หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ

20721 Heal The World - MJ



ป่าหอมหมื่นลี้ . . .

=.= ชื่อเสียงและเสียงเพลงของคนนี่แหละหอมไปไกลถึงหมื่นลี้ =.=




หุบเขาคนโฉด, ป่าหอมหมื่นลี้, Michael Jackson, Heal The World


Heal The World



MJ005ในโลกใบนี้มีเด็กที่อายุตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 5 ขวบเสียชีวิตไปปีละ 11 ล้านคน
สองล้านคนตายเพราะปัญหาการขาดน้ำสะอาด
ส่วนที่เหลือก็ตายเพราะ ขาดอาหาร เป็นโรคติดต่อ ท้องร่วง ลมพิษ และมาลาเรีย
นั่นเป็นประเทศที่อดอยากยากจน

แต่มีเด็กอีกกลุ่มที่ตายเพราะสงคราม
ใน 1 วันจะมีเด็กตายมากว่า 500 คน เพราะโดนอาวุธสังหารของทหาร
ใน 1 วันจะมีเด็กได้รับบาดเจ็บประมาณ 2,000 คน จากสงครามกลางเมืองและสงครามระหว่างประเทศ
มากกว่า 80% ของเด็กที่ได้รับบาดเจ็บ จะโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่พิการและขาดการเลี้ยงดูที่ดี
และใน 1 วัน จะมีเด็กอีกประมาณ 300 คนที่เป็นเด็กกำพร้าเพราะพ่อแม่เสียชีวิตหรือสูญหายไปในสงคราม

สงครามบางแห่งเป็นเพราะคนทะเลาะกันมาเป็นร้อยๆปี
สงครามบางแห่งเริ่มต้นมาจากคนที่เกลียดกันไม่ถึง 10 คน
สงครามในปัจจุบันสร้างวิถีชีวิตหลายรูปแบบ เช่น
1. ลดจำนวนประชากร ลดการแย่งชิงอาหาร
2. สร้างความโกรธแค้นให้แก่ชนหรือคนซึ่งเกลียดกันและกัน ทำให้สงครามรุนแรงต่อไปอีก
3. เพิ่มประชากรคนที่ทุพพลภาพ คนพิการ คนไร้การศึกษา
4. เด็กที่รอดที่ไม่ตาย ไม่พิการ จะเป็นนักรบที่มีความคิดรุนแรง สามารถสังหารคนได้ทั้งโลกถ้าเขาสามารถทำได้

วันนี้คุณอาจจะไม่สนใจเด็กพวกนี้
ไม่รู้ว่าพวกเขาเจ็บปวดมากแค่ไหน
เมื่อมีมูลนิธิมาเรี่ยไรของเงิน คุณอาจจะเมินเฉย
แต่ถ้าวันที่ 11 เดือน 9 ปี พ.ศ.2553 หรือในหลายๆปีข้างหน้า
คุณหรือคนในครอบครัวของคุณได้ไปอยู่บนตึกสูงที่สุดในประเทศใดประเทศหนึ่ง
ชายหนุ่มที่เคยเป็นเด็กในประเทศที่มีสงครามรุนแรงนั้น
อาจจะมองคุณมาทางหน้าเครื่องบินในห้องคนขับ
ก่อนที่พุ่งกระแทกตึกสูงก็ได้
เหตุการณ์ 911 ได้เลือนหายไปจากความคิดของหลายๆคน
แต่คนที่อยากทำลายโลก ยังไม่ตาย ยังมีทายาท ยังสร้างคนรุ่นใหม่ที่น่ากลัวมากยิ่งขึ้น
เมื่อใดก็ตามที่ผู้ก่อการร้ายสามารถสร้างระเบิดปรมาณูขนาดพกพาได้
วันนั้นจะมี นิวเคลียร์แมน ไม่ใช่ คาร์บอมบ์
จะมีคนแบกระเบิดใส่เป้ใบใหญ่
แล้วกดปุ่มใจกลางเมืองหลวงของประเทศใหญ่ๆพร้อมกันทั่วโลก
แม้จะมีคนโทรศัพท์ไปบอกเจ้าหน้าที่ว่ารู้เบาะแส
เขาก็จะหัวเราะว่าคุณบ้าไปแล้ว เหมือนเหตุการณ์ใหญ่ทุกครั้งที่มีแต่คนไม่เชื่อก่อนเกิดเรื่อง

เพลง Heal the world ของไมเคิล แจ็คสัน
ไม่ได้หมายถึงเด็กที่ยากจนในประเทศที่ด้อยพัฒนา
ไม่ได้หมายถึงเด็กที่อยู่ท่ามกลางสงคราม....เท่านั้น
แต่เขาได้รวมเด็กทุกๆคนในโลกใบนี้เอาไว้ด้วย
ตอนที่ไมเคิลแต่งเพลงนี้เขารู้แต่เพียงว่าสงครามได้ทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ไปมากมายอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นาน
โลกต้องเจอกับเรื่องผู้ก่อการร้ายระดับฆ่าคนได้เป็นแสนๆคนในพริบตา
โลกต้องเจอวิกฤต Global Warming น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ไต้ฝุ่นและพายุเฮอริเคน
โลกต้องเจอโรคระบาดที่รักษาและป้องกันได้ยาก เช่น โรคซาส์ ไข้หวัดนก ไข้หวัดหมู
การส่งทหารที่มีอายุน้อยๆไปตายในสนามรบของประเทศต่างๆ ก็เท่ากับเป็นการสังหารคนรุ่นใหม่อีกทางด้วย
ถึงเวลาที่ต้องเยียวยาโลกใบนี้ได้หรือยัง?
เพื่อคุณ เพื่อผม และเผื่อลูกหลานของเรา
ขอบคุณมากนะ ไมเคิล ผมก็รักคุณ


zOOmzERo





 

Create Date : 21 กรกฎาคม 2552
26 comments
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:02:02 น.
Counter : 1096 Pageviews.

 

แวะมาฟังเพลงค่ะ

ช่วงนี้มีสารพัดปัญหาที่มาถาโถมใบโลกนี้ค่ะ
ถ้าเราไม่ช่วยกัน ก็คงไม่มีใครช่วยได้แล้วล่ะค่ะ

 

โดย: คีตอักษรา 21 กรกฎาคม 2552 19:27:07 น.  

 

ครูภาษาอังกฤษเอาเพลงนี้มาให้เราเรียนตอนอยู่ ป.4
ผ่านมายาวนานจนตอนนี้เราเรียนป.โทแล้ว
เราก็ยังไม่แน่ใจว่า Has anyone healed this world?

เรารัก MJ และเราก็หวังเหลือเกิน
ว่าเราจะทำได้สักครึ่งหนึ่งของสิ่งที่เขาพยายาม
เราอยากให้ทุกคนที่รัก MJ ฟังสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อจริงๆ
รู้สึกกับมัน ตื่นตัวกับมัน แล้วลุกขึ้นมาทำอะไรจริงๆ

 

โดย: gluhp 21 กรกฎาคม 2552 19:30:21 น.  

 

ซาหวัดดีคร้าพี่ชาย

มาขอสารภาพเลยว่า ก้อรู้จักไมเคิล แจ๊กสันมาตั้งแต่เค้าเด็ก ๆ อ่ะน้า แต่ก็ไม่ได้คลั่งไคล้หรือรู้สึกชอบอะไรมากมาย แต่เพลงก็ได้ฟังอยู่ตลอด มาชุดหลัง ๆ นี่เสียงเขาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แนวก็ไปอีกแบบที่ไม่ใช่แบบนี้

แล้วพอวันนี้ได้เข้ามาฟังเพลงบ้านนี้ อยากจะพูดเลยว่า คนอะไร ทำไมเสียงเพราะได้ขนาดนี้เนี่ยะ *-* เพลงนี้เป็นเพลงเก่าที่ไม่ได้ฟังมานานม๊าก มากเลยทีเดียวค่ะ

ว่าแต่ รู้สึกเหมือน blog นี่จะขาดอะไรไปรึเปล่านะ ทุกทีถ้าลงเพลงแล้วจะต้องตามด้วยประวัตินักร้องโดยละเอียดนี่นา คราวนี้พลาดได้ไงเนี่ยะ อิอิ

คือฟังแล้วกำลังสงสัยว่า นี่เสียงไมเคิล ตอนอายุเท่าไหร่หว่า เสียงไม่เหมือนเพลงชุดใหม่ ๆ ที่ได้ยินอ่ะ มานคนละแบบ ก๊ะเลยสงสัย วันก่อนเพื่อนก็ส่งเพลงมาให้ฟังอีกเพลง เพลง Ben อันนั้นก็เสียงเด็กมากเลย กำลังสงสัยว่าต้องตั้งแต่ยังเป็นเด็กชายแน่ ๆ เลย งิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.156.5 21 กรกฎาคม 2552 20:51:06 น.  

 

ลป. อารัย บ๊อกก่อนหน้าเค้าโม้ไปตั้งเยอะ หาว่าเค้าม่ายมาส่งข่าว จาตัดพี่ตัดน้องได้ไงงิ กลับไปอ่านรุย ชิ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.156.5 21 กรกฎาคม 2552 20:56:41 น.  

 

 

โดย: zoomzero 22 กรกฎาคม 2552 10:22:38 น.  

 

ในประเทศไทยน่าจะมีอย่างน้อย 40 เครือข่ายองค์กรครอบครัวและคณะทำงานด้านเด็ก
แต่พวกเขาทำงานโดยสุจริตใจ หรือทำเป็นอาชีพเพื่อเอาเงินเดือนมาเลี้ยงครอบครัวไปวันๆหรือไม่?
ผมตอบไม่ได้ เพราะผมยังดูถูกพวกเขาอยู่หลายองค์กร ว่าหากินกับเด็กหรือไม่? (ขอโทษที่ไม่สุภาพ)
หลายคนชอบพูดว่า ไม่เห็นมีใครห่วงใยเด็กตาดำๆในโลกนี้เลย
ก็ต้องบอกว่า คุณนั้นแหละที่ไม่เคยห่วงใยพวกเขา
ในประเทศไทยเรามีหลายองค์กรที่ทำงานและบางแห่งก็เป็นที่เชื่อถือได้ว่าตั้งใจช่วยเด็กจริงๆ
เช่น มูลนิธิเครือข่ายครอบครัว //www.familynetwork.or.th/ โทร.02 954 2346
มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) //www.iamchild.org/ โทร.02 433 6292
มูลนิธิเด็ก //www.ffc.or.th/index.php โทร.02 814 1481-7
มูลนิธิดวงประทีป //www.dpf.or.th/ โทร.02 671 4045-8
มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก //www.fblcthai.org/ โทร.02 574 1381
นอกจากนี้ก็ยังมีหน่วยงานที่น่าเข้าไปอ่านดู เช่น มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก
มูลนิธิกระจกเงา, สนง.ส่งเสริมและพิทักษ์เด็ก ฯ
ถ้ามีจิตเมตตาเด็กในส่วนที่อยู่นอกประเทศ ก็อาจจะติดต่อได้ที่
UNICEF //www.unicef.org/
สำหรับยูนิเซฟ เป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ เน้นการช่วยเหลือเด็กและแม่เป็นหลัก
ปัจจุบันทูตยูนิเซฟของไทยมี 3 ท่าน คือ คุณอานันท์ ปันยารชุน, เคน-ธีรเดช วงศ์พัวพันธ์ และ แอน ทองประสม
และผมคงจะข้ามชื่อนี้ไปไม่ได้
Heal The World Foundation //healtheworld.us/members/htwf

 

โดย: zoomzero 22 กรกฎาคม 2552 12:12:45 น.  

