กลายเป็นกระแสต่อต้าน วิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วสังคมออนไลน์ กับประเด็นล่อแหลมสุดฮิต "มนุษย์ป้า" ซึ่งถูกให้ภาพลักษณ์แทน กลุ่มสาววัยกลางคนที่อาจมีพฤติกรรมในที่สาธารณะทั้งอย่างจงใจ ไม่แคร์สื่อ หรือไม่เจตนาด้วยซ้ำ แต่พฤติกรรมนั้นได้กระทบกับบุคคลอื่นจนได้รับความไม่สะดวก ซึ่งคำว่า มนุษย์ป้า ถูกใช้กันชนิดแพร่พันธุ์เร็วยิ่งกว่าเชื้อไวรัสเสียอีก

จากกระแส ดังกล่าวเป็นที่มาของการถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์ในประเด็นมนุษย์ป้าตั้งแต่ ในเชิงลบทำนองว่ามนุษย์ป้ามักมีลักษณะไม่เกรงใจบุคคลอื่นและบางครั้งก็สร้าง ความอึดอัดและเดือดร้อนต่อบุคคลอื่นไม่น้อยขณะที่อีกด้านก็มองว่า ปรากฎการณ์มนุษย์ป้า ไม่ใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดเล่นหัวสนุกสนานเย้าแหย่ผู้หญิงวัยกลางคนที่อาจมีพฤติกรรมไม่ถูกใจวัยรุ่น หนุ่มสาวออฟฟิศโดยลงลึกถึงประเด็น การใช้คำว่า มนุษย์ป้าล่อแหลมต่อการเหยียดเพศ หรือกระทบสิทธิสตรีหรือไม่

ไปจนถึงการวิเคราะห์ลงลึกถึงเจนเนอเรชั่นคนรุ่นก่อน คนรุ่นปู่ย่าตายาย รุ่นพ่อรุ่นแม่ และรุ่นวัยกลางคน มาจนถึงรุ่นปัจจุบัน ความแตกต่างของเจอเนเรชั่นและสังคมที่เติบโตและใช้ชีวิต ทำให้มีอุปนิสัยและพฤติกรรมโดยรวมที่สะท้อนแตกต่างกันไปตามสภาพสังคมที่เติบโตมาในแต่ละยุค

กระนั้นปรากฎการณ์ "มนุษย์ป้า" เป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดเรื่องหนึ่งจนมีผลลัพธ์ในการเสิร์ชทางกูเกิ้ลกว่า4ล้าน 4 แสนรายการ รวมถึงมีการทำแฟนเพจ "มนุษย์ป้า" ทางเฟสบุ๊ค ซึ่งมีคนกดไลค์มากถึง 46,353 คน เนื้อหาในเพจเป็นการเปิดโปง ตีแผ่ พูดถึงการกระทำอันสุดแสบของมนุษย์ป้า ซึ่งมีการชี้เบาะแสภาพถ่ายจากทางบ้าน คลิปวีดีโอ พร้อมทั้งแชร์ประสบการณ์ "มนุษย์ป้า" ในแบบที่ทุกคนเจอมา

โดย "มนุษย์ป้า" ถูกจำกัดคำนิยามจากชาวสังคมออนไลน์เอาไว้ว่า เป็นหญิงสาววัยกลางคน(ตอนปลาย)แต่งตัวดูสูงวัย ยึดถือตัวเองเป็นศูนย์กลางของสังคม เห็นแก่ตัวและประโยชน์ส่วนตนเป็นที่สุด ไม่สนใจว่าจะผิดถูก และคนรอบข้างจะรู้สึกอย่างไร สามารถพบได้ตามสถานที่ทั่วไป

สกิลพิเศษของมนุษย์ป้าคือ การใช้ความอาวุโสและวัยวุฒิเป็นข้ออ้างในการแหกกฎระเบียบของสังคม เพื่อให้ตัวเองได้ความสะดวกสบายมากที่สุด หากมีใครไปมีเรื่องกับมนุษย์ป้า ขอให้พึงสังวรเอาไว้ว่า คุณจะเถียงยังไงก็ไม่มีทางเอาชนะได้ เพราะมนุษย์ป้าบกพร่องเรื่องสามัญสำนึก ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่คือการกระทำที่ผิดกฎของสังคม

นี่คือ 6 คุณสมบัติของมนุษย์ป้า

1.มนุษย์ป้าคือผู้ถูกต้องเสมอ
2.มนุษย์ป้ามักจะขอแซงคิวแทรกคิวโดยอ้างความอาวุโสและปัญหาสุขภาพเช่นป้าแก่แล้วให้ป้าก่อนเถอะ
3.ชื่นชอบของแจกฟรีหยิบได้เท่าไหร่ขนได้เท่าไหร่ขอเอากลับบ้านให้หมดถึงจะเป็นขยะในตอนหลังก็ชั่งมัน
4.ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์สูงสุดของตัวเองไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบหากโดนเอาเปรียบจะโวยวายทันที
5.เวลานั่งรถตู้โดยสารสาธารณะชอบนั่งตรงเบาะใกล้ประตูคนที่ขึ้นที่หลังก็ต้องเบียดเข้าไป
6.ยืนขวางตรงทางเข้าประตูรถไฟฟ้าบีทีเอสและต้องยืนเป็นคนแรกที่หนึ่งเสมอด้วย

โดยพฤติกรรมคลาสสิคของ"มนุษย์ป้า"มีดังนี้

แซงแถวหน้าตาเฉย
ถึงคนอื่นจะต่อแถวยาวเป็นสิบคนแต่"มนุษย์ป้า"มักมีสกิลพิเศษในการวาร์ปเร็วปานยูเซนโบลต์พร้อมทำหน้ามึนๆ เพื่อที่จะแทรกมาอยู่หน้าแถวตลอดเวลา พร้อมกับเหตุผลโลกแตกที่ว่า ป้าของเยอะ ป้าแก่แล้ว อ้าว...แล้วที่ป้าวิ่งลมกรดมาเมื่อกี้ล่ะ?

