หุบเขาคนโฉด ไม่ใช่ไอศครีม ไม่ต้องเข้ามาเลีย หรือเชียร์จนละเหี่ยใจ แต่ขอแค่ความจริงใจ ของคนกล้าคิด ไม่ติดอยู่ในกรอบ
30929 แอนนี่

ป่าหอมหมื่นลี้ . . .

ความรัก ความจริงใจ และเสียงเพลง นี่แหละ ที่หอมไปไกลถึงหมื่นลี้



หุบเขาคนโฉด, ป่าหอมหมื่นลี้, จอห์น เดนเวอร์, แอนนี่'ส์ ซอง

Violent Valley, Zoomzero, Forest10000Lees, John Denver, Annie's song

 Annie's Song 




หลายวันมานี้
ผมได้ติดตามข่าวสายบันเทิงที่ไม่ค่อยจะบันเทิงข่าวหนี่ง
เป็นข่าวของซุปเปอร์สตาร์หน้าเกาหลีกับดารานางแบบหน้าฝรั่ง
และเด็กทารกหน้าตาน่ารักอีกคนหนึ่ง
ผมอ่านจากหนังสือพิมพ์ ดูทีวี อ่านข้อความในเว็บต่างๆทางInternet
ซึ่งมีหลากหลายความคิดเห็น บางคนว่า แบบนี้เรียกว่า เสพมากกว่าบริโภคข่าวสาร

ผมได้พูดคุยเรื่องนี้กับผู้คนจำนวนหนึ่ง
คนที่คุยด้วยนั้น แรกทีเดียว ต้องขอแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
พวกที่เต็มใจคุยด้วย กับ พวกที่ไม่อยากคุยด้วย

พวกไม่อยากคุยด้วย ดูแล้วมีอยู่ 4-5 ลักษณะ ได้แก่
- พวกที่ไม่มีเวลาคิดเรื่องของคนอื่น ทำงานทั้งวันโดยไม่มีโอกาสอ่านหนังสือหรือดูข่าวทีวีเลย
- พวกที่ไม่สนใจข่าวด้านบันเทิง แต่อาจจะสนใจแต่กีฬา มวย ม้า ....
- พวกที่ไม่รู้อะไรจริงอะไรเท็จ (ผมก็เป็นพวกนี้) และรำคาญพวกที่เสพข่าวแทนข้าวปลาอาหาร
- พวกที่ไม่อยากนินทาคนอื่น เป็นพวกคนดีมีศีลธรรม รักความสงบ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าไม่ฟังว่าใครๆเขาคุยอะไรกัน
- พวกที่อยากออกความเห็น แต่ไม่ใช่การคุยกับคนอย่างผม เพราะผมชอบขัดคอ แป่วววว

คนที่คุยด้วยก็จะมี ทั้งเห็นใจทั้งสองฝ่าย, เห็นใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง,
เกลียดฝ่ายที่มาทำร้ายคนที่ตนชื่นชอบ, และสมน้ำหน้าทั้งสองคน (พวกนี้แรงได้ใจ)
ใครไม่ชอบคุยเรื่องนี้ ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก ต่างคนก็ต่างความคิด
ผมว่ามันมีเส้นบางๆกั้นกลางระหว่าง คนรักสงบ กับ คนเห็นแก่ตัว

วันนี้ ผมไม่อยากที่จะค้นหาความจริงว่าใครผิด ใครถูก ใครพูดจริง ...
แน่นอนเมื่อหลายคนพูดไม่เหมือนกัน ก็แปลว่า ต้องมีคนโกหก
แต่หัวอกคนที่มีน้องสาว มีลูกสาว มีเพื่อน เป็นผู้หญิง เห็นข่าวแบบนี้แล้ว กลัว
ผมว่าไม่ว่าจะจบอย่างไร ผู้หญิงก็มีแต่ความเสียหาย

โลกเขาสร้างให้มีผู้ชายกับผู้หญิงมาแล้ว
เรื่องความรัก ความใคร่ พวกเขาต้องป้องกันและเรียนรู้ก่อนที่จะทำอะไรกัน
แต่ที่กลัวคือ สังคม(ไทย)ในวันนี้ มีคนน่ากลัวอยู่พวกหนึ่ง
พวกนี้ กล้าที่จะทำร้ายคนที่ตนรักได้ เพื่อการปลดปัญหาของตัวเอง

โลกนี้มีอะไรสวยงามมากมาย
ผมเป็นคนที่ชอบมองโลกในแง่ร้าย แล้วจึงมาค้นหาความดีงามในเรื่องนั้นๆภายหลัง
ผมว่าผมมองเห็นความสวยงามแล้วนะ แล้วคุณหละ มองเห็นหรือยัง?







A n n i e ' s . . . S o n g . . .



เพลงนี้ชื่อ Annies' Song เป็นหนึ่งในเพลงของ John Denver
John Denver มีชื่อเดิมว่า Henry John Deutshendorf, Jr.

จอห์น เดนเวอร์ (1943 - 1997) เป็น นักร้องและนักแต่งเพลงแนวคันทรีและโฟล์ก ชาวอเมริกัน
เพลงดังๆของ จอห์น ยังมีอีกหลายเพลง เช่น
- Leaving on a Jet Plane
- Take Me Home, Country Roads
- Rocky Mountain High
- Sunshine on My Shoulders
- Thank God I'm a Country Boy
- Calypso

เพลง Annie's Song มีที่มาจากภรรยาคนแรกของจอห์น ที่ชื่อ Annie Martell
เขาแต่งเพลงนี้ภายในเวลาเพียง 10 นาที ขณะที่อยู่บน Ski Lift
ความรักของคนทั้งสองมาถึงทางแยกในปี 1982



จอห์น เดนเวอร์ เสียชีวิตในปี 1997 ขณะที่มีอายุ 53 ปี
โดยประสบอุบัติเหตุจากเครื่องบินที่เขาเป็นคนขับเอง
เครื่องตกที่นอกชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก
ศพของเขาถูกฝังพร้อมกับกีตาร์ตัวแรกในชีวิต ซึ่งได้มาจากคุณยาย ในตอนที่เขาอายุ 7 ขวบ
ไม่น่าเชื่อว่า 46 ปี กีตาร์ที่เป็นแรงบันดาลใจตัวนี้ เขายังรักษามันเอาไว้เป็นอย่างดี


zOOmzERo2009






ไปอ่าน entry ใหม่กว่านี้
Link ไปที่ blog 31013 ไม่กินเจได้ไหม??

กลับไปอ่าน entry เก่าๆ
Link ไปที่ blog 30916 True AF ปีที่ 7
Link ไปที่ blog 30831 การ์ตูนญี่ปุ่น
Link ไปที่ blog 30809 ไม่ยอมยกธงขาว
Link ไปที่ blog 30714 เรื่องหมาหมา ตอน สุนัขจรจัด
Link ไปที่ blog 30613 วากา วาก้า
Link ไปที่ blog 30414 Pattaya ตอนที่ 3
Link ไปที่ blog 30402 Pattaya ตอนที่ 2
Link ไปที่ blog 30319 Pattaya ตอนที่ 1

Link ไปที่ blog 30226 ช้างน้อยของฉัน
Link ไปที่ blog 30212 (เยื่อ)พรหมจรรย์สำคัญด้วยหรือ?
Link ไปที่ blog 30127 ดอกไม้หายไปไหน?


Create Date : 29 กันยายน 2553
Last Update : 17 มิถุนายน 2554 19:03:59 น. 44 comments
Counter : 1776 Pageviews.

 
นึกว่ากระทู้แอนนี่ ^^
ไม่ใช่ไม่เป็นไร.ขอฟังเพลงเพลินๆ นะ
อือ ...ฟังเพราะดีอ่ะ..เพลงนี้ไม่คุ้นหู (อ่านที่มาของเพลงแล้วเก๋ดี)
ถ้าเป็นเทคมีโฮม หรือ คันทรี่โรด จะเคยฟังมาแล้วค่ะ

ขอบคุณสำหรับเพลง


โดย: แวะมาขอฟังด้วย IP: 113.53.146.187 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:18:29:39 น.  

 
ขอบคุณที่สละเวลาฟังเพลง
และขอโทษ ถ้าทำให้เข้าใจผิด
น่าจะเป็นเพราะ การ search ด้วยคำว่า แอนนี่ หรือเปล่านะ???

ที่เขียน blog นี้ ก็เป็นเพราะดูตีสิบ เมื่อคืนนี้ (28 ก.ย. 53)
แล้วมีการเปิดเพลงนี้ ตอนที่แอนนี่เดินเข้ามาคุยกับวีที
ในหัวสมองก็ตั้งใจไว้แล้วว่า จะไม่ล่วงเกินเรื่องของดาราคู่นี้ เพราะไม่รู้จริงเท็จ
และก็ไม่เชื่อการออกมา discredit กันอย่างใจร้ายแบบนี้
และอีกอย่างเท่าที่เห็นคนเขียนบล๊อก ก็ไม่เห็นใครเขากล้าวิจารณ์ดาราใน bloggang
ถ้าอยากออกแรง ก็ต้องไป pantip ห้อง chalermthai

สำหรับ จอห์น เดนเวอร์ มีเพลงเพราะๆเยอะมาก
แถมยังเป็นคนที่มีบันทึกการเล่นดนตรีแบบอคูสติกมากเป็นร้อยๆเพลง และหลายสิบอัลบั้ม
ถ้ามีใครเป็นคนที่ฟังเพลง country หรือชอบ John Denver
รับรองมีเรื่อง....หมายความว่า มีเรื่องคุยกัน ไม่ใช่มีเรื่องตีกัน 555


โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:20:27:29 น.  

 
Annie's Song

You fill up my senses
like a night in the forest
like the mountains in springtime,
like a walk in the rain
like a storm in the desert,
like a sleepy blue ocean
you fill up my senses,
come fill me again.

Come let me love you,
let me give my life to you
let me drown in your laughter,
let me die in your arms
let me lay down beside you,
let me always be with you
come let me love you,
come love me again.

(instrumental)

You fill up my senses
like a night in the forest
like the mountains in springtime,
like a walk in the rain
like a storm in the desert,
like a sleepy blue ocean
you fill up my senses,
come fill me again.


โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:20:47:34 น.  

 
อุ๊ย!! ไม่ต้องขอโทษดิ...ไม่ได้ตั้งความหวังว่าจะเป็นเรื่อง อ&ฟ หรอก ^^

เมื่อคืนไม่ได้ดูตีสิบค่ะ (ยอมรับว่าเบื่อการพูดกันไปพูดกันมา) ใจจริงเราเห็นใจทั้ง 2 ฝ่ายนะ..เรื่องมันมาไกลกว่าจะมองหาคนที่ผิดมาลงโทษทางสังคมแล้ว อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องช่วยกันมองไปข้างหน้ามากกว่า
..อย่างเราก็เป็นกำลังใจให้ทุกฝ่ายเจอทางออกที่ยอมรับกันได้ทุกฝ่าย

มารู้จักจอห์น เดนเวอร์ มากขึ้นก็ช่วงข่าวเครื่องตกอ่ะ...แต่เพลงแนวนี้
เสียงร้องแบบนี้ ลุคแบบนี้ชอบเป็นทุนเดิมอยู่แล้วค่ะ (ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องเพลงสากลมากนะค่ะ..เพลงไหนได้ยินแล้วสะดุดหูก็จะนึกชอบและคอยหาฟังไปเรื่อย (พยายามจำชื่อเพลงและคนร้องเข้าไว้จะได้หาฟังถูก)


โดย: Blue wide IP: 113.53.146.187 วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:20:49:29 น.  

 
คุณ Blue Wide

เรื่องโฟมกับแอร์ (ขอใช้นามสมมติ) ดาราที่น่าสงสาร
ผมก็ว่าพวกเขาน่าจะเดินหน้า แยกย้ายกันไปทำมาหากินกันได้แล้ว
แฟนคลับของโฟมเขาก็รักและเชียร์ของเขา ไม่ว่าจะกี่ข่าว โฟมเขาก็มีงานทำอยู่ดี
ส่วนแอร์ ทางบริษัทเก่าของเธอก็ไม่เห็นมีใครออกมาตำหนิหรือประกาศอัปเปหิ ก็คงได้ทำงานต่อ
มา...เราสองมาชูมือ ทำท่าเวป เป็นกำลังใจให้ทุกคนกัน

พอดี Blog ของผม แยกห้องหรือ Group เฉพาะเรื่องเพลงเอาไว้
จึงจะเน้นเรื่องเพลง นักร้อง ที่มาของเพลง และเหตุการณ์เกี่ยวกับเพลง
ส่วนห้องอื่น อาจจะไม่ค่อยสุภาพเรียบร้อยนัก ถ้าจะอ่านกรุณาใช้วิจารณญาณ
เพราะถ้าเป็นละครทีวี คงต้องขึ้น น.13

เรื่องเครื่องบินตก หรือ เรื่องการเสียชีวิตของจอห์น มีเกร็ดที่เก็บเอาไว้โม้ในวันหลัง
จะเกี่ยวกับเพลงๆหนึ่งด้วย เอาไว้ติดตามในตอนต่อไป



โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:22:58 น.  

 
เพลง Annie's Song

ที่มาของเพลงนั้นน่าสนใจ (แต่คุณอ่านแล้วอาจจะต้องด่าผม 555)
ครั้งแรกที่จอห์นได้พบแอนนี่ เขาเล่าว่าขณะที่เขาเริ่มเป็นนักดนตรีอาชีพ
เมื่อจอห์นอายุได้ 22 ปี เขาพบ Annie ขณะที่ออกไป hang out กับเพื่อนๆ
เจอปั๊บก็ปิ๊งทันที หลังจากนั้นอีก ู2 ปี ทั้งสองก็แต่งงานกัน (ปี 1967)
จอห์นรักภรรยาคนนี้มาก ขนาดแต่งเพลงให้ ก็คือเพลงนี้

แต่คู่สมรสคู่นี้ ก็เจอเรื่องกดดันอยู่เรื่องหนึ่ง
คือการไม่มีบุตร (หมอบอกว่า จอห์น มีปัญหาเรื่องน้ำเชื้อ)
ทั้งสองหาทางออกด้วยการไปขอรับบุตรบุญธรรม 2 คน
Zachary และ Anna คือเด็กสองคนนั้น
ดูๆแล้วครอบครัวนี้ก็น่าจะอยู่กันอย่างผาสุก

แต่ชะตาฟ้าลิขิตเอาไว้จริงๆ
หลังมีเด็กๆในบ้าน จอห์นก็เปลี่ยนไป
หลายคนลงความเห็นว่าเพราะเขาดื่มหนัก
แต่คนเราดื่มแล้วทำไมต้องอารมณ์ร้ายด้วย
(ในข้อมูลของผม เขาเขียนว่า unremittingly cruel)

ผมมองว่าอาจจะเป็นเพราะจอห์นเจอประสบการณ์ไม่ดีเมื่อตอนเป็นเด็กๆ
จอห์น เดนเวอร์ มีบิดาเป็นทหารประจำกองทัพอากาศ เป็นคนมีเชื้อสายของชาวเยอรมัน
จอห์นเป็นลูกคนโต และเคยกล่าวถึงบิดาของเขาว่า เป็นคนที่แข็งกร้าว
ไม่เคยแสดงความรักกับลูกๆของตนเลย (เรียกว่า ดุยังกับเสือ ประมาณนั้น)
ฟ้ายังปราณีมีเมตตา เพราะเขาได้รับอิทธิพลดีๆจากมารดา ซึ่งสอนให้รักดนตรี
แถมย่าของจอห์น ก็เป็นคนมอบกีตาร์ตัวแรกให้เขา ขณะที่มีอายุเพียง 7 ขวบ
แบบนี้กระมังที่เขาว่าเสียงเพลง เป็นยาที่ดีสำหรับจิตใจมนุษย์

ในปี 1983 ครอบครัวเดนเวอร์ก็มาถึงทางแยก
Annie ขอหย่า แต่เธอก็ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีกับเขาตลอดมา
เชื่อหรือไม่ว่า แอนนี่นั้นพยายามหาทางช่วยจอห์นในเรื่องอารมณ์ของเขามาโดยตลอด
ทุกวันนี้ Annie เป็นนักจิตวิทยาอยู่ที่ Aspen โคโลราโด ประเทศอเมริกา
เธอเคยเล่าจอห์นได้รับแรงกดดันมากมายในชีวิตการเป็นนักดนตรียอดนิยม
จอห์นเต็มไปด้วย ความกลัว ความกังวล ความโกรธ ปะปนอยู่ในจิตใจเป็นปีๆ

ผมรู้สึกว่า ดารา นักร้อง หรือ ซุปเปอร์สตาร์ของฝรั่งนี่ หลายคนมีอาการทางจิตเหมือนๆกัน
และหลายคนก็ต้องอาศัย ยา โดยเฉพาะยาระงับประสาท เป็นเครื่องช่วย
แต่น่าสงสารว่ามีซุปเปอร์สตาร์อีกหลายคนที่หันหน้าเข้าหายาเสพติด บางคนก็ตายเพราะเสพยาเกินขนาด

เรื่องความรักของจอห์นยังไม่หมดนะ
หลังจากแยกทางกับแอนนี่ได้หลายปี จอห์นก็ได้คนมาดามหัวใจ
เธอคือ Cassandra Delaney
ทั้งสองแต่งงานกันในปี 1988
มีลูกสาว 1 คน ชื่อ Jesse Belle
(ผมหละแอบนิสัยไม่ดี สงสัยขึ้นมาเลยว่า ก็หมอบอกว่าเชื้อไม่แข็งแรงไง
555 ผมก็มีคำตอบนะ ไม่ใช่คิดแล้วค้าง
ผมว่าก็เพราะว่าฝรั่งเขาทำกิ๊ฟ หรือทำผสมเทียม กันได้ตั้งนานแล้ว 555)
พอปี 1996 ทั้งสองก็แยกทางกัน

เมื่อจอห์นเสียชีวิต
เรื่องผลประโยชน์หรือมรดกของจอห์น จะตกทอดเป็นของใคร
ถ้าเป็นละคร ก็คงจะมีพินัยกรรมเขียนว่า
ข้าพเจ้า นาย เฮนรี่ จอห์น ดู๊ทเชนดอร์ฟ หรือ จอห์น เดนเวอร์
ขอมอบ...(สิ่งของ)...ให้กับ......(ชื่อ).....หญิงอันเป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า

ผมไม่รู้เรื่องมรดกหรือพินัยกรรมหรอกครับ
แต่ผมคิดว่า ผู้หญิงที่จอห์นรักมากที่สุดน่าจะชื่อ Annie


โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:46:28 น.  

 


Dark in The Forest


โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:54:05 น.  

 


The Mountains in Springtime


โดย: zoomzero วันที่: 29 กันยายน 2553 เวลา:22:56:04 น.  

 


พะหัสสวัสดีค่ะเฮีย
ชอบจอหน์ อยู่หลายเพลงเหมือนกันค่ะ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:8:27:15 น.  

 
ขอบคุงหลายๆ ^^
แอบคิดไว้ว่าคุณ zoomzero ต้องแวะมาเล่าประวัติเล็กๆน้อยของเพลงนี้ให้ฟังบ้างไรบ้าง...
โดยปกติชอบฟังประวัติความเป็นมา ที่มาที่ไปของสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่แล้ว...
เลยอ่านเพลินดีเชียว ชอบมาก...

ปล.มาเขียนให้ฟังอีกนะค่ะ(พลีส)...จะเข้ามาเป็นขาประจำด้วย 555+


โดย: blue wide IP: 125.26.7.88 วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:12:20:44 น.  

 
Mintiva

อาหมวยคนสวยตอนสายๆ

เป็นอย่างไรบ้าง
สิ้นเดือนแล้วนะ งานเอกสารไปถึงไหนแล้วหละ
ป่านนี้คงส่งให้ลูกค้าหมดแล้วซินะ
เหลือวันทำงานอีกวันเดียว
เสาร์อาทิตย์เตรียมทานอาหารตุนไว้แล้วหรือยัง
เดือนหน้ามีกินเจนะ

แปลกใจตรงที่มีพวกกินเจบางคน ใช้คำว่า ล้างท้อง
ซึ่งในที่นี่หมายถึงการกินอย่างไม่ บันยะ บันยัง เรียกว่ากิน กิน กิน อาหารพวกเนื้อสัตว์
เพราะอีกไม่กี่วันต่อมาจะต้องทานแต่ผัก ผัก และผัก

จริงๆ คำว่าล้างท้อง ที่นิยมใช้ จะหมายถึงว่า จะมีใครมาเลี้ยงอาหารเราในมื้อหน้า หรือวันหน้า
เราเลยทำการถ่ายท้อง แบบว่า ล้างท้องเอาของเก่าออกมาให้หมด (เอ้...แปลว่า อึ หรือเปล่านะ)
เฮียว่าภาษาไทยนี้มีคนใช้ผิดแผกความหมายกันมากขึ้นๆทุกวันเลยนะ

อย่างทีหุบเขาคนโฉดของเฮียนี่
คำว่า ล้างท้อง หมายถึง ก่อนหน้านี้ต้องกินสารพิษเขาไปก่อน
แล้วค่อยเอาไปส่งหมอ
หมอก็จะทำการเอาสายยางยัดใส่คอแล้วเอาน้ำเกลือกรอกลงไป
เพื่อทำให้อาเจียน เอ้....ทำไม มันคนละความหมายกันเลย

ตกลงเฮียจะคุยเรื่องกินเจ หรือล้างท้อง กันแน่??? ชักงง

ในชีวิตเฮียเคยอยู่ในเหตุการณ์ ล้างท้อง มาครั้งหนึ่ง
ไม่รู้ทำกรรมเอาไว้แต่ชาติปางไหนถึงต้องมาเจอเรื่องน่ากลัวแบบนั้น
เฮียไม่ได้เป็นคนกินยาตายหรอกนะ (ไม่ว่าอกหักแค่ไหน อย่างมากก็กินเหล้าเมาหลับเป็นสุนัข)
แต่เป็นญาติๆกันนี่แหละ มีปัญหาชีวิต และเฮียก็ดันไปอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
ขอบอกว่า เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไป เฮียทานข้าวไม่ลงไปหลายวันเลย (ทานก๋วยเตี๋ยวแทน 555)
และการส่งคนกินยาผิดหรือกินยาพิษ ไปหาหมอ ก็มีเกร็ดที่ควรจะรู้ด้วยว่า
คลีนิกเขาจะไม่รับเคสแบบนี้ ต้องไปโรงพยาบาล
และถ้าอยากให้พ้นอันตรายจริงๆต้องไปโรงพยาบาลเอกชน
ว๊าย..นินทาว่าร้ายโรงพยาบาลของรัฐ อีกแล้ว แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆนี่หน่า
ถ้าไม่จริง ก็คิดเสียว่า มันเป็นความคิดของคนโฉดก็แล้วกัน

เรื่องกินเจ เอาไว้เม้าท์ทูเม้าท์กันต่อ ภาค 2 นะจ๊ะ

เฮ้อ...ฝนตก
คิดถึงใครบางคนที่ สวย รวย นิสัยดี น่ารัก ...
อ๋อ...กิ๊กของเฮียเองหละกั๊บ

Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:14:08:17 น.  