 

"Heal The World"

Little girl talking

(I think about the generations
and they say they want to make it
a better place for our children
and our children's children.
So that they …
they …
they know it's a better world for them
and I think they can make it a better place)


There's A Place In Your Heart
And I Know That It Is Love
And This Place Could
Be Much Brighter Than Tomorrow

And If You Really Try
You'll Find There's No Need To Cry
In This Place You'll Feel
There's No Hurt Or Sorrow

There Are
Ways To Get There
If You Care Enough For The Living
Make A Little Space
Make A Better Place...

Heal The World
Make It A Better Place
For You And For Me
And The Entire Human Race
There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

If You Want
To Know Why
There's A Love That Cannot Lie
Love Is Strong
It Only Cares For Joyful Giving

If We Try
We Shall See
In This Bliss We Cannot Feel
Fear Or Dread
We Stop Existing And Start Living

Then It
Feels That Always
Love's Enough For Us Growing
So Make A Better World
Make A Better World...

Heal The World
Make It A Better Place
For You And For Me
And The Entire Human Race
There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

And The Dream We Were Conceived In
Will Reveal A Joyful Face
And The World We Once Believed In
Will Shine Again In Grace
Then Why
Do We Keep Strangling Life
Wound This Earth
Crucify Its Soul
Though It's Plain To See
This World Is Heavenly
Be God's Glow


We Could Fly So High
Let Our Spirits Never Die
In My Heart
I Feel You Are All My Brothers
Create A World With No Fear
Together We'll Cry Happy Tears
See The Nations Turn
Their Swords
Into Plowshares

We Could
Really Get There
If You Cared Enough For The Living
Make A Little Space
To Make A Better Place...

Heal The World
Make It A Better Place
For You And For Me
And The Entire Human Race
There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

Heal The World
Make It A Better Place
For You And For Me And The Entire Human Race
There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

Heal The World
Make It A Better Place
For You And For Me
And The Entire Human Race
There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

There Are
People Dying
If You Care Enough For The Living
Make A Better Place
For You And For Me

You And For Me, You And For Me, You And For Me
You And For Me, You And For Me, You And For Me
You And For Me, You And For Me, You And For Me
You And For Me, You And For Me

 

โดย: zoomzero 22 กรกฎาคม 2552 12:35:07 น.  

 

เสียงเด็กพูด เสียงเด็กๆตะโกน ร้องไห้ และเสียงกรีดร้องปนมาด้วย
หนูลองคิดถึงสิ่งที่พวกผู้ใหญ่และคนอื่นๆอีกหลายๆคนได้บอกกับหนู
พวกเขาบอกว่าพวกเขาจะสร้างที่ซึ่งดีกว่าที่นี่ ที่สำหรับเด็กๆและลูกหลานในรุ่นต่อๆไป
จนพวกเขาเชื่อว่ามันก็จะต้องมีความเป็นอยู่บนโลกที่ดีกว่านี้สำหรับพวกเขา
และหนูก็มั่นใจว่าพวกเขาจะทำมันให้โลกน่าอยู่กว่านี้ได้แน่นอน


มีสถานที่หนึ่งในจิตใจของคุณ
และฉันรู้ว่ามันคือความรัก
และสถานที่นั้น
จะเปล่งประกายยิ่งกว่าวันพรุ่งนี้

และหากคุณจะพยายามค้นหาอย่างแท้จริง
คุณก็จะพบว่ามันไม่จำเป็นเลยที่จะต้องร้องครวญคราง
ในที่แห่งนี้ ในที่แห่งนี้ คุณจะรับรู้ได้เลยว่า
มันไม่มีความเจ็บปวดหรือความเศร้าหมองใดๆ

มี...
หลากหลายวิธี
ที่จะเข้าไปยังที่แห่งนั้น
ถ้าเธอมีความห่วงใยต่อชีวิตของผู้อื่นๆมากเพียงพอ
แค่สร้างพื้นที่เล็กๆ
สร้างให้มันน่าอยู่กว่าเก่า...

สมานโลกเอาไว้
เยียวยารักษาให้มันดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน
และเพื่อมวลมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์
มี...
ผู้คนกำลังล้มตาย
ถ้าเธอมีความห่วงใยต่อชีวิตของผู้อื่นๆมากเพียงพอ
ทำโลกนี้ให้ดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน

ถาคุณต้องการ
ที่จะรู้ว่าทำไม
ยงคงมีรักที่จะมาโกหกกันไม่ได้
รักมีพลังแข็งแกร่ง
รักที่แต่ความห่วงใยที่จะให้ความสุขแก่กันและกัน

ถ้าเราพยายาม
เราจะพบว่า
ในความสุขอันล้นพ้นนี้เราจะไม่มีวัน
กลัวหรือหวาดหวั่นใดๆ
เราหยุดความทุกข์ที่มีอยู่ในวันนี้ และเริ่มมีชีวิตที่ดีกว่า

มันก็...
ทำให้รู้สึกว่า
มีความรักที่เพียงพอสำหรับเราที่จะเติบโตต่อไป
ดังนั้น มาทำให้โลกเราดีขึ้น
ทำให้มันน่าอยู่ขึ้น

สมานโลกใบนี้เอาไว้
เยียวยารักษาให้มันดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน
และเพื่อมวลมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์
มี...
ผู้คนกำลังล้มตาย
ถ้าเธอมีความห่วงใยต่อชีวิตของผู้อื่นๆมากเพียงพอ
ทำโลกนี้ให้ดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน


และความฝันที่เราตั้งใจคิดเอาไว้
จะแสดงให้เห็นจากหน้าตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
และโลกที่เรามีความเชื่อมั่นในคราวนี้
ก็ทอแสงส่องสว่างสวยงามขึ้นมาอีกครั้ง
ดังนั้นทำไม
เรายังต้องดำเนินชีวิตที่เอาแต่ประหัตประหารกัน
สร้างบาดแผลให้กับโลกใบนี้
ทารุณจิตวิญญาณของโลกใบนี้
ทั้งนี้และทั้งนั้น...คุณก็เห็นกันอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
โลกนี้คือแดนสวรรค์
คือสิ่งที่สวยเจิดจ้าที่พระเจ้าได้ทรงสร้างไว้(ให้พวกเรา)

เราสามารถโบยบินได้สูงเทียมฟ้า
มาทำให้จิตวิญญาณของเราเป็น“อมตะ” กันเถิด
ภายในหัวใจของฉัน
ฉันรู้สึกว่าพวกคุณทุกๆคนเปรียบเหมือนพี่น้องของฉัน
มาช่วยกันสร้างโลกที่ปราศจากความหวาดกลัว
มาร่วมกันร้องไห้ด้วยน้ำตาแห่งความปลาบปลื้ม
เปลี่ยนความขัดแย้งของชาติต่างๆ
เปลี่ยนการทำลายให้เป็นการสร้างสรรค์ (เปลี่ยนของที่ใช้ฆ่ากันมาเป็นเครื่องมือทำมาหากิน)

เราสามารถ
ไปที่นั่นได้จริงๆ (หรือ ทำได้อย่างที่หวังไว้)
ถ้าเธอมีความห่วงใยต่อชีวิตของผู้อื่นๆมากเพียงพอ
แค่สร้างพื้นที่เล็กๆ
สร้างให้มันน่าอยู่กว่าเก่า...

สมานโลกใบนี้เอาไว้
เยียวยารักษาให้มันดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน
และเพื่อมวลมนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์
มี...
ผู้คนกำลังล้มตาย
ถ้าเธอมีความห่วงใยต่อชีวิตของผู้อื่นๆมากเพียงพอ
ทำโลกนี้ให้ดีขึ้น
เพื่อเธอและเพื่อฉัน


แปลโดย zOOmzERo ผมไม่สงวนลิขสิทธิ์ความโง่ของตัวเองนะจ๊ะ

 

โดย: zoomzero 22 กรกฎาคม 2552 13:57:12 น.  

 



สวัสดีค่ะ ตามมาจากบล๊อกป้าวีค่ะ

บล๊อกสวยงามมากเลยค่ะ

เลยแอบมาหัดร้องเพลงอ่ะค่ะ

ขออนุญาติแอบมาบ่อยๆนะคะ???

 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 22 กรกฎาคม 2552 18:23:05 น.  

 

ขอบคุณ คุณมาก MJ ที่ให้เพลงดีๆมีข้อคิดแก่มนุษยชาติ เรารักคุณตลอดไป

 

โดย: loli IP: 114.128.9.74 22 กรกฎาคม 2552 20:55:18 น.  

 

ขอบคุณมากสำหรับคอมเมนท์ค่ะ
ชอบออก คอมเมนท์ยาวๆ

เห็นด้วยเลยค่ะ ตัวเราเอง (หมายถึงตัวเองนั่นแหละค่ะ)
หลายครั้ง พูดได้ คิดได้ ถามว่าทำได้มั้ย ยังห่างไกล
ปากพูดว่าอยากทำ แต่ไม่เห็นจะไขว่คว้าหาโอกาสทำ
คำถามที่ถามไว้ข้างบน นั่นแหละ ถามตัวเองด้วย
หลายครั้งที่คิดเหมือนกัน แค่ตัวเองยังจะเอาตัวไม่รอดเลย
จะช่วยอะไรใครได้ว้า...
แต่นั่นแหละ ถ้าแฟนเพลง (ทั้งใหม่และเก่า) ของ MJ
ลุกขึ้นมาทำอะไรต่อมิอะไร โลกเราคงจะน่าอยู่มากกว่านี้มาก

ขอบคุณสำหรับเว็บไซต์ที่ให้ไว้ในบรรทัดสุดท้ายนะคะ

ขอสัญญาว่าจะปรับปรุงตัวค่ะ
I wanna be one of the healers of the world.