รถเมล์ของข้า
"มนุษย์ป้า" ต้องได้รถเมล์ขึ้นก่อนเสมอ ถึงแม้จะไม่ได้ต่อแถวก็ตาม เพราะการได้ที่นั่งชั้นเฟิร์สคลาส มีที่เก้าอี้วางของสบายๆ คือจุดหมายอันสูงสุดของป้า หากวันไหนรถเมล์เต็มและคนที่นั่งใกล้ๆ ไม่ยอมลุก มนุษย์ผู้นั้นจะถูกส่งสายตาอำมหิตราวกับไปสร้างความผิดระดับชาติ จาก "มนุษย์ป้า"

เบาะข้า...ใครจะทำไม
โดยสามัญสำนึกและมารยาทการนั่งรถทั่วไป คือ ขึ้นก่อน เข้าไปนั่งข้างในก่อน เพื่อความสะดวกของคนที่มานั่งทีหลัง แต่ดูเหมือนตรรกะนี้จะใช้ไม่ได้กับ "มนุษย์ป้า" ทั้งหลาย เพราะนางจะนั่งขวางลำตลอด และพร้อมจะทำหน้าเบื่อโลกออกอาการไม่พอใจ หากมีคนจะมานั่งข้างๆ ในกรณีนี้มักเกิดขึ้นกับการนั่งรถตู้เช่นกัน กับการนั่ง "กั๊กที่" บริเวณตรงกลางรถ

เลนพิเศษ ป้าเปิดเอง
ธรรมชาติการเดินเท้าบนถนนหรือบนสะพานลอย จะเดินสวนกันให้ตายยังไงก็มีแค่สองฝั่งซ้าย ขวา ระหว่างขึ้นกับลง แต่คงไม่ทันใจเหล่า "มนุษย์ป้า" แกเลยติดไฟไซเลนเปิดเลนกลางซะอย่างนั้น! ทันใจดี

เลนพิเศษ ป้าเปิดเอง(ภาค2)
ใครที่ขึ้นรถไฟฟ้าเป็นประจำ คงคุ้นเคยกับระเบียบในการเข้า-ออกรถ เป็นอย่างดี โดยทั่วไปคือให้คนออกก่อนแล้วค่อยเข้า แต่ "มนุษย์ป้า" มักฉีกขนบธรรมเนียมเสมอ เล่นยืนเผชิญหน้ากับคนที่กำลังจะออก เข้าทำนองคนในอยากออก คนนอกอยากเข้า(ก่อน) ทีนี้ก็วุ่นวายไปกันใหญ่เลย แหม่...อะไรจะอยากเข้าขนาดนั้น

นี่แค่ตัวอย่างความคลาสสิคเท่านั้น ยังไม่รวมเหตุการณ์ชวนระทึกบ่นกันสม่ำเสมอบนรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ที่มนุษย์ป้ามักจะเปิดการแสดงแสนยานุภาพพร้อมอุปกรณ์คู่ใจคือ "เสา" กับการโชว์กายกรรมที่ขนกันมาหลายกระบวนท่า แต่ที่เหมือนกันคือความน่ารำคาญ เพราะ "มนุษย์ป้า" มักจะพิงเสาราวกับว่าเป็นของตัวเอง

ประเด็นนี้คงเป็นมหากาพย์ไปอีกนาน ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มผู้ไม่เห็นด้วยมองว่า "มนุษย์ป้า" คือแพะรับบาปของสังคม เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องสามัญทั่วไป ใครๆ ก็ต้องทำเพื่อตัวเองก่อนกันทั้งนั้น และมนุษย์ป้าบางคนอาจมีเหตุผลส่วนตัว แต่การกระทำที่คนอื่นเห็นกลับถูกเหมารวมว่าเป็น "มนุษย์ป้า" โดยไม่ตั้งใจ

จริงๆ แล้วการเหมารวมหญิงวัยกลางคนเข้าทำเนียบ "มนุษย์ป้า" อาจเป็นความคิดที่ดูใจแคบไปพอสมควร เพราะ "มนุษย์ป้า" เป็นแค่เฉพาะคนบางกลุ่มเท่านั้น และในขณะเดียวกันพฤติกรรมเห็นแก่ตัวเหล่านี้ก็ยังมีให้เห็นในเวอร์ชั่น "ผู้ชาย" แต่อย่างน้อยๆ ปรากฏการณ์ "มนุษย์ป้า" ที่กำลังฟีเวอร์ในขณะนี้ กลับเป็น "กระจกสะท้อน" ชั้นดี ถึงสามัญสำนึกอันหย่อนยานคนของคนในสังคม และเป็นการตั้งคำถาม กระตุกต่อมความคิดคนในสังคมว่า นี่คือ "ช่องโหว่ของกฎระเบียบ" หรือ "ความเห็นแก่ตัวที่ไร้สามัญสำนึก" กันแน่

แต่ที่สามารถตอบได้ตอนนี้คือ เราคงเห็นสงครามมนุษย์ป้ากันอีกยาวๆ แน่นอน