนอวกาศจะส่งมาที่ไหนก็ได้
บนพื้นดินเกมจะมีข้อจำกัดที่เรียกว่า Population Capacity (Pop Cap.) โดยที่จะขึ้นอยู่ตามจุด Point
ยิ่งมีมากก็คือ มีค่า Pop Cap ไว้เรียก Unit มาได้เยอะๆอีกกว่านั้น
จากนั้นเราก็ต้องค่อยๆเอาชนะแต่ละดาวไปจนหมด Galactic map ถือว่ากุมชัยชนะของเกมนี้แล้ว
สำหรับโหมดที่คนรอคอย ซึ่งถ้าไม่อยากจะเล่น Galactic Mapเป็นเวลานาน
เกมก็มีโหมด Skirmish ที่จะค่อนข้างแปลกใหม่กว่าเกมอื่นๆ
1 เกมจะมีฐานมาให้สำเร็จรูป (สามารถเลือกได้ว่าจะให้ เอามาสร้างใหม่ไหม)
2 ฝ่ายเดียวกัน เป็นพวกเดียวกันอย่างเดียว (พวกไหนพวกนั้น)
3 ผู้เล่นฝ่ายเดียวกัน จะใช้ฐานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นฐานผลิต ฐานเก็บแร่ (แต่ก็แยกเงินของใครของคนนั้น)
4 การ research ของ skirmish จะคลิกอัพเกรดได้เลย ซึ่งต่างจาก Campaign ที่ต้องไป ขโมย (Steal) เอา
5 super weapon จะไม่ชาร์ตให้เองแบบ Campaign และต้องสั่งซื้อเอาเอง
รวมทั้งยังมีโหมด Multi Player รวมทั้ง Lan, Internet ที่เลือกเล่นพร้อมกันได้ 4 คน ...
ระบบ Graphic ถือว่าเป็นที่ชูหน้าตาของ Engine ใหม่แกะกล่องตัวนี้ของ Petroglyph เลย
(ไม่ได้เอา General มา Mod อะไรทั้งสิ้น)
ความละเอียดที่ได้ในการแสดงฉากอวกาศที่แสดงถึงว่า กำลังลอยอยู่บนชันบรรยากาศของดาวดวงนั้นๆ
สามารถมุมกล้องได้ทุกทิศทาง แต่พื้นที่จะยังเป็นหน้ากระดานเหมือนเดิม
Unit ที่มาจาก Star Wars ที่นั้นทำค่อนข้างจะละเอียดเช่นกัน รายละเอียดเมื่อเวลาถูกยิงส่วนใดส่วนหนึ่ง
เวลาที่ยานรบพังแตกกระจายออก รวมทั้งเวลาทียานต่างๆยิงเลเซอร์รุมยิงยานรบลำหนึ่งอยู่
เป็นความรู้สึกที่เหมือนได้ดูหนัง Star Wars ไปด้วยเลย
แม้แต่บนพื้นดินบนดวงดาวนั้น สภาพอากาศเป็นตัวแปรหนึ่งที่ทำให้ทหารเราแข็งแกร่งหรืออ่อนแอลงได้
พื้นดินดูผิวเผิน ก็ไม่อาจจะแตกต่างกับ RTS ทั่วไปนัก แต่ก็มีความละเอียดเล็กๆน้อยๆ
เช่นผิวน้ำ ต้นไม้ ดอกไม้ที่พริ้วตามลม และตามทหารเดิน ล้วนถือว่าละเอียด
โหมดเพิ่มเติม ก็คือ BATTLECAM ซึ่งมีไว้เพื่อดูฉากการรบให้เหมือนมุมมองกล้องกับหนัง
ซึ่งถ้าอยากชมฉากประทับใจก็สามารถกดได้ตลอดเวลา แม้แต่บน Galactic Map เพื่อชมดวงดาว
Sound จะว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกมน่าเล่นขึ้นเยอะเป็นกองเลย ตัวอย่าง Theme ที่ฟังทีไรก็รู้เลยว่า Star Wars !!
และ Sound Effect ถ้าคุณ Zoom ไปใกล้ๆ จะเหมือนได้ดูหนังจริงๆ
เพราะเกมเรียกใช้ EAX ซะด้วย ทำให้เสียงมีมิติมากขึ้น
























บทสรุปสำหรับ Empire At War
ทางด้านหน้าตาของเกมถือว่าประสบความสำเร็จไปแล้วเกือบเต็ม
ถึงแม้จะเป็น Engine มาใหม่ แต่ Petroglyph ก็แสดงได้ว่าเขาทำได้โดยไม้ต้องไปง้อ Engine ของ General อีกแล้ว
เพียงแต่ว่า ทางด้านการเล่น
ซึ่งนำความแปลกใหม่ของระบบ Galactic Map ที่เราไม่จำเป็นต้องกด End Turn อีกต่อไป
แต่ก็ขาดข้อมูลในการทำศึกและควา่มละเอียด ข้อมูลอยู่พอสมควร (แค่หน้า Summary นั้นคงไม่พอหรอก)
เพราะเราจะไม่มีทางเดา AI ได้เลยว่าจะมาเมื่อไร อยู่ดีก็เห็นลูกศรวิ่งมาซะแล้ว
AI ค่อนข้างซื่อ เพราะเอาสายสืบมาแอบสืบ และถ้าดาวไหนอ่อนแอ ก็จะโดนจัดการบุกทันที และ Unit ก็แกร่งๆทั้งนั้นซะด้วย
ระบบการเล่นที่ค่อนข้างจะไปอิงเกม ยึด Check Point แบบ
Ground Control มากไปสักหน่อย
ซึ่งเป็นข้อจำกัดที่ขา RTS ที่ชอบสร้างและปั้ม Unit มาบุกกัน แบบ
เช่น ดังเกม Warcraft, Starcraft, Age of Empire, Empire Earth, Rise of Nation อาจจะไม่ถูกใจมากมายนัก
โหมด Skirmish ที่ไม่เปิดกว้าง ไม่มี Option ให้เลือกมากสักเท่าไร
รวมทั้งคุณจะไม่ได้สร้างวางฐานเองกับมืออีกด้วย
Rating: Greater Medium (4 / 5)
[ สุดท้าย ท้ายสุดก่อนจะได้เล่นเกมนี้ ควรจะ Update Patch Version ล่าสุดก่อน ที่จะได้เล่น
เพราะเกมตัวจริงออกมาจะมีบักจุกจิกอาจจะทำให้คุณหงุดหงิดได้ ซึ่งเมื่อ Update แล้ว จะ สามารถเล่นได้ปกติ ]
PATCH VERSION 1.2 DOWNLOAD
ขอบคุณ คุณ Republic Commando ที่ฝากมาบอกจ๊ะ
คลิกตรงนี้ถ้าจะดูรูปอีก (เยอะ)