ความเป็นมาของขิง
ขิง เป็นพืชพื้นเมืองชาวเอเชีย ที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะประเทศจีน
เพราะจากหลักฐาน แบบลายลักษณ์อักษร ของลัทธิขงจื้อ ที่ได้บันทึกว่า
มีการปลูกขิงอยู่ทั่วไป บริเวณบ้านคน และยังมี การนำมาใช้ประโยชน์
กันตั้งแต่ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 5 ทีเดียว ขิงจึงเป็นหนึ่งใน เครื่องปรุงของคนจีน
และชาวเอเชีย มาช้านาน ส่วนชาวตะวันตก รู้จักขิงได้ เพราะมาร์โคโปโล
ได้เดินทางไปยังประเทศจีน และนำมาเผยแพร่ให้ชาวตะวันตกทั่วไป ได้ลิ้มรสความเผ็ดร้อน
ของขิงกัน
ในปัจจุบันพบว่า นอกจากประเทศจีนแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศ ที่ปลูกขิงกัน
อย่างเป็นล่ำเป็นสัน อาทิ ออสเตรเลีย อินเดีย ญี่ปุ่น จาไมก้า ไนจีเรีย
เป็นต้น
ความอร่อยหลากรูปแบบ
ขิงเป็นส่วนประกอบของ อาหารคาวหวานหลากชนิด เริ่มกันตั้งแต่ ถิ่นกำเนิดของขิงอย่าง
ประเทศจีน ที่จะนำขิงแก่ที่ฝานบางๆ มาผัดกับเนื้อสัตว์ก่อน แล้วจึงใส่ผักลงผัด
ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะ เพิ่มความหอมของผัดผัก ยังช่วยดับกลิ่นคาวของเนื้อสัตว์
ได้อีกด้วย
ส่วนอาหารไทยเอง ก็มีการนำขิงมาประกอบอาหาร ทั้งคาวหวานเช่นกัน อาทิ
การโขลกขิงรวมกับ เครื่องเทศอื่นๆ ในการทำน้ำพริกแกง หากเป็นอาหาร
ว่างยามบ่ายแก่ๆ อย่าง แหนม ไส้กรอกอีสาน หรือสารพัดเมี่ยง นอกจากนี้
ยังมีการนำขิงไปดองเปรี้ยว เค็ม หรือหวาน เพื่อเป็นเครื่องแนม กับอาหารเผ็ด
หรือกินแก้เลี่ยน สำหรับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ อีกด้วย ส่วนขนมหวานอย่าง
มันเทศต้มขิง หรือบัวลอยน้ำกะทิ บางตำรับที่ใส่ขิงแก่หั่นแว่น ลงในน้ำกะทิ
สำหรับฝรั่ง เขาใช้ขิง ในการประกอบอาหารหวานมากกว่า ประกอบกับขิง
ไม่ใช่พืชพื้นเมือง ของเขา จึงนำขิงมาประกอบ เป็นขนมหวาน ประจำเทศกาลมากกว่า
เช่น ขนมปังขิง (Ginger Bread) ที่มักจะทำเป็นรูปคน หรือบ้านคุกกี้
หรือเค้กที่ใส่ขิงป่น ลงในส่วนผสม และขิงแก้ว
ขิงกับยารักษาโรค
นอกจากเพิ่มรสชาติ ให้อาหารทั้งคาวหวานแล้ว ขิงยังเป็นสมุนไพรอย่างดี
เช่น หากคุณเป็นหวัด ในช่วงอากาศหนาวเย็น คนเก่าคนแก่มักแนะ ให้ดื่มน้ำขิงร้อนๆ
ที่เพิ่มรสหวาน ด้วยน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลกรวด หรือน้ำผึ้งแทนน้ำตาลทราย
นอกจากจะขับเหงื่อ ทำให้หายจากหวัด แล้วยังช่วยลดอาการ ท้องอืด ท้องเฟ้อ
แน่น จุกเสียด และอาการคลื่นไส้ อาเจียนอีกด้วย
เรื่องเล่าจากก้นครัว
1.ขิงยิ่งหั่นมาก ยิ่งเผ็ดร้อน นั่นเป็นเพราะการตัด หรือหั่นขิง จะทำให้เซลล์ของขิงแตกออก
น้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ จะถูกปล่อยออกมา
2.วิธีช่วยย่นระยะเวลาในการสับขิง นั่นคือการหั่นขิงเป็นชิ้นๆ จากนั้นใช้ด้ามมีดทุบขิง
จนละเอียด จบด้วยการสับ ซึ่งวิธีการนี้ นอกจากคุณจะได้ขิง ที่ละเอียดแล้ว
ยังได้กลิ่นและรสของขิง อย่างเต็มที่อีกด้วย
3.การล้างและทำความสะอาดขิงนั้น เพียงแค่ล้างน้ำเปล่าและขัดๆ ถูๆ
ดินและคราบสกปรก ออกก็พอ
4.หากซื้อขิงมาแล้วยังไม่ใช้งาน ก็ไม่ต้องกลัวว่าขิงจะเหี่ยว ไม่ได้รส
และกลิ่นของขิงอย่างเต็มที่ เพราะหากเก็บอย่างถูกวิธี ขิงสามารถอยู่ได้เป็นเดือนทีเดียว
เพียงแค่คุณเก็บขิงไว้ในที่แห้ง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเท่านั้น
5.น้ำขิงร้อนๆ ยาดีที่ทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ต้มน้ำจนเดือด ใส่ขิงแก่หนึ่งแง่ง
ที่ล้างและทุบแล้ว (ไม่ต้องปอกเปลือกขิง) ลงต้ม ใช้ไฟอ่อน ต้มจนเดือดอีกครั้ง
ดื่มได้ทันที หรืออาจเพิ่มความหวาน ด้วยน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลกรวด หรือน้ำผึ้งก็ได้
^ back to top |