 
Blue Wide

555 คุณบลูว๊าย จะมาเป็นขาประจำหรือครับ
งั๊นผมก็จะไม่เขียนอะไรให้อ่านอีกแล้ว 555

ผมเป็นคนประเภทตามใจคนจัด ขัดใจคนขอ


เอาน่า...ล้อเล่น แต่เล่นไม่เลิก อย่าเพิ่งหงุดหงิด

เรื่องเบื้องหลังเบื้องลึกของเพลงนั้น ไม่ค่อยมีข้อมูลหรอกครับ
ยกเว้นว่านักร้อง หรือศิลปิน คนนั้นจะเป็นบุคคลระดับซุปเปอร์
เพราะผมเองก็เป็นประเภทนั่งเทียนเขียนเอาจาก Internet
เคยคิดว่าจะบินไปสัมภาษณ์สดเจ้าของผลงานแบบเจอกันตัวต่อตัว ลมหายใจรดต้นคอ
แต่คิดว่าอีกสามชาติก็คงไม่มีทางสำเร็จ เลยเอาแบบนี้ก็แล้วกัน
แต่การเที่ยวขุดคุ้ยหาข้อมูลมันก็สนุกไปอีกแบบนะคุณ
ปัญหามันอยู่ที่ว่า ไม่ได้ตรวจสอบว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน
แต่ไม่เป็นไร ผมชอบให้คนด่าอยู่แล้ว มันเป็นนิสัยประหลาดที่เลิกไม่ได้ 555

ยินดีต้อนรับ ด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง
หากว่า ยุแหย่ อะไรไปแล้ว ไม่ฮา
ก็ช่วยสวนหมัดกลับมาบอกด้วย จะได้ขออาพงอาภัย(อภัย) กัน

ตอนนี้ที่เหลือที่คิดว่าจะทำก็คือ หารูปมาประกอบเนื้อเพลงนะครับ
อยากให้ร่วมด้วยช่วยกัน แต่ถ้าไม่ login คิดว่าอาจจะใส่ code ไม่ได้ อันนี้ไม่แน่ใจ


Ref: Bluewide MediumBlue 00 00 CD



โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:14:27:09 น.  

 


Walk in The Rain



โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:14:32:44 น.  

 
Anny02

พี่ขอตอบคอมเมนท์น้องแอน จาก entry ก่อนหน้านี้ ที่นี่ก็แล้วกัน

ดีใจนะที่ยังมีคนคิดถึงคนโฉดๆแบบพี่
เอ้...ตอนนี้ที่ UK อากาศหนาวแล้วหรือนี่
หน้าหนาวมาเร็วจัง
ระวังนะ ชอบแพ้อากาศแบบนี้ อย่าให้เป็นไข้หลายวัน
แล้วเรื่องถุงน้ำร้อน ตอนกลับมาเมืองไทย ซื้อกลับไปหรือยัง

แน๊ะ...ไม่มีซิท่า

เรื่อง AF พี่คิดว่าอย่าย้อนเวลากลับไปสมัครเลย
เอ้าไว้พี่เปิดร้านอาหารเมื่อไหร่ จะจ้างมาเป็นนักร้องประจำเลย
จะให้ร้องคู่กับยายนู๋บี ทุ๊กวานเลย 555


Ref: นกสีขาว AnnEng DeepPink FF 14 93


โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:15:09:41 น.  

 


Storm In The Desert


โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:23:25:28 น.  

 


Sleepy Blue Ocean


โดย: zoomzero วันที่: 30 กันยายน 2553 เวลา:23:28:09 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮีย
เย๊ เย๊ พรุ่งนี้ก็ลันล้าแล้วค่ะ
มีความสุขมาก ๆ นะคะ
ปล. วาว..เห็นคุณสมบัติกิ๊กของเฮียแล้ว
เสียดายที่เธอเป็นได้แค่กิ๊กอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ


โดย: มินทิวา วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:10:27:15 น.  

 
ที่มาของชื่อ John Denver

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ข้อความต่อไปนี้ ไม่ขอยืนยันว่าจะเป็นความจริงและมีสาระแต่อย่างไร
ดังนั้นถ้าแฟนคลับของจอห์น เดนเวอร์ เข้ามาอ่านเจอ ก็ต้องขอโทษด้วย
เพื่อให้เขียนนินทาได้ตลอดรอดฝั่ง ขอใช้ชื่อสมมติเอาใหม่ว่า นายขจร หรือ พี่จอน ก็แล้วกัน


นายขจร ของผม เกิดเมื่อ วันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1943 (ประมาณ พ.ศ. ๒๔๘๖)
โห..คนอะไรเกิดวันสิ้นปี หนาวก็หนาว โรงพยาบาลก็ไม่ค่อยมีหมอ ผู้คนก็กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดกันหมด
พวกบริษัทห้างร้านของฝรั่งก็จะปิดกันไปตั้งแต่วันคริสมาสต์โน่นแล้วด้วย น่าสงสารคุณแม่จังเลย



ดาราที่เกิดวันเดือนปีเดียวกับจอนก็คือ Sir Ben Kingley นักแสดงชาวอังกฤษ
คนนี่ชอบเล่นเป็นผู้ร้าย ศีรษะจะล้าน ภาพยนตร์ที่สร้างชื่อสูงสุดคือ Mahadas Gandhi (1982)
Kingley เล่นเป็น มหาตมะคานธี



ดาราฝรั่งอีกคนที่เกิดปีนี้ แต่คนละเดือนกันกับพี่จอน ก็คือ Robert De Niro, Jr.
คนนี้เล่นหนังหลายเรื่อง คาแรกเตอร์ที่จดจำได้ง่ายคือ ตอนเม้มปากแล้วเอียงศีรษะ
ผมจำเขาได้ดีจากเรื่อง The Godfather Part II เขาเล่นเป็น Vito Corleone
สำหรับเซียนภาพยนตร์วัยสี่สิบขึ้นไป อาจจะจำได้ในบททหาร Michael Vronsky จาก The Deer Hunter



ขอโม้นอกเรื่องนิดหน่อยนะ
คือเรื่อง The Deer Hunter ตอนดูครั้งแรก ต้องบอกว่า หนังบ้าอะไรก็ไม่รู้ยิ่งดูยิ่งเครียด
แถมมีฉากเอาปืนลูกโม่ใส่กระสุนหนึ่งนัดแล้วคนเล่นก็ผลัดกันยิงขมับตัวเอง
เรียกว่า รัสเซียนรูเลตต์ (Russian roulette)
มีสมัยหนึ่งที่มีเด็กวัยรุ่นดูหนังแล้ว อินกับหนัง เอาเกมรัสเซียนรูเลตต์มาเล่นกัน ผลคือตาย
พอหนังสือพิมพ์ลงข่าว ยิ่งบ้าไปกันใหญ่ มีคนเลียนแบบ แล้วก็ตาย กว่าเรื่องจะเงียบไปก็เป็นปี
หนังเรื่องนี้ได้รางวัลออสการ์ถึง 5 สาขา
และมีหลายฉากที่ถ่ายทำในประเทศไทย ได้แก่ ถนนพัฒพงษ์, กาญจนบุรี, ชุมชนคลองเตย และโรงเรียนเซนต์คาเบรียล

มาพูดถึงปี 1943 กันหน่อย
ปีที่จอนเกิดนั้น เป็นช่วงสุดท้ายของสงครามโลกครั้งที่ 2 (World War II) ซึ่งอยู่ช่วงปี 1939 ถึง 1945
ฝ่ายอักษะ (Axis) ประกอบด้วย เยอรมัน, ญี่ปุ่น, อิตาลี่, โรมาเนีย, ฮังการี่, ฟินแลนด์,
บัลกาเรีย, อิรัก, และ ไทย (มีประเทศไทยร่วมประกาศสงครามจริงๆ)
ตอนเด็กๆผมมักจะคิดว่าไทยเราเป็นฝ่ายสัมพันธมิตร (Allies) เราคงเป็นสหายกับพวกอเมริกัน
เพราะเห็นพวกทหารฝรั่งมาเที่ยวพัทยากันบ่อยๆ เอ้..เขาขึ้นบกมาทำสงครามกับใครหว่า
คุณลองเข้าไปที่ Wikipedia ดูเรื่อง WWII ดูที่ Belligerents ก็ได้
แต่ถ้าเข้าไปดูที่วิกิพีเดีย (ภาคภาษาไทย) เขาเขียนเอาไว้แบบกลางๆ ว่า
ฝ่ายอักษะมีแค่ เยอรมนี, ญี่ปุ่น, อิตาลี, และอื่นๆ (อันนี้คงมองในแง่ประเทศที่ขัดแย้งกันจริงๆ)
สำหรับรายละเอียดเรื่องสงครามโลกครั้งที่สองนั้น ผมคงยังไม่เม้าท์กันในครั้งนี้หรอกครับ
เอาแค่ว่า ใครไม่เชื่อผมก็ลองนึกถึงเรื่องโกโบริแต่งงานกับอังศุมาลินก็ได้ ว่ามันอยู่สมัยไหน
ไทยเราอยู่ฝ่ายไหน ถึงให้สาวไทยแต่งงานกับทหารญี่ปุ่น เรื่องสงครามเป็นเรื่องซับซ้อน คุยกันยาวววว
คนไทยในยุคนั้นไม่มีใครอยากทำสงครามกับต่างชาติหรอก แค่จำใจเพราะญี่ปุกยกทัพยึดประเทศ
เอ๊ะ...ครูสอนสังคมของผมบอกย้ำแล้วย้ำอีกว่า ไทยเราไม่เคยเสียเอกราชให้ใคร เอ้...หรือว่าผมสับสน
เอาเป็นว่า...ภายหลังเรามีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วย นั้นก็คือ เสรีไทย (Free Thai Movement)
ทำให้สหรัฐออกมาบอกเลยว่า ไม่ถือว่าไทยเคยเป็นพวกอักษะ ไม่นับว่าไทยเคยประกาศสงคราม
แต่เชื่อหรือไม่ว่า ประเทศอังกฤษ ที่เราเห็นว่าน่ารักๆนี่แหละ เล่นกับเราแรงมากหลังสงครามโลกครั้งนี้

ผมเอาเรื่องปีมากล่าวเหมือนกับจะพาไปออกทุ่งนาป่าเขา ก็เพราะว่า
ในช่วงสงครามโลกนั้น เทคโนโลยี่ด้านการบินนั้นก้าวไปไกลมาก
ผู้ชายในสมัยนั้นส่วนใหญ่ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร
และถ้าเป็นคนฉลาด คนเก่ง คนกล้า ต้องนี่เลยคุณ ทหารอากาศ
และคนที่จะกล่าวถึงในช่วงต่อไปนั้น เขาก็คือ บิดาของนายขจร นั่นเอง
สงครามโลกครั้งที่สองจบลงด้วยหลายๆเหตุการณ์
แต่เหตุการณ์ที่โลกไม่มีวันลืมคือ วันทิ้งระเบิดปรมาณู
ซึ่งต้องพึงพาทหารอากาศ เพราะต้องขนระเบิดไปหย่อนที่บ้านข้าศึก

ขจร มีชื่อเดิมเมื่อแรกเกิดว่า Henry John Deutschendorf, Jr. เป็นทหารอากาศแต่ไม่ขาดรัก
เพราะว่าชื่อตามบิดาคือ Henry John Deutschendorf, Sr.
ส่วนมารดาของจอนเป็นแม่บ้านที่น่ารัก ชื่อเธอก็ยาวเหมือนกันครับ เธอชื่อ Erma Louise Swope
ฟ้าส่งจอนให้เขามาเกิดที่เมือง Roswell รัฐ New Mexico ประเทศสหรัฐอเมริกา
แล้วนิวเม็กซิโกนี่อยู่ตรงไหนของอเมริกา??? (ไม่ต้องไปกางแผนที่หรอกน่า)
ถ้าหลับตานึกถึงสี่เหลี่ยมพื้นผ้า ให้แทนแผนที่ของประเทศอเมริกา
นิวเม็กซิโกจะอยู่ทางตอนใต้ค่อนไปทางตะวันตก (South West)

จำได้หรือไม่ว่า ผมเคยบอกว่า จอห์น มีอาการเครียดและโมโหร้าย
เชื่อผมหรือเปล่าหละ ว่า เรื่องมันนี้มันมีเหตุผล เพราะการย้ายบ้านบ่อยๆนี่แหละ
แต่ทำไมจอนต้องย้ายบ้านบ่อยๆ จนทำให้วัยเด็กของเขาขาดเพื่อนสนิท มีแค่สังคมช่วงสั้นๆ
ลองตามมา...

นิวเม็กซิโก เป็นรัฐที่อยู่ติดกับประเทศเม็กซิโก ชื่อเลยคล้ายๆกัน
มีพื้นที่ 3 แสนกว่าตารางกิโลเมตร มีประชากรในวันนี้ประมาณ 2 ล้านคน
เท่ากับว่า 3 ตร.กม. ต่อ 20 คน แหม...ช่างเป็นดินแดนที่น่ากลัวจริงๆ

คนรัฐนี้มีภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ แต่กลับมีแต่คนที่ใช้ภาษาสเปนเป็นจำนวนมาก
คนสเปนนี้ส่วนใหญ่รักดนตรี รักการเต้นรำ ไม่ทราบว่าจอนจะได้รับอะไรมาจากที่นี่มากน้อยแค่ไหน
และจำได้หรือไม่ว่า ครอบครัวเดนเวอร์มีเชื้อสายมาจากเยอรมัน
แต่เป็นคนสัญชาติอเมริกันทุกคนนะ มิเช่นทหารเยอรมันที่ไหนจะมาขับเครื่องบินให้อเมริกันได้

เมืองเอกหรือเมืองหลวงของนิวเม็กซิโก คือ เมืองซานตาเฟ (Santa Fe)
ส่วนเมืองใหญ่ของรัฐนี้ก็คือ อัลบูเคอร์คี (Albuquerque)
เมือง Roswell นี่ก็เป็นแค่เมืองเล็กๆ มีขนาดประมาณ 75 ตร.กม.
แต่ตอนที่จอนเกิดมา เมืองนี้อาจจะมีประชากรหนาแน่นก็ได้
เพราะมีทหารอากาศมาอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมาก



บิดาของจอห์นเป็นทหารอากาศ ยศอะไรผมก็ไม่ทราบ ทราบแต่ว่าเป็นครูสอนฝึกขับเครื่องบิน
ผมลองไปตรวจสอบดูว่าที่ Roswell มีกองทัพอากาศประจำการอยู่จริงหรือไม่
ปรากฏว่า ที่นี่มีฐานทัพอากาศขนาดใหญ่มาก เรียกว่า Walker Air Force Base
ในช่วงปี 1941 - 1948 ฐานทัพนี้ได้ถูกเรียกกันจนติดปากว่า Roswell Army Airfield
และเป็นฐานทัพที่มีเครื่องบินทิ้งระเบิดประจำอยู่เป็นจำนวนมาก



แต่เรื่องนี้มีมุมมองนอกกรอบ แบบเกือบๆหลุดเฟรม
นั่นก็คือ เรื่อง UFO ครับ ผมไม่ได้ออกนอกเรื่องนะครับ
แถวๆฐานทัพนี้ มีคนเคยเห็นจานบินมากมายหลายครั้ง
จนกลายเป็นว่า ต้องมีอีกชื่อว่า Roswell UFO incident
เพราะว่าในวันที่ 4 ก.ค. 1947 มีการบันทึกว่ามีจานบิน บินมาหล่นแอ๊กลงพื้น
ซึ่งเป็นช่วงที่มีพายุฝนฟ้าคะนองบ่อยมาก จานบินคงโดนฟ้าผ่าร่วงลงมาในวันนั้น
ส่วนว่าหลังจากปอเต็กตึ้งเอาผ้าไปห่อศพมนุษย์ต่างดาวแล้ว เขาเอาไปเผาวัดไหน
เรื่องนี้ต้องไปถามคนที่เขาชอบอ่านเรื่อง UFO
แต่เอาเรื่องที่เกิดจริงๆก็แล้วกัน คือว่า พันตรี Jesse Marcel เจ้าหน้าที่หน่วยสืบราชการลับของกองทัพอากาศอเมริกา
ได้เข้าไปสืบหาหลักฐานเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 1947 หลังจากที่มีคนแจ้งข่าวไป
เขามีพยานไปด้วยหลายคน แถมยังออกมาแถลงข่าว พร้อมทั้งแจกรูปจานบินที่ตกอีกด้วย
แต่อีกวันสองวันต่อมา หลังจากนายพล Roger Ramey ผู้บัญชาการทหารอากาศเขต 8 ที่ Fort Worth
เรียกตัวมาเซลเข้าไปเฉ่ง ทำให้มาเซลออกมาแถลงการณ์ใหม่อีกรอบว่า เป็นซากบอลลูนขนวัตถุทดลองทางวิทยาศาสตร์
จากนั้นสื่อมวลชนก็เริ่มแบ่งฝ่ายด่ากันไปด่ากันมา มีข่าวจริง ข่าวลวง ยากที่จะหาว่าอันไหนชัว อันไหนมั่วนิ่ม
จนในปี 1994 กองทัพอากาศสหรัฐฯ ทำเอกสารชื่อ The Roswell Report : Case Closed
สรุปว่าเรื่องทั้งหมดคือ บอลลูนสอดแนม จากปฏิบัติการลับ Project Mogul
แต่ไม่ค่อยจะมีคนเชื่อสักเท่าไหร่เพราะว่าเรื่องมันมั่วซั่วมานานมากเต็มที่

ตามประวัติของจอน
ตอนที่เขาอายุได้ 11-12 ขวบ เขาต้องย้ายบ้าน ไปอยู่เมือง Tucson รัฐ Arizona
เอาอีกแล้ว แอริโซน่า มันอยู่ตรง ไม่ทราบกันใช่หรือเปล่า?
ไม่เป็นไรในฐานะที่ผมเป็นนักเรียนนอก จะขออธิบายให้อย่างไม่ลังเลใจ
Arizona ก็อยู่ติดกับ New Mexico ไปทางทิศตะวันออกปู้นนนน
คือแบบนี้ครับ พวกรัฐทางใต้ของอเมริกา นับจากริมมหาสมุทรแปซิฟิค
ก็จะเรียงกันแบบนี้ครับ California, Arizona, New Mexico, Texas, Oklahoma, Arkansas
เมืองทูซอนนั้นอยู่ห่างจากชายแดนเม็กซิโกเพียง 60 ไมล์ (ประมาณ 98 กม.)
ในบันทึกประวัติของจอน เขียนเอาไว้ว่า ผมได้กีตาร์ตัวแรกจากคุณย่า

ที่ทูซอน จอนได้เข้าร่วมกับวง Tucson Arizona Boys แต่ก็แค่ไม่กี่ปี
เพราะบิดาต้องย้ายไปประจำการที่ใหม่ คือ Montgomery รัฐ Alabama
เอาอีกแล้วอลาบาม่าอยู่ที่ไหนเอ่ย
รัฐนี้อยู่ตอนใต้ของอเมริกา แต่อยู่ค่อนไปทางตะวันออก
มี 2 รัฐขนาบข้างคือ Georgia กับ Mississippi
อลาบาม่าอยู่ใกล้กับอ่าวเม็กซิโก และมีเมืองหลวงคือ มอนโกเมอรี่ นี่แหละ

ต่อมาในปี 1955 เกิดเหตุการณ์ม๊อบเสื้อแดง เอ้ย...ไม่ใช่ ขอโทษอย่างแรง
เกิดการประท้วงของพวกรถโดยสาร เรียกว่า Montgomery Bus Boycott
คือว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับคนผิวสีของฝรั่ง เป็นปัญหาการเหยียดผิว หรือผลพวงจากการมีทาสในอเมริกาเมื่อในอดีต
ตอนนั้นเป็นช่วงที่ Martin Luther King มีบทบาททางการเมืองมาก
แต่ที่Montgomery คนที่มีบทบาทมากกว่าคือ คนขับรถประจำทางที่เป็นคนผิวดำเกือบทั้งหมด
ยุคนั้นรถประจำทางแต่ละคัน จะแบ่งที่นั่งเป็น 2 เขตแดน เหมือนสนามฟุตบอลเลยหละ
คนผิวขาวนั่งแถวที่อยู่ด้านหน้ารถไล่ไปจนแถวกลางๆ กึ่งหนึ่งของตัวถังรถ
คนผิวดำนั่งแถวที่อยู่ด้านหลังรถก่อน แล้วขยับขึ้นหน้าไปกลางรถ
วันไหนเกิดรถแน่น คนขาวมากันเยอะ คนดำต้องลุกขึ้นยืน สละที่นั่งให้คนขาว
ไม่เว้นว่าจะเป็นเด็กชายหรือหญิงผิวดำ ต้องลุกไปยืนหมด
และคนผิวดำจะต้องขึ้นรถประตูหน้า จ่ายเงินค่าตั๋ว แล้วลงจากรถทางประตูหน้า
จากนั้นก็เดินไปขึ้นรถ(คันเดิมนะยะ) ทางประตูหลัง (เสียเวลามากๆ) แล้วจึงค่อยหาที่นั่ง
ซึ่งก็จะเป็นเวลาที่คนผิวขาวหาที่นั่งได้ก่อนเรียบร้อยนานแล้ว
บางกรณีถ้าคนขับเป็นคนผิวขาว จะมีเหตุการณ์ที่รถบัสไม่จอดรับคนดำก็มี
แล้วแบบนี้มันจะสะหมานะฉานกันคงไม่ได้ สุดท้ายก็มีการประท้วง

เมื่อเมืองที่อยู่วุ่นวาย และคนในครอบครัวก็ตัวขาวจั๋วกันแบบนั้น เป็นใครก็ต้องหนี
บิดาของจอนเลยทำเรื่องขอย้ายที่อยู่ใหม่
คราวนี้ไปอยู่รัฐ Texas เมือง Fort Worth ซึ่งเป็นฐานทัพอากาศใหญ่มากในตอนใต้
ฟอร์ทเวอร์ทเป็นเมืองใหญ่มาก ใหญ่อันดับที่ 17 ของอเมริกาเลยครับ
เท็กซัสนี้มีเมืองใหญ่ๆอยู่หลายเมือง ฟอร์ทเวอร์ก็ยังเป็นใหญ่อันดับที่ 5 ของรัฐอีกด้วย
ในอเมริกา มีคำพูดว่า ถ้าเป็นเท็กซัส อะไรต่อมิอะไรต้องใหญ่ไปหมด (ผมไม่ได้ทะลึ่งนะจ๊ะ)

จอนเรียนไฮสคูลที่ Arlington Heights High School
พอปีสาม คืนหนึ่งเขาก็คว้าเอากุญแจรถของพ่อขับมุ่งหน้าไปหาเพื่อนที่ California
พอพ่อรู้ว่าลูกชายหนีไปอยู่ที่ไหน เขาก็ขึ้นเครื่องบินตามไปเอาตัวลูกชายกลับมาเรียนจนจบ
พอจบก็พาลูกชายไปเรียนต่อที่ Texas Technological College ที่ Lubbock อยู่ใน Texas
อ้อ...Lubbock เป็นเมืองใหญ่อันดับที่ 11 ของรัฐเท็กซัส

เมื่อจอนอายุย่าง 20 ปี ใน ค.ศ. 1963 พอดิบพอดี
เขาก็รู้ใจตัวเองแล้วว่าเขาจะต้องยึดอาชีพเป็นนักดนตรีไปตลอดชีวิต (อันนี้ผมโมเมเอาเองนะ)
เขาได้เดินทางไปแสวงโชคที่ Los Angeles ไปเป็นนักร้องในคลับเล็กๆ
วันหนึ่ง Randy Sparks (ซึ่งต่อมาได้เป็นเพื่อนสนิทของเขา) ได้มานั่งฟังเขาเล่นดนตรี
และรู้สึกว่าเขาเล่นดนตรีแนวโฟล์คที่มีความโดดเด่นมาก
จึงชวนจอนมาเล่นในโรงแรมของเขา และเป็นคนที่นำพาจอนไปบันทึกเสียง
เมื่อเขาได้โอกาสบันทึกแผ่นเสียงเพลงครั้งแรก
เพื่อนของเขาได้แนะนำให้ใช้ชื่อที่เรียกง่าย จดจำได้ง่าย
ตอนนั้นเพื่อนช่วยตั้งชื่อให้ว่า John Summerville
แต่พอเอาเข้าจริงๆ จอนขอให้ชื่อว่า John Denver
เพราะว่าเมือง Denver รัฐ Colorado เป็นเมืองที่เขาปลื้มมากที่สุดในเวลานั้น

สรุปว่า ชื่อ John Denver มาจากการใช้ชื่อเพื่อให้คนจำชื่อได้ง่าย เพราะจะมีการบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก
แต่ผมเล่าออกแนวพาไปเที่ยวแล้วเลี้ยวกลับมาทางเดิม 555


โดย: zoomzero วันที่: 1 ตุลาคม 2553 เวลา:21:39:56 น.  

