ในบรรดาสถานที่ต่างๆ ทั่วโลกนั้น มีหลายที่ที่สวยงามแปลกตาจนคิดว่าไม่น่ามีอยู่จริง และก็มีหลายที่ที่มีประวัติความเป็นมาแบบสุดพรึงชนิดไม่น่าเชื่อว่าจะมีเช่นเดียวกัน ซึ่งเมืองเซนทราเลียในรัฐเพนซิลวาเนีย สหรัฐอเมริกา เมืองที่เคยมีประชากร 2,000 คน แต่ทุกวันนี้ เซนทราเลียกลายเป็นเมืองร้าง เพราะไฟที่ลุกจากใต้ดินเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ซึ่งเมืองร้างส่วนใหญ่บรรยากาศก็มักจะน่ากลัว เพราะความเงียบเชียบ รกร้างว่าง และขึ้นชื่อเรื่องความหลอน

เดิมทีเมืองเซนทราเลียก็เหมือนเมืองอื่นๆ ทั่วไป มีชื่อเสียงในการทำเหมืองถ่านหิน ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ในเดือนพฤษภาคมปี 1962  ซึ่งที่มาของเหตุการณ์ไฟไหม้ก็มีหลายที่มา แต่ที่มาที่น่าสนใจคือ ต้นเพลิงน่าจะมาจากการจุดไฟเผาขยะในบ่อของเหมืองที่อยู่ใต้ดิน แล้วไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ ซ้ำร้ายกลับหนักขึ้นเพราะไฟติดถ่านหินและลุกลามจนไหม้พื้นที่ใต้ดินของชาวบ้านจนทั่วทั้งเมือง ซึ่งทางรัฐก็ได้ให้ความช่วยเหลือทั้งในเรื่องดับไฟและการย้ายถิ่นฐานไปยังเมืองใกล้เคียง แต่ก็หยุดไฟไว้ไม่ได้





ผลของไฟไหม้ในครั้งนั้น หนักหนาสาหัสจนทำลายล้างทุกสิ่งอย่างในเมือง ไฟลุกไหม้ยาวนานมากว่า 50 ปี  ถนนหลายเส้นก็ถูกตัดขาดจากภายนอกเพราะยางมะตอยที่อยู่ใต้ดินหลอมละลาย  มีรอยแยกบนพื้นดิน และมีก๊าซพิษโชยมาบ่อยๆ บ้านเรือนต่างๆ ที่เคยมีก็หายไปเกือบหมด ถูกแทนที่ด้วยป่า คนแทบจะอยู่ในเมืองนี้ไม่ได้แล้วเพราะอุณหภูมินั้นร้อนมาก มีหมอกควันและสารพิษปกคลุมเมืองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ใต้ดินมีถ่านหินในปริมาณมากพอที่จะทำให้ไฟลุกไหม้ต่อไปอีกอย่างน้อย 250 ปี

เมืองเซนทราเลีย เคยใช้เป็นสถานที่ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Silent Hill อีกด้วยนะ เมืองที่มีหมอกควันฟุ้งๆ ทั่วเมือง นั่นไม่ใช่เอฟเฟคแต่อย่างใด เป็นเมืองจริงๆ และควันเหล่านั้นก็เกิดจากเหตุการณ์ไฟไหม้จริงค่ะ