|
เพิ่งจะรู้จัก กรดไหลย้อน ก็ตอนท้องนี่แหละ
รู้สึกแสบลิ้นปี่มากเป็นเวลาจะอาทิตย์หนึ่งแล้ว จนเมื่อคืนได้คุยกับกุ๊กไก่บอกว่าระวัง กรดไหลย้อน
ก็เลยมาอ่านในหนังสือคู่มือตั้งครรภ์ว่ามีอาการนี้หรือเปล่า หรืออาการใกล้เคียงที่แสบลิ้นปี่อยู่คืออะไรกันแน่
อ้างอิงข้อมูล [ ที่มา.. นิตยสาร MODERNMOM Vol.14 No.157 November 2008 ]
คุณแม่หลาย ๆ ท่านคงจะเคยได้ยินโรคกรดไหลย้อนระหว่างตั้งครรภ์ แล้วเกิดความสงสัยว่าโรคนี้เป็นอย่างไร โรคนี้พบได้บ่อยถึงร้อยละ 30-50 ในคุณแม่ตั้งครรภ์ และอาจถึงร้อยละ 80 ในบางรายงานแม้ว่าบ้านเราจะไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับคุณแม่ท้องเป็นโรคกรดไหลย้อนมากเท่าใดนัก แต่คุณแม่ก็ควรรู้จักเพื่อดูแลตัวเองให้ห่างจากโรคนี้ไว้ ขอรวบรวมคำถามที่คุณแม่มักสงสัยเกี่ยวกับโรคกรดไหลย้อนขณะตั้งครรภ์ เพื่อจะได้รู้จักกับโรคนี้ไปพร้อม ๆ กัน
โรคกรดไหลย้อนคืออะไร
โรคกรดไหลย้อน (Gastroesophageal Reflux Disease) เป็นอาการที่เกิดขึ้นเพราะกรดที่อยู่ในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหารส่วนปลาย ที่ติดต่อกันกับส่วนต้นของกระเพาะอาหาร มีผลทำให้หลอดอาหารเกิดการอักเสบขึ้นได้
เป็นแล้วจะเกิดอาการเหมือนโรคกระเพาะไหม
อาการที่พบบ่อยคือ แสบร้อนบริเวณด้านหลังของกระดูกหน้าอก (Sternum) อาจจะเกิดร่วมกับอาการอึดอัดไม่สบายบริเวณลิ้นปี่ ลำคอด้านนอก ในช่วงคอและแผ่นหลัง
นอกจากนั้นยังอาจจะเกิดอาการ เรอ กลืนลำบาก รู้สึกร้อนในกระเพาะ แล้วมีน้ำในปริมาณค่อนข้างมากในปาก สำหรับอาการเหล่านี้มักเป็นในช่วงหลังอาหารหรืออาจจะเกิดในช่วงกลางคืน ยิ่งถ้างอตัวอาการก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น ส่วนโรคกระเพาะนั้น ส่วนใหญ่แล้วจะปวดบริเวณลิ้นปี่ โดยไม่มีอาการแสบร้อน ด้านหลังของกระดูกหน้าอกร่วมด้วย
ขณะตั้งครรภ์จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้นหรือเปล่า
เมื่อตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและระบบทางเดินอาหารจึงทำให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร จึงทำให้เกิดโรคนี้ขึ้นได้จาก 1. แรงบีบของหูรูดของหลอดอาหารส่วนปลายที่ต่อกับส่วนต้นของกระเพาะอาหารทานลดน้อยลง 2. มดลูกที่มีทารกเติบโตขึ้นตามอายุครรภ์นั้น ขยายขนาดเพิ่มขึ้นจนกดและดันกระเพาะอาหาร หากเป็นโรคนี้อยู่แล้ว คุณแม่อาจจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการมากขึ้น แต่หากดูแลรักษาตัวเองดี อาการก็จะไม่เกิดขึ้น
โรคนี้ส่งผลกระทบกับแม่และลูกในท้องไหม?