 
แอบแวะมาหาค่ะ ^_^ เพลงเพราะดีค่ะ

ว่าแต่เรื่องแอนนี่ นี่ จะว่าไปแล้วมันก้อเป็นเรื่องของคนได้กัน เรื่องของคนสองคน แต่ทำไมคนสนใจกันจังเน๊อะ เหอะ ๆ


โดย: Beee IP: 125.24.109.105 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:10:47:18 น.  

 
ชอบเมืองเดนเวอร์ เหมือนจอห์น...เพราะเชียร์ทีมเดนเวอร์ บรองโก้


โดย: blue wide IP: 125.26.11.32 วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:16:08:22 น.  

 
Beee_BU

ขอบใจนะที่แวะมาหา.... และยังมีเวลาฟังเพลงอีกด้วย
แต่คิดว่าไม่มีเวลาอ่านที่พี่ชายเขียนคอมเมนท์เอาไว้แน่ๆ
เพราะมีเรื่องแซวนู๋บีเอาไว้เรื่องหนึ่ง ตอนเขียนคอมเมนท์ให้นกสีขาวเค้า (ข้างบนโน้นนน)
ไม่เป็นไร แค่แวะมาก็รู้สึกว่าคุ้มค่ากับเวลาที่นั่งเขียนบล๊อกกิ๊กก๊อกต๊อกแต๊กอันนี้ 555

ถ้าจะเม้าท์เรืองพระเอกนักแสดงนักร้องคนนั้น
ตอนนี้มีคนในInternetหลายคน เขียนเป็นตัวย่อว่า AF
พี่ชายก็เซ่ออยู่ได้ตั้งนาน คิดว่า มันไปเกี่ยวกับอะคาเดมี่แฟนตาเซียตรงไหน
ทีแท้ก็เป็นตัวย่อ ชื่อเล่นของ ฝ่ายหญิง คือ A และฝ่ายชายคือ F
น้องแอร์กับน้องโฟมของพี่ชายนี่เอง 555

เอาหละ พี่ชายคิดว่านู๋บีคงไม่ค่อยมีเวลาได้ดูทีวีกับเขา
จริงๆพี่ชายก็ไม่อยากเขียนอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
แต่เพื่อให้น้องสาวได้เข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้ถึงมีคนสนใจมากกันมากมาย
พี่ชายก็จะเล่าอะไรให้ฟัง แต่ก็แค่มุมมองของพี่เท่านั้นนะ
อย่าเหมาเอาว่าคนอื่นๆเขาจะคิดแบบนี้เหมือนคนโฉดอย่างพี่ชาย

เรื่องนี้ถ้าจะคิดให้ simple อย่างนู๋บี ก็คิดแบบนั้นแหละ
หลายคนบอกว่า เรื่องของคนอื่น ทำไมเราต้องอินหรือเครียดไปกับเขาด้วย
คำว่าดารานักแสดง ศิลปิน นี่ เขาว่าเป็นคนของประชาชนนะจ๊ะ
ที่วงการบันเทิงมีกินมีใช้ทุกวันนี้ก็เพราะว่ามีประชาชนที่ชื่นชมและอินกับการแสดงของศิลปิน
ถ้าทุกคนมีอุเบกขา ปลงตก นิ่งสงบ พวกศิลปินก็อาจจะโดนดูถูกแบบเดิมว่า เต้นกินรำกิน
ทุกวันนี้การแสดง ถือเป็นศิลปะ เป็นการสืบสานวัฒนธรรมและเอกลักษณ์ของชาตินั้นๆ
และถ้าเป็นพวกหัวสมัยใหม่มากๆ ก็จะมองว่าวงการบันเทิงคือเครื่องผ่อนคลาย
เป็นยาบำรุงจิตใจ และทุกคนมีเสรีภาพที่จะนิยมชมชอบศิลปินคนไหนก็ได้
เรื่องฉาวๆของดารา ก็เกิดขึ้นทุกวัน เกิดขึ้นทั่วโลก ไม่มีใครไปห้ามได้หรอก
แต่สำหรับประเทศไทยนั้น มีลักษณะเด่นกว่าเขาหรือเปล่าก็ไม่ทราบนะ เพราะว่าเรื่องบานปลายเร็วเหลือเกิน
คนนอกกับคนนอกทะเลาะกันแรงกว่าเจ้าของเรื่องเสียอีก

อย่างแรกก็คือ การเปิดเผยกับสื่อ และการชิงพื้นที่สือ
แต่จริงๆแล้วสื่อนี่แหละที่แข่งกันทำงานจนเรื่องเดินหน้าเร็วมาก
คราวนี้มามองแบบเหตุและผล ไม่ใช่คิดเองเออเองแล้วถล่มใส่คนพวกนั้นนะ

เรื่องนี้ ไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะ F เป็นคนที่มีชื่อเสีย...ง และมีคนนิยมชมชอบมาก
ใน hi5 ของเขา ไม่รู้ว่าเขาดูแลเองหรือมีทีมงานช่วย แต่มีเพื่อนมากกว่าหนึ่งแสนสามหมื่นห้าพันคน
มีคอมเมนท์เชียร์หรือให้กำลังใจมากกว่าหนึ่งแสนคอมเมนท์
ฝ่ายชายนั้นหาเงินให้สังกัดได้ปีละเป็นสิบๆล้านหรืออาจจะร้อยล้าน
ดังนั้นตัวเขาเองก็น่าจะมีรายได้มากพอสมควร
เมื่อเป็นคนดัง สังกัดค่ายเพลงใหญ่ มีแฟนคลับมาก เรื่องที่กระทบกับงานของเขา ย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก

ฝ่ายหญิงนั้นจะว่าดังก็ไม่ดัง จะว่าโนเนมก็ไม่ใช่ เอาเป็นแบบกลางๆ แต่ค่อนไปทางนักแสดงระดับเล็กๆ
ถ้าทั้งสองฝ่ายเป็นดาราใหญ่ทั้งคู่ กองเชียร์มีกันคนละเป็นแสนๆ
เรื่องนี้คงไม่ต่างกับปัญหาเรื่องการเมืองของประเทศ

ต้นกำเนิดของข่าว ไม่มีใครยืนยันได้ว่ามาจากไหน
แต่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าน่าจะมาจากฝ่ายหญิง แต่มันก็ไม่ใช่เวลามาหาว่าใครเริ่มต้นก่อน
แรกๆก็เหมือนกับว่าฝ่ายหญิงจะมาประกาศขอเป็น Single Mom มาชี้แจงว่าท้องและคลอดลูกแล้ว
ด้วยความซื่อหรือด้วยอารมณ์น้อยใจก็ไม่รู้นะ การตอบคำถามที่ตอนแรกเหมือนว่าจะระวังคำพูดมากๆ
แต่พอมาเจอกล้อง เจอพิธีกรมือโปร เลยมีคำพูดหลุดออกมาเยอะพอสมควร ทำให้ทราบว่าฝ่ายชายคือใคร
อันมีผลให้ชื่อเสียงของฝ่ายชายต้องสั่นคลอน ซึ่งฝ่ายชายก็เคยเจอเรื่องปัญหาความสัมพันธ์กับคนอื่นจนเป็นข่าวใหญ่มาแล้ว
และขณะที่สังคมกำลังงงๆกันอยู่ ว่าใครทำอะไรที่ไหน เมื่อไหร่ ฝ่ายชายก็ออกมาแถ...ลงหน้าจอทีวี
ทีนี้ภาษาปากพาไป คนฟังตีความได้หลายนัย คิดดีก็ว่าพูดดี คิดไม่ดีก็ว่าพูดไม่รับผิดชอบ เลยทำให้เกิดการวิจารณ์กันกว้างออกไป
ด้วยความที่ว่าโลกในวันนี้เป็นยุค Digital มี Internet เป็นตัวกระจายข่าวได้รวดเร็วและไปได้แทบทุกที่
จุดที่เรื่องจะจบลงแบบว่า ต่างคนต่างอยู่ ฝ่ายชายทำงานไป ไม่ต้องกังวลว่าเด็กจะเป็นลูกใคร
ส่วนฝ่ายหญิงก็จะขอเลี้ยงลูกไป และขอโอกาสผู้ใหญ่ในวงการเมตตาเธอเรื่องงานในอนาคต

factor ที่เป็นตัวสำคัญของปัญหาดาราตั้งท้องก็คือการตรวจ DNA
ฝ่ายหญิงบอกว่าเธอเคยขอให้ฝ่ายชายไปตรวจกับเด็กในครรภ์ แต่ฝ่ายชายไม่ต้องการ
แต่พอมาวันนี้ฝ่ายชายต้องการหรือใครบางคนหรือบางกลุ่มอยากให้ตรวจก็สุดจะเดาได้ถูก
แต่ทางฝ่ายชายเป็นคนขอร้อง(บางทีก็เหมือนบังคับ แล้วแต่จะคิดนะ) ให้ฝ่ายหญิงเอาลูกออกมาตรวจ DNA
ฝ่ายหญิงคิดว่าเป็นการดูหมิ่นกันอย่างสุภาพ เลยไม่ยอมไปตรวจ และขอเลือกทางเดินแบบ Single Mom

หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนออกมาให้ข่าว วิจารณ์ และแถลงข่าวกัน ยิ่งพูดยิ่งพาให้เรื่องไปกันใหญ่
มีคนโดนลากเข้ามาเกี่ยวข้องหลายคน บางคนก็บอกกันโต้งๆ บางคนก็บอกเป็นนัยๆให้เอาไปคิดกันเอง
คนโดนอ้างอิง บ้างก็ออกมายอมรับ บ้างก็ออกมาปฏิเสธ
ฝ่ายหญิงจากที่เคยบอกว่าจะหยุดพูด แต่พอโดนกล่าวหา ก็ต้องออกมาอธิบายกับมวลชน เลยกลายเป็นไม่รักษาคำพูด
พวกนักแสดงนี่เขามีสังคมของเขา เขามีคนนับถือกัน เขามีคนมีบารมีกัน และคนไทยก็ยังมีระบบอาวุโสและการตอบแทนพระคุณอยู่
ทุกสื่อก็ใช้กำลังภายในจนสามารถเอาคนออกมาสัมภาษณ์จนได้ ก็น่าเห็นใจฝ่ายหญิงเหมือนกัน

ก็เห็นใจทุกฝ่ายนะแหละ ทั้งฝ่ายหญิงและฝ่ายชาย อยากให้หาทางออก หาทางลงจากเวทีประหารอันนี้ให้ได้
ส่วนคนที่ดับเครื่องชน หรือเสียมารยาท สังคมไม่ได้โง่ ถึงแม้จะมีคนที่มีอคติกับอีกฝ่ายก็ตาม
แต่ใครละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ใครหมิ่นประมาทคนต่อหน้าสาธารณะ ประชาชน ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเขาเห็นกันชัดๆ

คำถามที่มีคนเขียนใน Internet เกี่ยวกับเรื่องของ AF
ก็คือ ทำไมไม่ยอมไปตรวจ DNA
ฝ่ายหญิงออกมาให้เหตุผลว่า เรื่องมาถึงวันนี้แล้ว สังคมรู้แล้ว ครอบครัวของ F เองก็ยังให้เงินค่าคลอดลูกมาแล้ว
แล้วจะมาตรวจ DNA โชว์คนทั้งประเทศเพื่ออะไร เขารู้สึกว่าศักดิ์ศรีเขาโดนย่ำยี เขาเลยไม่ยอมตรวจ
ส่วนคนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของ F เขาปล่อยให้เรื่องค้างคาแบบนี้ไม่ได้
สำหรับแฟนคลับของ F ก็ไม่ยอมเหมือนกัน เพราะเหมือนกับว่า A กลั่นแกล้ง F

รายละเอียดว่าใครออกมาแถลงอะไร พี่ชายไม่อยากเอามาเขียน
เขียนแล้วเหนื่อยใจ สงสารเด็กน้อยน่ารักคนนั้น

เรื่องตรวจ DNA หรือพิสูน์ความเป็นพ่อนั้น พี่ชายก็มีประสบการณ์มาหลายครั้ง
แต่ไม่ได้หมายความว่าคนที่ต้องไปตรวจคือพี่ชายจอมโฉดของนู๋บีนะครับ
ยกตัวอย่างใกล้ตัวพี่มากที่สุดเรื่องหนึ่งก็แล้วกัน
พี่สาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่เขาก็เคยท้องแล้วผู้ชายไม่ทำอะไรต่อ
เพราะว่าเขาอ้างว่าพ่อแม่เขาจะให้เขาแต่งงานกับเจ้าสาวอีกคน
พี่สาวของพี่ก็เป็นข้าราชการ พ่อของเด็กก็เป็นข้าราชการ เรื่องนี้เลยต้องปิดให้สนิท
เพราะจะมีผลต่อหน้าที่การงานของทั้งสองฝ่าย
พ่อแม่ของพี่สาวพี่พอทราบเรื่องก็โมโหมาก เรียกว่าบ้านแตกเลยหละ
มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่เอาเนื้อๆเลยดีกว่า
พวกเขาไปหาผู้ใหญ่(หมายถึงข้าราชการระดับสูง)ให้ช่วยทำเรื่องย้ายที่ทำงานของพี่สาว
พอได้ที่ทำงานใหม่ ก็ได้บ้านพักที่โน่น สภาพแวดล้อมใหม่ ไม่มีใครรู้ภูมิหลัง ก็อยู่ง่ายหน่อย
และมีการเอาญาติห่างๆอีกคนมาสวมรอยว่าเป็นสามีแต่ไม่ได้จดทะเบียนกัน
เพื่อให้ชาวบ้านไม่ต้องมาสงสัย ก็บอกว่าสามีทำงานอยู่ต่างจังหวัดมาหากันบ่อยๆไม่ได้
เรื่องนี้โชคดีที่ได้คุณอาท่านหนึ่งที่มีฐานะดี คอยจ่ายเงินในเรื่องต่างๆ แม้แต่ค่าคลอดลูก
พ่อกับแม่ของพี่สาว ไม่ยอมพูดด้วย ไม่ยอมดูดำดูดีกันเลย เรียกว่าตัดลูกกันเลย น่าสงสารมาก
ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องอุ้มท้องและไปคลอดลูกต่างจังหวัด และเป็นจังหวัดที่กันดารมาก

เมื่อคลอดลูก เมื่อตายายได้เห็นหน้าหลาน ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
ไม่น่าเชื่อว่า เด็กเล็กๆคนเดียว สามารถเปลี่ยนและแก้ปัญหาที่ร้ายแรงมากๆได้ในวันเดียว
เมื่ออารมณ์ของหลายๆคนเย็นลง และทุกคนเข้าใจดีว่า ครอบครัวนั้นสำคัญกว่าปากชาวบ้าน
ทุกคนก็มาปรึกษาหารือกัน ในที่สุดก็ตัดสินใจว่าจะไปหาพ่อของเด็กให้เขารับเป็นบิดา
สมัยนั้นยังไม่มีการตรวจ DNA กันอย่างนี้
เขาเอาแค่ตรวจกรุ๊ปเลือดกับดูหน้าตาเด็กกัน(ก็คิดแบบชาวบ้านๆหนะ)
ยังไม่ทันได้ทำอะไรกันเลย พอไปสืบหาตัวผู้ชาย กะว่าจะบอกข่าวดีว่า เขาได้ลูกชายแล้ว
แมร่งเอ้ย...มันไม่ได้แต่งงานกับแมวที่ไหนเลย
แถมมันยังมีเมียเป็นตัวเป็นตน มีลูกอีก 2 คน อายุ 5 ขวบกับ 3 ขวบ
พวกญาติของพี่นี่ เขาเตรียมหาปืนไปยิงแสกหน้ามันกันเลยนะ ดีว่าไม่มีใครบ้าทำแบบนั้น
เจ้าหมอนั้นไม่ยอมมาลงลายมือรับเป็นบุตรเพราะกลัวเมียของเขาจะไม่ยอม
เขาก็อ้างเหตุผลสารพัดทั้งที่รู้ว่ามันโกหกเอาตัวรอด แต่ก็ไม่มีใครอยากไปตอแยหรือต่อรองอะไรกับมัน
พี่จำได้ว่า ลุงของพี่เขาเป็นคนลงชื่อว่าเป็นบิดา ทั้งที่เขาเองก็เป็นคุณตาแท้ๆของเด็ก
เรื่องนี้พี่เองก็ไม่เคยไปถามรายละเอียดอีกทีว่า เขาทำกันได้อย่างไร
แต่ผลก็คือ เด็กนามสกุลเดียวกับแม่ ตา และบิดาในใบเกิด
จำได้ว่า เขาตกลงกันว่า ถ้าเด็กโตแล้วอยากพิสูจน์ว่าเป็นลูกเขาจริงๆ
ก็ให้ไปหากันเองและตรวจ DNA ในอนาคตต่อไป

เรื่องที่ผู้หญิงไม่อยากได้ผู้ชายแย่ๆมาเป็นพ่อในใบเกิดลูก และไม่ไปตรวจ DNA
หรือผู้ชายไม่ยอมมาลงชื่อ และไม่ยอมรับการเป็นครอบครัวเดียวกัน
มันเป็นเรื่องน่าปวดหัวและก็มีมานานแล้วหละ
หลายคนคิดว่าการทำให้ผู้ชายคนนั้นจำยอม และยอมรับว่า เขาคือพ่อของเด็กคนนั้น
เป็นเรื่องที่ดีของเด็กคนนั้น เด็กจะได้ไม่โดนล้อว่า ลูกไม่มีพ่อ
แต่ในความเป็นจริง การไม่มีชื่อพ่อใจแมวๆคนนั้นกลับเป็นเรื่องดี
เพราะการไปต่างประเทศ การเกณฑ์ทหาร และเรื่องอื่นๆอีกหลายอย่าง ต้องพึ่งพ่อของเด็ก
โดยเฉพาะเด็กผู้ชาย เรื่องนี้แปลกนะ เพราะดูจากกฎหมายประชาชนแล้ว แม่สามารถทำอะไรๆแทนพ่อได้
แต่ทางปฏิบัติถ้าจะให้แม่ทำ จะต้องมีเงือนไขว่า พ่อของเด็กตาย หาไม่เจอ หรือหายสาบสูญ เป็นเรื่องวุ่นวายมาก
เสียเวลา และบางที ถ้าเราให้เขาเป็นพ่อ มีการติดต่อกันบ้าง แต่พอถึงวันที่ต้องการให้เขาร่วมลงนาม
เขาเกิดกวนอวัยวะเบื้องล่างขึ้นมา เด็กนี่แหละจะเสียใจมากที่สุด
ใน pantip เคยมีคนเขียนว่า ท้องกับแฟน แต่ไม่ได้แต่งงานกัน ผู้ชายยอมรับการเป็นบุตรเพราะตรวจ DNA
พอลูกชายโตขึ้นมาจะพาไปเมืองนอก พ่อก็ไม่ยอมให้ความร่วมมือ เจ็บใจมาก




วันนี้ได้ดูละครทีวีเรื่อง เฮง เฮง เฮง
ได้เห็นหน้า น้องคนดี หรือ ภริตพร แซ่โซว์
น้องน่ารักมาก ใสๆ ยิ้มก็สดใส นี่แหละเด็กที่มีแม่เป็น single mom
พี่ชายก็ไม่ทราบหรอกว่าครอบครัวเขาอยู่ดีมีความสุขมากน้อยแค่ไหน
แต่เห็นจากแววตาของหนูน้อยคนนี้ พี่บอกได้เลยว่า น้องเค้าทำให้พี่มีความสุขมาก

คนเราถ้าต้องรอให้บีบบังคับกันหรือยืนยันด้วยการตรวจ DNA ถึงจะยอมรับเป็นพ่อ
เด็กที่เขารู้ว่าได้พ่อมาด้วยวิธีนี้ เขาคงไม่มีความภาคภูมิใจหรอกนะ พี่คิดอย่างนี้
สำหรับคนที่ไม่ใช่พ่อแท้ๆ แต่สามารถเป็นพ่อเลี้ยง หรือเป็นพ่อบุญธรรม ใจเขาทำด้วยอะไรหรือ
เขาถึงรักลูกของผู้ชายคนอื่นได้ กล้ากอด กล้าหอม เด็กคนนั้นได้

พี่เองก็ได้เคยเป็นพ่อคน ตั้งแต่อายุ 23 ก่อนที่จะมีครอบครัวเสียอีก
คือว่า พี่เคยบริจาคเงินเป็นรายปีให้มูลนิธิของครูประทีป ที่คลองเตย
เขาให้พี่เป็นพ่อของเด็ก ส่งรูปเด็กมาด้วย
เงินบริจาคของพี่ เขาก็เอาไปเป็นค่านมให้เด็กคนนี้ตลอดปี (แต่คงต้องรวมกับพ่อแม่บุญธรรมอีกหลายคนนะ)
ไม่เห็นต้องตรวจ DNA ให้เปลืองเงินเลย


Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF



โดย: zoomzero วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:22:00:16 น.  