 

โดย: gluhp 22 กรกฎาคม 2552 22:03:24 น.  

 

Swords & Ploughshares …Part 1

ในเนื้อเพลง Heal The World ที่ Michael Jackson แต่งเอาไว้นั้น มีหลายประโยคที่เขียนไว้ดีมาก เรียกว่ากินใจ และมีหลายประโยคที่ต้องใช้การสัมผัสอย่างที่กวีเขาสัมผัสกันถึงจะได้อรรถรส แต่คนละแบบกับการฟังเพลงคลาสสิกของโมสาส หรือบีโทเฟน ผมจะไม่กล่าวว่า ผมคิดอย่างไรกับเนื้อเพลงทั้งหมด แต่จะขอจับประโยคที่ ผมคิดว่าเป็นประโยคทองของเนื้อเพลง หรือประโยคที่โดนใจผมมากที่สุด ซึ่งท่านอาจจะคิดแตกต่างจากผม แต่ก็อย่ามาแตกแยกกับผมนะ เดี๋ยวมีเรื่อง

ประโยคที่ว่านั้นก็คือ ที่ว่า See the nations turn their swords into plowshares
ในนี้มีคำศัพท์ยากสำหรับผมอยู่ 3 คำ คือ
1 nations แปลว่า ประเทศ ชาติ ประเทศชาติ พลเมือง ประชาชน
2 swords แปลว่า ดาบ กระบี่ มีด การฆ่าฟัน ความรุนแรง
3 plowshares (หรือ ploughshares) แปลว่า ใบมีดของคันไถ
เรื่องเป็นอย่างนี้ครับ ต้องย้อนไปที่คำต้นเรื่องก็คือคำว่า turn ploughshare into swords ซึ่งมาจากใบเบิล Joel 3:10 โดยเขียนไว้ว่า Beat your plowshares into swords and your pruning hooks into spears; Let the weak say, "I am a mighty man." ในเอกสารอื่นๆก็มีค่อนข้างเยอะ บางแห่งก็ใช้คำว่า hammer your plowblades into swords และที่อื่นๆก็ใช้คำประมาณนี้ ซึ่งจะเห็นว่ามีความหมายในทางตรงข้ามกันกับของเพลง Heal The World นี้

ของเดิมเอาไปรบราฆ่าฟันกัน ของใหม่เป็นการเยี่ยวยาความเจ็บปวดของมวลมนุษย์ ของใหม่มาจากพระคัมภีร์เหมือนกัน คือจาก Book of Isaiah เขียนไว้ว่า They will beat their swords into plowshares and their spears into pruning hooks. Nation will not take up sword against nation, nor will they train for war anymore ผมคิดว่าข้อความของใหม่นี้ น่าจะเป็นคำยอดฮิตในปีช่วงปี ค.ศ. 1974 เพราะคนเริ่มเบื่อสงครามกันแล้ว ผมขอแปลว่า “การเปลี่ยนดาบให้เป็นจานไถ่ เปลี่ยนหอกปลายเรียวให้เป็นเคียวตัดหญ้า” แปลไม่ค่อยจะตรง ดูจะเชยไปหรือเปล่า? ความหมายก็ประมาณว่า “การนำเอาอาวุธมาแปรสภาพเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ทางด้านเกษตรกรรม” ก็คงจะอุปมาอุปมัยได้ว่า ช่วยเลิกเข่นฆ่ากันเสียทีนะพ่อคู๊ณ แล้วหันมาทำมาหากินจะดีกว่า เพื่อนร่วมโลกเขาจะอดตายหมดแล้ว แกจะฆ่าเขาให้หมดโลกแล้วเหลือบ้านแม่แกไว้อยู่คนเดียวหรือไง? (ชักอารมณ์ขึ้นปี๊ด ฮึ่มๆ)

เดิมนั้น คำว่า turn ploughshares into swords นี้ใช้ในวงการปฏิวัติเชียวนะครับ พอดีปู่ของปูผมเคยเป็นกบฏชาวนาในฝรั่งเศส (ไม่ได้โม้ แต่อำเล่นตากหาก 555) พวกคนฝรั่งเขามีคำปลุกใจในตอนที่จะลุกฮือ หรือลุกขึ้นต่อต้านศัตรูที่รุกรานประเทศเขาหนะครับ โดยใช้เน้นคำว่า beat your plowshares into swords, and your pruning hooks into spears คงเป็นเพราะว่า ในสมัยก่อนไม่มีคลังแสง หรือโรงผลิตอาวุธสงครามอย่างเป็นโรงงาน 500 ไร่อย่างทุกวันนี้ เวลาที่กษัตริย์หรือผู้นำกองทัพอยากจะให้ชาวบ้านหรือชาวนาไปร่วมรบ ก็ต้องบอกให้ช่วยไปหยิบโลหะหรือของแข็งๆในบ้านนี่แหละ เอาไปทำอาวุธ เลยต้องเอาเหล็กจานไถนามาตีเป็นดาบ เป็นหอก เอาไปรบกัน รัฐบาลสมัยโน้นประหยัดได้ใจจริงๆ

รบกันไป รบกันมา เราฆ่าเขา เขาฆ่าเรา เขายิงแม่ทัพเราตัดขั้วหัวใจ เราก็แค้น ส่งกองทัพไปถล่มล้างอาย เราฟันหัวแม่ทัพเขาขาดกระเด็น เราก็โห่ร้อง สร้างอนุสาวรีย์แห่งชัยชนะตรงนั้นซะเลย เชลยผู้หญิงก็โดนข่มขืน เด็กและคนแก่ก็โดนลากไปทางซ้ายย้ายไปทางขวา บางทีชนะแล้วก็เผาเมืองเขาทิ้ง สะใจดี ไม่รู้ว่าหนาวหรืออย่างไรถึงต้องใช้ฟืนทั้งเมือง อย่าลืมว่าในเมืองนั้นมีศาสนสถานซึ่งบางแห่งเก่าแก่มาก ท่าทางพวกแม่ทัพเหล่านั้นจะไม่มีจิตแพทย์คอยดูแล ถึงได้โหดและเหี้ยม(ขอโทษ ม ม้า เกินไป 1 ตัว) พอสงครามสงบก็มาถึงยุคข้าวยากหมากแพง รัฐต้องขูดรีดภาษีจากชาวไร่ชาวนา พวกศักดินานอนเล่นสบายใจ พวกพ่อค้าแอบกักตุนสินค้าเพื่อเอาออกมาขายแพงๆ พวกที่คิดเอาแต่ได้ ไปต้อนผู้คนของประเทศเขาเอามาเป็นทาสหรือเป็นแรงงาน อยู่ไปไม่กี่สิบปีก็เกิดพวกเลือดผสม หรือไม่ก็เป็นชนกลุ่มน้อย แล้วก็มีปัญหาระหว่างคนพื้นที่เก่าดั้งเดิมของประเทศตัวเองกับพวกอพยพเข้ามาใหม่ พูดกันไม่รู้เรื่อง บางทีคนละศาสนากันอีกด้วย แล้วก็มีเรื่องกัน ตีกัน รบกันใหม่ เกิดสงครามกลางเมือง ประหารชีวิตกันไม่มีที่สิ้นสุด ฝ่ายผู้กุมอำนาจ ควบคุมกองทัพ ก็เล่นพวกเล่นฝ่าย มีการลอบฆ่ากัน ส่งสายลับไปเก็บศัตรูทางการเมืองของตน ทหารสองกรมกองที่ใส่เครื่องแบบเหมือนๆกัน ก็รบกันเองในประเทศของตัวเอง ตายกันเกลื่อนเมือง คนที่ไม่เคยอยากเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ก็ต้องมาตายเป็นเบือ ที่ไม่ตายก็อาจจะเป็นคนมีแต่แขนไม่มีขา มีขาซ้ายไม่มีขาขวา คนเกิดมาใหม่ ถ้าเป็นผู้ชายก็ต้องไปเป็นทหาร ไปวัดดวงว่าจะตายหรือจะรอดกลับมา กลับมาพอมีครอบครัวก็โดนเกณฑ์ไปรบใหม่ คราวนี้อายุเยอะ เก้ๆกังๆ เลยไม่ได้เอาชีวิตกลับมา ภรรยาก็เป็นหม้ายถาวร ผู้ชายคนไหนถ้าไม่อยากเป็นทหาร ก็ต้องหนีไปบวช งานนี้ศาสนาจักรก็เติบโตขยายตัว แต่มักจะมีนักบวชที่มากด้วยจำนวน แต่ไม่มีคุณภาพ ในที่สุดศาสนาก็เพี้ยนแล้วก็พัง บางประเทศก็เกิดช่องว่างระหว่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินกับประชาชน ซึ่งห่างกันมาก และในยามลำบากกันทั้งประเทศ ชนชั้นเจ้าขุนมูลนายยังคงกินทิ้งกินขว้าง อวดความรวย อยู่อย่างฟุ่มเฟือย ราษฎรขาดแคลนอาหาร พากันอดตาย ภัยธรรมชาติก็ซ้ำเติม ในที่สุดก็ชนชั้นล่างก็รวมตัวกันโค้นล้มระบบกษัตริย์ เช่นใน ฝรั่งเศส รัสเซีย หรือจีน ฯ

จะเห็นได้ว่าความขัดแย้งของคน สามารถทำลายสถาบันต่างๆลงไปได้ ไม่ว่าจะเป็น ชาติ ศาสนา หรือกษัตริย์ ประเทศที่ชอบทำสงครามมักจะพังก่อนเพื่อน เพราะไม่รบอย่างไรก็ไม่มีวันชนะ ไม่มีจบง่ายๆ ในวันหนึ่ง,จึงมีคนคิดทางขวาง คิดย้อนกลับเพื่อหยุด หรือเบรกเรื่องนี้ คำว่า Turn your sword to plowshares, and your spears to pruning hooks ก็เกิดขึ้นมา และก็มีผู้คนเริ่มเอาจริงกับเรื่องนี้มาหลายสิบปีก่อนหน้าที่ MJ จะแต่งเพลง Heal the World พอเพลงนี้อออกมาในยุคของราชาเพลงป๊อบ โลกก็เริ่มมีความหวัง การเยียวยาโลกนั้น MJ ไม่ได้ใช้คำว่า เงิน ในบทเพลงนี้เลย แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะสมานแผลให้โลกของเรา ถ้าเราไม่รู้จักคำว่ารักกัน ปรองดองกัน


 

โดย: zoomzero 24 กรกฎาคม 2552 13:31:48 น.  

