bloggang.com mainmenu search
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อส่วนบุคคล ที่เชื่อว่า อดีตเคยมีสิ่งมีชีวิตอันทรงภูมิ ได้มาที่โลกของเรามาก่อน และนั้นอาจเป็นคำตอบที่ว่า ทำไม จึงมีสิ่งปลูกสร้าง หรือ เทคโนโลยีที่แม้ในโลกปัจจุบันก็ยังให้คำตอบไม่ได้ โปรดใช้วิจารณญาณ


ทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณหลายๆ ทฤษฎี เช่นของ Erich von D?niken เชื่อว่า หลายพันปีก่อน สิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิได้มาเยือนโลก พวกเขาถูกบูชาในรูปแบบของพระเจ้าและช่วยพัฒนาสังคมของมนุษย์ แต่มีอะไรที่มาพิสูจน์ให้เห็นได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงล่ะ? ทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณส่วนใหญ่ มีหลักฐาน 2 ข้อที่ใช้เป็นหลักฐานยืนยันและรองรับทฤษฎีของพวกเขา อย่างแรก คัมภีร์ของศาสนาในยุคโบราณ อย่างที่สองคือ ตัวอย่างทางกายภาพ อย่าง ภาพฝาผนัง สิ่งก่อสร้างหินขนาดมหึมา และพีระมิด เริ่มอยากรู้แล้วใช่ไหมล่ะ? มาดูตัวอย่างที่โด่งดังของสิ่งปลูกสร้างอันน่าอัศจรรย์กันดีกว่า





เส้นบนทะเลทรายนาซคา (The Nazca Lines)
เส้นในที่ราบสูงแห่งทะเลทรายนาซคาในเปรู, สิ่งปลูกสร้างที่ทอดยาวไปกว่า 50 ไมล์ ที่ทำให้นักสถาปัตยกรรมศาสตร์งุนงง แม้ว่าจะเป็นเส้นและรูปทรงเรขาคณิตง่ายๆ แต่ก็ประกอบไปด้วยรูปวาดของ สัตว์, นก และมนุษย์, ที่วัดแล้วกว้างกว่า 600 ฟุต ด้วยขนาดอันใหญ่โต สิ่งปลูกสร้างนี้จะทำไ้ด้ด้วยวิธีการคาดคะเนจากบนอากาศเท่านั้น และไม่มีหลักฐานว่าชาวนาซคา หรือคนที่อาศัยในบริเวณนั้นในช่วงระหว่าง 300 ก่อนคริสตกาล ถึง ค.ศ. 800 ได้สร้างเครื่องจักรบินได้ขึ้นมา ในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณ เส้นทางเหล่านี้ถูกออกแบบเพื่อเป็นจุดนำร่องในการลงจอดของยานอวกาศ และเส้นต่างๆ ก็คือเส้นทางขึ้นลงของยาน






วิมาณะ (Vimanas)
ในมหากาฬภาษาสันสกฤตหลายๆ เรื่องที่เขียนในอินเดียในเมื่อสองพันกว่าปีก่อน มีบันทึกไว้เกี่ยวกับเครื่องจักรบินได้ที่เรียกว่า วิมาณะ ซึ่งคำจำกัดความของ วิมาณ คล้ายคลึงกับรายงานของผู้ที่อ้างว่าพบเห็น UFO ในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณตั้งข้อสันนิฐานว่า อาจเป็นไปได้ที่นักท่องอวกาศจากดาวดวงอื่นที่ได้มาเยือนอินเดียในขณะนั้น