 
Bluewide

อึม...Denver นี่เป็นเมืองแบบไหนนะ???
สงสัยจะมีธรรมชาติที่สวยงาม



ชอบดูอเมริกันฟุตบอลล์ด้วยหรือครับ
ผมหนะ ชอบดูมากๆ แต่เสียดายเดี๋ยวนี้หาดูจากช่องฟรีทีวีได้ยากมากๆ

พูดถึงเรื่องนี้แล้วน้ำตาจะไหล
คุณอาศุภพร มาพึ่งพงศ์ ท่านเป็นอาจารย์ของผมเลยก็ว่าได้
ท่านบรรยายมวยปล้ำเก่งมาก เป็นรองแค่ อ.เจือ จักษุรักษ์ (ตามความเห็นของผมนะ)
ในเมืองไทย ถือว่า คุณอาศุภพร เป็นผู้บุกเบิกการชมกีฬาอเมริกันฟุตบอลในประเทศไทย
ทีบอกว่าน้ำตาจะไหลก็เพราะคุณอาท่านจากไปเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายร 2550 น่าเสียดายมาก


ทีมทีผมชอบก็มีหลายทีม แต่ไม่ใช่ Denver Broncos หรอกนะ
ผมชอบ Philadelphia Eagles ครับ




และสิ่งที่ชอบมากที่สุด ก็คือ กองเชียร์สาวๆ....wow



Ref: Bluewide MediumBlue 00 00 CD


โดย: zoomzero วันที่: 2 ตุลาคม 2553 เวลา:22:42:05 น.  

 
Mintiva

อาหมวยเล็ก
หายเหนื่อยหรือยัง
พรุ่งนี้ต้องทำงานแล้วนะ

เมื่อเช้าตื่นขึ้นมา ท้องร้องจ๊อกจ๊อก อยากทานกระดูกหมู
เลยไปตลาดไฮโซซื้อซี่โครงหมูมา 2 กิโล โลละ 130
แพงเหมือนกัน นึกว่าช่วงนี้ผักจะแพง เนื้อสัตว์จะถูกเสียอีก
ซื้อที่ฟูดแลนด์ เพราะเฮียเป็นคนมีคลาส ไม่สามารถเดินย่ำน้ำครำในตลาดสดได้
เดี๋ยวสูทจากนิวซีแลนด์จะเปื้อน ต้องส่งไปซินไฉฮั้ว เปลืองสตางค์เปล่าๆ อิอิ
อ้อ...เอากระดูกหมูมาต้มกับฟักเขียว
รู้สึกว่าจะเป็นพันธ์ใหม่ใหญ่โตมโหฬาร แต่รสออกฝาดๆ ไม่หวานอย่างฟักขนาดเล็กๆ
นี่แหละน้าาา กระแอะอยากกินฟักลูกใหญ่ๆ ตอนถือมาจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
มีแต่คนแอบมองว่า โห..ของคุณ ทำไมใหญ่จัง

อือ...AF หรือ อเมริกันเบรคฟาสท์ ที่ฟูดแลนด์
ถ้าไปก่อน 9 โมงเช้า เขาจะขายราคาลดพิเศษ ไม่ถึงห้าสิบบาท
มีไข่ดาวหรือไข่คนสอง ไส้กรอกหนึ่ง(หรือจะเปลี่ยนเป็นเบคอนหนึ่งชิ้นก็ได้)
ขนมปังปิ้งสอง พร้อมเนยและแยม น้ำผลไม้หนึ่งแก้ว และยังแถมชาหรือกาแฟ
ออร์เดอร์มาเบิ้ลสองเลย ทานเผื่ออาหมวยไง
แต่ว่า พอเที่ยงกว่าๆก็หิวอีกแล้ว แปลกดีจังเมื่อเช้าอิ่มแทบอวก ทำไมหิวเร็วจัง
สงสัยว่าร่างกายมันต้องการทานข้าวเป็นอาหารเช้าทุกวันหรืออย่างไร

จริงๆเอาแบบซีเรียสนะ
คืออยากทานต้มฟัก เพราะโบราณท่านว่ามีสรรพคุณทางยามากมาย
แต่ที่มุ่งหมายเอาไว้ก็คือ ขับเสมหะ แก้ไอ บำรุงผิว
แก้ร้อนในกระหายรัก เอ้ย...กระหายน้ำ


วันนี้ฝนตกนิดหน่อยตอนบ่ายๆ
ทำให้อากาศตอนหัวค่ำเย็นสบาย
อยากมีบ้านริมน้ำจัง อากาศจะได้ไม่หนาวแบบแห้งๆ
ลมที่พัดชายน้ำจะมีความชุ่มชื้นมากกว่าอากาศในห้องแอร์
อยากนั่งมองระลอกน้ำกระเพื่อมยามต้องแสงไฟในค่ำคืนแบบนี้
แล้วมีใครสักคนเอาหัวมาซบอิงไหล่คนหัวใจโฉด หุหุ

อยากจะร้องเพลงด้วยหละ
♫♪ เมื่ออยู่ริมฝั่งชล ฉันยลทุกยามเย็น ♪

เฮ้อ...วันนี้อารมณ์ โฮเม็นติ๊ก จัง


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 3 ตุลาคม 2553 เวลา:20:29:44 น.  

 



ร้อง ฮือ ๆ ๆ ก่อนนะคะ
แล้วค่อยหัวเราะร่วนตามอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
แหม..เมื่อกี๊คุยกับเฮียซะยาวเหยียดเลยอ่ะ
น้องที่ทำงานเค้าไปเที่ยวปราณบุรีกันมา
เอาการ์ดมาใส่คอมพ์จะดูรูปกัน
อยู่ ๆ มอนิเตอร์ก็ go to sleep ซะงั๊นอ่ะ
เลยดับไปหมดเลยค่ะ ยังไม่ทันได้ส่งข้อความให้เลยอ่ะ
เพราะยังคุยไม่จบอ่ะนะคะ เฮ๊อ..

เรื่อง ABF ที่ฟู๊ดแลนด์อ่ะ
มินทานมาตั้งแต่ครั้งกระโน๊นแล้วค่ะ
ตั้งแต่สมัยราคาแค่ 39 บาทแล้วอ่ะนะ
ฮ่า ๆ ๆ น้ำหมากกระจายแต่เช้าเลยอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่ทานไม่เคยหมดซะที เพราะเยอะมาก ๆ
โห..แล้วเฮียมินทานทีนึง 2 ชุดเลยเหรอคะเนี่ย

พูดถึงต้มฟักแล้ว อยากทานเหมือนกันค่ะ
แต่มินชอบแบบต้มกับน่องเป็ดใส่น้ำมะนาวดองด้วยค่ะ
ลูกไม่เอานะ กลัวมันแตกเดี๋ยวทานไม่ได้ค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เฮีย..บ้านเพื่อนมินที่อยุธยานะ
เขาอยู่ริมน้ำเลยค่ะ บรรยากาศดีจัง
แต่ต้องไม่ใช่หน้าน้ำนะ
ถ้าน้ำมาเมื่อไรก็อท่วมบ้านเหมือนกันค่ะ
ไม่รู้ปีนี้เป็นไง ยังไม่ได้ถามเค้าเหมือนกัน

วันไหน ถ้ามินจะไปเที่ยวโขงเจียมรีสอร์ทแล้ว
มินก็คงอิมเมจิ้นไปตามเรื่องตามราวเหมือนกันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่ ยังไม่รู้ว่าจะถึงวันนั้นเมื่อไรอ่ะนะ
เฮีย เคยฟังเพลง เหงา..ของคาราบาวป่าวคะ
เอ ใช่ชื่อเพลงนี้ป่าวก็ไม่รู้ ที่ว่า....

กี่สิบหนาวแล้วกี่สิบฝน พ้นมากี่ฤดู
จากหนุ่มน้อยก็ก้าวมาสู่ วันเลี่ยมทองของวัย
รุ่นหนุ่ม รุ่นสาว... เรียก...เรารุ่นใหญ่
แต่ไม่มีใคร เข้าใจจริง

* แก่ก็เหงา ยิ่งแก่ยิ่งเหงา เก๋าแต่กร่อยข้างใน
เหนื่อยกับงานยังฝันถึงไหล่ ใครให้ยืมซบอิง
เหมือนสุข...หัวใจ พร้อม...ไปทุกสิ่ง
แต่ความจริง น่ะโครตเหงา....


มินชอบมาก ๆ เลยค่ะ เวลาได้ยินเพลงนี้อ่ะ
มันเหงาโคตร ๆ จริง ๆ เลย เวลาได้ยินอ่ะนะ
บางครั้ง..ก็นึกอยากสาปแช่งให้คน ๆ นั้น
ต้องมาเป็นทาสรักมินทุกชาติ ๆ ไป
แต่ ไม่อยากก่อร่างสร้างเวรค่ะ
แค่นี้ มินก็คงเป็นคนที่มีกรรมมากพออยู่แล้ว
อาจเป็นการชดใช้เค้าก็ได้นะมินว่า....
ไม่เอาดีกว่า เพิ่งจะวันจันทร์ เดี๋ยวไม่สดใสอ่ะ
คิดแต่เรื่องดี ๆ ดีกว่านะคะ...
ปล. มีความสุขมาก ๆ นะคะ เฮียของมิน


โดย: มินทิวา วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:10:25:36 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ชาย ^_^ แวะมาอ่านแล้วค่ะ อ้อ ก่อนอื่นมาบอกบุญก่อนค่ะ ถึงจะงานหนักยังไงก็ไม่ลืมไปทำบุญทุกเดือนอย่างน้อยเดือนละครั้งเหมือนเดิม ไปทำสังฆทานมาเมื่อวันเสาร์ค่ะ โมทนาบุญด้วยนะคะ

เรื่องลูกใครหว่านี่น่าปวดหัวเน๊อะ แต่ประเด็นที่พี่ชายพูดมันซับซ้อนกว่านั้นจริง ๆ ค่ะ ถ้าเราท้องแล้วไม่มีใครรับผิดชอบจริง ๆ หรือผู้ชายคนนั้นมันเลวไม่น่าให้มาเป็นพ่อของเด็กก้อน่าเห็นใจน้า แต่ก้อต้องโทดตัวเองด้วยส่วนหนึ่งที่ตอนสนุกไม่คิดหน้าคิดหลัง แล้วมีปัญหาจะมาโทดใครอื่นทำไม ตบมือข้างเดียวก้อไม่ดัง มีไรขึ้นมาคนลำบากก้อผู้หญิงตลอดอยู่แว๊ว แย่เน๊อะ

แต่สงสัยนิ๊ดสส นึง ที่อ่านของพี่ชายมา คือว่า ทำไม พ่อต้องอนุมัติไปต่างประเทศ อะไรยังไงด้วยเหย๋อคะ งง *_* ไม่มีพ่อไม่ได้เหรอเนี๊ยะ ไม่เหงเคยรู้ตรงนี้มาก่องรุยนะเนี่ยะ เลยงง ๆ ค่ะ

เรื่องมีลูกแต่เด็กนี่ บีก็เคยมีน้า เป็นแม่อุปถัมภ์ให้เด็กด้อยโอกาสของมูลนิธิศุภนิมิตรอยู่หลายปี จากเด็กเรียน ป. 1 จนขึ้นมัธยมรุย จ่ายเดือนละ 450 บาททุกเดือน อุปถัมป์ตั้งแต่บียังเรียนไม่จบมหาลัยเลยนะคะ ส่งเป็นสิบปีอยู่เหมือนกัน แต่ตอนหลังก็มีเหตุมีปัญหาเรื่องการเงินจนต้องยกเลิกไป โหยพี่ชายเชื่อมั๊ย ว่าตอนจะโทรไปยกเลิกนี่ลำบากใจมาก เสียใจและเสียดาย ว่าทำไมเงินแค่นี้เราหามาส่งเขาไม่ได้ เหมือนต้องทิ้งลูกสาวไปคนนึง โทรไปยกเลิกเสร็จร้องไห้ไปนานรุย ทำใจไม่ได้ *_* แต่เราก็ไม่มีจิง ๆ T_T ตั้งใจว่าจะส่งจนเรียนจบได้ดีซะหน่อยเชียว เห็นว่าอรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ก็เป็นเด็กจากโครงการแบบนี้ ได้ผู้อุปถัมป์ส่งเสีย จนกระทั่งจบมหาลัย และได้ดีจนทุกวันนี้ ^_^

ไม่เป็นไรเน๊อะ เดี๋ยวมีเงินแล้วเอาใหม่ งิงิ งั้นไปปั่นเงินต่อดีกว่า คิดถึงนะคะพี่ชาย จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee เองค่ะ IP: 124.121.67.138 วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:12:21:41 น.  

 
Beee_BU

เรื่องแรก อนุโมทนาบุญครับ


เรื่อง พี่โฟมกับน้องแอร์
ก่อนอื่นต้องบอกว่า เห็นใจคนสองคนนี้มาก ตอนนี้พี่โฟมก็ถูกหามเข้าห้องICU ไปแล้ว
เจ้พจน์ บอกให้ไปตายซะ
เจ้จิ๊ก หายาคลายเครียดแบบเบาๆให้ทานหลายเม็ด
และเกิดกระแสนินทากันใหม่อีกว่า
กินยาตาย
กินยาผิด
กินยาเกิน
และไม่ได้กินแต่บอกว่ากิน (อ้าว....)
พี่ชายต้องรีบหยุดเสพข่าวนี้ทันที ก่อนที่คิดมากกว่า 4 options ที่ว่ามา

เรื่อง ไปเมืองนอกทำไมต้องขอพ่อ
ที่ถามว่าทำไมพ่อต้องอนุญาตให้ลูกไปต่างประเทศ? ข้อนี้เป็นแบบนี้จริงๆ
ก็ลองเอาเด็กที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไปทำ passport ซิ

ถ้าพ่อตาย หรือพ่อสาบสูญ อันนี้ไปทำเรื่องขอเอกสารได้เลย
(แต่ต้องมีหลักฐานการตายหรือสาบสูญด้วยนะ)

แต่ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อมีตัวตน พ่อต้องมีบทบาทแน่นอน ตามกฎหมายไทยครับ
แต่ถ้าพอเกลียดแม่ เกลียดกันขนาดที่ว่าสามารถทุบตีคนเป็นแม่ทุกครั้งที่เห็นหน้ากันได้เลย
(อย่าว่าพี่เขียนแรงไปเลยนะ สามีใจร้ายมีเยอะนะ ไม่ได้ว่าพี่โฟมจะโหดแบบนั้น คนละเรื่องนะ)
สามีภรรยาเวลาทะเลาะกัน มันต่างกับแฟนทะเลาะกันนะยะ
และยิ่งต่างฝ่ายต่างไปมีคู่เรียงเคียงหมอนกันใหม่อีก ไอ้เรื่อง สะหมานะฉาน มันไม่หมู
ผู้ชายนี่ก็แปลกนะ ตัวเองตอนมีเมียหรือเลิกกับเมีย จะไปเที่ยวนอนกับใคร อันนี้ไม่คิดว่าผิด
แต่ภรรยา หรืออดีตภรรยา ถ้าไปนอนกับใคร เขาจะโมโหและด่าว่า เป็นผู้หญิงร่าน
เฮ้ย...งงเฟ้ย

เรื่องที่จะคุยกันดีๆก็มีนะ
คือถ้า 2 ครอบครัวนี้ เป็นคนดีมีศีลธรรมกันทั้งสองฝ่าย เรื่องก็อาจจะไม่ปวดหัว
แต่พี่ชายว่า คนสองคน แยกทางกัน และอีกฝ่ายแย่งหรือเอาลูกไปเลี้ยงได้ อีกฝ่ายย่อมไม่โอเค
ตัวอย่าง เช่น เพื่อนพี่ชายคนหนึ่งได้แต่งงานแล้วก็หย่า ก่อนหย่ามีลูกกันหนึ่งคน ภรรยาเก่าได้ลูกไปเลี้ยง
และเพราะความหล่อของเพื่อนพี่ชายคนนี้ มันเลยได้ภรรยาใหม่แบบสายฟ้าแล็บในเวลารวดเร็วมาก
พอภรรยาเก่าหรือลูก(ที่มีกับภรรยา)ขอติดต่อมา
ไม่ว่าจะเรื่องเอกสารทางนิติกรรม หรืออะไรที่พ่อเด็กจะต้องเกี่ยวข้อง
ภรรยาใหม่ถ้ารู้ เขาจะโมโหมาก แหกปากแว็ดๆๆๆ หาว่าแอบส่งเสียเงินให้กัน เงินทองถึงหดหาย
ถ้าด่ากันแรงๆแบบไม่อายชาวบ้าน ก็จะด่าว่าไปสามีไปนอนกับเมียเก่ามา
แต่เธอจะด่าว่าภรรยาเก่า ประมาณว่านังนั้นคงจะยกของเก่าเอามาเสิร์ฟสามีเธอ พี่ชายก็เคยได้ยินมากับหูเลย
สงสัยว่าทำไมผู้หญิงต้องมาด่าผู้หญิงด้วยกัน
ถ้าคิดว่าสองคนมีอาการถ่านไฟเก่าคุขึ้นมา แอบทำบัดสีกัน ก็น่าจะด่าสามีตัวเองให้มากๆ ถึงจะถูก
สรุปว่าบ้านใหม่ลุกเป็นไฟ เพื่อนพี่มันก็ดีนะ มันรักภรรยาใหม่มากกว่าภรรยาเก่า
เลยไม่ให้ความร่วมมือกับภรรยาเก่าทุกเรื่อง เพราะกลัวภรรยาใหม่จะนอนหันหลังให้เขา
เรื่องนี้ใครได้ฟัง ก็ร้อง ฮ้า..มีคนนิสัยแย่ๆอย่างนั้นหรือ
ก็จะไม่นิสัยแย่ได้อย่างไร ก็ภรรยาใหม่ของเพื่อนพี่นี่ ก็เป็นลูกน้องที่ทำงานที่เดียวกับเพื่อนพี่นั่นเอง
ภรรยาหลวงจับได้ ทะเลาะกัน ตีกัน ข้าวของแตกกระจาย ภรรยาขอหย่า
ฝ่ายชายง้อภรรยาหลวงไม่ได้ เลยทำตามใจภรรยา ยอมหย่า
ฝ่ายภรรยาน้อย ก็โดดเหย็งๆเป็นสามล้อถูกหวย ลากสามีคนอื่นมาจดทะเบียนให้เป็นสามีตัวเอง
ทีนี้พอจะต้องให้เพื่อนพี่ที่มีหน้าที่บิดาเซ็นเอกสารอะไรมันก็เป็นเรื่องยุ่งยากไปหมด เพราะมันไม่ให้ความร่วมมือ
ดังนั้นขอเน้นอีกทีว่า single mom เป็นทางออกที่ดีที่สุด
และพี่ชายก็เชื่อว่า ผู้หญิงนั้น สามารถทำหน้าที่แม่และพ่อได้พร้อมๆกัน
ดังนั้นถ้าผู้ชายไม่อยากได้เราเป็นภรรยาตามกฎหมาย
ไม่อยากได้ลูกเรา หรืออยากได้แต่มีเงื่อนไข
ก็อย่าไปเสียเวลาทำอะไรไปเลย ทั้งเหนื่อยและเจ็บใจเปล่าๆ เว้นแต่จะอยากได้มรดกเขา
แต่...ตรงนี้มีช่องว่างเพราะถ้าสามีเก่าเขียนพินัยกรรมว่า ยกทุกอย่างให้ภรรยาใหม่กับลูกใหม่
ลูกเก่าที่แม่แอบคิดว่าจะได้มรดกร้อยล้านพันล้าน
นี้ก็ไม่มีสิทธิ์ได้อะไรเลย อย่าคิดเร็วทำเร็วมันไม่ง่ายหรอก

เรื่อง อรอนงค์
นี่เอาชื่อเอานามสกุลเขามาเขียนแบบนี้เลยเหรอ
เขาว่าถึงจะเป็นเรื่องจริง แต่ถ้ามีผลให้เขาเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือทำให้เขาเดือดร้อน
เขาสามารถฟ้องร้องเราได้นะ อย่าคิดว่า internet นี่ เขาจะตามหาเราไม่ได้นะ 555

แต่พี่ชายก็ทราบมาแบบนั้นจริงๆ คุณอร เขาเคยได้ทุนจากมูลนิธิศุภนิมิตรจริงๆ
คุณอรเคยให้สัมภาษณ์ว่า "เคยเป็นเด็กที่ได้รับการอุปการะจาก World Vision
ได้รับการอุปการะตอนป.4 ที่โรงเรียนวัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่
คนที่อุปถัมป์เป็นชาวออสเตรเลีย (ตอนนั้นยังไม่อนุญาตให้คนไทยเป็นผู้อุปการะ)
จนเรียน ม.2 ก็ได้มีการเปลี่ยนผู้อุปการะ คนใหม่นี่เป็นชาวแคนาดา
เงินนี้ทำให้เธอได้เรียนที่วิทยาลัยนาฎศิลปเชียงใหม่"
หลายคนที่มีบัตรเครดิต อาจจะเคยได้รับจดหมายที่มีโลโก้หน้าซองว่า World Vision
ซึ่งจริงๆอาจจะมาจากการไปให้ข้อมูลอะไรกับใครไว้ก็ได้
แต่ที่บ้านพี่กับบ้านญาติ เราต่างลงความเห็นว่า จดหมายนี้มาตามการใช้บัตรเครดิต
เพราะว่ามีบางคนไม่เคยเข้าวัดหรือทำบุญที่ไหนเลย แต่ก็ได้รับจดหมายจาก WV

พี่ชายขอ update มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยให้นู๋บีซะหน่อยนะ
เพราะเห็นว่าวันนี้ชักจะมีรายได้เกินตัวซะแล้ว 555

การอุปการะเด็กนั้น จะเริ่มที่ 1 คน และสามารถเพิ่มได้อีก แต่ไม่รู้ว่ามีลิมิตหรือเปล่านะ
ถ้านู๋บีอยากจะเลี้ยงเด็กมากกว่า ล้านคน เขาอาจจะห้ามนะ

ค่าอุปการะ มี 4 options
500 บาทต่อคน ต่อเดือน
1,500 บาทต่อคน ต่อ 3 เดือน
3,000 บาทต่อคน ต่อ 6 เดือน
6,000 บาทต่อคนต่อปี

การนำส่งเงินมีหลายแบบ เช่น โอนเงินออนไลน์ผ่านบัตรเครดิต
ผ่านบัญชีบัตรเครดิตอัติโนมัติ ตัดต่อเนื่องทุกเดือน
หักบัญชีธนาคารอัตโนมัติ อันนี้ก็ทุกเดือนได้เหมือนกัน
หรือจะจ่ายเป็นเช็ค ธนาณัติ จ่ายในนาม World Vision Foundation of Thailand
บัญชีธนาคารมีมากมาย เช่น กรุงเทพ สาขาทองหล่อ
กรุงไทย สาขาเอกมัย
ไทยพาณิชย์ สาขาเอกมัย
กรุงศรีอยุธยา สาขาสุขุมวิท 63
ยูโอบี สาขาทองหล่อ

สอบถามรายละเอียดและเลขที่บัญขีได้ที่ 0 2 7 1 1 4 1 0 0

ไม่ต้องถามนะว่า ทุกวันนี้พี่ชายนำส่งเงินหรือเปล่า?
พี่ชายเป็นคนโฉด พี่ชายทำดีไม่เป็นหรอก (เดี๋ยวเจ้มาอ่านเจอ งานจะเข้า)
แต่จะบอกว่าเมื่อสิบปีก่อนพี่ชายทำงานแถวสุขุมวิท 40
พี่ๆที่ทำงานเขามีลูกๆแบบนี้กันเกือบทั้ง office



Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:17:13:01 น.  