 

Swords & Ploughshares …Part 2

บาดแผลที่เกิดจากความขัดแย้งของมนุษย์มีมากมาย สงครามทำลายทั้งสิ่งที่มีชีวิต และสิ่งที่ไม่มีชีวิต ไมเคิลคงไปได้ยินประโยคนี้มาจากหลายที่ ถ้าเขาอ่านพระคัมภีร์อันนั้นก็คงเป็นที่หนึ่งที่เขาพบคำว่าเปลี่ยน swords ให้เป็น ploughshares คนอีกพวกที่ MJ น่าจะแรงบันดาบใจหรือ MJ อาจจะเห็นในข่าวบ่อยๆ ก็คือ พวกทหารผ่านศึก (veterans) โดยเฉพาะพวกทหารที่รอดตายกลับมาจากการไปรบที่เวียดนาม ตอนนั้นในอมเริกาก็ยังมีพวกฮิปปี้เกิดขึ้นมา พวกนี้ออกมาต่อต้านสงคราม แต่ไม่ว่าพวกฮิปปี้จะประท้วงกันอย่างไร สงครามก็ใส่เกียร์ห้าเดินหน้าฆ่าลูกเดียว ไม่รู้จักจบจักสิ้น

ผมคิดว่า ไมเคิล หรือ MJ คงจะ ไม่ใช่นักแสดงธรรมดา ที่กระโดดๆๆ แหกปากร้องเพลงบนเวที แล้วก็ลงจากเวที กลับบ้าน อาบน้ำนอน หรือกินเหล้าเมายา หาความสุขใส่ตัว เหมือนอย่างที่ศิลปินระดับซุปเปอร์สตาร์หลายๆคนเขาทำกัน MJ เขาน่าจะติดตามข่าวเรื่องการสู้รบในประเทศต่างๆ ปัญหาของทหารผ่านศึกที่พิการ การตายของผู้บริสุทธิ์ (เหยื่อของสงคราม) การสูญเสียชีวิตของเด็กๆในสงครามกลางเมืองและสงครามระหว่างประเทศ ฯ

ในปี ค.ศ. 1980 – 1988 อเมริกาเจอปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำและคนก็ตกงาน โดยเฉพาะในอเมริกา ที่ซานฟรานซีสโก มีคนไร้ที่อยู่อาศัยมากมาย ส่วนใหญ่มาเป็นพวกอเมริกัน-แอฟริกัน และครอบครัวทหารผ่านศึก ทำให้นักการเมืองรุ่นใหม่ๆของอเมริกาเริ่มมองว่า การทำสงครามที่ตัวเองไม่ได้ก่อ แต่ดันส่งคนไปตายนั้น มันเป็นนโยบายที่ห่วยมาก คุณจำได้บ้างไหมว่า อเมริกาไปช่วยประเทศไหนรบแล้วชนะบ้าง (แล้วมาคุยกันประเด็นนี้ต่ออีกที)

ผมคิดว่าพวกนายพลห้าดาวหรือท่านประธานาธิบดีในสมัยโน้น คงเมาเรื่องค่าปฏิกรรมสงคราม เพราะได้เงินเยอะตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้ประเทศญี่ปุ่นต้องทำมาหากินเพื่อเลี้ยงคนเกือบครึ่งโลกเพื่อใช้หนี้ พวกฝรั่งเลยหวังว่าจะเอาอาวุธยุทโธปกรณ์เก่าๆ ที่ทุ่มแรงคนแรงเงินลงไปเยอะมากๆ เอาไปใช้ร่วมรบในต่างประเทศ แล้วจะได้มีเงินผลิตของใหม่กว่าเดิมเอาไว้ใช้เอง มีการทำตลาดค้าอาวุธสงคราม มีการนำเอาอาวุธและยานพาหนะไปขายให้ประเทศที่หวาดระแวงกำลังอาวุธของฝ่ายประเทศศัตรู หรือแม้แต่ป้องกันคนชาติเดียวกันแต่ขัดแย้งกัน พี่ไทยของเราก็ขนซื้ออาวุธราคาแพงๆกับเขาเหมือนกัน ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า เราจะไปรบแบบดุเดือดกับใคร พม่าหรือ? ลาว? เขมร? มาเลเซีย? สิงคโปร์ หรือว่าเวียดนามใต้? ในเมื่อเรามีการพัฒนาด้านการทูตจนเป็นระดับสากลแบบนี้ เวลารบจริงๆสหประชาชาติก็ต้องมาเกี่ยวข้อง หรือว่าเราจะสะสมอาวุธไว้รบกับพวกเอเลี่ยนที่จะมาจากต่างดาว อย่างนั้นรอผมไปเกิดเป็นอุลตร้าแมนได้หรือเปล่า?


 

โดย: zoomzero 24 กรกฎาคม 2552 13:32:58 น.  

 

Swords & Ploughshares …Part 3

ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง ที่ต้องแหกช่องตรงนี้เพราะไม่สามารถปล่อยผ่านกับการใช้ภาษาไทยที่พิลึกพิลั่นของคนเขียนภาษาไทย โดยเฉพาะการเขียนที่มีการก๊อปปี้ซ้ำๆๆๆๆไปเรื่อยๆ คือ คำว่า “ปฏิกรรมสงคราม” ต้องเขียนแบบนี้ ผู้ที่ให้กำเนิดคำนี้คือ ศาสตราจารย์ พลตรี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์ (พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์) ทรงเป็นลำดับหรือรุ่นที่ 2 ในสายราชสกุล “วรวรรณ ณ อยุธยา” ทรงศึกษาจบปริญญาตรีและโท มาจาก ม.อ๊อกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ จากคณะบูรพคดีศึกษา สาขา ภาษาบาลีและสันสกฤต ท่านจึงกลับมาทำงานรับใช้หลวง โดยที่ได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ที่สามารถวางกฏและการบัญญัติศัพท์ให้ราชบัณฑิตยสถาน (หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าคำศัพท์แปลกในพจนานุกรมไทยนั้น ผู้ใดหนอเป็นคนคิดและเขามีความรู้ระดับไหน วันนี้ผมก็นำบุคคลสำคัญหนึ่งท่านในนั้นมาบอกกันแล้วนะครับ)

สำหรับคำว่า ปฏิกรรมสงคราม นั้นมาจากภาษาอังกฤษว่า reparation ซึ่งตรงกับคำบาลีว่า ปฏิการ แต่ไทยเรามีการใช้คำว่า ปฏิการ มานานแล้วในความหมายว่า ตอบแทน แต่คำแปลที่ถูกต้องเป็นเงินชดเชย ซึ่งก็นาจะพอใช้กันได้(ขอพระราชทานอภัยที่อาจเอื้อมวิจารณ์) ด้วยความพยายาม ทรงไปค้นหาในพจนานุกรมฉบับชิลเดอร์ก็ได้คำว่า ปฏิกัมม์ จึงนำขึ้นร่างถวายสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว) (ขอแทรกอีกนิด...ถ้าคุณเป็นคนช่างสงสัยอย่างผม ผมเคยสงสัยว่าใครเป็นคนบัญญัติคำว่า มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม ... ก็ขอบอกว่า สมเด็จฯ กรมพระเทวะวงศ์วโรปการ นี่แหละครับ คือผู้ทรงแต่งให้พวกเราชาวไทยได้ใช้มาจนถึงทุกวันนี้) สมเด็จฯท่านพิจารณาด้วยพระอัจฉริยะภาพ ทรงพระตระหนักดีว่า ปฏกัมม์ จะไม่คุ้นกับคนไทยในยุคหลังๆ เลยทรงปรับให้ใหม่ตามหลักภาษาไทยและบาลีสันสกฤต ได้คำใหม่ว่า ปฏิกรรม และเราก็ได้ใช้คำนี้เป็นภาษาราชการ แต่ทุกวันนี้แม้แต่หนังสือพิมพ์ของบ้านเราก็ยังมีพลั้งเผลอเขียนผิด โดยถ้าเขียนเป็น ประติมากรรมสงคราม คำว่าประติมากรรม ย่อมหมายถึงเงินค่าสร้างพรพุทธรูป ส่วนอีกคำที่เขียนผิดก็คือ ปฎิกรณ์สงคราม คำว่าปฏิกรณ์มีความหมายไปในทางนิวเคลียร์ฟิสิกส์ ดังนั้นโปรดจำการใช้ภาษาไทยให้ดี เพราะเรามีบุคคลสำคัญอย่างน้อยสองท่านที่มองเราอยู่จากเบื้องบน


 

โดย: zoomzero 24 กรกฎาคม 2552 13:34:54 น.  

 

โห... ยาวมากมาย ไม่อ่านได้มั๊ยง่ะ ตาลายอย่างแรงค่ะ *-*

มารายงานตัวงับ ช่วงนี้กรดไหลย้อนอีกแระ เค้าก้อว่าไม่ได้กินเก่งเรยน้า วันละมื้อสองมื้อเอง งุงิ แต่จะทรมานตอนตอนกะตอนตื่น *-* ซื้อยาที่เขาโฆษณามารักษาโรคกรดไหลย้อนมากินแระ ก้อโอเค ดีขึ้น แระก้อไออย่างแรง สงสัยจะเป็นโรคไอเลิฟยู คริ คริ

คิดถึงนะคะพี่ชาย จุ๊บ ๆ ๆ

 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น IP: 125.24.110.170 24 กรกฎาคม 2552 17:32:17 น.  

 



เอ...หลับยังเอ่ย...???

ป้าพาน้องมีโอมาส่งเข้านอนค่ะ

คืนนี้นอนหลับฝันดีนะคะ

เอ...แล้วที่ว่าดูของพี่ยุ่นแล้ว...

ตื่นเต้นตุ้บๆ..น่ะ...มางเปงยางงายอ่ะคะ

ป้าเคยย่องมาดูลูกเข้าเน็ตตอนดึกๆ...แล้ว!!!

หัวจายย...จา...วายย...อะจึ๋ย!!!

 

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) 25 กรกฎาคม 2552 0:03:59 น.  

 

สวัสดีวันจันทร์เจ้าค่ะพี่ชาย ^_^ สิ่งเดือนอีกแระสิ *-* แป๊บ ๆ ผ่านไป 7 เดือนจะเดือน 8 แล้วนะคะ

 

โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) 27 กรกฎาคม 2552 10:52:37 น.  

