9 ม.ค. 2553 โสกระย้า

ชื่อวิทยาศาสตร์ Amherstia nobilis wall.
วงค์ LEGUMINOSAE
ชื่อ Pride of burma, Orchid Flower
ไม้ต้น สูง 12-25 เมตร กิ่งอ่อนห้อยย้อย ใบ ใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อย 6-8 คู่ รูปไข่ขอบขนาน กว้าง 3-4.5 เชนติเมตร ยาว 5-15 เซนติเมตรปลายเรียวแหลม โคนกลม ดอก สีแดง ออกเป็นช่อห้อยย้อยที่ปลายกิ่ง ยาว 50-80 เซนติเมตร กลีบเลี้ยง 4 กลีบ ลักษณะคล้ายกลีบดอก รูปขอบขนานแคบ ปลายมนกว้าง 0.5-2 เซนติเมตร ยาว 3-4 เซนติเมตร กลีบดอก 5 กลีบ ขนาดและรูปร่างต่างกันเกสรตัวผู้ 10 อัน ติดกันเป็นแผ่นสีชมพู 9 อัน ก้านเกสรตัวเมียสีแดง ยาว 4 เซนติเมตร ผลเป็นฝักแบน สีแดงสดรูปขอบขนานโค้ง กว้าง 3-4 เซนติเมตร ยาว 15-20 เซนติเมตรขอบด้านบนหนา เมื่อแก่แตกได้ มีเมล็ด 4-6 เมล็ด
นิเวศน์วิทยา ถิ่นกำเนิด พม่า
ออกดอก มกราคม-กุมภาพันธ์
ขยายพันธุ์ เมล็ด ตอนกิ่ง
(ข้อมูลนี้เคยคัดลอกมาลงไว้ที่ blog ครั้งหนึ่งแล้ว-ลอกมาลงไว้อีกครั้ง)



ดอกโสกระย้านี้ได้ถ่ายภาพมา 2 ครั้งแล้ว
ครั้งแรกถ่ายภาพจากวัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
และครั้งที่สอง ต่อเนื่องจากครั้งแรก ตามคำบอกเล่าของแม่ชี วัดป่าดาราภิรมย์ ที่ช่วยให้ข้อมูลของดอกโสกระย้า และเล่าว่าที่วัดเจดีย์หลวงก็มี เลยได้ตามหาดอกโสกระย้า และถ่ายภาพที่วัดเจดีย์หลวงเป็นครั้งที่สอง

ครั้งนี้เป็นครั้งที่สามแล้ว แต่ยังเป็นการถ่ายภาพดอกโสกระย้าที่วัดเจดีย์หลวง

เนื่องจากช่วงนี้ที่วัดเจดีย์หลวงจะมีงานพระราชทานเพลิงศพ "พระเดชพระคุณพระพุทธพจนวราภรณ์ (หลวงปู่จันทร์ กุสสโล)" อดีตเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงฯ ซึ่งเป็นงานยิ่งใหญ่มากงานหนึ่ง เชื่อว่าจะมีหลายคนที่มาถ่ายภาพ และมาร่วมงานพระราชทานเพลิงศพครั้งนี้ด้วย

เลยมาชี้เป้า หากใครชื่นชอบการถ่ายภาพดอกไม้ ชวนมาถ่ายภาพดอกโสกระย้าที่วัดเจดีย์หลวงนี้ด้วย

ถ้าไม่ผิดพลาดประการใด ที่วัดเจดีย์หลวงจะมีต้นโสกระย้าอยู่ 2 ต้น 2 จุดด้วยกัน
ถ้าเดินเข้าด้านหน้าวัดเจดีย์หลวง ให้เดินวนตามวงเวียน คือไปทางด้านซ้ายมือของพระวิหารวัดเจดีย์หลวง จากมุมทางด้านซ้ายมือนี้ ผ่านเสาอินทขิล ผ่านเจดีย์รายองค์ใต้ เส้นทางนี้ด้านซ้ายมือจะเป็นกุฏิสงฆ์ ที่มุมแยกซ้ายมือนี้ จะมีต้นโสกระย้าอยู่ 1 ต้น





ส่วนอีกจุดหนึ่ง เดินผ่านจุดแรกนี้ไป ผ่านพระวิหาร ผ่านพระเจดีย์หลวง ให้เดินตรงไปจนสุดทางเดินพระเจดีย์หลวงนี้ จะเห็นต้นยางสูงใหญ่ จะมีต้นโสกระย้าอยู่มุมนี้อีก 1 ต้น