 
Beee_BU

อ้อ....
พี่มีญาติห่างๆ
ทะเลาะกับภรรยา ทำร้ายร่างกายภรรยาแบบ tripple X
ภรรยาเลยหนีออกจากบ้านไปเลย
ทิ้งลูกสาวเอาไว้ให้ดูต่างหน้า 2 คน
เวลาผ่านไป 2 ปี เธอโทรศัพท์มาคุยกับลูกครั้งหนึ่ง แปลว่ายังไม่ตาย
เขาโทรมาถามว่าสามีหยุดตามหาเขาหรือยัง
ที่ถามเพราะฝ่ายชายบอกว่า ถ้ากรูเจอ มรึงตาย
คนในบ้านก็ไม่สามารถจะบอกหรือยืนยันความปลอดภัยอะไรให้เธอได้

พี่เคยไปชวนเด็กพวกนี้ไปเที่ยว สิงคโปร์
ปรากฎว่า ทำเรื่องไม่ได้ บริษัททัวร์นี่แหละเป็นคนบอกว่าต้องไปหาแม่มาเซ็นเอกสารนี้ๆๆๆๆ
พี่ก็มานั่งมองตาเจ้ มองกันไปมองกัน เมื่อตากับตามาประสาน
เราเลยตกลงกันว่า อย่าไปใส่เกือกเรื่องของคนอื่นดีกว่า
คนเป็นพ่อนี่ก็ drink แบบไอ้หนุ่มหมัดเมาวันเว้นวัน เขาจะคุยกับเราหรือ?
เจ้าเด็กสองคนก็อิจฉายายหนูเล็ก ว่า ได้ไปโน่นไปนี่
เอาขนม เอาของเล่น เอาน้ำหอม เอาเสื้อผ้า สารพัดของฝากมาแบ่งเขา
เด็กๆเขาก็น้อยใจเป็นเหมือนกันนะ เขาอาจจะคิดว่า เอาของมาอวดหรือเปล่าก็ไม่รู้
พี่ก็เคยพาไปเชียงใหม่ ช่วงพืชสวนโลก (ที่พี่กับบีก็เคยไปแต่คนละช่วงวันกันไง อ้าวววว)
เด็กสองคนได้นั่งเครื่องบินกันเป็นครั้งแรก ขอนั่งริมหน้าต่างกันเลย
แต่อีกไม่กี่ปี่ สองพี่น้องนี่ก็จะไปเมืองนอกได้เองแล้ว ไม่ต้องง้อแม่
คราวนี้พี่คงต้องทำตามสัญญา ต้องพาเขาไปเที่ยวเมืองนอกเสียที
เอาใกล้ก็แล้วกัน ไปปอยเปตดีกว่า หุหุ

Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:17:31:36 น.  

 
Mintiva

โห...เพลง รุ่นใหญ่ ของ คาราบาว-ปาน
เฮียก็เป็นคนที่ชอบเพลงเพื่อชีวิตเหมือนกัน
แต่มีอคติกับวงดนตรีเพื่อชีวิตอยู่วงหนึ่ง
อคติขนาดว่า ถึงเขาจะร้องเพลงเพราะแค่ไหน ก็จะไม่ขอซื้อเทปหรือซีดี
นั่งฟัง ก็ฟังได้ โดยไม่บอกใครว่าเราไม่ชอบ ก็เพลงเขาเพราะจริงๆ จะว่าเขาไม่ได้
แต่ถ้ามีคนมานั่งคุยด้วยแล้วทำท่าชื่นชมนักร้อง นักดนตรี คนนี้ๆๆๆ
เฮียก็จะบอกว่า ขอโทษนะ ผมเคยคนๆนี้มาตัวเป็น และมีประสบการณ์ไม่สบายใจ เลยขอแอนตี้
คนที่คุยด้วยก็จะมองหน้า แล้วหาว่าเฮียพูดอำเล่นขำๆ
เฮียก็เลยหัวเราะไปกับเขา

เรื่องจริงผ่านตา
เรื่องเกิดเมื่อวันที่สถาบันการศึกษาของเฮียได้เชิญศิลปินวงเพื่อชีวิตหลายๆวงมาช่วยงานใหญ่ของสถาบัน
ซึ่งจัดเป็นงานใหญ่มาก มีดนตรี ขายบัตรราคาถูก เพื่อนำเงินมาช่วยสมทบให้องกรณ์การกุศล
มีคนเอาของมาบริจาคมากมาย เพราะเราไปขอของมาจากบริษัทของบรรดาศิษย์เก่าทั้งหลาย
ก็มีการออกร้าน ขายของ มีการสอยดาว ชิงรางวัล เพียงแต่เราอาจจะเล็กกว่ามาก
จากฝีมือการติดต่อของอาจารย์ สามารถเชิญศิลปินวงหนึ่งมาได้ เขาก็มาเล่นดนตรีให้เราฟรีๆ 1 ชั่วโมง
ซึ่งรายได้ค่าบัตรวันนั้นจะเป็นของชมรมที่เฮียเป็นสมาชิก เฮียก็เลยโดนท่านประธานชมรมใช้งานเยี่ยงทาส
ระหว่างที่ศิลปินกลุ่มนี้กำลังจะขึ้นเวทีซึ่งก็จะมีวงของพวกนักศึกษาของคณะต่างๆในสถาบัน สลับกับวงดนตรีอาชีพอื่นๆหลายๆวง
พอดีเฮียกับเพื่อนๆต้องดูแลเรื่องสถานที่ ประสานงานเรื่องแสงสีเสียงกับฝ่ายต่างๆ ก็ประมาณเจเนอรัลเบ้ นะแหละ
เฮียโดนใช้ให้มุดเวทีไปตรวจดูสายไฟบางจุดที่มีอาการดับๆติดๆ
พอดีด้านข้างเวทีนั้น จะมีผ้าใบหนาๆบังด้านข้างเอาไว้ หลังผ้าใบก็เป็นโต๊ะที่นักร้องนักดนตรีกลุ่มนี่นั่งคุยกันอยู่
เฮียได้ยินกับหูเลยว่า เมื่อตะกี้มีนักศีกษามาชวนพวกเขาไปบริจาคโลหิต แต่พวกเขาไม่ยอมไป บอกว่าไม่ค่อยพร้อม
ซี่งตอนที่มีนักศึกษามาคุยกับนักร้องนักดนตรีกลุ่มนี้ เฮียก็อยู่แถวนั้น
พออยู่กันในที่ส่วนตัว พวกเขาก็แอบนินทาว่าน้องๆสถาบันของเฮียแรงมาก เขาไม่ได้ด่านะ
แบบการคุยส่วนตัวนะ แต่ภาษาแรงได้ใจ
เฮียฟังๆดูแล้วคนพวกนี้ก็คุยกันไม่เหมือนกับภาพพจน์ของคนที่ทำอะไรเพื่อมวลชนอย่างที่เบื้องหน้าเขาแสดงออกมาแบบนั้น
พอพวกนี้ขี้นเวที เฮียก็เดินอ้อมออกมาดูว่า ใช่พวกพี่นักดนตรีกลุ่มนี้จริงหรือเปล่า
อ้อ...พวกบนเวทีนี่เอง แต่ที่เฮียเสียความรู้สึกคือ มีซากของที่พวกเขาทิ้งเอาไว้แถวโต๊ะตัวนั้น
ถ้าสมัยนั้นมีมือถือถ่ายคลิ๊ปได้สงสัยต้องแอบถ่ายเอาไว้เรียกเงินค่า blackmail แล้วหละ
ตอนนั้นเฮียยังอายุไม่มากเลยไม่ค่อยจะมีความคิดกว้างขว้าง
คิดแต่ว่าพวกนี้เบื้องหน้าอย่างหนึ่ง เบื้องหลังอย่างหนึ่ง
เลยเกิดอาการงอนเพลงเพื่อชีวิตไปพักหนึ่งเลย
พออายุเยอะๆถึงเข้าใจว่าคนเรา ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน
ไม่ใช่รูปลักษณ์ที่เขาแต่งเติมให้เราดู
และการได้เห็นเหตุการณ์แค่หนเดียว ก็ไม่ควรเอามาตัดสินคนๆนั้น หรือกลุ่มคนอาชีพนั้น
แต่คนเรานะ พอมีอคติไปแล้ว พอแก่ตัวลง จะให้มาเปลี่ยนนิสัยใจคอ มันทำได้ยากนะ
ไม้อ่อนดัดง่าย ไม่แก่ดัดยาก ชิมิ ชิมิ

แล้วเคยได้ยินข่าวแบบนี้หรือไม่ว่า
พบแท่นไม้ปิ้งลูกวัวย่างอยู่ในโซนที่พักผ่อนของนักดนตรี
ที่มาร่วมงานดนตรีเพื่อการอนุรักษ์สัตว์ป่า
แต่อีกสายข่าวบอกว่าไม่ใช่ลูกโคลูกควายที่ไหน แต่เป็นเก้งมากกว่า
อ้าว...ไปกันใหญ่แล้ว จะมา discredit กันเรื่องแอบกินเนื้อเก้งหรืออย่างไร?
ข่าวเดี๋ยวนี้ เวลาบริโภค ต้องมีสติมากๆจริงๆ ทำไปทำมาจะกลายเป็นเสพข่าวไปเสียแล้ว


Monitor มันบอกว่า Go to Sleep
แปลว่ามีไวรัสหรือเปล่า?

อะฮ้า...ทันทาน ABF Foodland ราคา 39 บาท ด้วยหรือ?
ว๊าย...น้าหมากอยากกระจายด้วยคน
ที่ว่าทาน 2 ชุด เพราะ คุณลูกสาวเขาต้องการขนมปัง ไส้กรอก และต้องการโอวัลติน
แต่เขาชอบสั่งข้าวผัดกุ้ง เขาไม่ได้สั่ง ABF
และถ้าสั่งแยกๆของมา ราคามันก็เกือบๆเท่าอาหาร ABF 1 ชุด
เฮียก็เลยต้องสั่ง 2 ชุดอะไรที่เขาไม่เอา เฮียก็เป็นคนเหมา
ส่วนคุณนายเจ้าของบ้านเขาชอบทานข้าวต้มปลากระพงกับผัดไท
อะไรทานไม่หมด ก็จะหันมามองหน้าแล้วบอกว่า ช่วยชั้นกินด้วย
ชั้นอยากกิน 2 อย่าง แต่กินอย่างละนิด
ไม่เป็นนิ เฮียยอมท้องแตกดีกว่าทิ้งของไปเปล่าๆ


เอ้อ...ฝนตกอีกแล้วบ้านเรา
แววเสียงเพลงพี่เบิร์ดมาไกล
....เธอผอมไปหรือเปล่า? ♪♪♫


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 4 ตุลาคม 2553 เวลา:21:01:48 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ชาย มาแอบตามอ่าน อิอิ

สรุปว่า ถ้าเด็กมีพ่อหรือแม่ไม่ครบแบบไม่ได้ตายนี่ไปเมืองนอกไม่ได้ งืม งั้นรอบรรลุนิติภาวะก่อนก้อได้ งิ แต่แหม หมั่นไส้นะนี่พวกจะไปเมืองนอกกันแต่เด็กแต่เล็ก เราปูนนี้ยังไม่เคยได้ไปไหนรุย ชิ

ว่าแต่ถ้าเป็นคนเซ่อ ๆ ซ่า ๆ เดินห้างก้อหลงทาง แถวบ้านตัวเองยังหลงได้ แบบบีนี่ จะไปเที่ยวเมืองนอกที่ไหนได้มั่งมั๊ยน้อ *_*


โดย: นู๋ Beee น้องสาวอู้งาน IP: 124.121.187.79 วันที่: 5 ตุลาคม 2553 เวลา:10:54:13 น.  

 
Beee_BU

นู๋บีน้องเลิว์ฟ

เรื่องพาเด็กน้อยไปเมืองนอก...
จริงๆแล้ว ตามกฏหมายนั้นจะเป็นอย่างไรมิทราบหรอก
อาศัยว่าพี่ชายจอมโฉดคนนี้ใช้ชีวิตมาแบบงูๆปลาๆ เสน็คๆ ฟิชๆ มาเป็นร้อยอาชีพ
และเกิดอยากจะพาหลานๆไปเที่ยวโอเวอร์ซี แต่ทำไม่ได้
พอจะหาวิธีแก้ปัญหากัน ก็มาเจอเรื่องพ่อแม่ของเด็กแยกกันอยู่
ประตูสวรรค์ของเด็กๆก็เลยโดนปิดลงดังปัง
จำได้ว่า ต้องรักษาสัญญาเรื่องพาหลานไปเที่ยว ตปท
นี่แหละ ที่คาใจ ทำให้ไม่สามารถหนีไปบวชเป็นสมภารอย่างที่ใจอยากทำมานาน
แต่ถ้าวันหน้า พวกหลานๆเขาอายุทะลุนิติภาวะกันแล้ว ก็คงจะไม่ใช่เด็ก
คงไม่ชอบให้เราไปเจ้ากี้เจ้าการพาไปโน่นไปนี่ เรียกอาบน้ำ ทานข้าว ขึ้นรถ
เลยคิดว่าโปรเจ็คพาหลานไปหัดเล่นการพนันที่ปอยเปตนี่แหละเข้าท่าดี
เพราะเกิดพวกเขาขยันทำมาหากินแล้วร่ำรวยขึ้นมา จนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรให้เงินมันหมดลงไป
พวกเขาจะได้เรียนรู้ประสบการณ์การวิ่งเข้าหาอบายมุขไงหละ 555
(เอ้ย...พูดจริงนะ ไม่ได้ล้อเล่น)

ไปเมืองนอก...
นู๋บี ถึงจะเซ่อๆ ซ่าๆ แต่ก็มีความสวยเป็นอาวุธไม่ใช่เหรอ
พี่ว่าเอาแบบนี้ การจะไป ตปท ไม่ใช่เรื่องยาก
ขั้นแรกก็หาเหยื่อที่พอจะมีสตางค์ ไม่ใช่ตาลุงบ้าธรรมะขี่มอเตอร์ไซด์ ทำงานเงินเดือนนิดๆหน่อยๆ แบบนั้น
เราต้องมองข้ามช๊อตไปเลย เอาแบบว่าลูกชายเศรษฐี
หรือไม่ถ้าจะอินเทรนด์ก็ต้องหาแฟนเป็นซุป'ตาร์ ดารานักร้องหัวแถว
แล้วก็พากันไปซื้อตั๋วทัวร์ฮันนิมูนรอบโลก แค่นี่ก็ไม่มีปัญหาแล้วหละ 555
ผู้ชายรวยแล้วโง่ ยังพอมีเหลืออยู่ หาไม่ยากหรอก
แต่ผู้ชายหล่อ แล้วโฉด ตอนนี้น่าจะเหลือแค่คนเดียว หุหุ

อ้อ..วันนี้ มีเหตุการณ์ระเบิดขนาดใหญ่ ใหญ่มากนะ (ประมาณ 50 กิโลกรัม)
เกิดระเบิดที่แมนชั่น ย่านตลาดบางบัวทอง นนทบุรี
นู่บีไปบ้านที่เมืองทองหรือเปล่า ระวังด้วยหละ
อย่าลืมโทรไปเช็คตาลุงฟร๊อกกี้ด้วยหละ กลับถึงบ้านหรือยัง ป่านนี้
ไม่ใช่แอบขี่รถเครื่องไปหากิ๊กแถวนั้นนะ
พี่เชื่อว่า แมวไม่อยู่ หนูต้องร่าเริงแน่ๆ

เออ...เป็นห่วงอีกคน
เห็นเค้าว่า บ้านเขาอยู่แถวเมืองนนท์
ป่านนี้กลับถึงบ้านแล้วยังนะ
สงสัยเอาคอมฯไปซ่อมหรือไม่ก็เอาไปชั่งกิโลขาย อิอิ



Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF


โดย: zoomzero วันที่: 5 ตุลาคม 2553 เวลา:21:11:20 น.  

 


พุธสวัสดีค่ะเฮีย
monitor go to sleep อ่ะ ไม่ใช่ไวรัสค่ะ
คือหน้าจอมันจะปิดเองโดยอัตโนมัติ
ถ้าเรา shut down มันอ่ะค่ะ
วันก่อนที่ทำงาน คิดว่าเท้ามินคงไปโดน
ปุ่มเปิดปิดที่เคจมันอ่ะค่ะ เพราะที่ทำงาน
เค้าวางเคจไว้บนพื้นใต้โต๊ะคอมพ์ค่ะ
ส่วนคอมพ์บ้านมินอ่ะ มินเพิ่งถอยใหม่
แค่เมื่อเดือนมิถุนา ที่ผ่านมานี่เองค่ะ อิอิ

เฮียทานเจหรือป่าวคะ
มินอ่ะ เป็นบางมื้อค่ะ เพราะไม่ค่อยทานผักอยู่แล้วอ่ะ
ถ้าไข่ รวมเป็นเจได้ ก็คงไม่เดือดร้อนเน๊อะ
เพราะมินทานข้าวไข่เจียวได้ตลอดค่ะ อิอิ
เนี่ย ยังอ้อยอิ่งอยู่ที่บ้านเลยค่ะ
พักนี้ ไปสายเกือบทุกวันเลย
จนแม่บ้านที่ทำงานแปลกใจว่า
ทำไม เดี๋ยวนี้มาสายทุกวันเลย
เมื่อวานก็สิบโมงครึ่ง วันจันทร์ก็เก้าโมงครึ่ง
เค้าเม๊าวท์กันแล้ว ว่ามินมีแฟนค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แล้วมันเกี่ยวกันด้วยหรือคะ ว่ามีแฟนต้องไปสายอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
เดี๋ยววันนี้จะไปซัก 9 โมงกว่า
แล้วประกาศเองเลยว่า มีแฟนแล้วตอนนี้อ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
แต่ จะมีคนเชื่อมินซักกี่คนก็ไม่รู้อ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
คึกคักอยู่ได้แค่อาทิตย์นี้เองหรอกมินอ่ะ
อาทิตย์หน้านายก็จะไม่อยู่ค่ะ ไปยุโรป 2 อาทิตย์
นี่มินก็ยังไม่ได้ไปดูเรื่องแลกเงินให้เค้าเลยเนี่ย
ฝนฟ้าอากาศพึลึกพิกลแบบนี้ ไม่อยากขับรถเข้าเมืองค่ะ
เดี๋ยวนี้มีที่ใหม่แล้ว ไม่ได้แลกซุปเปอรฺริชแล้วค่ะ อิอิ

ปล. จะหมดหน้าฝนแล้ว มินยังไม่ได้ไปฉีดหวัด 2009 ซักทีเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เฮีย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:8:03:35 น.  

 
Mintiva

555
Monitor นี่เค้าน่ารักนะ จะไปนอนเค้าก็ต้องบอกเรา
พูดถึงเรื่องเอาคอมฯมูลค่าสองสามหมื่นเอาไว้บนพื้น
พี่ไทยเรานี่เยี่ยมยอดจริงๆนะ
สมัยก่อน เฮียไปเยี่ยมลูกค้า ก็เคยถามเขาว่าไม่กลัวไฟมันรั่ววิ่งเล่นบนพื้นหรือครับ
เขาก็ว่า ใครๆที่ไหนๆก็วางกันแบบนี้ (แล้วทำตาขวางๆ แสดงว่าในใจต้องด่าเฮียแน่ๆ)

มินทราบหรือเปล่า เอ้...น่าจะทราบนะ
ว่า พีซียุคแรกๆราคาเหยียบสี่หมื่น
ถ้าเป็นเซิร์ฟเวอร์พลังสูงบางบริษัทราคาเป็นแสนก็มี
ก็สมัยก่อนฮาร์ดดิสความจุสูงๆราคาแพงโฆดๆ
ยิ่งเมมโมรี่ยิ่งแพงจนงงว่ามันทำยากทำเย็นขนาดต้องให้มนุษย์ต่างดาวมาช่วยทำหรือไง
ยุคแรกของคอมพิวเตอร์นั้น จะต้องมีห้องคอมฯแยกต่างหาก เดินสายไฟก็ต้องมีสายดิน
ช่างที่มาซ่อมก็ต้องระวังเรื่องไฟฟ้าสถิตย์
ห้องคอมฯบางบริษัทต้องติดแอร์แยกต่างหาก หรือติดเพิ่มให้
แถมบางแห่งยังมีเครื่องดักฝุ่นหรือฟอกอากาศอีกด้วย
พอมายุคที่พีซีสร้างออกมาในแนวตั้ง เขาเรียกมันว่า รุ่นทาวน์เออร์
แรกๆก็เอามันไว้บนโต๊ะ แต่มองหน้าเพื่อนรวมงานไม่ถนัด
แถมสาวๆบางคนก็เอารูปตัวเอง หรือไม่ก็ต้นไม้เล็ก ขึ้นมาวางบนพีซีได้เฉยเลย
จนมาอีกรุ่นก็จะเอามันไปซ่อนไว้ใต้โต๊ะ ซึ่งน่าจะดูลงตัว
แต่ก็มีสาวๆ ขายาวๆ ชอบเตะหรือเอาหัวเข่ากระแทก กลับบ้านขาลายเป็นแผลจ้ำๆ
และถ้าเกิดอัคคีภัย น้ำที่ท่อพ่นน้ำอัตโนมัติปล่อยออกมาจะท่วมฐานของพีซี เครื่องจะเน่า
ที่จริงต้องมีถาดไม้เล็กๆที่มีล้อเลื่อน แล้วเอาพีซีวางบนนั้น เวลาจะย้ายหรือทำความสะอาดพื้นก็ทำได้ง่าย
เฮียนะ เห็นอะไรแบบนี้แล้วมักจะคิดนอกกรอบ คิดว่าพวกสาวๆชอบถอดรองเท้าเวลาใช้คอมฯ
ถ้าเกิดไฟมันรั่ว หรือสายไฟมันมีรอยแตก มีหวังได้นั่งหัวฟู ตัวดำปี๋
แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีใครที่ไหนเคยดวงซวยแบบนั้นเหมือนกัน
สงสัยเฮียจะคิดมากเกินไป

เดือนก่อนเฮียก็เพิ่งถอยnotebookมา แต่ตอนนี้มันกลายเป็นของคนอื่นไปแล้ว
คนเรานี้บุญวาสนามันไม่เท่ากันจริงๆ จนไม่คิดจะแข่งกับใครแล้วหละ
ขนาดพีซีที่เจ้ง ก็ไม่ได้เอาไปซ่อม หรือซื้อใหม่มาใช้เลย
พอดีวันนั้น เดือนที่แล้ว เดินผ่าน power buy
เฮียเห็น Gateway สีขาวงาช้าง ก็ถูกใจเพราะไม่เคยเห็น notebook สีหวานๆสะอาดๆแบบนี้
พอเอามาเล่นได้วันเดียว คุณหนูก็มาอ้อนแล้วถามว่า ขอหนูเอาไปใช้ได้ไหม?? แล้วก็อุ้มไปเลย

เฮียกำลังจะเปลี่ยน blog เป็นเรื่อง กินเจ ให้ทันสมัยกับเขาเหมือนกัน
แต่ติดตรงที่อคติหรือมุมมองนอกกรอบของเฮียเกี่ยวกับการทานเจในวันนี้
มันยากที่จะเขียนอะไร แล้วออกมาเป็นแค่มุมมองของคนๆหนึ่ง
ไม่ใช่พออ่านแล้วกลายเป็น เฮ้ย...ทำไมต้องมาด่าคนกินเจด้วยฟระ