 

Swords & Ploughshares …Part 4

ทำไมเราต้อง Heal the world
โลกมีความเจ็บป่วยเรื่องอะไรหรือ?
เขาว่ามนุษย์เราจะตายนั้นมีอยู่ 5 แนวทางใหญ่ๆ ก็คือ
1. เจ็บป่วยแก่เฒ่าตายตามธรรมชาติ
2. อุบัติเหตุไม่คาดคิด
3. ภัยธรรมชาติ เช่น สึนามิ
4. ฆ่ากันเอง เริ่มตั้งแต่ ตายกันคนสองคน ไปจนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
5. ความยากจน การขาดแคลนอาหาร และยารักษาโรค

สำหรับคนที่ทำมาหากินในสไตล์ หาเช้ากินค่ำ คงไม่ต้องกังวลมาเรื่อง Heal the world มากมาย เพราะว่าจะกินวันพรุ่งนี้ยังต้องคิดกันอยู่ทุกวัน ไหนจะหนี้วันนี้ หนี้เมื่อวาน และดอกเบี้ยที่ทบต้นทบกันไม่รู้กี่รอบ แต่เมื่อท่านทนอ่านบทความจนจบได้ ท่านก็จะรู้ว่า เราไม่ต้องการเงินแม้แต่บาทเดียวที่จะเอามาสมานแผลของโลกใบนี้ แต่ ถ้าคุณมีเงินเป็นพันล้านบาท ก็น่าจะเอาไปช่วยมูลนิธิต่างๆบ้าง ถ้าเลือดรักชาติแรงมากก็ช่วยแต่ของไทยก็ได้ และลองตรึกตรองดูชื่อประธานมูลนิธิสักนิดว่า ท่านใดที่ไม่มีวันหลอกลวงประชาชน ก็ทำบุญกับมูลนิธินั้นไปก่อนได้เลย

เมื่อเจอกับคำถามว่า ในปัจจุบันนี้มีประเทศหรือชาติใดบ้างที่เขารบกัน หรือเป็นอริกัน ผมตอบได้หลายประเทศนะ ผมว่าคุณเก่งนะ แต่ผมอาจจะแพ้คนที่ทำอาชีพการทูตหรือนักข่าวต่างประเทศ อันนั้นเขาเป็นระดับผู้รอบรู้ เรามันแค่เด็กประถมต้น ผมเชื่อว่าถ้าคุณคิดจะช่วยโลกใบนี้ก็ไม่ต้องไปหาข้อมูลอะไรมาประกอบว่า ทุกวันนี้โลกเขาวุ่นวายจริงๆหรือเปล่า คุณทำได้เลย แต่ถ้าคุณว่างพอที่จะคิดว่า ทำไมโลกใบนี้ มีคนที่เกลียดกันได้มากขนาดไหน คุณน่าจะรู้บ้างว่าชนชาติไหนทะเลาะกับชาติไหน เรื่องสาเหตุอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ก็คือ ใครเดือดร้อนมากกว่า

ปัจจุบันมีหลายร้อยประเทศที่เคยรบกัน มีหลายสิบประเทศที่รบกันทั้งภายนอก และภายในประเทศที่เรียกว่าสงครามกลางเมือง มีชนเผ่าในบางประเทศที่ต้องการแยกออกมาตั้งประเทศ มีท้าทายระหว่างประเทศ ตัวอย่างประเทศที่เป็นขาวในระดับโลก ก็ได้แก่ Afghanistan, Basque Country, Chechnya, Columbia, Darfur, Iraq, Jammu and Kashmir, Korean Peninsula, Northern Ireland, และ Palestinian Territories

ถ้าจะมองเรื่องปัญหาความขัดแย้งในโลก โดยแบ่งอย่างนักวิชาการ แบ่งเป็นภูมิภาค เราก็อาจจะมองเป็นรูปร่างคร่าวๆ ได้ดังนี้

Africa
- Central Africa (Burundi, Central African Republic, Chad, DR Congo, Rwanda, Uganda)
- Horn of Africa (Ethiopia/Eritrea, Kenya, Somalia, Sudan)
- Southern Africa (Angola, South Africa, Zimbabwe)
- West Africa (Cote d'Ivoire, Guinea, Liberia, Nigeria, Sierra Leone)

Asia
- Central Asia (Kazakhstan, Kyrgyzstan, Tajikstan, Turkmenisatan, Uzbekistan)
- North East Asia (North Korea, Taiwan Strait)
- South Asia (Afghanistan, Bangladesh, Kashmir, Nepal, Pakistan, Sri Lanka)
- South East Asia (Burma/Myanmar, Indonesia, Philippines, Thailand, Timor-Leste)

Europe
- Balkans (Albania, Bosnia and Herzegovina, Croatia, Kosovo, Macedonia, Montenegro, Serbia)
- Caucasus (Armenia, Azerbaijan, Georgia)
- Cyprus
- Moldova
- Turkey
- Turkey-Cyprus

Latin America and Caribbean
- Bolivia
- Columbia
- Ecuador
- Haiti
- Venezuela

Middle East and North Africa
- Arab and Israeli Conflict (Israel/Occupied Territories, Lebanon, Syria)
- Iraq/Iran/Gulf (Bahrain, Iran, Iraq, Jordan, Saudi Arabia, Yemen)
- North Africa (Algeria, Egypt, Western Sahara)
การแบ่งแบบนี้ยังขาดไปอีกมุมมองหนึ่ง นั่นก็คือ ผู้ก่อการร้ายสากล เพราะเป็นเรื่องใหญ่ มีกลุ่มคนหลายฝ่ายเกี่ยวข้อง และคนที่คุณคิดว่าเราเลวร้ายที่สุด เขาอาจจะไม่ใช่ผู้ร้าย และคนที่ดูเป็นประเทศที่ดีแสนดีก็อาจจะมีคราบเลือดอยู่ที่ใต้พื้นรองเท้าก็ได้ ผมมีหลักการคิดอยู่ข้อหนึ่งก็คือ คนดีหรือคนเลว โดยหลักสากลจะมองเห็นไปในทางเดียวกัน แต่ทำไมคนที่โลกฝ่ายกลางบอกเราว่า เขาเลวร้าย แล้วทำไมเขาถึงมีคนสนับสนุนเขาอยู่ทุกวันนี้ โลกเราไม่ได้ล้าหลังเหมือนเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว จะได้เอาเรื่องนิยายเก่าๆมาหลอกให้คนรบกันได้อีก เรื่องนี้น่าคิด และก็น่าปวดหัว ดังนั้นวันนี้เราอย่าเพิ่งคุยเรื่อง ตาลีบัน อัลกออิดะห์ มูจาฮีดีน ฯ เอาเก็บไว้ก่อนดีกว่า

 

โดย: zoomzero 27 กรกฎาคม 2552 16:34:30 น.  

 

เป็นไงบ้างเนี่ยยย...

ติด 2009 ไปแล้ว

 

โดย: ดราก้อนวี 30 กรกฎาคม 2552 10:49:57 น.  

 

ฮาโหล๋ ๆ ซาหวัดดีคร้า พี่ชายตัวอ้วนใหญ่ ^_^

แวะมาบอกว่าหายป่วยดีแล้ว กลับมาวิ่งเล่นลั่นล้าได้เหมือนเดิมแระ งิงิ พี่ชายเป็นยังไงบ้างคะ ซำบายดีรึเปล่าเอ่ย

แวะมาส่งจุ๊บวันอาทิตย์ค่ะ

 

โดย: นู๋ Beee เองค่ะ (Beee_bu ) 2 สิงหาคม 2552 11:46:38 น.  

 