อาการของโรคกรดไหลย้อนจะทำให้เกิดความไม่สบายตัวต่าง ๆ ตามอาการที่บอกข้างต้น แต่หากคุณแม่สามารถจะรับประทานอาหารได้ตามปกติ ก็จะไม่เกิดปัญหาคุณแม่และลูกในท้อง แต่ถ้าหากในระยะยาวคุณแม่ยังเป็นโรคนี้อยู่ ก็อาจเกิดการอักเสบของหลอดอาหารเรื้อรังที่รุนแรงมากขึ้น เช่น Barrett , s Esophagus ซึ่งเป็นภาวะที่อาจทำให้กลายเป็นมะเร็งหลอดอาหารในอนาคตได้
มีวิธีการรักษาให้หายขาดหรือไม่
การรักษาโรคกรดไหลย้อนนี้ ต้องเริ่มต้นที่การปฏิบัติตัว วิธีง่าย ๆ เลยก็คือ หลีกเลี่ยงอาหารและปัจจัยที่ทำให้โรคนี้รุนแรงมากขึ้น รวมถึงนอนหนุนศรีษะสูง
นอกจากนั้นคุณหมอจะใช้ยาที่ไม่ได้ดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย อย่างเช่น ยาลดกรด (Antacids) แต่หากการรักษายังไม่ได้ผลควรปรึกษาแพทย์เพื่อที่จะใช้ยาขั้นสูงต่อไปคือ ยา กลุ่ม H2 Receptor Antagonists เช่นยา Cimetidine, Ranitidine และยากลุ่ม Proton Pump Inhibitors (PPIs) เช่นยา Lansoperazole, Pantoprazole, Esomeprazole ซึ่งยาเหล่านี้สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก แต่ควรใช้ตามคำสั่งของแพทย์
หากไม่ต้องการใช้ยาจะดูแลตัวเองอย่างไร
ส่วนใหญ่แล้วอาหารหลายชนิดทำให้คุณแม่เมื่อเป็นโรคนี้แล้วมีอาการเพิ่มขึ้น เช่น ช็อกโกแลต อาหารที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน อาหารมัน เปปเปอร์มินท์ แอลกอฮอล์ น้ำส้ม น้ำแอ๊ปเปิ้ล รวมถึงการรับประทานอาหารมากเกินไป หรือรับประทานอาหารมื้อดึกที่รับประทานเสร็จแล้วนอน สูบบุหรี่ โรคอ้วน รวมไปถึงยาแก้โรคหอบหืดบางชนิด และยาที่เกี่ยวกับโรคหัวจบางชนิด ที่ทำให้การบีบตัวของกล้ามเนื้อหูรูดของหลอดอาหารส่วนล่างลดลง
หากคุณแม่ท้องที่มีโรคกรดไหลย้อนมักมีอาการแสบร้อนบริเวณด้านหลังของกระดูก หน้าอก การปฏิบัติตัวที่ถูกต้องคือการรับประทานอาหารที่เหมาะสม และการใช้ยาลดกรดที่เหมาะสม เป็นการรักษาเบื้องต้นหากไม่ได้ผลจึงใช้ยากลุ่ม H2 Receptor Antagonists และ PPIs ต่อไป
ด้วยความที่ไม่รู้ก็เลยกินข้าวอัดเข้าไปอีกนึกว่าเป็นอาการแสบท้อง หิวข้าว มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย (นี่หว่า)
ก็มานั่งแสบท้อง เมื่อคืนตอนเที่ยงคืนเป็นหนักมากเลย มาช่วงตี 5 พอตื่นมาล้างหน้าก็นอนอีกไม่ได้
รู้สึกพะอืดพะอมอยากอ้วก แต่เฮ้ย..เราต้องไม่แพ้ดิ ก็ไม่ยอมไปกินยาแก้แพ้จากหมอ อดทนมาก
จน 9 โมงเช้ากินข้าวไปก็รู้สึกทุเลานิดหน่อย ตอนนี้ก็เหมือนเดิม คือ ไม่รู้ว่ามันยังไง
มันอยากอ้วก แต่เราฝืนไม่อ้วกเอง เพราะคิดว่าไร้สาระ
ฝนคิดว่าถ้าอ้วกแล้วมันก็ไม่มีประโยชน์ อดทนกลืนๆ เอา อุตส่าห์กินข้าว กินยาไปแล้วด้วย
จนเมื่อกี้เข้าไปอ่าน Blog คุณเจ้าจอมเรื่องคลอดน้องเรย์ แล้ว... วูบ ขยิบตาแล้วดาวยิบๆ เต็มเลย
ก็ทำให้สำนึกว่าไปกินยาแก้แพ้แล้วพักผ่อนดีกว่า เลยทนนั่งเล่นนู่นนี่ไม่ไหวแล้ว
สำหรับในคู่มือการตั้งครรภ์คุณภาพ กว่าจะเป็นแม่ ที่ฝนอ่านสรุปใจความได้ดังนี้นะคะ
ในภาวะตั้งครรภ์ระบบย่อยอาหารจะถูกรบกวน เนื่องจากการหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้อาหารเคลื่อนผ่านไปได้ช้า ทำให้เกิดอาหารไม่ย่อยและท้องอืด อาการปวดแสบลิ้นปี่เกิดขึ้นจากกรดไหลย้อนกลับของน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ล้นเข้าสู่หลอดอาหารส่วนปลาย ทำให้เกิดอาการระคายเคืองของเยื่อบุทางเดินอาหารจากกรดในน้ำย่อย อาการท้องอืดก็เป็นอาการที่เกิดขึ้นตลอดการตั้งครรภ์ 9 เดือน เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเช่นกัน
แต่มีวิธีแก้ปัญหาเหล่านี้โดย
- หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าคับที่เอวมากเกินไป
- อย่าให้น้ำหนักตัวขึ้นเร็ว
- กินอาหารทีละน้อย แต่ให้จำนวนมื้อเพิ่มขึ้น
- กินอาหารช้าๆ เคี้ยวคำเล็กๆ เคี้ยวให้ละเอียด
- หลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารรสเลี่ยน อาหารที่มีเครื่องเทศ
- หลีกเลี่ยงการงอเอว หรือก้มๆ เงยๆ ด้วยการใช้เอว ให้ใช้การย่อเข่าแทน
- นอกยกหัวสูง ประมาณ 6 นิ้ว ไม่ควรนอนราบ
- ผ่อนคลายตัวเอง ไม่ควรเครียด
หวังว่าคงเป็นประโยชน์กับคุณแม่มือใหม่หลายๆ ท่าน
พรุ่งนี้จะมาต่อด้วยเรื่องเส้นเลือดขอด.. โดนเข้าแล้วไงกับตัวเอง
Create Date : 03 มีนาคม 2553 |
Last Update : 3 มีนาคม 2553 12:37:20 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2772 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Molly_Nanny วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:14:41:28 น. |
|
|
|
| |
|
ตีไม่แรง ไม้แพง แต่งตัวเท่ห์
|
|
|
|
|
|