ก่อนอื่นก็ขอตอบว่า เฮียทานเจในช่วงทานเจเพราะทานเป็นเพื่อนกับเจ้เจ้าของบ้าน
ถ้าวันไหนต้องออกไปทำธุระนอกบ้านก็จะหาอาหารธรรมดาปกติๆทาน
ไม่คิดว่าเป็นการ แหกเจ หรือ ตะบะแตก
แถมเมื่อออกเจไปแล้ว แต่ว่ากับข้าวในตู้เย็นยังเป็นอาหารเจถุงๆอีกเยอะแยะ เฮียก็จะเก็บทานไปเรื่อยๆ
ส่วนคนที่ทานเจทุกๆปีๆ พอพ้นช่วงเจ กลับบอกว่าไม่เอาหรอกเบื่อจับฉ่ายแล้วหละ เฮ้อ...
สำหรับเรื่องที่ยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเทศการถือศีลกินเจ
ก็คือเรื่องตำนานที่มา ซึ่งพบว่ามีถึง 7 แนว แต่ก็ไม่น่าจะทำให้เป็นของที่สืบทอดมาได้นานขนาดนี้
และอีกเรื่องก็คือการเอาของแหลมหรือของมีคมแทงตัวเอง

สำหรับอาหารเจ ถ้าเอาไข่ มารวม ก็จะเป็นมังสะวิรัติ
เฮียก็เป็นคนประเภทนิยมเมนูไข่ เหมือนกัน
ถ้าวันไหนผ่านไปทางสหฟาร์ม ก็จะไปซื้อไข่ไก่แฝด เอามาทำเป็นไข่ดาว(บิ๊กไซส์)
จำได้ว่าตอนเด็กๆ แม่ทำไข่พะโล้เป็นหม้อใหญ่ๆ มีไข่ประมาณ 20 ฟอง
วันนั้นอยู่บ้านคนเดียว พ่อแม่พี่น้องไปธุระ เฮียเลยแอบทานไข่ไป 8 ฟอง
แม่กลับมา พอรู้ แม่ไม่ดุ แม่ตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าวเลยหละ
แหม...ก็เด็กอายุแค่ 6 ขวบ เป็นวัยกำลังกินกำลังนอน นี่หน่า

ตุลาคม คือ ปลายฝนต้นหนาว
นี่แหละ วันนี้ที่รอคอย อยากได้อากาศแบบนี้แหละ
ตอนต้นฤดูฝน อากาศยังร้อนอบอ้าว ก็ไม่ค่อยชอบเหมือนกัน
ถ้าหมดฤดูน้ำท่วมไปแล้ว ตอนนี้น่าไปเที่ยวภาคเหนือมาก
แต่ว่าถ้าเป็นคนไม่แข็งแรง ก็อาจจะเป็นไข้หวัดทิ้งทวนกันก็ได้
วัคซีนหวัด 2009 ถ้าทำงานกับฝรั่งมังค่า น่าจะหาเวลาว่างๆไปฉีดจะดีกว่านะ
เพราะเชื้อในประเทศเรามันไม่น่าจะแรงเท่าเชื้อที่ถูกนำมาจากต่างประเทศ
อย่างไรก็ขอให้อาหมวยมินของ...ใครคนหนึ่ง อย่าเจ็บ อย่าป่วย เลยนะ

เออ..ใช่ ผู้หญิงมาทำงานสายบ่อยๆ เคยได้ยินเขาแซวว่ามีแฟนเหมือนกัน
อันนี้อาจจะหมายความว่า ต้องมาส่งกัน ต้องทานอาหารเช้าด้วยกัน
กลางคืนก็ไปทานข้าวเย็น ดูหนัง ฟังเพลง ร้องคาราโอเกะ ฯ เลยเข้างานสาย
แต่ถ้าคิดทะลึ่งๆนิดหน่อย ก็ตลกดีนะ แหม...อันนั้นมันน่าจะหมายถึงพวกที่แต่งงานกันใหม่ๆมากกว่า
เฮียว่าอาการอยากอยู่คนเดียวเงียบๆนี่ เป็นกันทุกคนสำหรับพวกเลยหลักสี่ไปแล้วด้วยกันทั้งนั้น
เพราะว่า เราใจเย็นลง เราเริ่มหัดมองอะไรรอบๆตัว เราเริ่มคุยกับตัวเองรู้เรื่อง
สำหรับเฮีย เฮียเริ่มรักตัวเอง อยากอยู่กับตัวเอง
เมื่อพบว่าคนรอบตัวนั้นวุ่นวายกับเรามากมายเกินไป


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 6 ตุลาคม 2553 เวลา:15:27:11 น.  

 
ซาหวัดดีคร้าพี่ชาย แหมพอดีว่าบีอยู่เมืองทอง หนูก้อเลยร่าเริงไม่ได้อ่ะนะ คิคิ เห็นตาลุงว่าบางบัวทองกับเมืองทองไม่ใกล้กันอ่ะ ไกลอยู่เหมือนกัน *_* อีกคนที่อยู่แถวนนท์ที่ใครว้า หมายถึงยัยเบลล์หรือใครง่ะ งง

งืม เข้าท่าเน๊อะพี่ชาย หากิ๊กใหม่ไปเที่ยวลั่นล้าเมืองนอก เอาแบบไหนดีคะ กวน มึน โฮ ยินดีที่ไม่รู้จักดีเป่า คนเราก้อปะหลาดเน๊อะ ทั้งทริปจะไม่อยากรู้จักชื่อกันเลย กำ หรือเอาแบบซุป'ตา ยัยน้ำหวานดี อ่อยคนโน้น อ่อยคนนี้ไปเรื่อย ๆ แหม ทำไมหนังเรื่องนี้เอาชีวิตจริงบีมาเปิดเผยแบบนี้ล่ะเนี่ยะ ไม่เห็นจะขอลิขสิทธิ์กันเลย ชิ แถมยังมีจัดประกวดให้สมัครเป็นเหมย กับน้ำหวานอะไรกันอีก แหม ๆ ตัวจริงงานยุ่งอยู่หรอกนะ อีกอย่าง ขอจริงอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องประกวด ชิมิคะพี่ชาย อุอุ

ว่าแต่ว่า ผู้ชายดี ๆ หล่อ ๆ รวย ๆ โง่ ๆ มานยังมีอยู่จิงเหย๋อ สเป๊กนู๋แบบเนี๊ยะ ส่วนใหญ่ก้อยังพอเจออยู่จิงแหล่ะ แต่ก้อมีเมียกานไปหมดแระ เซงเป็ด

อ้าวพูดเรื่องเป็ด ช่วงนี้เข้าหน้าเทศกาลเจแล้วนี่นา พี่ชายกินเจเป่าคะ ^_^ นู๋ก้อคงกินไม่ได้เหมือนเดิม ถ้ากินเจสงสัยจะกินได้แค่ข้าวเปล่า งุงิ ช่วงนี้เลยเนียนกลับเยาวราชไม่ได้ เพราะแถวโน้นเจทุกร้าน ไม่มีไรกินเลย ยกเว้นร้านหูฉลามรังนกอย่างเดียวเท่านั้นที่ไม่เจ เอิ๊ก ถึงจะรวยแล้วแต่จะมานั่งกินหูฉลามสิบวันก้อกะไรอยู่ เกรงใจจัง อิอิ อยู่นี่ยังมีทั้งเจไม่เจให้เลือกสรรมั่งค่ะ ^_^ แต่ว่าไป บีไปเจอป้ายที่ร้านขายอาหารเจเป็นประจำตรงตลาดหน้าปากซอยลาดพร้าว 71 ง่ะ เพราะพอดีกิ๊ก ดร. บีคนนั้นเขากินเจตลอดชีวิต ก้อเลยได้แวะไปเรื่อย ที่ป้ายหน้าร้านเขาเขียนว่า "กินเจหนึ่งมื้อ ร้อยชีวิตรอดตาย" งืมก้อจิงเน๊อะ แต่ก้อยังสั่งราดหน้าหมี่กรอบรวมมิตรมากิน เอ... กุ้งกี่ตัว กี่ชีวิตแล้วหว่า หมูอีก ไก่อีก ปลาหมึกอีก หุหุ หลายชีวิตจัด แต่คิดไปก้อเครียด ไม่ต้องกินพอดี *_*

มาทำให้ตาร้อนก่อนไป รายได้รวมตอนนี้นะคะพี่ชาย รายได้ประจำต่อเดือนก้อ 841.5$ สองหมื่นแปดเกือบสามหมื่นแล้ว และก้อยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนจะอยากสมัครกับเราอะไรกันนักหนา คนอื่นเขาแย่งทีมงาน แย่งสายงานกัน ไอ่เรานี่ไล่ให้ไปสมัครกับคนอื่นก้อไม่ไปกันนะ กำ ดาวไลน์ติดตัว 94 คน คนไปแล้ว เฮ้อ เหนื่อย ส่วนรายได้รวมทั้งหมดที่ได้มาถึงปัจจุบันวันนี้ก้อ 2,257.58$ เจ็ดหมื่นกว่าจะแปดหมื่นแล้วค่ะ ^_^ เพิ่งทำสองเดือนกว่าเองนะนี่ งุงิ

คิดถึงนะคะ จุ๊ฟ ๆ ๆ


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจอมแก่น (Beee_bu ) วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:9:36:40 น.  

 
Nuuu_Beee

555 แสดงว่าเก็ตเหมือนกันนะ
ถ ถ ถ ถะ ถะ ถะ ถู ถู ถู ถูก ถูก ถูกต้องนะครับ
บางบัวทอง กับ เมืองทอง มันคนละโซนกัน
ว่าแต่ว่า ที่บางบัวทองยังไม่ได้หากิ๊กเอาไว้เป็นสาขาย่อยอีกคนเหรอ
สำหรับพี่ชายนั้น ขอบอกว่ามีกิ๊กทุกเขต ทุกอำเภอ
อยากเจอใคร โทรศัพท์หา ห้านาทีก็ได้จับมือถือแขนกันแล้ว
(เอ้...นี่เรากำลังว่าประชดใครหรือเปล่าฟระ???)

ถือศีลกินเจ...
ปีนี้ พี่ชายก็คงเอาแบบเดิม ทานเจเป็นเพื่อนเจ้ (แต่ไม่ทุกมื้อ)
เพราะถ้าไม่ทานเป็นเพื่อนเจ้ เจ้จะให้ไปทานเป็นเพื่อนกับเป็ดข้างบ้าน 555
เมื่อเช้าพาครอบครัวไปทานอาหารแถวโรงพยาบาลมา
เห็นธงเจสีเหลืองขึ้นเป็นดอกเห็ดหอมเลยหละ
อ้อ.....พี่ชายไม่ได้ป่วย แต่คนในบ้านป๋วย 1 คน
เสียเงินค่ารักษาไม่มาก แค่ 50 USD
นี่เทียบเป็นเงินฝรั่งให้อ่านนะ เพราะเดี๋ยวนี้เราสองคนพี่น้องต้องคุยกับเป็นตัวเลขยูเอสดอลล่าร์ 555

วันนี้เจ้เขาตั้งใจว่าจะ "ล้างท้อง"
แต่ไม่ใช่อย่างฟิล์มที่ไปล้างท้องที่โรงพยาบาลบีเอ็นเฮ็ชนะ (ไม่รู้ว่านู๋บีติดตามข่าวดารากับเขาบ้างหรือเปล่า?)
คำว่าล้างท้อง ของคนกินเจก็คือ ทานอาหารเจก่อนวันเจ เอาไปไล่ "อาหารชอ" ออกจากกระเพาะอาหาร
ถ้าพูดแบบคนโฉดก็ต้องบอกว่า กินเข้าไปไล่อุจจาระในท้อง 555 เอ้..นี่ขนาดใช้ภาษาสุภาพแล้วนะ
เมื่อเช้าก็ทานโจ๊กหมูใส่ไข่ปัสสาวะอาชาดำ แถมด้วยปาท่องโก๋ยักษ์
ยังมีหมูทอด หนังไก่ทอด บั้นท้ายไก่ปิ้ง และน้ำเต้าหู้
ทานไปทานมาอาหารมันทั้งร้อน ทั้งมัน เลยสั่งน้ำอัดลมมาล้างท้องอีกคนละขวด
เรียกว่า ทั้งไขมัน น้ำตาล สารก่อมะเร็ง เข้าไปอยู่เต็มท้องเลยเมื่อเช้านี้

เชื่อหรือไม่ว่า นู๋บี นี่ก็เป็นคนทานเจเหมือนกันนะ
เพราะว่า ไม่ทานผัก ก็เลยไม่ทานผักต้องห้ามของเจ เช่น กระเทียม หอม กุยช่าย ฯ
ถ้าใช้ตรรกะแบบหุบเขาคนโฉด ก็เท่ากับว่าหนูบีนี่ทานเจมานานแสนนานเหมือนกัน
เพียงแต่ว่าเป็นเจนิกายที่ไม่ทานผักไง เอ้ย...ชักปวดหัว คิดเข้าได้อย่างไร
คุณหนูเล็กเธอก็ไม่ทานผัก อย่างที่พี่เคยเล่าให้บีฟังนั่นแหละ
แต่แปลกที่ทานกุยช่ายได้ ผักอื่นๆก็มีนะ เช่น ฟักทอง ขนมปังกระเทียม(ร้านพิซซ่า)
อย่างเวลาไปร้านซีสเลอร์ เขาก็ทานสลัดได้ด้วย เห็นเขาเลือกตักมาก็จะเป็น มันต้ม เผือกต้ม ข้าวโพด แครอท ฯ
ตอนเด็กๆทานผักได้เยอะแยะ พอโตมาก็ดันมาเลียนแบบ อาบี ไม่ยอมทานผัก ซะงั๊น

เชื่อหรือว่า การทานอาหารเจ เท่ากับการปลดปล่อยชีวิตสัตว์ได้มากมาย
รู้สึกว่าจะมีท่านผู้รู้เคยกล่าวเอาไว้ว่า ทานเจหนึ่งมื้อหมื่นชีวิตรอด
พี่ว่าตรรกะ คนละประเด็น แต่เอามาปนกันนะ
วันนี้เราจะทานอาหารอะไร
ผู้จัดการโรงงานฆ่าสัตว์เขาจะโทรศัพท์มาถามเราตอนตี่สามตีสี่หรือเปล่า?
ในป่า...สัตว์ที่มันถึงฆาตต้องโดนสัตว์ผู้ล่าจับมันไปกิน มันจะหยุดล่าสังหารเพราะเราหรือเปล่า?
ในอาหารเจ ไม่มีสิ่งชีวิตเลยหรือ วิทยาศาสตร์ระดับนาโนเขาบอกว่าไม่ใช่ เพราะเชื้อโรคเชื้อราก็มีชีวิต
แล้วพืชที่เอามาทำเป็นอาหารไม่ได้มาจากสิ่งมีชีวิตหรือ ต้นไม้กินอาหาร หายใจ สังเคราะห์แสง เจริญเติบโต ไม่ได้เองหรือ
เออ...ชักโมโห พี่ชายหรือยัง หุหุ (นี่ถ้าตาลุงของนู๋บีมาอ่าน คงด่าพี่เปิงไปแล้วหละ)
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีคนบอกว่า การทานเจไปตลอดชีวิต เป็นเรื่องที่ดี น่าสนับสนุนให้ทำกันเยอะๆ
โปรทีนจากพืช เหมือนโปรทีนจากสัตว์ ทดแทนกันได้ 100% จริงหรือเปล่า?
นมถั่วเหลืองกับนมวัว นมแพะ มีคุณค่าทางอาหารเท่ากันเลยหรือ
เฮ้ย...ไม่ได้ว่า ทานเจ แล้วมันไม่ดีนะ แค่ถามเฉยๆ

จริงๆแล้ว คนทานเจ ก็ทานไปเถอะ ไม่ต้องมาหาคำอธิบายว่าทานไม่เหมือนผู้อื่นไปทำไม
ไม่ต้องไปกลัวว่า คนจะสงสัยว่าเพี้ยนหรือเปล่า ทำไมไม่เดินสานกลาง ทานอะไรก็ได้เท่าที่จะหามาทานได้
โดยไม่ต้องยุ่งยากวุ่นวาย ไม่ต้องออกไปล่า ไม่ต้องออกไปเสี่ยงชีวิตเพื่อให้ได้อาหารนั้นมา ฯ
เพราะพี่ว่าจริงๆแล้วการทานเจเป็นส่วนประกอบของ การถือศีลกินเจ
คือต้อง มีการรักษาศีล รักษาจิตใจ เป็นตัวหลัก
การทานเจ สำหรับนักบวช หรือคนหมู่มาก มันช่วยให้เรื่องการอยู่การกินไม่วุ่นวาย
และพวกความสะอาดอนามัยสุขลักษณะทางโภชนาการก็ดูแลได้ง่าย
เพราะอาหารเจ จะเป็นการต้มและดองด้วยน้ำเกลือเป็นส่วนใหญ่
อย่าลืมว่า ที่ตัดคำว่าทอด เพราะคนโบราณไม่ได้นิยมทานน้ำมันพืชกันเหมือนพวกเราในวันนี้
น้ำมันมะพร้าว น้ำมันบัว น้ำมันข้าวโพด ก็มีขายกันเฉพาะท้องถิ่น ไม่ได้เอาไปวางที่ตลาดสด หรือตลาดน้ำ

เอาฟระ...เดี๋ยว จะเขียนเรื่อง คิดนอกกรอบกับการทานเจ ให้อ่าน


Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF



โดย: zoomzero วันที่: 7 ตุลาคม 2553 เวลา:14:24:58 น.  

 


หวัดดีค่ะเฮียจ๋า
โห...ดวงเราสองคนนี่มันยังไงกันน๊อ ฮ่า ๆ ๆ
เช้า ๆ นั่งพิมพ์คุยกับเฮีย 2 วันแล้ว
ยังไม่ทันได้กดส่งซักที ต้องมีอันเป็นไปทู๊กทีค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เมื่อวานก็มีงานด่วนเข้ามา คุยกับลูกค้าต่างชาติที่พูดไม่ยอมเข้าใจอ่ะนะ
มินชักโมโห เลยบอกว่า คุณมีทางเลือกอยู่ 2 ทาง คือจะเอาหรือไม่เอา...
พูดวกไปวนมาเป็นฝรั่งขี้เมาไปได้อ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
แล้วเมื่อวันพะหัสอ่ะ เป็นวันทานค่ะ กลางวันนัดเลี้ยงลูกค้าที่นึง ตอนเย็นอีกบริษัทฯ นึง
โห..เชื่อป่าวคะว่า ของที่ทานที่ร้านครัวเจ๊ง้อ สุขุมวิท 20
อืม..มินก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีเจ๊ง๊อที่นี่ด้วย ตอนมื้อกลางวันอ่ะ
ต้องห่อกลับมาตั้งหลายอย่างค่ะ เพราะมัวแต่อื้อ ๆ อ้า ๆ มารยาทกันจั๊ง..
ผลที่สุด ทานอาไรไม่หมดซักกะอย่างนึงเลยค่ะ
เฮีย ลองดูรายการอาหารนะคะ กระเพาะปลาผัดแห้ง
ปอเปี๊ยะปู สลัดกุ้งทอด (อันนี้เขาทำแปลกค่ะ คือเหมือนมีบะหมี่ทอดแล้วห่อด้วยกุ้งอยู่ในรังบะหมี่อ่ะค่ะ)
น้ำสลัดก็เหมือนกับมายองเนสผสมด้วยสลัดครีมอ่ะค่ะ
ปลาบู่นึ่งซีอิ๊ว ปลากระพงแช่น้ำปลาทอด ผัดโป๊ยเซียน
ผัดผักบุ้ง ผัดหมี่กระเฉด ยำวุ้นเส้น ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม
สาบานได้ไม๊เนี่ยว่าทานกันแค่ 9 คนอ่ะค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ของหวานมี แปะก๊วยร้อน กับเผือกหิมะ
สรุปว่าห่อกลับมาหลายอย่างเลยค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ลูกค้าชอบเผือกหิมะ มินเลยสั่งให้ลูกค้ากลับไปให้
เด็ก ๆ ที่สำนักงานเค้าอีก 3 กล่องค่ะ
เมื่อวาน เป็นวันครบรอบร้านที่สาขานี้ 6 ปี
เลยได้ส่วนลดตั้ง 15% แถมยังได้ของขวัญ
เป็นแก้วกาแฟสวย ๆ มีฝาปิดมีช้อนชงกาแฟเข้าคู่กันมาอีกด้วยค่ะ
ที่มินแปลกใจคือ เค้าบอกสาขานี้เปิดมา 6 ปี รอดมินไปได้ไงเนี่ย ไม่เคยเห็นเลยนิ ฮ่า ๆ ๆ

กว่าจะเลิกกันเกือบบ่าย 3 โน่นค่ะ ขับรถกลับมา office
เอาของลงจากรถไปให้เด็ก ๆ ทานกัน อีกแป๊ปมินต้องออกอีกแล้ว
อีทีนี้ตะเวนไปซิสเล่อร์ค่ะ สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวอ่ะนะ
มื้อเย็นไม่เกร็งเลย ทานกันแบบสนุกสนานเต็มที่ เพราะซี้กันมาก ๆ กับลูกค้าบริษัทฯ นี้
ทานกัน 4 คนค่ะ ไม่มีห่อกลับ เพราะถ้าห่อกลับหนนี้ก็ไม่รู้จะไปให้ใครแล้วค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

เฮีย รู้สึกแน่น ๆ ท้องมั่งป่าวคะ เมื่อวานอ่ะ
นู๋ทานเผื่อทุกอย่างนะคะ ยกเว้นปลาและผักอ่ะ
อ้อ ทานปลาทอดไปนิดนึงค่ะ อิอิ
เมื่อเช้าก็กะลังนั่งพิมพ์คุยกับเฮียดี ๆ
เด็กมาเรียกว่า เจ้านายมาตามให้ออกไปด้วย
ถามไปไหนก็ไม่รู้ ไม่มีใครกล้าถาม
เค้าสั่งให้มาตามมิน บอกให้เอากระเป๋าถือไปด้วย
มินก็นึกว่าไปไหนใกล้ ๆ โน่น ไปเพชรบุรีค่ะ
พอขึ้นรถไปแล้ว เหมือนโดนฉุดไปเลยอ่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ไม่มีถามกันเล๊ย ว่ามินมีงานอาไรหรือป่าว
เพิ่งกลับมาเมื่อ 3 โมงนี่เองค่ะ กลับมาถึง
มินก็ขับรถกลับบ้านเลยเนี่ย เหนื่อยค่ะ 2 วันนี้
เหนื่อยแค่ไหน มาถึงก็ไม่มีพักนะคะ
คุยกับกิ๊กก่อน 2 วันแล้ว ยังไม่ได้คุยเลย
พิมพ์ค้างไว้ทั้ง 2 วันเลย มินโทรกลับเข้ามา
ให้เด็กช่วยปิดคอมพ์ให้ สงสัยมันแอบอ่านกันเพลินแล้วอ่ะมั๊ง ฮ่า ๆ ๆ

ปล. เสาร์ อาทิตย์ นี้ ทาน เที่ยว ให้สนุก นะคะ อิอิ


โดย: มินทิวา วันที่: 8 ตุลาคม 2553 เวลา:17:37:59 น.  