Swords & Ploughshares …Part 5
Turn swords into ploughshares
เมื่อคิดจะสมานฉันท์บนโลกใบนี้ ไมเคิล แจ็คสัน บอกในเพลงให้พวกเราสร้างรักที่บริสุทธิ์ขึ้นมาในพื้นที่เล็กๆในดวงใจของพวกคุณ สำหรับความคิดในเชิงวิชาการ ก็มีการคิดค้นสิ่งที่มีประโยชน์จากอาวุธที่เคยใช้ประหัตถ์ประหารกัน เรามาลองดูว่า พวกเขาได้คิดและเปลี่ยนแปลงในเรื่องใดกันบ้าง ลองดูตัวอย่างเพียงน้อยนิดที่ผมได้ไปหามานะขอรับ
1. Radar : แต่เดิมนั้น เรดาร์จะเอาไว้คอยตรวจจับเครื่องบินข้าศึก แล้วยิงปืน ปตอ จากพื้นดินขึ้นไปต่อต้านการบุก ตามด้วยฝูงบินที่ทะยานขึ้นฟ้าในเวลา 3 นาที ปัจจุบันได้เปลี่ยนมาเป็นอุปกรณ์เพื่อบริหารงานจัดการจราจรทางอากาศให้กับสนามบินต่างๆ ผลพลอยได้อีกเรื่องคือ การพัฒนาเครื่องส่งคลื่นไมโครเวฟ ทำให้ปัจจุบันกลายมาเป็นอุปกรณ์ขวัญใจคุณแม่บ้าน เอาไว้อุ่นอาหารเวลาที่คุณพ่อบ้านกลับมาตอนดึกๆ จะได้ไม่ด่ากันบ้านแตก นี่แหละ เตาไมโครเวฟขวัญใจคนรุ่นใหม่
2. Jet engines : ในช่วงสงครามโลก มีการเพิ่มขีดความสามารถของฝูงบินของอังกฤษและเยอรมัน ด้วยหลักการที่ว่า ไปได้เร็วกว่า ฆ่าได้มากกว่า (ทหารอากาศเขาจะไม่บอกว่า เอาไว้หนีได้ไกลกว่า 555) ปัจจุบันมีหลายประเทศที่ยังพยายามพัฒนาในด้านเครื่องยนต์ขับเคลื่อนสำหรับเครื่องบิน ความล้ำหน้าในด้านการบินยังมีทั้งด้าน swords และด้าน ploughshares เครื่องบินที่ติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ท สามารถบินได้เร็วมาก และยังแบกน้ำหนักบรรทุกได้มาก ถ้าไม่ต้องการให้มีคนอยู่กับวัตถุที่ส่งขึ้นไปก็ให้ใช้จรวด ยังมีอีกตัวอย่างที่เราอาจจะลืมนึกไปเลยก็ได้ ว่าเราอาจจะเคยนั่งทับเครื่องยนต์เจ็ทกันมาแล้วก็ได้ นั่นคือ เจ็ทสกี หรือมอเตอร์ไซด์ที่ขี่เล่นในน้ำ ที่เราไปเช่าตามชายหาดบางแสน พัทยา ฯ เครื่องยนต์ของมันก็เป็นเทคโนโลยีเจ็ทเช่นกัน
3. Space Race : การแข่งขันเพื่อที่จะเป็นเจ้าอวกาศระหว่างสหรัฐฯกับสหภาพโซเวียต ทั้งคู่ได้แข่งขันกันมานานมาก มีการลงทุนด้วยงบประมาณมากมาย ปัจจุบันประโยชน์จากการวิจัยเรื่องนี้ ก็ยังเป็นเรื่องของการทหารเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ยังมีส่วนที่เปลี่ยนมาเป็นประโยชน์บ้าง ได้แก่ จรวดที่ใช้ขนส่งดาวเทียม จรวดสำรวจสภาพอากาศ หรือจรวดที่ใช้พามนุษย์ไปสู่ดวงดาว การส่งดาวเทียมก็มีวัตถุประสงค์หลายอย่าง เช่น เพื่อการศึกษา เพื่อการป้องกันเอกราชของประเทศ เพื่อการคมนามคมสื่อสาร และเพื่อการจารกรรมความลับของชาวบ้าน ฯ
4. Computer : เริ่มแรกนั้น นักวิทยาศาสตร์ได้มีการคิดสร้างอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อช่วยในการคำนวณข้อมูล การทำรายงาน การพิมพ์เอกสารที่มีปริมาณมากๆ ภายในเวลาที่จำกัด และรูปแบบเอกสารที่หลากหลาย อย่างเช่น การทำสำมะโนประชากรของคนในประเทศ การแปลภาษาหรือถอดรหัสที่เป็นโค๊ดทางการทหาร เทคโนโลยีนี้เริ่มต้นด้วยหลอดทรานซิสเตอร์ขนาดใหญ่ จนกลายมาเป็น ICที่มีขนาดเล็กมากๆ ปัจจุบันคอมพิวเตอร์มีบทบาทและอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์มาก คอมฯเข้าไปอยู่ในโลกของอุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์การสื่อสาร การบันทึกข้อมูล เครื่องใช้ในสำนักงาน และอุปกรณ์การเรียนการสอนต่างๆ แม้กระทั่งการซื้อขายอาหารก็ยังต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ ในด้านมืดของคอมพิวเตอร์ ก็คือ เรื่องเด็กๆติดเกมคอมฯ และมีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือ เด็กที่เริ่มจะติดเกมจะมีอายุน้อยลงเรื่อย และจำนวนเวลาในการเล่นแต่ละวันของเด็ก ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือก็ได้กลายเป็นคอมพิวเตอร์แบบหนึ่งไปแล้ว
5. Roads : เมื่อก่อนถนนหนทางมักจะเกิดจากการเดินทางย้ำไปบนพื้นดินนับร้อยๆปี จากผู้ผลิตไปหาผู้ซื้อ จากพ่อค้าไปยังลูกคา ถนนดีๆ ส่วนมากจะมีเฉพาะในเมืองหลวงเท่านั้น แต่ก็ยังมีถนนที่ตัดใหม่และใช้วัสดุที่มีความทนทานสูง มีการวัดและสร้างเป็นแนวตรงเท่าที่จะทำได้ ซึงมักจะเป็นถนนที่กองทัพทหารใช้เป็นเส้นทางเดินทาง จนมีคำกล่าวว่า ถนนสำหรับทำศึกสงคราม ดีกว่าถนนที่มุ่งหน้าไปโบสถ์หรือไปวัดเสียอีก สำหรับในช่วงสงครามโลก จะมีการสร้างถนนสายยุทธ์ปัจจัยขึ้นหลายเส้นทาง มีการคิดค้นวัสดุที่ใช้ในการเทลาดทับหน้าพื้นถนนให้มีการยึดเกาะและทนทานสูง มีการคิดหาสูตรการผลิตปูนซีเมนต์ จนทำให้ในปัจจุบันถนนถูกสร้างด้วยมาตรฐานที่สูงขึ้น อานิสงส์นี้ยังส่งผลให้กับบ้านพัก ที่อยู่อาศัย โรงเรียน โรงพยาบาล สนามบิน เขื่อน สะพาน ฯ ที่มีความแข็งแรง ใช้งานได้นานปี จากถนนที่พาคนไปตายกลายมาเป็นถนนเพื่อการขนส่ง และนำความเจริญเข้าไปสู่พื้นที่ต่างๆ เป็นการต่อชีวิตให้คนชั้นล่างจริงๆ
6. GPS (Global Positioning System) : ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า GPS เป็นผลงานของสหรัฐฯ เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยด้านจรวดและอวกาศ เพื่อบอกตำแหน่งของวัตถุที่เคลื่อนตัวอยู่บนท้องฟ้าและในอวกาศ และยังทำให้เกิดความคิดกลับขั้ว คือการหาตำแหน่งของวัตถุบนโลกไม่ว่าจะอยู่กับที่หรือกำลังเคลื่อนที่ไป ในวันนี้นักวิทยาศาสตร์ด้านยุโรปมีเรียกว่าGPS ว่า Galileo, ส่วน Beidou เป็นชื่อที่จีนคิดขึ้นมา และ GLONASS เป็นของรัสเซีย เรื่องราวของ GPS นั้น จะต้องพึ่งดาวเทียม ตามปกติจะใช้ถึง 5 ดวงในการบอกพิกัดที่แม่นยำ แต่เดิมสหรัฐมี GPS เอาไว้ทำเรื่องสงครามอวกาศ (Star War) อย่างเดียว แต่ด้วยความเมตตาของ ประธานาธิบดี โรนัลด์ แรแกน ท่านได้แบ่งปัน GPS ให้ชาวโลกได้มีโอกาสได้ใช้กันทุกคน ทั้งนี้มาจากกรณีที่เครื่องบินลำหนึ่งของโคเรียนแอร์ไลน์ ประเทศเกาหลีใต้ เกิดบินหลงทิศ เข้าไปละเมิดน่านฟ้าของสหภาพโซเวียต ด้วยความตกใจของทหารโซเวียต ว่าจะเป็นขีปนาวุธขนาดใหญ่ จึงส่งกองทัพอากาศขึ้นไปทำลายเครื่องบินหลงทางลำนั้นทิ้งกลางเวหา มีคนตายไป 269 ศพ สาเหตุใหญ่ก็คือ รัศมีทำงานของเรดาร์นั้นจำกัด วัตถุที่บินอยู่เหนือมหาสมุทรในตอนกลางคืน มีโอกาสหลงทางได้ ถึงจะตั้งเข็มทิศไว้ แต่ลมที่ปะทะด้านข้าง และมุมเลี้ยวที่ผิดองศาในตอนที่ขึ้นจากพื้นดิน ฯ สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็มีผลต่อเส้นทางบินมาก และเหตุการณ์นี้จะไม่สามารถแก้ไขได้เลยในกรณีที่เป็นการบินในตอนกลางคืน เพราะนักบินไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย ปัจจุบันระบบ GPS เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแผนที่และการเดินทางเป็นส่วนใหญ่ มีการนำ GPS ไปใช้ทั้งในเชิงพาณิชย์และการศึกษาวิจัยต่างๆ เราสามารถระบุตำแหน่งของสัตว์ที่หายาก สามารถติดตามยานพาหนะที่ถูกจารกรรม สามารถใช้นำร่องให้เรือเดินสมุทรขนาดใหญ่ เพื่อที่ได้แล่นโดยไม่ชนอะไร(เช่น ก้อนน้ำแข็งยักษ์) ที่จะทำให้มันจมกลางมหาสมุทร ฯ
7. Cyanoacrylate : อ่านว่า ไซยาโนอะคริเลต มีชื่อย่อว่า CA กล่าวกันว่า ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีนักวิทยาศาสตร์ 2 คน ชื่อ คูเวอร์ กับ โกดัก ได้ทำการค้นหาเลนส์พลาสติกที่จะนำมาใช้ประกอบกับปืน แต่เกิดไปเจอเรื่องประมาณว่างานเข้า นั่นก็คือเจ้าพลาสติกในห้องทดลองนั้นเกิดทำตัวเหนียวและเชื่อมยึดวัตถุต่างๆ ยิ่งเมื่อแห้งแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลยว่า จะเอาของสองสิ่งนั้นแยกออกจากกัน ในที่สุด,เขาทั้งสองก็หันมาปรึกษากันว่า เจ้าของเหลวที่ได้มามันทำตัวเป็นกาวที่มีแรงยึดเหนี่ยวสูง กาวที่ว่านี้ พวกเราคงจะเคยได้ยินและอาจจะเคยใช้มาแล้ว นั่นก็คือ กาวซุปเปอร์กลู(Super Glue) หรือกาวตราช้าง ซึ่งทุกวันนี้มีหลากหลายยี่ห้อ กาวซุปเปอร์กลู ได้เริ่มเปิดตัวในโฆษณาชิ้นหนึ่งโดยอ้างว่าเพียง 1 หยด ก็สามารถดึงเอาเด็กผู้ชายให้ลอยติดขึ้นไปได้ (ก็น่าจะรู้ว่าโฆษณาแปลว่าอะไร)
8. Sonar : ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ่งที่เป็นอาวุธหลักแห่งชัยชนะคือเรือบรรทุกเครื่องบิน และเรือรบขนาดกลาง แต่เรื่องที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ เรือดำน้ำ ที่มีตอปิโด แค่ 1 ลูก ขอให้โดนกลางลำ คลังเก็บเชื้อเพลิง หรือเข้าห้องเครื่องยนต์ ก็สามารถจมเรือขนาดกว้าง 2-3 เท่าของสนามฟุตบอลได้ในเวลาไม่ถึง 5 นาที ดังนั้นการที่จะตรวจสอบให้รู้ว่ามีพาหนะเคลื่อนที่อยู่ใต้น้ำก็ต้องหาอุปกรณ์ดักจับ ซึ่งคำตอบที่ดีที่สุดก็คือ เสียงของเครื่องยนต์ในน้ำ แรกๆนั้นก็ได้มีการใช้อุปกรณ์ที่ชื่อว่า Echo Sounder กันในช่วงกลางๆสงครามโลก โดยติดไว้ใต้ท้องเรือ หน้าที่ของอุปกรณ์นี้ก็คือ วัดระดับความลึกของน้ำใต้ท้องเรือ โดยติดไว้ที่เรือดำน้ำและเรือกวาดทุ่นระเบิด และแล้วนักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาอุปกรณ์ที่ทำงานในหลักการเดียวกันก็คือ sonar ซึ่งย่อมาจากคำเต็มๆว่า SOund Navigation And Ranging ในปัจจุบันมีการนำ sonar มาใช้ในการประมงและการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งมีวัตถุประสงค์สวนทางกันอย่างสุดขั้ว เพราะชาวประมงสมัยใหม่มักจะใช้ sonar รวมกับเครื่อง GPS Chart Plotter เพื่อค้นหาฝูงปลา และพาเรือตัวเองออกไปจับปลาเหล่านั้นในกลางมหาสมุทรทีละมากๆ เชื่อกันว่าปลาทูน่าและปลาซาดีน ที่ถูกจับกันในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ มีปริมาณเกือบจะเท่ากับการจับปลารวมกันในเวลา 1,000 ปีก่อนหน้านี้เสียอีก ไม่รู้ว่าจะขอบคุณคนที่คิดเครื่องsonarดีหรือเปล่า? สำหรับในทางพาณิชย์ก็มีการติดตั้งsonar กับเรื่อสำรวจสมุทร และเรือเดินทะเล ความรู้เรื่อง sonar มาจากสัตว์ 2 ชนิด ชนิดแรกคือ โลมา (ไม่ใช่ปลา) อันนี้เป็น sonar-water หรือ โซน่าร์น้ำ ส่วนสัตว์อีกชนิด อันที่คนเราก็รู้จักแต่อาจจะลืมไป อุปกรณ์นี้เรียกว่า sonar-air หรือ โซน่าร์อากาศ และก็มีเพียงหนึ่งเดียวคือ ค้างคาว
