bloggang.com mainmenu search
พระพุทธประวัติ ตอนที่ ๖๐ : ทรงแสดงปฐมเทศนา

ทรงสำแดงปฐมเทศนา ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
โปรดเบญจวัคคีย์

ครั้นถึงวันอาสาฬปุณณมี วันที่พระพุทธเจ้าจะทรงแสดงธรรม "ปฐมเทศนา" นั้น เป็นวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ซึ่งเป็นวันรุ่งขึ้นหลังจากที่เสด็จมาถึงและพบเบญจวัคคีย์ คือ วันอาสาฬหบูชานั่นเอง



เมื่อได้โอกาสอันควรที่จะแสดงธรรมโปรดพระปัญจวัคคีย์ พระพุทธองค์จึงประกาศพระธัมมจักกัปปวัตตนสูตร หรือการปฐมเทศนาครั้งแรกในโลก ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันแห่งนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมในเรื่องถึงที่สุดสองอย่าง คือ การพัวพันหนักในกามสุข และการประกอบกรรม อันเป็นการทรมานตัวเองให้เหนื่อยเปล่า ว่าไม่ใช่ทางแห่งความหลุดพ้น และทรงชี้ทางให้ดำเนินตาม มัชฌิมาปฏิปทา คือทางสายกลางที่เรียกว่า “มรรค” มีองค์ ๘
คือทางที่ทำให้ผู้ดำเนินตาม เป็นพระอริยะนั้นเอง

องค์ ๘ นั้น มีอะไรบ้าง?
องค์ ๘ นั้น คือปัญญาความเห็นชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีวิตชอบ ความเพียรชอบ ระลึกชอบ และตั้งใจชอบ
มัชฌิมาปฏิปทานี้ พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้แล้ว ว่าเป็นธรรมะที่ทำดวงตาปรีชาญาณให้สว่าง เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

ทุกข์ เป็นสัจจะของพระอริยบุคคล คือ ความเกิดเป็นทุกข์ ความแก่เป็นทุกข์ ความตายเป็นทุกข์ ความแห้งใจ ความรำพัน ความเจ็บไข้ ความเสียใจ ความคับใจ เป็นทุกข์ ความประจวบด้วยสิ่งไม่เป็นที่รัก ความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก เป็นทุกข์ ความปรารถนาไม่สมหวังเป็นทุกข์
ทุกขสมุทัย เหตุให้เกิดทุกข์ เป็นสัจจะของอริยบุคคล คือ ตัณหา ความทะยานอยาก ทำให้มีภพมีชาติ สหรคตด้วยความกำหนัดยินดี เพลิดเพลินในอารมณ์นั้นๆ
ตัณหา ที่ประกอบด้วย
กามตัณหา คือ ความทะยานอยากในอารมณ์ที่ใคร่
ภวตัณหา คือ ความทะยานอยากในความมีความเป็น
วิภวตัณหา คือ ความทะยานอยากในความไม่มีไม่เป็น
ตัณหาทั้ง ๓ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดทุกข์
ทุกขนิโรธ ความดับทุกข์ เป็นสัจจะของอริยบุคคล คือ ความดับตัณหาทั้ง ๓ นั้น ให้หมดสิ้นไป เป็นอเสสวิราคะ ความสละ ความวาง ความปล่อย ความไม่พัวพันซึ่งตัณหานั้น จึงจะเป็นความดับทุกข์
ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ทางเข้าถึงความดับทุกข์ เป็นสัจจะของอริยบุคคล ได้แก่ อริยมรรค ทางมีองค์ ๘ นี้ เป็นทางถึงความดับทุกข์



พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสเล่าให้ภิกษุสงฆ์ฟังภายหลังว่า "ตถาคต ผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประกาศ อนุตตรธรรมจักร ให้เป็นไปแล้ว ที่ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ใกล้นครพาราณสี เป็นธรรมจักรที่สมณะ หรือพราหมณ์ เทพ มาร พรหม หรือใครๆ ในโลก จะต้านทานให้หมุนกลับไม่ได้ ข้อนี้คือการ บอก การแสดง การบัญญัติ การแต่งตั้ง การเปิดเผย การจำแนก และการทำให้ตื่น ซึ่งความจริงอันประเสริฐสี่ประการ ได้แก่
๑. ความจริงอันประเสริฐคือความทุกข์
๒. เหตุให้เกิดทุกข์
๓. ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์
๔. หนทางทำผู้ปฏิบัติให้บรรลุถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์

สรุปได้ว่าพระพุทธองค์ทรงเห็นสังขารทุกข์ของสัตว์มนุษย์ทั้งปวงว่า เมื่อเกิดมาแล้วมันมีแต่ทุกข์ทั้งนั้น จะต้องแก่ เจ็บ ตาย เป็นต้น แล้วก็มาเกิดอีก หมุนเวียนอยู่อย่างนี้เรื่อยไปเป็นลูกโซ่ เราจะทำอย่างไรเล่าที่จะไม่ต้องมาแก่ เจ็บ ตาย และทนทุกข์ทรมาน รวมถึงทุกข์อื่นๆในขณะดำรงชีวิต เช่น ความโศก ความรำพัน เป็นต้น มีทางเดียวคือเลิกเกิด ทำอย่างไร มันถึงจะเลิกเกิดได้ ที่เราต้องเวียนเกิดเวียนตายกันอยู่นี้ ก็เพราะอวิชชา เราต้องทำลายอวิชชาให้หมดไป คือ มารู้และปฏิบัติตามความจริงอันประเสริฐสี่ประการที่เรียกว่า อริยสัจจ์ ๔ นี้ นั่นเอง

ท่านโกณฑัญญะ ผู้เป็นหัวหน้าตั้งใจฟังไปตามกระแสแห่งพระธรรมเทศนา ก็ได้ปัญญาเห็นธรรม ปราศจากมลทิน คือ โสดาปัตติมรรคเกิดขึ้นว่า "สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา สิ่งทั้งปวงเหล่านั้น ก็จะต้อง มีความดับไปเป็นธรรมดาเช่นกัน" เมื่อพระองค์ทรงทราบว่า ท่านโกณฑัญญะได้ดวงตาเห็นธรรมแล้ว จึงเปล่งพระอุทานว่า "โกณฑัญญะได้รู้แล้วหนอๆ" แล้วพระโกณฑัญญะจึงทูลขออุปสมบท ก็โปรดอนุญาตให้เป็นภิกษุ ด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา เป็นการประทานอุปสมบทครั้งแรกในพระศาสนา ฉะนั้น พระอัญญาโกณฑัญญะ จึงเป็นพระสงฆ์องค์แรก เป็นพระอริยบุคคลองค์แรก และเป็นพระสาวกองค์แรกในพระพุทธศาสนานี้ เป็นอันว่า พระรัตนตรัย คือ พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระสงฆเจ้า ได้เกิดขึ้นบริบูรณ์ในกาลแต่บัดนั้น

Create Date :01 พฤษภาคม 2551 Last Update :1 พฤษภาคม 2551 16:40:35 น. Counter : Pageviews. Comments :3