 
Mintiva

อือ อือ อือ
ต้องหา Eno มาชงน้ำดื่มซะแล้วหละ 555

เมื่อ 2 วันก่อน เฮียก็ทานอาหารแบบผสมผสาน
คือเช้ากับกลางวัน ทานเจ
มื้อเย็น ทานชอ

วันพฤหัส ตอนเย็นไปฟังสวดศพคุณน้าแถวๆบ้าน เลยทานข้าวต้มปลาที่วัด
เมื่อ 2-3 ก่อน คุณน้ายังออกมากวาดเศษใบไม้หน้าบ้านของท่าน
เฮียขับรถผ่านหน้าบ้านท่านพอดี เลยชะลอรถ เอากระจกลง แล้วก็ยกมือไหว้ท่าน
ท่านก็บ่นเรื่องฟ้าเรื่องฝน และก็ถามไถ่ทุกข์สุขกันและกัน
คุณหนูเล็กนั่งในรถ พอไหว้ลาคุณน้า หรือคุณยายของยายหนู ไปได้นิดหน่อย
คุณเธอก็ถามว่าทำไมเราต้องจอดรถไหว้เขาด้วย เขาไม่ใช่ญาติเราซะหน่อย
เฮียก็ไม่ทันคิดเรื่องนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเองทำแบบนี้กับคนในซอยนี้ หมู่บ้านนี้มากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง
ส่วนยายหนูเขาก็เห็นเรื่องแบบนี้อยู่เป็นร้อยๆครั้งตั้งแต่เขาเกิดมา เพียงแต่วันนี้คือวันแรกที่เขาถามแบบนี้
เฮียก็ตอบลูกไปว่า สมัยก่อนถ้าพ่อไปไหนกับปู่หรือย่า พวกท่านก็จะหยุดเดินแล้วบอกให้พ่อไหว้คนในละแวกบ้าน
พ่อก็เลยทำแบบนี้จนติดเป็นนิสัย
ยายหนูก็พูดขึ้นมาอีกว่า แถวบ้านคุณยายไม่เห็นคนบ้านโน้นเขาจอดรถไหว้ใครเลย
อือ อันนี้ก็ตอบไม่ได้และก็ไม่ได้ตอบเด็กขี้สงสัยคนนี้
ตอนนี้มาคิดหาคำตอบอีกที คงเป็นเพราะว่าแถวบ้านคุณยายของหนูเล็กเขาเป็นบ้านหลังใหญ่ๆๆๆๆๆ
รั้วรอบขอบชิด เลยไม่มีใครได้เจอหน้าใครกัน
เฮียว่าคนกรุงฯในวันนี้ แทบจะไม่รู้จักคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันเลย
นอกจากไม่ค่อยรู้จักกันแล้ว เดี๋ยวนี้ยังไม่นับเด็กบ้านคนอื่นเป็นเหมือนลูกหลานของตนเองเลย
ขนาดเด็กข้างๆบ้านหนีโรงเรียน คนแถวนั้นเห็นกันหลายคน แต่ไม่มีใครตักเตือนเด็ก หรือบอกพ่อแม่ของเด็กเลย
อีกหน่อยประเทศเราก็จะมีแต่พวกคนเห็นแค่หนึ่ง หรือ เห็นแก่ตัว นึกแล้วน่ากลัวกว่าคนโฉดอย่างเฮียเสียอีก

ไปงานศพที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร หรือ วัดโสมฯ
คุณน้าเป็นภรรยานายทหารที่เกษียณ คุณน้าผู้ชายเลยนำศพท่านไปวัดของทหาร
วัดนี้เขาสวดศพเร็วและสั้นมาก สวดศพศาลานี้เพียงแค่หกโมงครึ่ง
พอเกือบจะทุ่มพระก็สวดครบ 4 จบ สวดบทสั้นมากและฟังไม่ค่อยทราบว่าสวดว่าอะไร
เห็นเขาว่าพอทุ่มครึ่งก็มีเริ่มสวดที่ศาลาอื่นๆ คงจะเป็นเพราะมีพระน้อยหรือว่าสวดสั้นเลยสวดได้หลายรอบก็ไม่ทราบนะ
วัดมหานิกายที่เคยไปฟังสวด อ้อ..คุณพ่อของเฮียก็สวดวัดมหานิกาย
พระวัดมหานิกายสวดศพแต่ละจบนี่ พนมมือกันเมื่อยเลยนะ
จำได้ว่าต้องขึ้นต้นว่า กุศลาธรรมมา อกุศลาธรรมมา ฯ
เขาว่าพออายุเยอะๆให้หัดเข้าวัด ความจริงเขาไม่ได้หมายถึงเข้าวัดไปใส่บาตรทำบุญ
เพราะควรจะทำบุญทั้งนอกวัดและในวัดกันมาตั้งแต่อายุน้อยๆถึงจะถูก
แต่เข้าวัดตอนแก่ ก็เพราะพ่อแม่ เพื่อนฝูง กำลังทยอยเข้าแถวกันไปสู่อีกโลกหนึ่ง
การไปฟังสวดอภิธรรมบ่อยๆ จนชินกับบทสวดนั้น
เมื่อวันหนึ่งเราตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองล่องลอยอยู่ในความมืด
ท่านว่าให้ตามเสียงสวดนั้นไป เพราะเราได้สิ้นอายุไขลงแล้ว
เออนะ...คุยเรื่องความตาย เฮียช่างเป็นคนไม่รู้กาลเทศะเลยเน๊อะ ขอโทษด้วย
ส่วนดีของการมีพิธีกรรมทางศาสนานี่ก็มีสำคัญเหมือนกันนะ
ดีทั้งคนที่จากไปและคนที่อาลัยคนผู้นั้น

มาเม้าท์เรื่องวัดโสมฯกันหน่อย
วัดนี้มีชื่อตามพระนามของพระมเหสีของรัชกาลที่ 4
ร.4 ทรงสร้างเพื่อเป็นพระราชอุทิศแด่สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
ซึ่งพระนางทรงเป็นสมเด็จพระอัครมเหสีพระองค์แรกในรัชกาล (ขณะที่มีพระชนมายุได้ 18 พรรษา)
โดยมีพระนามว่า สมเด็จพระนางเธอโสมนัสวัฒนาวดี พระนางนาฎบรมอัครราชเทวี (2 มกราคม 2394)
ทรงมีพระครรภ์และทรงมีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียว พระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าโสมนัส
แต่น่าเศร้าที่พระโอรสทรงสิ้นพระชนม์ในวันประสูติ (21 สิงหาคม 2395)
หลังจากทรงคลอดพระโอรส ก็ทรงมีอาการพระประชวร จนวันที่ 10 ตุลาคม 2395 ปีเดียวกันนั้นเอง
ก็ทรงสิ้นพระชนม์ เสด็จสวรรคต (เรียกแบบชาวบ้านว่า ท้อง คลอดบุตร บุตรเสียชีวิต และมารดาก็เสียชีวิตในอีก 2 เดือนต่อมา)
คงเป็นเพราะการแพทย์สมัยนั้นยังไม่ค่อยได้พัฒนาเหมือนทุกวันนี้ น่าเศร้า...
ทรงเป็นถึงสมเด็จพระอัครมเหสีแต่ไม่ได้เป็นพระราชชนนี่ในพระมหากษัตริย์รัชกาลต่อๆมา
ในรัชกาลที่ 6 ทรงมีพระบรมราชโองการให้เปลี่ยนคำเรียกพระนามใหม่เป็น สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี

ในวัดโสมฯ จะมีเจดีย์ 2 องค์ ได้แก่ เจดีย์องค์ใหญ่ สีทอง ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
สามารถมองเห็นยอดเจดีย์ได้แต่ไกล พวกนักท่องเที่ยวชอบมาเที่ยวเยอะเหมือนกัน
ส่วนอีกเจดีย์ จะเป็นเจดีย์องค์เล็ก ทรงแบบเจดีย์มอญ เห็นเขาว่าเป็นแบบปรินิพพานสถูปในอินเดีย
ภายในวัดยังมีพระพุทธรูป คือ เขาเรียกว่า พระพุทธรูปฉลองพระองค์
เฮียขออธิบายว่า หมายถึง พระพุทธรูปที่เป็นเสมือนตัวแทน
ซึ่งในวัดโสมฯจะมี พระพุทธรูปฉลองพระองค์ของรัชกาลที่4 และ สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสฯ
อ้อ...ยังมี พระพุทธสิหิงค์จำลอง อยู่ที่ตึกสมเด็จ 80 ปี
ถ้าจะไปนมัสการเจดีย์ หรือแค่ถ่ายรูป ต้องจอดรถด้านถนนกรุงเกษม
บอกยามว่า เหมาจอดนานหน่อย คิดเท่าไหร่ เพราะถ้าจอดเป็นชั่วโมงจะเสียเงินเยอะ
เราเอาเงินไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนดีกว่า
แต่ถ้ามางานศพก็ต้องไปจอดรถด้านซอยพะเนียง
วัดนี้ถ้าจะจุดธูปไหว้ศพ ต้องออกมาจุดกันนอกศาลา ดูแล้วเป็นระเบียบเรียบร้อยสมกับบริหารงานโดยทหาร
นานๆเข้าวัดในเมือง ก็เลยต้องหาข้อมูลกันหน่อย
พอไปถึงก็จะได้รู้ว่าตรงไหนมีอะไร ไม่ต้องยกมือไหว้มั่วไปหมด ทำเป็นนักมวยขึ้นเวทีไปได้

วันศุกร์ก็เหมือนกับว่าน่าจะได้ทานเจทั้ง 3 มื้อ
แต่ปรากฏว่าแม่ของหลานชายเดินทางมาจากยูเค
หลานคนนี้น่าสงสารแต่ก็ไม่น่าสงสาร เออ...ชักงง
คือว่า พ่อแม่อยู่ด้วยกันได้ไม่นาน ก็มีเขาออกมา ออกมาได้ไม่นานก็เลิกกัน
พ่อจะเอาลูกไว้ แม่ก็เลยไปตัวเปล่า แต่ก็จะติดต่อกันมาโดยตลอด
ต่อมาแม่ก็ไปหาเพื่อนที่ลอนดอน ไปเที่ยวแบบนั้นไม่มีโปรเจ็คอะไร
กลับมาไม่นาน มีหนุ่มตามมาจีบ ตกลงแต่งงานกันใหม่ เลยย้ายไปอยู่เมืองนอกยาวเลย
ทีนี้ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจดทะเบียนกันหรือเปล่า?
แต่ที่แน่ๆไม่ได้ไปหย่ากัน เพราะช่วงนั้นตีกัน เอ้ย มีปากมีเสียงกัน (ใช้คำที่ดูดีหน่อย)
พอเจ้าหลานคนนี้อายุได้ 6-7 ขวบ พ่อก็มาป่วยตาย แบบว่าเป็นไข้หลายๆวัน ไปหาหมอ หมอบอกว่าไม่รอด จบ
เฮียก็จำไม่ได้ว่าเขาป่วยเป็นโรคอะไร ก็เห็นว่าแข็งแรงมาก ไม่เคยไปหาหมอเลย
มาที่เจ้าเด็กกำพร้าคนนี้ พ่อก็ตาย แม่ก็ไปอยู่เมืองนอก
ถามว่าถ้าเป็นเรา เราจะเศร้าหรือเปล่า?
แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย มีแต่คนเอาใจ เลี้ยงดูเป็นอย่างดี
แถมเจ้าเด็กคนนี้ก็ยังหน้าตาดี เรียนหนังสือก็เก่ง
สรุปแบบหนังสั้นเลยแล้วกัน เขาเพิ่งกลับจากไปเรียนปริญญาโทที่เมืองนอกมาเมื่อสามปีก่อน
เขาเรียนจบไปเมื่อห้าปีก่อนแต่มีสปอนเซอร์ให้นอนๆเดินๆอยู่ที่โน้น 2 ปี
เพราะกะเอาว่า จะเอาบัตรพลเมืองของประเทศนั้น แต่มาเจอปัญหาเรื่องผู้ก่อการร้ายสากล
ทั้งเสียเงินบนโต๊ะอย่างถูกกฎหมาย และใต้โต๊ะให้ขาใหญ่ขาช้าง ก็ไม่ได้กรีนการ์ด
เลยให้กลับมาทำมาหากินเมืองไทยก็แล้วกัน
กลับมาถึงเมืองไทยก็มีสปอนเซอร์ถอยฟอร์จูนเนอร์ให้หนึ่งคัน
เพราะคิดว่าจะให้เขาขับไปเที่ยวเมืองไทยซะให้ทั่ว
แต่สปอนเซอร์พูดว่า ให้มันขับไปหาเมีย
แหม...ทำไม ดวงของเฮียถึงไม่เจอผู้ใหญ่ใจดีแบบนี้
นี่ก็นอนฝันว่า มีคนซื้อรถป้ายแดงให้ แล้วบอกให้ขับไปหากิ๊ก 555

นี่แม่เขากลับมาเมื่อตอนเย็น
ก็เลยต้องไปรับกันที่แอร์พอร์ท
แล้วก็ต้องพาไปทานดินเนอร์เวลคัมกันหน่อย
ก็พาไปร้านริมแม่น้ำลำคลองนี่แหละ
สั่งอาหารปนๆกันทั้งไทย จีน ฝรั่ง
มี 2 กลุ่ม พวกทานเจก็จัดโต๊ะให้นั่งข้างๆกัน ไม่ทราบว่าทานอะไรเหมือนกัน ไม่ทันได้มองกันเลย
โต๊ะชอ ก็จะมีเฮียเป็นหัวหน้ากลุ่ม แม่ของหลาน หลาน และก็ลูกๆหลานๆ ลุงป้าน้าอา ก็เกือบๆโหล
เด็กสมัยนี้มันแสบสุดๆ ไอ้ที่สั่งมามันไม่ยอมทาน มันจะสั่งของมันเอง
เดี๋ยวก็มีหอยลายอบซอสเปรี้ยว หอยเชลล์อบเนยกระเทียบ หอยแมลงภู่อบชีสพิซซ่า
สะเต๊กหมู หมึกไข่มะนาว มาเสิร์ฟ เฮียก็โวยว่าไม่ได้สั่ง แต่พวกตัวแสบบอกว่า สั่งเพิ่ม
ส่วนที่พวกผู้ใหญ่สั่งก็มีหลายจาน
เช่น ข้าวผัดปลาสลิด ผัดผักสี่สหาย ปลากะพงทอดน้ำปลา
ต้มยำกุ้ง ซี่โครงหมูอบ ไก่ตุ๋นเยื่อไผ่ ทอดมันปลากราย ปลาช่อนลุยสวน หมูมะนาว
ยังไม่เท่านั้น น้ำเปล่าก็ไม่ยอมทาน ต้องเป็นน้ำอัดลม
แถมก่อนน้ำอัดลมก็เป็นน้ำผลไม้ปั่น พวกนั้นสั่งน้ำปั่นมาแทบทุกอย่างในร้าน
บอกว่าเอามาแบ่งกันชิม โห...แสบคูณสอง จริงๆ
ตอนจบก็มีสภาพเหมือนกับงานอาหมวย คือ ห่อ ห่อ ห่อ และก็ห่อ
กินทิ้งกินขว้างเหมือนกับว่าเศรษฐกิจเมืองไทยมันดีซะเหลือเกิน
เด็กพวกนี้ไปโรงเรียนก็ไม่ค่อยทานอะไรนะ เหลือเงินกลับมาอื้อซ่า
คงเพราะเอาแต่เล่นหรือไม่ก็เม้าท์กับเพื่อน
เงินค่าขนมเหลือกลับมา แต่ก็เบิกใหม่ทุกวัน ก็ไม่รู้ว่าเอาเงินเก็บส่วนนั้นไปซื้ออะไรกัน


ร้านเจ้ง้อ นี่เฮียก็ทานจนเบื่อแล้วนะ แหม..ขอโม้นิดหน่อย ธรรมดาทานข้าวกับซีอิ้ว
แต่ก็ไม่เคยทราบเลยว่ามีสาขาแถวสุขุมวิท 20
สลัดกุ้งทอด นี่ น่าจะเป็นสูตรใหม่หรือไม่ก็มีเฉพาะที่นี่ที่เดียวหรือเปล่า
เพราะที่บ้านไปทานเจ้ง้อทีไร พอสั่งสลัดกุ้งทอด ก็จะได้กุ้งทอดวางข้างๆกองผักผลไม้สับๆ มาทุกที
ส่วนผัดหมี่กระเฉดนี่เขาผัดได้อร่อยมาก ลองทำบ้างก็ไม่อร่อยเหมือนเขา
อีกอย่างที่ต้องสั่งก็คือ ผัดผักบุ้ง เขาจะหั่นเป็นเส้นบางๆยาวๆ
ของหวาน เผือกหิมะ นี่ใครๆก็บอกว่าชอบ หวานดี
แต่เพราะชื่อว่าเผือกหิมะ คนคิดว่าเย็น ที่ไหนได้ทอดมาซะร้อนลิ้นพองเลย
ร้านเจ้ง้อนี่ พวกปูทอดกระเทียมหรือพริกไทยดำ ปูผัดผงกระหรี่ กั้งกระดานทอด ก็อร่อยนะ
แต่ถ้าจะทานต้องมีแฟน มีกิ๊ก หรือมีสามี(เพื่อน) ไปคอยแกะให้ เพราะมือจะมันมาก
เอาน้ำลอยเปลือกมะนาวมาล้างมือ ก็ไม่หายกลิ่นคาว
อ้อ..หอยจ้อ ที่นี่ก็สุดยอดมากๆ ข้างในแน่นหนึบๆ

อือ...อยากทานปลาบู่นึ่งซีอิ้วเหมือนกัน
เมื่อก่อนไม่น่าจะไปหลงเชื่อเรื่องปลาบู่ทองเลย
พอจะสั่งทีไรก็จะมีคนบอกว่า อาจจะเป็นญาติที่ตายไปแล้วกลับมาเกิดเป็นปลานะ
เดี๋ยวนี้ ญาติก็ญาติเหอะ จะกินซะอย่าง ก็อยากมาเกิดเป็นอาหารทำไมละท่านบรรพบุรุษเจ้าขา


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:23:36:56 น.  

 



หวัดดีค่ะเฮีย ฮ่า ๆ ๆ
วันนี้ได้ฟังเรื่องเล่าหลายเรื่องเลยอ่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ
มีเจ๊ง๊อที่สุขุมวิท 20 ค่ะ ขับตรงเข้าไปเกือบสุดทางที่จะเลี้ยวซ้าย
ร้านอยู่มุมฝั่งขวาค่ะ มินเองก็ไม่เคยรู้ว่ามีตรงนี้ด้วยอ่ะนะ
เคยทานแต่ที่รัชดา แล้วก็ที่ห้างหลักสี่ไอทีสแควร์อ่ะค่ะ
แล้วก็ไม่เคยสั่งสลัดกุ้งทอดมาทานเลย เพราะมินไม่ชอบทานผักอยู่แล้วค่ะ
วันนั้นเค้าแนะนำก็เลยสั่ง ตอนยกมาเสริฟ์ก็ ..
เอ๊..น้องนี่เหรอสลัดกุ้งทอด แบบนี้เหรอคะ
ที่ถามเพราะไม่เห็นกุ้งเลยค่ะ เพราะเขาจะใช้บะหมี่
ทอดน้ำมันแล้วมาทำเป็นคล้าย ๆ ลูกตะกร้อห่อกุ้งไว้ข้างในอ่ะค่ะ
มันก็แปลก ๆ ดี นะ วันหลังเฮียลองสั่งมาทานดูจิคะ
ผัดผักบุ้งวันนั้น มินก็สั่ง ก็สั่งเกือบทุกครั้งที่มาทานอ่ะค่ะ

วาว คุณสมบัติหลานชายเฮียนี่ เข้าข่ายสเป็คมินเลยนะคะ
รูปหล่อ พ่อรวย(อ้ะ..ญาติก็เหมือนกันละน่า) การศึกษาดี
แหม..มินอยากจะถอยอายุไปซัก 20 ปีจังค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
ก็คุณสมบัติผู้หญิงที่ผู้ชายอยากได้ยัง...
รูปสวย รวยทรัพย์ อับปัญญา พ่อตาตาย แม่ยายโง่ นี่นาเน๊อะ ฮ่า ๆ ๆ

เมื่อวานนี้มินไปประชุมที่บริษัทฯ ค่ะ
นัดประชุม 10 โมง เรียกว่าประชุมระดับบริหารและหัวหน้าทั้งบริษัทฯ เลยก็ว่าได้
ตอนแรกนึกว่า เสร็จเที่ยง โห เกือบบ่าย 3 เลยค่ะ ขาดอยู่ 5 นาที
ตอนแรกก็ยิ้มแย้มแซวกันดีอ่ะนะ พอตอนหลัง ๆ บางฝ่ายเหมือนทะเลาะกันซะแล้ว
นึก ๆ ก็ให้สงสารนายมินจริง ๆ นั่งเป็นประธานหัวโต๊ะให้คนสาดเสียงใส่กันไปมาอ่ะค่ะ

นี่ดีนะว่าขาดไปคนนึง เพราะป่วยกระทันหัน
ถ้าไอ้นั่นเข้าประชุมด้วย ไม่รู้ตะวันตกดินจะเสร็จหรือป่าวอ่ะนะคะ ฮ่า ๆ ๆ
บริษัทฯ ใหญ่ ๆ ก็แบบนี้นะมินว่า ไม่รู้จะมาทะเลาะเถียงกันทำไม๊
พนักงานเค้าทั้งนั้น ไม่ใช่เจ้าของหรือผู้ถือหุ้นซักหน่อยนะมินว่า...เฮ๊อ

เมื่อวานหมดไปวันนึง ไม่ได้อาไรเลย นอกจากเรื่องปวดหัวกลับมาค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
เฮียรู้ไม๊ แผนกเซลล์เนี่ย มีแต่คนใจแคบอิจฉานะ คิดว่ารายได้ดีอ่ะนะ
แต่ ไม่คิดมั่งว่า การขายสำคัญก็จริง แต่หลังจากการขายได้ไปแล้วเนี่ย
การบริการที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพหลังการขายเนี่ย
มันสำคัญและทำให้ลูกค้าประทับใจมากกว่าและยิ่งขึ้นไปอีกนะมินว่า
แต่ ที่มินไม่ให้คอมพ์แผนกนั้นทุกโต๊ะเพราะว่า งานไม่ค่อยเดินค่ะ เอาไปเล่นเกมส์กันซะมากกว่าอ่ะนะ
นี่ขนาดมินไม่เคยเอาไปเล่าให้นายฟังนะ เรื่องไหนที่เห็นที่รู้มา
ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรง ก็จะยอม ๆ ปล่อยไปทำหูทวนลมมั่ง
แต่ ถ้าอันไหนมันไม่ไหวจริง ๆ คุณเล่นทวนน้ำมากเกินไป
จนทำให้บริษัทเสียหายและเสียผลประโยชน์ ก็เจอมินแน่ค่ะ

เอ้า..มาพูดเรื่องไรเนี่ย ไม่เอาดีกว่าค่ะ อิอิ
เสาร์หน้ามินก็จะไปดูคอนเสริต อีมินโฮ แล้วค่ะ
ซื้อบัตรไว้แล้ว 3 ใบ ไปดูกับเพื่อนอีก 2 คน
แต่ สงสัยว่า แกรนด์คอลเวนชั่นฮอลล์ ที่เซ็นทรัลเวิลด์เนี่ยอ่ะ
มันซ่อมแซมเสร็จพร้อมเปิดให้บริการแล้วเหรอคะ
แล้วตอนนั้น ที่มันไฟไหม้อ่ะ ตรงส่วนนี้มันเสียหายไปด้วยหรือป่าวก็ไม่รู้เน๊อะเฮีย
เหอะ เหอะ..เอาน่า มันจะถล่มลงมาตอนนั้นก็ช่างมันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ

ปล. อาทิตย์พักผ่อนให้สบาย ๆ นะคะ
ทานอีโนหรือยังคะ เมื่อวานได้รับ fw.เมล์
เรื่องยาอันตรายที่ห้ามกิน มีพวกทิฟฟี่ นูต้า รวมอยู่ด้วยนะคะ
เดี๋ยวต้องรีบโทรไปบ้านโน๊นหน่อย
แม่มิน พอจะเป็นหวัดเอะอะอาไรก็ทิฟฟี่ ๆ ตลอด
ซื้อยาดี ๆ จากเมืองนอกเมืองนา เอาไปให้เก็บไว้ทานก็ไม่ทานค่ะ


โดย: มินทิวา วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:8:57:48 น.  