ประโยชน์ของ sonar ในทางการแพทย์นั้นสุดที่น่ายินดี เราทราบเพศทารกและสามารถทราบสุขภาพของเขาได้จากเครื่องอุลตร้าซาวด์ ซึ่งเทคโนโลยีของเครื่องอุลตร้าซาวด์ยังใช้การตรวจสอบอวัยวะภายในของมนุษย์และสัตว์ได้เป็นอย่างดี ในปัจจุบันมีการใช้คลื่นเสียงเพื่อทำการรักษาโรคต่างๆอีกมาก จะเห็นได้ว่าเมื่อนำดาบมาสร้างเป็นเครื่องมือเกษตรกรรม ย่อมสร้างความสุขให้กับมนุษย์อย่างมากมาย
9. Gas mask : ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มีผู้นำชาติหนึ่งที่มีความสุขกับการใช้แก๊สพิษเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชนชาติยิว และเชื่อว่าในสงครามโลกครั้งต่อไปจะต้องมีการใช้อาวุธเชื้อโรคหรือแก๊สพิษอีกอย่างแน่นอน ทหารจึงต้องทำการพัฒนาหน้ากากป้องกันแก๊สพิษ ซึ่งมีแนวคิดเป็น 2 อย่างคือ อย่างแรกทำแบบมนุษย์กบที่ดำน้ำ แปลว่าต้องมีถังออกซิเจน แต่แบบนั้นมันเปลืองงบประมาณและเป็นภาระในการเคลื่อนพล อย่างที่สองคือ หน้ากากอนามัย หรือหน้ากากที่สามารถกรองแต่อากาศดีๆเข้ามาเท่านั้น ในการทำการวิจัยในครั้งนั้น จึงเกิดการค้นหาเยื่อกระดาษแบบต่างๆ จนเป็นจุดกำเนิดของกระดาษเช็ดหน้า (Facial Tissues) สิ่งมหัศจรรย์ของสาวๆทั้งหลาย ยี่ห้อแรกน่าจะเป็น Kleenex ว่ากันว่า (ก็คือ เขาเล่าว่านั่นแหละ) บริษัทที่ออกแบบวิจัยกระดาษเช็ดหน้าได้เป็นคนแรกของโลกก็คือ Klimberly-Clark พอต่อมาอีก 2-3 ปีก็ได้เปิดตัวสินค้ายี่ห้อ Kleenex ซึ่งในตอนแรกเยื่อกระดาษทิชชู่นี้ เรียกว่า Cellucotton เพราะเอามาแทนผ้าฝ้าย(cotton) ที่ใส่ไว้ในช่องจมูกของหน้ากากกันแก๊สพิษของทหาร เขาว่ากันว่า(ว่ากันอยู่นั่นแหละ) ญี่ปุ่นยังเป็นเบบี๋เรื่องนี้อยู่เลย แต่ในวันนี้ญี่ปุ่นกลายเป็นเจ้าตลาดบวกเจ้าความคิดแนวใหม่ล่าสุดของกระดาษเช็ดหน้าและกระดาษชำระอย่างเช่น กระดาษเช็ดหน้าที่ใช้ฆ่าเชื้อโรคได้ ฯ เป็นต้น
การเกิดของกระดาษเช็ดหน้านั้น สร้างความเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างมากมาย เพราะเมื่อก่อนนั้น ผู้หญิงต้องพกผ้าเช็ดหน้าหลายๆผืน หรือไม่ก็ต้องถือไว้เฉยๆ ระวังไม่ให้มันสกปรก (แล้วจะถือเอาไว้ทำไม?) อีกเรื่องคือพวกเธอไม่ต้องเสียเงินซื้อผ้าเช็ดหน้าราคาแพงๆเอามาอวดกันอีกต่อไป เรียกว่าวงการผ้าเช็ดหน้าที่ทำด้วยผ้าลูกไม้สวยๆของสตรีต้องล้มหายตายจากกันไปเลย (สรุปว่าเจ๊ง) สำหรับเรื่องสุขอนามัยนั้นก็มีการเปลี่ยนแปลงเพราะเมื่อมีคนเป็นหวัด เขาก็จะใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นอย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง (จนกว่าจะกลับบ้าน) เท่ากับเป็นการสะสมเชื้อโรคไว้ในกระเป๋า แต่การใช้กระดาษเช็ดหน้าแบบใช้แล้วทิ้ง จะเป็นการสร้างความสะอาดส่วนบุคคลมากขึ้น (แต่เป็นการสร้างขยะกองมหึมา และเป็นการทำลายป่าไม้อีก ดังนั้นจึงนิยมเอาของรีไซเคิลและวัสดุเหลือจากการผลิตต่างๆ เอามาสร้างเป็นกระดาษเช็ดหน้าและกระดาษชำระ) พอมาถึงยุคที่ผู้หญิงต้องแต่งหน้าด้วยเครื่องสำอางอย่างเข้มข้น ที่เราเรียกกันว่า โบ๊ะหน้าปานงิ้วหลงโรง ผมว่าตอนแต่งหน้าก็ดูสวยดี แต่จะนอนทั้งๆหน้าตาแบบนั้นไม่ได้ ต้องมีขั้นตอนชำระล้างเครื่องสำอางออก ดังนั้นกระดาษเช็ดหน้าที่สามารถซับเครื่องสำอางออกได้อย่างหมดจดจึงถูกคิดค้นขึ้นมา แถมไม่ทำลายรอยตีนกาบนใบหน้าของคุณอีกด้วย นับว่าฟ้าส่งของสิ่งนี้มาให้พวกเธอแท้ๆ ประโยชน์ของผ้ากรองนี้อีกเรื่องก็คือ หน้ากากอนามัย ที่ใช้ป้องกันโรคระบาดที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ อย่างเช่น ไข้หวัด2009 ฯ เป็นต้น นี่แหละอีกมุมหนึ่งของผลพลอยได้จากการวิจัยอาวุธสงคราม สำหรับผม ผมดีใจที่เขาคิดค้นกระดาษชำระได้ มิเช่นนั้นป่านนี้ผมคงจะต้องใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ทำความสะอาดประตูหลังไปตลอดชีวิต 555
10. Rocket fuel : ในสงคราม การรบที่เสียกำลังพลของฝ่ายของเรามากที่สุดก็คือการบุกทางพื้นดิน ดังนั้นจึงหันมารบด้วยฝูงบินอินทรีย์เหล็กพร้อมปืนกลและลูกระเบิดมัดไว้กับปีกเครื่องบิน แต่ข้าศึกก็มีกองทัพอากาศของเขาเหมือนกัน การรบแบบนี้จึงเป็นการเสี่ยง ฝ่ายวิจัยอาวุธของทหารจึงคิดหาหนทางนำระเบิดติดไปกับจรวด ปล่อยให้จรวดพุ่งเข้าหาเป้าหมายที่อยู่ไกลๆจะคุ้มกว่า และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ จรวดที่ติดหัวรบเป็นระเบิดนิวเคลียร์ ทีนี้ประเทศไหนมีจรวดก็เกิดความต้องการเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนจรวด ซึ่งเมื่อก่อนเทคโนโลยีของเชื้อเพลิงจรวดก็มีทั้งเชื้อเพลิงเหลวและเชื้อเพลิงแข็ง การสะสมจรวดจะควบคู่ไปกับการสะสมเชื้อเพลิง และเชื้อเพลิงของจรวดก็มาจาก ไนโตรเจนเตตระออกไซด์(Nitrogen TetraOxide) และกรดไนตริกฟูมิ่ง(Fuming Nitric Acid) หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการประชุมเพื่อลดจำนวนจรวดและขีปนาวุธนิวเคลียร์ทั้งหลาย เมื่อไม่มีจรวดก็ไม่มีความต้องการเชื้อเพลิง ดังนั้นจึงเกิดความคิดในการเปลี่ยนสารประกอบไนโตรเจนให้เป็นสารที่มีประโยชน์ สิ่งที่เป็นคำตอบที่ดีที่สุดก็คือ ปุ๋ย(fertilize) ปัจจุบันมีการนำเชื้อเพลิงจรวดไปผสมกับสารอินทรีย์ต่างๆจนได้เป็นปุ๋ยที่มีคุณค่าทางอาหารของพืชสูงมาก ลองตามไปอ่านได้ที่ //www.garden-ville.com/4429779_36600.htm
11. M18 and M20 recoilless rifles and snow : ในช่วงท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 สหรัฐได้มีการใช้อาวุธที่น่ากลัวอีกชนิดหนึ่ง ภาษาชาวบ้านเรียกว่า ปืนยิงรถถัง (ในความเป็นจริง ปตรถ หรือ ปืนต่อสู้รถถัง จะเป็นอีกแบบหนึ่ง คือมีล้อและมีขนาดใหญ่กว่ามาก) ถ้าจะเรียกให้ถูก ต้องเรียกว่า ปืนไร้แรงสะท้อนถอยหลัง สมัยก่อนก็นิยมใช้ เอ็ม18 (ขนาด 57 มม.) กับ เอ็ม20 (ขนาด 75 มม.) นับว่าเป็นปืนยิงจรวดรุ่นแรกๆก็ว่าได้ ขณะยิงกระสุนออกไปมีอันตรายมาก ด้านทำลายก็สามารถยิงได้ถึง 6-7 กม. ทะลุทะลวงเหล็กหนาถึง 100 มม. (ประมาณ 4 นิ้ว) ไอ้ที่น่ากลัวที่สุด ไม่ใช่การทำลายศัตรู แต่เป็น เปลวเพลิงที่พุ่งออกด้านท้ายปืน ซึ่งจะพุ่งออกไปไกลถึง 40 เมตร มีรัศมีสังหารเพื่อนทหารที่ยืนอยู่ด้านหลังผู้ยิงปืนถึง 250 เมตร คนที่ยิงและคนที่อยู่ใกล้กัน จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์อุดหู มิฉะนั้นแก้วหูอาจจะแตกกระจายได้ เมื่อสิ้นสงครามโลก ได้มีการสร้างจรวดแบบบังคับได้ หรือจรวดนำวิถี(Guided Missile) ซึ่งร้ายแรงกว่ากระสุนของปืนไร้แรงสะท้อนมาก เพราะในหนึ่งจรวด 1 ลูก สามารถยัดหัวระเบิดได้มากกว่า 1 หัว แถมเจ้าจรวดสมัยใหม่นี้ ยังสามารถบินหลบหลีกเรดาร์ได้ แถมร่อนส่ายไปตามช่องหุบเขาได้อีกต่างหาก (โอ้ย..ช่างคิดกันได้อย่างไร?) ระยะยิงไปได้ไกลถึง 100 ไมล์ (ประมาณ 160 กม.) ด้วยความเร็ว 5 เท่าของเสียง (ระดับ supersonic) เชื่อหรือไม่ว่าเสียงเดินทางได้ประมาณ 768 ไมล์ต่อชั่วโมง ดังนั้น 100 ไมล์ จรวดขนาดเล็กๆรุ่นใหม่ๆ จะใช้เวลาสังหารเหยื่อในเวลา 8 นาที ลูกกระสุนที่เป็นหัวระเบิดนั้นควรจะเอาไว้หยุดกองทัพรถถัง แต่เรื่องไม่ได้เป็นไปแบบนั้น คือว่า เมื่อเริ่มลองใช้เอ็ม18 และเอ็ม20 ได้ไม่กี่วัน สงครามโลกก็ยุติลง ทำท่าว่าจะเลิกผลิตไปแล้วหละท่าน แต่ทหารสหรัฐกลับได้มีโอกาสเอามันมาเล่นใหม่ในสงครามเกาหลี สังหารคนเกาหลีไปมากมาย ยังผลให้เกาหลีเหนือมีความเกลียดสหรัฐมาก (มีการสอนเด็กเกาหลีเหนือรุ่นใหม่ๆว่าสหรัฐทำให้ประเทศเขาต้องเป็นแบบนี้ คิดดูว่าเมื่อเด็กเหล่านั้นโตขึ้นมา แล้วได้ไปทำงานในอเมริกา อะไรจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า) และอีกช่วงของการพัฒนาอาวุธชนิดใหม่ ประมาณปี ค.ศ.1960 – 1970 ทหารสหรัฐทำการปลดระวางอาวุธยิงจรวดที่มีขนาดใหญ่และมีอันตรายมากในการใช้งาน มีการล้างออกจากทะเบียนเครื่องจักรสังหาร (เรื่องน่าเศร้าก็คือ พวกอเมริกันเอาอาวุธที่พวกเขาไม่อยากใช้ เอามาขายให้ประเทศที่คุณอยู่นี้แหละ) พวกทหารสหรัฐได้ปืนรุ่นใหม่กว่า แถมยังได้ทดลองของเล่นใหม่คือ จรวดนำวิถีติดหัวรบ และนำมาทดลองใช้กับชีวิตชาวเวียดนามตาดำๆ ทำให้ศึกสงครามคราวนั้นมีพลเรือนหรือชาวบ้านเวียดนามใต้ตายไป 1.5 ล้านคน คนเวียดนามเหนือตาย 3 ล้านคน คนเขมร 7 แสนคน และคนลาว 5 หมื่นคน นอกจากนั้นก็ยังมีทหารอีกหลายประเทศที่ไม่ได้กลับมาบ้านเกิด โดยเฉพาะทหารไทยได้เสียชีวิตไป 1,351 นาย ทหารเวียดนามสละชีวิตในมาตุภูมิของตนเองไป 2 แสนนาย(เป็นอย่างน้อย) และทหารสหรัฐเองก็สูญเสียไปถึง 58,000 นาย (ไม่รวมสูญหายอีก 2 พันนาย) จากจรวดที่ใช้หยุดรถถังกลายมาเป็นอาวุธสังหารบุคคล(ที่สำคัญ) หรือใช้ทำลายตึก อาคารขนาดใหญ่