และครั้งนี้ได้ถ่ายภาพดอกโสกระย้าถ่ายภาพจากวัดเจดีย์หลวงมาให้ชมกัน ถ่ายภาพจากจุดที่สองนี้ วันที่ไปถ่ายภาพมีแต่ดอกที่อยู่สูงๆ ทั้งนั้นเลย ดีว่าติดเลนส์ 75-300 มม. ตัวเก่งไปด้วย เลยได้ zoom ได้ภาพใกล้ๆ ขึ้นมาหน่อย ลองชมกันดูครับ



ดอกโสกระย้า ณ เดือนมกราคมนี้ ต้นที่มาถ่ายภาพนี้ ออกดอกค่อนข้างน้อยกว่าที่เคยถ่ายภาพจากวัดป่าดาราภิรมย์
เพราะครั้งนั้น ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปจอดใต้ต้นโสกระย้านั้น เพื่อพักร้อน
แต่ตรงหน้าละลานตาไปด้วยดอกโสกระย้า ห้อยเป็นระย้า น่าดู น่าชมเป็นอย่างยิ่ง จากที่จะพักร้อน พักรถเฉย เดินถ่ายภาพดอกโสกระย้า แทบจะทุกๆ ต้น



แต่ครั้งนี้ดอกโสกระย้า เกือบจะไม่ได้ห้อยระย้าอยู่ตรงหน้า
ดอกที่มองเห็นๆ ได้ชัดๆ กับห้อยระย้าอยุ่ด้านบนศีรษะ บางดอกเกือบจะต้องถ่ายภาพแบบเงยศีรษะถ่ายภาพ 90 องศาเลย



และจากที่เคยถ่ายภาพมา 2 ครั้งแล้ว ได้เห็นฟอร์มของดอกที่ถึงแม้จะดูแปลกตา และชวนให้มองทุกมุมมอง แต่ตัวเองเชื่อว่าเป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่จะหามุมมองถ่ายภาพสวยๆ ได้ค่อนข้างยากทีเดียว
ถ้ารูปทรงไม่ห้อยเด่นแยกตัวออกมา ให้เห็นมุมมองได้ชัดเจน



ครั้งนี้ก็เป็นแบบเดียวกับที่คิดไว้ มีดอกอยู่ 2 ชุด ที่ไม่สูงจนเกินไปนัก พอถ่ายภาพได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องเดินหามุมมองการถ่ายภาพ เพื่อดึงฟอร์มของดอกให้ออกมาชัดเจน และเด่นสะดุดตา



ประกอบกับต้นโสกระย้า ใบค่อนข้างเยอะ ทำให้บังแสงแดดได้เกือบหมดจด ดังนั้นพอดอกโสกระย้าที่อยู่ภายในเขตลำต้นที่มีใบปกคลุมอยู่่ ก็เืกือบจะทำให้ไม่มีแสงลอดลงมา เพื่อให้สามารถถ่ายภาพดอกโสกระย้าได้ง่ายๆ ขึ้น



ภาพหลายมุมมองที่ถ่ายภาพมานี้ บางภาพก็ต้องปรับชดเชยแสงให้มากขึ้น เพื่อดึงความสว่างของภาพออกมา บางภาพก็ต้องปรับให้ under เพื่อไม่ให้ตัดกับแสงที่ลอดลงมามากนัก



ใช้เวลาอยู่ใต้ต้นนี้ประมาณ 15 นาที เดินหามุมมองใหม่ๆ ดูบ้าง
บางภาพที่ได้นำเสนอให้ชม ถึงแม้จะเป็นมุมมองมุมเดียวกัน แต่ก็เน้นไปที่เล่นกับแสงโบเก้ด้านหลัง
















ตอนที่ถ่ายภาพนี้ ก็มองเห็นเหมือนนกน้อย
พอมาทำภาพ ก็เลยพยายามปรับแสงสี contrast ให้ดูว่าให้เป็นนกให้ได้





3 ภาพต่อไปนี้ เป็นชุดที่ต้องแหงนคอตั้งบ่าถ่ายภาพดอกที่อยู่สูงๆ เบื้องบน












ตูมๆ ก่อนจะบาน









และสุดท้ายสำหรับมุมมองการถ่ายภาพดอกโสกระย้า ถึงจะหามุมมองถ่ายภาพยากๆ อยู่สักหน่อย แต่ก็ถ่ายภาพมุมซ้ำๆ กันมา เพื่อมาลองปรับแต่งภาพให้ดูแตกต่างๆ กันไปนิดหน่อยด้วย




ขอบคุณทุกๆ ท่านที่แวะมาชมดอกโสกระย้านี้ด้วยครับ