 
Mintiva

อาทิตยารุณสวัสดีศรีสโมสรอรชรคนสวยอาหมวยเล็กของจอมมาร

(เอ้ยซ์ นี่เที่ยงแล้วหรือนี่)
วันนี้มีโปรแกรมไปโรงเจตลาดน้อย แถวโอเดี่ยน (ไม่ใช่โอเด้งนะครับ)
ถ้าจะไปไหว้เจ้า ก็ต้องไปตอนกลางวัน
ถ้าจะไปแบบนักท่องเที่ยวต้องไปกลางคืน
ถ้าอายุได้วัย ต้องนี่เลย ไปดูงิ้ว ตุ้งแช่ ตะลุ่งตุ่งแช
เชื่อหรือไม่ว่าในเมืองจีนมีงิ้วแยกเป็นประเภทได้ถึง 300 ประเภท
แต่ที่หลงเหลือและยังเป็นที่นิยมจนถึงปัจจุบันนี้ได้แก่ งิ้วปักกิ่ง, งิ้วกวางตุ้ง, งิ้วเส้าซิง, ... ฯ

ไปตลาดน้อย จะมีโอกาสได้เห็นอาหารเจ หน้าตาแปลกๆสำหรับคำว่าเจ
แต่หน้าตาปกติ สำหรับคำว่า อาหารชอ
เพราะเขาทำเลียนแบบกันได้เหมือนมาก ขนาดไข่ต้มยังดูไม่ออกเลย
เนื้อปลาดุก นี่ก็ทำเหมือนเสียจนงงว่านี่หรือไม่ใช่เนื้อปลา

ขนมตุ๊บตั๊บ นับเป็นสินค้าทีสามารถซื้อเอาไปฝากแม่แฟน กิ๊ก คนข้างบ้าน คนที่ทำงาน.... ได้ในวันพรุ่งนี้
แต่พอไปเห็นเขาทำกันแล้ว คนอนามัยอย่างเฮีย เริ่มทำหน้าเบ้
ก็เขาเล่นไม่ใส่เสื้อผ้ารัดกุม ผมเผ้าคนทุบถั่วก็งามสง่าเป็นราศี แค่มีผ้าขนหนูชุ่มเหงื่อคาดศีรษะเอาไว้ผืนเดียว
อุปกรณ์ต่างๆก็วางเปิดโล่ง โต๊ะที่ใช้ก็ต้องยิ่งเก่ายิ่งขลัง
แถมขั้นตอนสุดท้ายเอามือมากดๆๆๆ ถุงมือก็มิได้ใส่
เจ้ด่าเฮียว่า งั๋นก็กลับไปกินเนยถั่วที่บ้านเถอะไอ้พวกอนามัยจัด

อ้อ..ศาลเจ้าชื่อว่า โจวซือกง
เป็นวัดนะ เขาเรียกว่า วัดซุนเลงยี่
เป็นศาลเจ้าศักดิ์สิทธิที่คนจีน สาย "ฮกเกี้ยน" ถือว่าต้องไปตอนเทศกาลกินเจให้ได้
คุณเจ้เจ้าของบ้านเขาเป็นคนสปีชี่นี่แหละครับ เขาเลยจะต้องไปให้ได้ทุกปี
ศาลเจ้านี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2347 อ้อ..พอดีเฮียเกิดพอดี เอ้ย...ไม่ช่าย
ถ้าจะไปควรหาที่จอดรถตามห้างฯ แล้วเรียกสามล้อไปจะง่ายกว่า
บอกแค่ว่า โรงเจตลาดน้อย รับรองไปถูกแน่ๆ ถ้ากลัวหลงก็มองหาซอยวานิช 2 เอาไว้ให้ดี
ในวัดจะมีรูปปั้นพระชื่อ พระเซ่งจุ้ยจ้อซือ (ไม่แน่ใจว่า นี่คือ เทพเจ้าโจวซือกง หรือเปล่านะ แต่น่าจะใช่)
ในศาลเจ้าก็ต้องมีเจ้า หรือเทพเจ้า ซึ่งได้แก่ พระไทจื่อเอี้ย
เจ้าพ่อกวนอู
เจ้าแม่ทับทิม
เจ้าพ่อเสือ
และก็ยังมีอีก สามสิบหกเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ เป็นตุ๊กตาขนาดเล็ก
อ้อ..แน่นอน วัดจีนทุกวัด ต้องมีพระสังกัจจายน์ ซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์ มั่งคั่ง รวย รวย รวย
และก็มีเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งจะเป็นหยกสีเข้มๆหรือปูนปั้นอันนี้ก็ไม่ทราบนะ ว่าแต่ว่าเจ้าแม่กวนอิมนี้ไม่ใช่เทพเจ้านะ เป็นพระโพธิสัตว์
ถ้าได้ไปที่นี่ต้องไปมองที่หลังคาเสียก่อน มองตรงสันหลังคาจะมีรูปปั้น
อาหมวยจะเจอมังกรคู่ชูลูกแก้ว อันนี้ไปขอลาภ ขอโชค
และอาหมวยจะเจอ หงษ์คู่ชูดอกโบตั๋น อันนี้ก็ไปขอแฟน ขอบุตร หรือขอให้สวยทั้งชาตินี้และชาติหน้า 555 ไม่ได้โม้
เขาว่ามีบ่อน้ำศักดิ์ด้วยนะ จะมีรูปสัตว์เทพเจ้าอยู่ที่กำแพงเพื่อบอกว่าเป็นบ่ออะไร ซึ่งได้แก่
บ่อมังกรเขียว, บ่อเสือขาว

สำหรับพระเซ็งจุ้ยโจวซือ หรือ เซ่งจุ้ยจ้อซือ (น่าจะเป็นองค์เดียวกัน)
ท่านเก่งวิชาการแพทย์ สามารถรักษาคนได้ทั้งเรื่องกายและใจ เรียกว่า ทูอินวัน
ส่วนใหญ่คนจีนจะเรียกท่านว่า พระหมอ
และแน่นอน ใครมีญาติเจ็บป่วยหรือตัวเองไม่สบาย ก็สามารถไปกราบไหว้ท่านได้
ประวัติของท่านนั้นท่านพระอาจารย์เกิดที่เมืองจีน สมัยราชวงถัง ประมาณ พ.ศ. 1285-1299 เมืองฉางอัน
ก่อนบวชก็ได้ทำการรักษาผู้คนมากมายแล้วหละ
จนบิดาบุญธรรมอยากให้มีบตรเอาไว้สืบสกุล เลยหาผู้หญิงมาให้แต่งงาน
แต่อาจารย์เซ็งจุ้ยก็ยอมแต่งแต่ในนาม เพราะท่านยังคงถือเพศพรหมจรรย์อยู่
ต่อมาเมื่อสิ้นบิดาบุญธรรม ท่านก็หมดห่วง จึงออกบวช ไปอยู่ที่วัดชิงอินซื่อ
นางหัวจินปี้ ผู้ภรรยาก็ตามไปด้วย (ไม่แน่ใจว่าภรรยาจะบวชเป็นชีหรือเปล่านะ)
จนวันหนึ่งท่านอาจารย์ก็บอกให้นางหัวจินปี้อยู่ดูแลวัดวาอาราม แล้วท่านก็ออกสัญจรไปทั่วทิศ
ท่านอาจารย์เซ่งจุ้ยได้บรรลุมรรคผลและนั่งบำเพ็ญญาณจนถึงแก่มรณภาพ ณ ถ้ำหัวซันเหยียนต้ง
ส่วนนางหัวจินก็สำเร็จธรรมในระดับสูง และก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา
หลังจากนั้นเหล่าศิษย์ต่างๆก็เห็นว่าน่าจะเอาอัฐิท่านทั้งสองนำไปฝังไว้ที่หลังอารามชิงอินซื่อ
ตามข้อมูลก็ไม่ได้บอกว่าท่านอาจารย์เซ้งจุ้ยเป็นคนฮกเกี้ยนหรือเปล่า
และก็ไม่มีข้อมูลว่าทำไมที่ศาลเจ้าที่ตลาดน้อย

สำหรับคนจีนฮกเกี้ยนแล้ว เขาจะอยากไปไหว้เจ้าอีกที่หนึ่ง
นั่นก็คือ เจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว จ.ปัตตานี (ได้ยินชื่อจังหวัด ก็ต้องเอามือทาบอกกันหน่อย น่าเสียดายจังหวัดนี้นะ)
ศาลเจ้าแม่ลิมก่อหนี่ยวนี้มีชื่อเรียกต่างกันไปต่างกันมานิดหน่อย เช่น ลิ้วกอเหนี่ย, ล้ำกอเหนี่ยว, ฯ
ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยวมี 2 แห่ง ที่เก่าดั้งเดิม(ไม่แน่ใจว่ายังมีอยู่หรือเปล่า) และที่ใหม่ในปัจจุบัน
ลิ้มกอเหนี่ยว เป็นสตรีชาวจีนฮกเกี้ยน เกิดเมื่อ 500 ปีมาแล้ว นางมาเมืองไทยทางเรือสำเภา
เพื่อมาตามหาพี่ชายที่ชื่อลิ้มโต๊ะเคี่ยม ให้กลับไปดูแลมารดาที่เจ็บป่วยและชราภาพ
เมื่อมาถึงปัตตานี นางก็พบว่าพี่ชายได้แต่งงานกับลูกสาวของเจ้าเมืองปัตตานี และเปลี่ยนมาเป็นชาวมุสลิมเรียบร้อยแล้ว
นางเสียใจมาก เลยตัดสินใจผูกคอตายที่ต้นมะม่วงหิมพานต์
คนไม่เข้าใจอาจจะคิดว่า แม่ป่วยขนาดนี้ทำไมเป็นลูกสาวที่ยังโสด ก็น่าจะกลับไปดูแลแม่ ก็หมดเรื่อง
แต่ตามคำบอกกล่าวเล่าขานนานมาจนถึงวันนี้ว่า เป็นเพราะนางได้ให้สัจจะกับมารดาว่า
ถ้าลูกไม่สามารถนำตัวพี่ชายกลับมาได้ ลูกก็จะไม่ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป
นับเป็นคนที่ถือสัจจะมาก แต่มองอย่างพุทธแล้ว การฆ่าตัวตายนับว่าเป็นบาปอย่างยิ่ง
เมื่อพี่ชายทราบข่าวการตายของน้องสาว ก็มาจัดการเรื่องการฝั่งศพ
โดยนำไปฝัง ณ ฮวงซุ้ยนอกเมืองปัตตานี ซึ่งก็คือบริเวณหมู่บ้านกรือเซะ
ภายหลังมีคนเล่าลือกันว่า ใครที่ได้ไปไหว้และขอให้วิญญาณของลิ้มกอเหนี่ยวช่วย
จะประสบความสำเร็จทุกคน เรื่องนี้มีมูลความจริงที่ว่า เมืองปัตตานีต่อมาเจริญมั่งคั่งกว่าแต่ก่อนจริงๆ
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งที่เชื่อและศรัทธา จึงได้นำต้นไม้ที่นางผูกคอตายมาแกะสลักเป็นรูปบูชา และสร้างศาลเจ้าเล็กๆให้นาง
ชื่อเสียงและความศักดิ์สิทธิ์ของวิญญาณลิ้มกอเหนี่ยวยังคงได้รับการบอกต่อๆไปเรื่อยๆ
มีคนมากมายมากราบไหว้ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ จนกลายเป็น ศาลเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว
จนในที่สุดสถานที่คับแคบ ไม่สะดวก จึงทำการอัญเชิญรูปเจ้าแม่ เข้ามาประดิษฐ์ไว้ในเมืองปัตตานี
ตรงนั้นก็คือ ศาลเจ้าซูก๋ง และเรียกชื่อศาลนี้ใหม่ว่า ศาลเจ้าเล่งจูเกียง
เวลามีประเพณีกินเจในทุกๆปี จะมีคนมาเดินและวิ่งลุยไฟบริเวณหน้าศาลเจ้า มีคนมาดูมากมาย

วันนี้ก็เลยกลายเป็นวันเล่าเรื่องคนฮกเกี้ยนไปซะแล้ว


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1


โดย: zoomzero วันที่: 10 ตุลาคม 2553 เวลา:12:45:30 น.  

 



หวัดดีค่ะเฮีย
อ้ะ..วันนี้รู้สึกสัมผัสได้ถึงลมหนาวอ่อน ๆ ค่ะ
เลยหอบความเย็นสดชื่นมาฝากเฮียค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
สดชื่น เย็นสบายทั้งกายและใจ นะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:8:51:39 น.  

 
ดีคร้าพี่ชาย งงค่ะ ตกลงว่าพี่ชายล้างท้อง ด้วยการกินอาหารหนัก ๆ ขนานนั้นเลยเหย๋อ อิอิ ทำไปได้ *_*

อ๋อ ข่าวโททัดได้ดูอยู่ค่ะเพราะตอนนี้อยู่เมืองทอง ยาวจนออกเจโน่นแน่ะ แถวนี้มีทั้งเจทั้งชอมากมายให้เลือกสรร งิงิ หมูทอดเจ ลาบเจ ทำกันไปได้ แม้แต่ขนมกุ๊ยช่าย ก้อเจ อุอุ พี่ชายรู้มั๊ยว่าบีไม่กินผัก แต่กินขนมกุ๊ยช่ายอ่ะ ยิ่งแบบสี่เหลี่ยมที่ทอดกรอบ ๆ นะ ชอบม๊าก มากค่ะ เพราะมันเปงขนมมั๊ง อิอิ ก้อยังสงสัยอยู่ ว่าขนมกุยช่ายมันจะมาอยู่ซุ้มเจได้ยังไงหว่า แต่ให้ตาลุงไปถามมาเห็นว่าไม่ใช่กุยช่ายจิง ทำจากผักกวางตุ้งมั๊งคะ มาทำขนมกุยช่าย เอ... แบบนี้ก็ต้องเรียกขนมกวางตุ้งสินะ อิอิ ^^

ปีนี้กินเจ หลังจากเคยกินเจอยู่ปีนึงเมื่อน๊าน นานมาแล้ว รู้สึกลำบากง่ะ เพราะกินเจแต่ไม่กินผักเนี่ยะ เมนูตอนนั้นเด็ก ๆ ก้อมีเหลือไม่เยอะ เหลือแต่ถั่ว กะ เต้าหู้ยี้ที่พอจะกินเป็น กับข้าวต้ม เอิ๊ก กินง่ายอยู่ง่ายเน๊อะ แต่เดี๋ยวนี้พอเทศกาลเจ หาอะไรกินง่ายขึ้นเยอะเลย โปรตีนเกษตรก็มาแปรรูปเป็นโน่นนี่ ร้านตามสั่งเจ สั่งกะเพราหมูสับเจก้อยังมี อุอุ แม้แต่หมูทอดเจ ก้อกลิ่นนี่เหมือนจนไม่อยากเชื่อว่าเจเลยเชียว รสชาติก็คล้ายอีกต่างหาก ^^ เมื่อวานวันอาทิตย์ ยัยเบลล์แวะมาหาที่ห้อง ตึกไม่ไกลกัน แต่กว่าจะได้เจอกันลำบากจิง ๆ เลย ยัยน้องตัวดีก้อหิ้วของกินมาเพียบรุย ส้มตำก้อเจ ลาบหมูก้อเจ งืมนะ อร่อยซะด้วย ผัดหมี่เจ อารัยแบบนี้ กินกันไปได้สองคน สี่ห้าอย่าง เอิ๊ก แบบนี้ถึงเจ ก้อไม่ผอมลงล่ะมั่งนี่ *_*


โดย: นู๋ Beee น้องสาวจารวยแว๊ว IP: 110.168.21.61 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:10:42:56 น.  

 
Mintiva

อือ...อาหมวยคนสวย
เฮียก็จะบอกว่า ลมหนาวมาแล้วนะอยู่พอดี
รีบไปหาผ้าพันคอสวยๆมาเตรียมได้แว้ววว

วันนี้เฮียทานเจทั้งวัน ครบ 3 มื้อ
วันนี้....อาหมวยทานเจด้วยใช่ม้ายยย

แหม...วันนี้ดูละครซีรี่ญี่ปุ่น โอชิน
สงสารจัง โดนแม่สามีรังแก กลั่นแกล้ง จนต้องแท้งลูก นอนสลบอยู่ในคูน้ำ
เออ...คนเป็นแม่นี่เขาต้องผ่านอะไร อะไร มาเยอะ
อ้ายเราเหรอะ เกิดมาเป็นผู้ชาย สบายกว่ากัน เยอะเลย หึหึ


Ref: มินทิวา Mintiva RoyalBlue 41 69 E1



โดย: zoomzero วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:21:41 น.  

 
Nuuu_Beee

คุณหนูเล็กก็ไม่ทานผักเหมือนอาบีของเค้า
และก็ชอบทานกุ้ยช่ายเหมือนอาบีอีกนั่นแหละ
เรื่องนี้พี่ชายก็ยังงงไม่หาย
แถมเขายังสามารถทานขนมผัดผักกาดทอด ได้อีกด้วย
แต่พอพาไปทานปลาดิบ กลับบอกว่าเหม็นกลิ่นหัวไชเท้า
อ้อ...เมื่อวันก่อน เขาวสั่งผัดไทกุ้งสด
เขาบอกคนรับออร์เดอร์ว่า ไม่ใส่กระเทียม ไม่เอาหอม ไม่เอาผัก ไม่เอากุ้งแห้ง
คนจดหยุดจดทันที หันมาถามว่า จะไม่เหลืออะไรแล้วนะครับ
ก็จริงๆของคนสั่งนะ เขาจะทานแค่เส้นเล็กผัดกับน้ำมะขามเปียก กับกุ้งและไข่
ส่วนพวกไชโป้ กุ้ยช่าย เต้าหู้ ถั่วงอก เขาก็เขี่ยทิ้ง
ทำเหมือนบี เขี่ยผักออก จำตอนที่พี่สั่งก๋วยเตี๋ยวให้บีแล้วลืมบอกว่าไม่เอาผักได้หรือเปล่า 555

อาหารเจ นี่ต้องระวังนะ
ถ้าไม่เอาเมนูผัก ก็จะไปได้อาหารที่มีแต่แป้ง เต้าหู้และฟองเต้าหู้
ต้องหาที่เขาใส่โปรตีนเกษตรด้วย
เออ...ทานเห็ดก็ดีนะ ป้าวีหนะเขาทานเห็ดวันละหลายๆชนิดเลยนะ(ถึงได้สวยราวสาวสองพันปี)
และอย่าทานพวกของทอดมากนักเพราะน้ำมันเยอะ บางร้านก็อาจจะใช้น้ำมันเก่าที่ทอดมาหลายๆอย่างก็ได้นะคะ
แต่ไม่เป็นไหร่หรอก คนรวยแล้วอ้วน ไม่มีใครเขารังเกียจหรอกน่า

แหม...อยากสมัครเป็นดาวร้าย เอ้ย...ดาวน์ไลน์ของนู๋บีซะแล้ว
จะได้มีเงินแจกกิ๊กคนใหม่ๆ


Ref: นู๋ Beee Fuchsia FF 00 FF



โดย: zoomzero วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:21:43:53 น.  

 


แอบย่องมาเข้าฝันค่ะ ฮ่า ๆ ๆ
นอนหลับฝันดีตลอดคืนนะคะ


โดย: มินทิวา วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:2:19:03 น.  

 
สวัสดีค่าคุณพี่ซูม นาน ๆ จะแวะมาซะที คุณพี่สบายดีนะคะ

เรื่องฟิลม์กะแอนนีไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ เรื่องมันอีรุงตุงนังไปหมด ไว้รอดูผลตอนจบดีกว่าว่าจะออกหัวหรือก้อย ใครโกหกใคร

มาพูดถึงเพลงในบล็อคดีกว่า เพลงนี้เพราะมากเลยนะคะ ประวัติความเป็นมาก็ซึ้งด้วย ตอนเอ๊าะ ๆ ชอบจอห์น เดนเวอร์มากกก ซื้อเทปมาฟังแทบทุกชุด แต่หาเรื่องราวของเขาอ่านไม่ค่อยจะได้ มาอ่านบล็อคนี้แล้วได้รู้เรื่องราวของจอห์นแบบละเอียดยิบเลย ขอบคุณมากนะคะ


โดย: haiku วันที่: 12 ตุลาคม 2553 เวลา:19:12:54 น.  

zoomzero
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ของทุกอย่างในโลกมี 2 ด้าน ถ้าเริ่มต้นก็คิดแต่ว่า สิ่งนั้นมีแต่ด้านดีด้านเดียว หรือเลวสุดขีด ต่อให้ศึกษาสิ่งนั้นไปอีกพันๆปี ก็ไม่มีวันเข้าใจ แต่ถ้าเปิดใจมองให้เห็นทั้งสองด้าน และหาความพอดีกับการอยู่กับสิ่งนั้นได้
...
ความสุขย่อมมาคู่กับความทุกข์ เพราะสุขเป็นของไม่เที่ยง เมื่อติดสุข แล้วไม่มีสุขมาให้ชื่นใจ จิตก็จะเป็นทุกข์ ความสงบจึงเป็นของที่เราท่านควรปฏิบัติ
...
การตั้งตัวเป็นจอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด จึงไม่หวังให้ผู้ใดมีสุข ไม่อยากให้คนยึดติดกับสุข หากแต่อยากให้พ้นทุกข์ และได้พบกับธรรมมะของจริง ดั่งคำว่า "ไม่มีมาร อรหันต์ไม่เกิด" 555
...
Group Blog
 
<<
กันยายน 2553
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
29 กันยายน 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add zoomzero's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.