น่าดีใจแทนคนไทยทั้งหลาย เพราะดินแดนที่อาศัยอยู่นี้ อุดมสมบูรณ์ด้วยผัก
- ผลไม้นานาพันธุ์ เหลือเกิน อย่างผักในตระกูลผักกาด ซึ่งเป็นผักที่คุณสามารถเลือกซื้อ
มาประกอบอาหาร ได้ตลอดปีทีเดียว
ประวัติความเป็นมาของผักกาด
ผักในตระกูลผักกาด มีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเซียแทบทั้งสิ้น อาทิ ผักกาดเขียวและผักกาดขาว
ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน แต่กะหล่ำปลีมีถิ่นกำเนิดในเอเชีย เช่นกันนั้น
กลับเป็นที่นิยมในยุโรป เพราะชาวกรีกและโรมมัน ที่อาศัยอยู่ในแทบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
เป็นผู้นำเข้าไปเผยแพร่ อีกทั้งเป็นผักที่ ทนสภาพอากาศหนาวเย็นได้ดี
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่ชาวยุโรป จะรู้จักกำหล่ำปลี มากกว่าผัก ในตระกูลผักกาดอื่นๆ
สำหรับประเทศไทยเองนั้น จากหลักฐานเกี่ยวกับ การปลูกพืชผักที่มีอยู่
ทำให้ทราบว่า เรามีผักกาด หลากหลายชนิด ไว้รับประทานกัน ตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์
ราว พ.ศ. 2435 ซึ่งเริ่มมีการตั้ง กระทรวงเกษตราธิการขึ้น และยังมีการนำพันธุ์พืช
จากต่างแดนเข้ามาปลูกมากมาย ผักในตระกูลผักกาด จึงน่าจะเข้ามาในช่วงนี้เช่นกัน
หลากหลายในตระกูลผักกาด
หากจะจัดรวมผัก ที่น่าจะอยู่ในวงศาคณาญาติเดียวกัน กับผักกาด นับว่ามีมากพอดูเชียวละ
เริ่มกันตั้งแต่ผักกาดขาว หรือผักกาดขาวปลี ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายพันธุ์
อย่างพันธุ์ที่เข้าปลียาว เรียกว่า ผักกาดหางหงส์ ซึ่งจะมีลำต้นยาวกว่าผักกาดขาวมาก
ส่วนผักกาดเขียว ซึ่งเรียกตามสีสันของใบ ที่เขียวสด ดูน่ารับประทานนั้น
มีขนาดลำต้นใกล้เคียง กับผักกาดขาวมาก นอกจากนี้ยังมี ผักกาดเขียวปลี
หรือผักโสภณ ซึ่งป็นผักกาดชนิด ที่นิยมนำมาดอง แล้วบรรจุกระป๋อง นอกจากนี้
แม้แต่ผักกาด หรือที่เรารู้จักในชื่อ หัวไชเท้า ที่นิยมนำมาดองเค็ม
และหลาน เรียกว่า 'หัวไชโป๊ว และหัวไชโป๊วหวาน' นี้ ก็ยังเป็นหนึ่งใน
บรรดาผักในตระกูลผักกาด นี้อีกด้วย
สำหรับผักกาดแก้ว และผักกาดหอม ที่เป็นผักสำคัญในเมนูสลัดนั้น เป็นผักที่มีถิ่นกำเนิด
จากต่างแดนแน่นอน ซึ่งเดิมเราต้องนำเข้า ผักกาดสองชนิด เพราะเป็นผักที่ปลูกได้ดี
ในอากาศหนาวเย็น แต่ปัจจุบันเราสามารถปลูกได้เอง แล้วทำให้ราคาถูกลงมาก
คนไทยจึงมี อีกหนึ่งทางเลือก สำหรับการรับประทานผัก ในตระกูลผักกาด
เรื่องเล่าจากก้นครัว
ขนมก็มีชื่อ 'ผักกาด'
เคงสงสัยบ้างไหมว่า ทำไมเราจึงเรียก แป้งสี่เหลี่ยมชิ้นขาวๆ ที่นำมาผัดรวมกับไข่
ถั่วงอก และใบกุยช่าย ว่า 'ขนมหัวผักกาด หรือขนมผักกาด' เพราะหากลองดูหน้าตากันดีๆ
แล้ว ยังไงก็เป็น อาหารคาว ไม่เหมือนขนมสักนิดเดียว
แท้จริงแล้ว แป้งสีขาวที่เราเห็นนั้น นอกจากจะมีส่วนผสมของแป้งแล้ว
ยังมีส่วนผสมสำคัญ อย่างหัวไชเท้า ขูดฝอยรวมอยู่ด้วย
วิธีการก็ไม่ยุ่งยากอะไร เพราะส่วนผสมก็มีแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม
หรือแป้งมัน น้ำ เกลือป่น และหัวผักกาดขูดฝอย เริ่มจากการละลายแป้งทั้งสามชนิด
กับเกลือและน้ำ ใช้ไฟต่ำ คนจน ส่วนผสมเริ่มข้น จึงเติมหัวผักกาดที่ขูดฝอยไว้
แล้วกวนต่อจน ส่วนผสมเข้ากันดี จึงเทใส่ ถาดสี่เหลี่ยมที่ทำน้ำมันพืชไว้
แล้วนำไปนึ่งในน้ำเดือด จนแป้งสุก (ประมาณ 20-25 นาที) พักไว้จนเย็น
ค่อยหั่นเป็นชิ้น ซึ่งคุณสามารถเก็บในตู้เย็น หากจะนำมาประกอบอาหาร
ก็เพียงแค่ นำมาผัดรวมกับเครื่องผัดไทย แล้วปรุงรสให้อร่อย เป็นอันได้อาหารจานด่วน
ไว้รับประทานแล้ว
การทำขนมหัวผักกาด มีหลายสูตร เช่น ขนมหัวผักกาดทรงเครื่อง ซึ่งมีวิธีการทำเหมือน
ขนมหัวผักกาดแบบทั่วๆไป แต่จะปรุงรสให้กลมกล่อมเพิ่มขึ้น ด้วยเกลือป่น
พริกไทยป่น น้ำมันงา ซอสหอยนางรม และซีอิ๊วขาว และก่อนจะเทส่วนผสม
ลงในพิมพ์ จะโรยหน้าด้วยเครื่องประกอบ อาทิ ถั่วลิสง กุ้งแห้ง และเห็ดหอม
^ back to top |