 

โดย: zoomzero 3 สิงหาคม 2552 18:28:45 น.  

 

Comment ท้ายเรื่อง
ไมเคิล มองเห็นว่าโลกใบนี้กำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เขาไม่ได้โทษเรื่องสีผิว ไม่ได้โทษเรื่องศาสนา ไม่ได้โทษเรื่องเชื้อชาติ ไม่ได้โทษเรื่องการเมือง เขามองข้ามต้นเหตุต่างๆ เพราะในเรื่องความขัดแย้งระดับชาติ เป็นเรื่องยากที่จะให้จบกันแบบง่ายๆ แต่ความคิดของไมเคิลเรียบง่าย เขาเอาตัวเขาเองเป็นจุดเริ่มต้นของวิธีแก้ไข เรามอบความรักให้กับคนทั้งโลก เขาบอกให้เราลองหัดรักกัน รักที่ไม่ต้องเสแสร้ง ไม่ต้องโกหก ไม่ต้องรักมากมายมหาศาล ขอเพียงรักเล็กๆที่บริสุทธิ์ หลายคนมองว่าไมเคิลสร้างกองทุนอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ เอาไว้หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองหรือเปล่า? ถ้าจะกล่าวหาหรือดูถูกไมเคิล คุณก็ต้องรู้ว่ามูลนิธิ Heal The World Foundation เขาทำอะไรกันบ้างเสียก่อน

อย่าเพิ่งคิดว่าการจะทำให้โลกนี้น่าอยู่ การจะช่วยเหลือผู้คน ต้องใช้เงินกันอย่างเดียว มันมีหลายวิธีที่จะช่วยโลกใบนี้ ผมไม่กล้าสอนพวกคุณหรอกว่า คุณต้องทำอะไร คิดอย่างไร แค่คนในครอบครัวของคุณ คุณเคยคิดจะให้ความรักกับพวกเขาทุกคนหรือยัง? ถ้าคุณถามผมว่า ต้องหยุดอะไร ผมก็คงจะต้องบอกว่าหยุดคิดที่จะเยียวยาโลกใบนี้ได้แล้ว เริ่มต้นทำกันเลยดีกว่า อีกไม่นานก็จะไม่เหลือรอยยิ้มบนโลกใบนี้อีกแล้ว เชื่อหรือไม่?

 

โดย: zoomzero 3 สิงหาคม 2552 18:39:54 น.  

 

ซาหวัดดีคร้าพี่ชายตัวอ้วน

พิมพ์อารัยอยู่คนเดียวง่ะ ย๊าว ยาว ๆ ตาลายง่า *-* ตกลงที่ blog หรือรายการสารคดี อัตชีวประวัติหว่าบุคคลสำคัญหว่า *-*

วันนี้เจ็บตาจังค่ะ ตั้งแต่เช้าเลย ไม่รู้ไปโดนอะไรมา แสบในตาข้างขวาไปหมดเลย จะว่าเป็นที่คอนแท็ค ก้อไม่ใช่ เพราะพอเจ็บตาก้อเลยถอดปาทิ้งไปแล้ว วันนี้มาทำงานแบบเบลอ ๆ คนข้าง ๆ ก้อเลยดูหน้าตาดีขึ้น 5% อุอุ จนป่านนี้ยังเจ็บตาอยู่เลยง่ะ ง๋อย ๆ ๆ *-*

แต่ม่าเปงไรค่ะ เดี๋ยวไปทำสังฆทานต่อก่อนกลับบ้าน งุงิ มะวานไปเดินช๊อปปิ้งที่ตลาดเมืองทองกะเจ้าเบลล์น้องสาว เป็นหมูสองตัว เชื่อมั๊ยคะ ว่าคนอื่นเขาช๊อปได้เสื้อผ้าเยอะแยะมากมาย แต่พวกเราม่ายได้ซักกะชุดค่ะ อุอุ ส่ายม่ายล่ายเรย *-* แต่หมดไปเป็นพัน กะของใช้ ของอื่น ๆ และที่เป็นmain หลักคือของกิน เยอะมากกก โอ้... ก้อดูหุ่นดิ - -

อ้อ กุ้งอบวุ้นเส้นอร๊อย อร่อย แหล่ะค่ะ ถุงละ 40 บาท มีกุ้งอยู่ 2 ตัว เหอะ ๆ แต่วุ้นเส้นอื้อเลย แต่รถชาติก้อโอค่ะ อร่อยดี งุงิ ตลาดนัดใหญ่เมืองทองมีแค่เดือนละ 2 ครั้ง คืออาทิตย์สุดท้ายของเดือน และอาทิตย์แรกของเดือน มีอีกทีก้อเดือนหน้าเลยง่า *-* แต่คนก้อเยอะมาก ไปเดินวันเดียว จาก 1900 เหลือกลับห้องอยู่ เอ่ออ... 1 2 3 ง่ะ 300 กรี๊ดสสส เดือนนี้จากิงไรหว่า *-* ไปขายของต่อดีฝ่า งุงิ หาเงินช๊อปปิ้งครั้งต่อไป คิคิ

สุดท้าย เอาลูกชายสุดรักนู๋มาโชว์เจ้าค่ะ ลูกหมี พร้อมหมวกจากงานพี่เบิร์ด แฟนซี แฟนซน คนข้าง ๆ ที่หล่อขึ้น 5% เอามาฝาก (แหม นะ ทั้งงานของแจกเยอะแยะเอามาอย่างเดียว อารมณ์เสีย ชิ)

คิดถึงนะคะ พี่ชาย จุ๊บ ๆ ๆ ๆ





 

โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (Beee_bu ) 3 สิงหาคม 2552 19:00:33 น.  

 

"อึม....
มันต้องมีคนอ่านจนจบสักคนหละน่า
แต่ที่แน่ๆ ไม่มีใคร copy ไปลงที่อื่นหรอก"

 

โดย: zoomzero 4 สิงหาคม 2552 8:22:55 น.  

 

ขออนุญาตเอาไปทำรายงานนะคะ เนื้อหาดีมากๆค่ะ ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่าจะเอารายงานเรื่องอะไรดี เลยนึกถึงชายผู้นี้ขึ้นมาซะแล้ว (ความจริงก็ไม่เคยลืม ฮ่าๆๆ) ฉะนั้นก็ขอใช้เป้นข้อมูลในการทำรายงานนะคะ ขอบคุณค่ะ

 

โดย: Love MJ มากๆ IP: 182.52.124.133 6 กันยายน 2553 1:24:11 น.  

 

ยินดีครับ
ไม่คิดหวงห้าม
แล้วใครหละครับนี่
คราวหน้าอยากทำรายงานอะไรบอกกันได้เลย
ถ้าช่วยได้ จะเขียนเป็นบล็อกให้อีกอัน
ไม่คิดตังค์
แต่ขอคิดถึงแทน 555

 

โดย: zoomzero 6 กันยายน 2553 21:24:16 น.  


zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
21 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.