 การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นจากเพื่อนผู้แสนดีเห็นอาการย่ำของเรา เลยอยากฉลองวันเกิดให้เราที่เดนมาร์กเพราะมัน ไม่ไกลจากบ้าน ขับรถไปสามชั่วโมงครึ่งก็ถึงแล้ว แล้วข้อมูลของเมืองและโรงแรม ก็ถูกทยอยส่งมาทางเมล์ ตกลงเป็นอันว่าชอบ เพราะชอบเมืองเก่า และอยากสงบหลบผู้คน ตกลงเดินทางวันศุกร์แล้วฉลองเข้าวันเสาร์กัน เพิ่งจะมารู้ตอนอัศวินคู่ใจแล่นมาได้เกือบครี่งทางว่าคุณเพื่อนดูแผนที่จาก แล้วมันเกิดถูกชะตากับเมืองชื่อโคลดิง (Kolding) โดยไม่ได้มีใครแนะนำหรอก มีแต่เพื่อนๆ ต่างถามว่ากันว่าจะไปทำอะไรที่เมืองนี้หรอมันมีอะไรที่นั่น  พอเดินทางมาถึงก็เข้าใจเลยที่ใครๆถามว่าจะไปทำอะไรที่โน่นหรอ เพราะว่าอะไร ก็เมืองเล็กถึงเล็กมากๆ และเงียบมา...ก   โรงแรมก็เก่ามาก คงเก่าแก่พอๆกับอายุเมืองได้  มีพนักงานตอนรับแค่คนเดียว ซึ่งเธอยุ่งตลอดเพราะทำทุกอย่างคนเดียวเธอดูผอมบาง เหมือนจะหมดเรี่ยวหมดแรง แต่รอยยิ้มและความเอาใจใส่ทำให้เราลืมความเหนื่อยจากการเดินทางไปโดยปลิดทิ้ง  แต่พอเข้าห้องมา เกิดอาการงงๆ ราวสิบวินาที คือมันไม่เหมือนในรูปไงเล็ก เก่า และที่สำคัญ ทำไงหละตู้เย็นไม่มี แล้วปลากับของที่ซื้อมาจะทำไงเนี่ยอ้าวงั้นต้องกินให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผลก็คือหลับสบายค่ะก็อากาศก็เป็นใจฝนตกฟ้าร้องทั้งคืน เช้ามาก็ไม่มีทีท่าจะหยุดกินเข้าเช้าเสร็จก็ยังไม่หยุดทั้งลมทั้งฝน ยังไงวันนี้อาจจะได้อยู่โรงแรมทั้งวัน โทรไปขอพรแม่ที่เมืองไทยโทรๆหลุดๆสามครั้ง เลยได้พรสามครั้งเลย แม่บอกฝนมันตกเลยสัญญาณไม่ดีได้แต่อมยิ้มอย่างเดียว พอรับพรจนอิ่มอกอิ่มใจ แล้วฝนก็ค่อยๆซาลงทำให้เราตัดสินใจรีบขับอัศวินทยานไปเมืองเก่าที่ชื่อ คริสเตียนส์เฟลท์(Christiansfeld)  คริสเตียนส์เฟลท์ ได้รับรางวัลให้เป็นมรดกโลก สดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 4 กรกฏาคมที่ผ่านมา นี้เองคะ เมืองนี้มีอายุมากกว่าสองร้อยปี โดยได้ >ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 เมษายน 1773 โดยใช้ชื่อของ พระเจ้าคริสเตียนที่เจ็ด แห่งเดนมาร์กตั้งเป็นชื่อเมือง และใช้ภาษาเยอรมันเพื่อเป็นการเชิดชูพระเจ้าคริสเตียนที่เจ็ดแห่งเดนมาร์ก และเมืองนี้ยังได้รับยกย่องเป็นสถานที่ตั้งของคริสตจักรโมราเวียนที่เก็บรักษาที่ดีที่สุดในโลกอีกด้วยคะ  คริสเตียนส์เฟลท์เป็นตัวอย่างของเมืองที่สร้างโดยผ่านการวางแผนมาก่อนของคริสตจักรโมราเวียน หนึ่งในแขนงที่เก่าแก่ที่สุดในโลกของศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ เมืองคริสเตียนส์เฟลท์ถูกสร้างรอบจัตุรัสกลางสถาปัตยกรรมเป็นรูปแบบเดียวกันและปราศจากเครื่องตกแต่ง อาคารมี 1-2 ชั้นสร้างด้วยอิฐสีเหลืองและกระเบื้องหลังคาสีแดง ประชาชนในเมืองอยู่กันฉันพี่น้องคริสเตียนมีการแบ่งแยกบ้านตามเพศ และสถาณะอย่างชัดเจน เป็น บ้านชายโสด บ้านหญิงโสด บ้านหญิงม่าย โรงเรียนหญิงล้วน และโรงเรียนชายล้วน นอกจากนี้ชุมชนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นพื้นที่การเกษตรรวมทั้งเป็นที่ตั้งอาคารสำคัญสำหรับหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ทั่วไปเช่น โบสถ์ ร้านขายยา สถานีดับเพลิงและบ้านพักของบาทหลวง  จตุรัสแห่งคริสตจักรซึ่งเคยเป็นหัวใจหัวชุมชนแห่งนี้ซึ่งรอบๆของจตุรัสรายล้อมด้วยอาคารสำคัญๆต่างๆ  โบสถ์ที่นี่เป็นห้องโถงโล่งๆเรียบง่าย สีขาวสะอาด แล้วยังคงรักษาประเพณีแบบดั้งเดิม โดยใช้เทียนแทนหลอดไฟ  บ้านหญิงโสดซึ่งเป็นที่รวมอยู่ของหญิงโสดและสาวเล็กสาวน้อยที่มาเป็นนักเรียนประจำที่ชุมนุมนี้  ร้านขายยาเก่าแก่สร้างเมื่อปีค.ศ.783 แต่ได้ปิดตัวลงเมื่อปี 2010  บ้านชายโสดสร้างเมื่อปีค.ศ. 1774 ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้านขายยา  เป็นที่น่าอัศจรรย์และน่าประทับใจมากที่เมืองเล็กๆแห่งนี้มีอายุมากกว่าสองร้อยปีแต่ประชาชนยังคงรักษาสภาพบ้านเรือน อาคารต่างๆ ให้คงสภาพได้สมบูรณ์ที่สุดอนุรักษ์ซึ่งประเพณีเก่าแก่ ภูมิใจในประวิติศาสตร์ของบรรพบุรุษา  หลังจากชมเมืองเสร็จก็ได้เวลาหาอะไรใส่ท้องโดยตัดสินใจไปกินในห้างเพราะฝนเริ่มตกอีกครั้งแล้ว แน่นอนสิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ hotdog อันเรื่องชื่อของประเทศเดนมารก์กินเสร็จก็เดินย่อยอาหารรอฝนซาเพื่อจะได้กลับโรงแรมแล้วเพื่อนแสนดีก็ไปได้เค็กชิ้นกำลังน่ารักและไฟแช็คมา เพื่อที่เราจะได้เป่าเทียนวันเกิด เทียนก็หาเอาแถวโรงแรมมันน่าจะมีอีกสองชั่วโมงก็จะพ้นวันเกิดแล้วเทียนก็ไม่มี ร้านก็ปิดหมด เลยต้องจุดเทียนกันแบบยุคใหม่ไม่ต้องกลัวไหม้ ไม่ร้อน นั่งอธิฐานไปยิ้มไป  วันนี้เป็นวันดีจริงๆ ไม่ว่าฝนฟ้าจะกระหน่ำลงมาเท่าไร แต่ไออุ่นความรักของแม่ของพี่ ของเพื่อน มันทำให้อากาศที่เย็น อบอุ่นขึ้นมา ทำให้เมฆหมอกมึดสลัว หายวับไปกลายเป็นแสงแดด ที่เจิดสว่างในหัวใจ ขอบคุณคุณพ่อ คุณแม่ ที่ให้ลูกได้เกิดมา กัลยาณมิตรทุกคนที่อยู่เคียงข้างและทำให้เราเป็นคนที่มีความสุขที่สุขในโลก |
มีความสุขมาก ๆค่ะ แอบแวะมาอ่านและทักทาย
ปล.บรรยากาศน่าไปมากค่ะ ชอบเมืองเก่า ๆ ดูอบอุ่นดีค่ะ