โมอายแห่งเกาะอีสเตอร์ (The Moai of Easter Island)
เกาะอีสเตอร์ในหมู่เกาะโปลีนิเชียนมีสิ่งปลูกสร้างอันโ่ด่งดังที่้เรียกว่า “โมอาย (moai)” สิ่งปลูกสร้างใบหน้ายักษ์ 887 ชิ้นที่ตั้งแถวยืนอยู่เป็นปราการ มีอายุราว 500 ปี อนุเสาวรีย์ยักษ์ขนาด 13 ฟุตและหนัก 14 ตัน บางอันยังสูงและหนักเป็นสองเท่า มันถูกสร้างด้วยมนุษย์ได้ยังไง หากปราศจากเครื่องมืออันทรงประสิทธิภาพ หรือ ความรู้ทางด้านวิศวกรรมก่อสร้าง นี่ยังไม่รวมถึงว่า พวกเขาขนย้ายอนุเสาวรีย์เหล่า่นั้นไปตั้งที่นั้นได้ยังไง? ในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวหลายๆ ทฤษฎี เชื่อว่า นี่เป็นผลงานการก่อสร้างของสิ่งมีชีวิตที่ทรงภูมิที่เขาทิ้งไว้ก่อนจะจากเกาะอีสเตอร์ไป






ปูมาปันกู (Puma Punku)
ตั้งอยู่ในที่สูงของโบลิเวีย ปูมาปันกู เป็นบริเวณของซากปรักหักพังขนาดใหญ่ ที่ถูกก่อด้วยหินตัดแท่ง หากเป็นผลงานของมนุษย์ก็เป็นผลงานขนาดมหึมาที่เป็นไปไม่ได้ หากจะสร้างโดยไม่มีเครื่องมือหรือเครื่องจักรในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ซากปรักหักพังแห่งนี้ยังมีอายุกว่า 1,000 ปี ในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณ ได้ตั้งสมมุติฐานว่า ผู้ทรงภูมิได้ใช้เทคนิคทางวิศวกรรมศาสตร์อันสูงส่ง สร้างสิ่งปลูกสร้างหรือแนะแนวทางให้คนเป็นผู้สร้างมันขึ้นมา






หนังสือแห่งเอเซเคียว (The Book of Ezekiel)
ในหนังสือแห่งเอเซเคียว ส่วนหนึ่งของคัมภีร์ไบเบิ้ล ได้บันทึกถึงการพบเห็นของพาหนะบินได้ที่ถูกห้อมล้อมไปด้วยไฟ ควันและเสียงอันดังก้อง ในทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณบางทฤษฎี ได้ให้เหตุผลว่า การออกแบบของพาหนะดังกล่าวใกล้เคียงกับยานอวกาศในยุคปัจจุบัน อีกทั้งในคัมภีร์ในส่วนที่บันทึกการมาของสิ่งศักดิ์สิทธ์เหล่านั้นเหมือนจะกำลังอธิบายถึง การพบกันระหว่างมนุษย์และมนุษย์ต่างดาว






ห ีบพระศพหินของปาคาล (Pacal’s Sarcophagus)
ปาคาลมหาราช ผู้ครองอำนาจเหนือ เมืองมายัน แห่ง ปาเลนเก้ (Palenque) ที่ปัจจุบันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ เม็กซิโก ระหว่างยุคศัตวรรษที่เจ็ด หลังจากที่สิ้นพระชนม์ ได้ถูกบรรจุพระศพในปีระมิต อนุสรณสถาน (Temple of Inscriptions) รอยสลักบนฝาปิดโรงพระศพหินที่ถูกสลักอย่างประณีตได้กลายมาเป็นต้นแบบของศิลปะมายันโบราณ และถือว่าเป็นอีกสิ่งหนึ่งของหลักฐานของทฤษฎีมนุษย์ต่างดาวในยุคโบราณทั้งหลาย ในมุมมองของพวกเขา รูปที่สลัก คือรูปของปาคาลที่อยู่ในยานอวกาศขณะบินออกไป มือของเขากำลังอยู่ที่แผงควบคุม และใต้เท้าของเขาก็เหยียบบนคันเร่ง และยังมีหน้ากากออกซิเจนครอบปากอยู่ด้วย



ที่มา : //starlabyrinth.exteen.com/20130328/entry
Create Date :18 พฤศจิกายน 2556 Last Update :18 พฤศจิกายน 2556 21:58:14 น. Counter : 4089 Pageviews. Comments :0