หุบเขาคนโฉด, ป่าหอมหมื่นลี้, ความรักที่ยังไม่มากพอ Violent Valley, Zoomzero, Andy Lau, I Don't Love You Enough
ความรักที่ยังไม่มากพอ
I Don't Love You Enough Andy Lau and Kelly Chen :::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
我想我不够爱你 我不曾忘了自己 没那么全心投入 所以会一败涂地 wǒ xiǎng wǒ bùgòu ai - nǐ wǒ bùcéng wàng le zìjǐ méi nàme quán xīn tóurù - suǒyǐ huì yī bài Tú Dì
I think I don't love you enough, I never forgot myself I haven't put that much of my heart in this, so I have been defeated
我想我不够爱你 我忘了你的勇气 没办法重来一次 也只好听天由命 wǒ xiǎng wǒ bùgòu ai nǐ -- wǒ wàng le nǐ de yòng qí méi bànfǎ zhònglái yīcì -- yě zhǐhǎo tīng tiān yóu mìng
I think I don't love you enough, I've forgotten your courage There's no way to go back to the beginning, so I can only listen to what Fate's got for me
can't be in a moonless night I also can't easily close my eyes Because you might appear in the sky or my heart
不能在一望无尽的地方 也不能钻进那拥挤人群 bùnéng zài yī wàng wújǐn de dìfang yě bùnéng zuānjìn nà yōngjǐ rénqún
I can't be in a place with an endless horizon I also can't make my way through the crowd
因为寂不寂寞 都会惊醒我 我失去了我不够爱的你 yīnwéi jì bù jìmò dōuhuì jīngxǐng wǒ wǒ shīqù le wǒ bùgòu ai de nǐ
Because lonely or not, it'll all bring to my mind-- I lost the one I didn't love enough
我想我不够爱你 我不曾忘了自己 没那么全心投入 所以会一败涂地 wǒ xiǎng wǒ bùgòu ai - nǐ wǒ bùcéng wàng le zìjǐ méi nàme quán xīn tóurù - suǒyǐ huì yī bài Tú Dì
I think I don't love you enough, I never forgot myself I haven't put that much of my heart in this, so I have been defeated
我想我不够爱你 我忘了你的勇气 没办法重来一次 也只好听天由命 wǒ xiǎng wǒ bùgòu ai nǐ -- wǒ wàng le nǐ de yòng qí méi bànfǎ zhònglái yīcì -- yě zhǐhǎo tīng tiān yóu mìng
I think I don't love you enough, I've forgotten your courage There's no way to go back to the beginning, so I can only listen to what Fate's got for me
แต่คำว่า I don't love you enough นี้ ผมตั้งใจมองในมุมที่ก่อนจะคบกันเป็นแฟน แล้วมันทำไม่สำเร็จ ไม่สมหวัง แต่อาจจะมองว่าได้รักกันไปแล้ว แต่ก็ต้องมาแยกทางเพราะ รักกันไม่เพียงพอ แบบนี้ก็ไม่ว่ากัน
รูปแบบความรักมีอยู่หลายแบบ ไม่จำกัดด้วยวัย เพศ ฐานะ หรือสถานที่
ชายรักหญิง หญิงรักหญิง ชายรักชาย ...
ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ต่างก็สามารถมีความรักได้
แม้แต่สัตว์ที่เราเลี้ยงไว้ ก็ยังทำให้คนที่เลี้ยงมันเกิดความรักได้อย่างมากมาย
ส่วนใหญ่ความรักเกิดขึ้นได้ง่าย แต่ยากที่จะจบลงด้วยความสุขสมหวัง
ยิ่งคิดเรื่องความหมายของคำว่า "รัก" ยิ่งหาคำนิยามมาสรุปสั้นๆได้ยากยิ่งนัก
และยิ่งยากมากยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อจะหาบทสรุปว่าความรักเป็นเรื่องที่ร้ายหรือเรื่องที่ดี
ถ้าดี ทำไมเขาห้ามเด็กนักเรียนรักกัน
ถ้าไม่ดี ทำไมเขาแต่งงานกันได้แทบทุกวัน
สำหรับคนที่มีประสบการณ์เรื่องความรัก มักจะบอกว่า ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์
ถ้าจะหาทางทำให้รักนั้นมีแต่ความสุข
คงต้องพึ่งพาคำสอนของพระศาสดา
หลักธรรมแรกที่ต้องนำมาใช้ข้อแรกคือ ความเมตตา
เมตตา หมายถึง ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นมีความสุข
ดังนั้นหากจะเริ่มต้นรักใครสักคน คุณควรมองเขาในเรื่องความสุขของเขา ไม่ใช่ความสุขของคุณ
เมื่อมีเมตตา ของที่ตามมาคือความชื่นชม แต่เรื่องชื่นชมนั้นมีอยู่ 2 แบบ
แบบแรกคือ ชื่นชมแต่ไม่ยึดมั่นถือมั่น คือ ไม่ได้มาครอบครองก็ไม่เป็นไร แบบนี้คงหาได้ไม่ง่ายนัก
ส่วนแบบที่สอง นี่แหละตัวทำให้เกิดทุกข์ เพราะอยากเอาเขามาครอบครอง ไม่แบ่งให้ใคร
และไม่ยอมให้ใครมาแย่งเอาเวลาของเขาไป พวกนี้จะตามติดอีกฝ่ายเหมือนทากหรือปลิง
ดังนั้นจึงต้องหาความพอดีของการเมตตาให้ได้ ก่อนที่จะเกิดอาการรักคุด
ในเรื่องความรัก เราควรจะเริ่มต้นด้วยการอยากให้คนที่เราชอบมีความสุข
ถ้ายังไม่รู้เลยว่าอะไรคือความสุขที่คนที่เราชอบต้องการ คงต้องรีบค้นหา
หลักธรรมอันที่สอง คงเดาได้ว่าต้องเป็น ความกรุณา
กรุณา หมายถึง ความปรารถนาอยากให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
คุณต้องหัดมองเห็นความลำบาก ความทุกข์กายและทุกข์ใจ ของผู้อื่น
ความลำบากนี้ไม่เพียงแค่ในเวลานี้เท่านั้น
แต่ต้องมองและจินตนาการไปในอนาคต
มองว่าเขาอาจจะลำบากเหมือนเดิม หรือหนักกว่าเดิม หรือไม่?
ต้องค้นหาว่าอะไรคือความทุกข์ของเขา ไม่ใช่นั่งนึกเอาเอง
ทุกข์ของแต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน อย่าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
คนบางคนเขามีความอดทนมากกว่าเราหลายสิบเท่า
สิ่งที่เราคิดว่าทุกข์ เขาอาจจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็ได้
เมื่อมีเมตตาและกรุณาเกิดขึ้น ต้องระวังเรื่องหวังดีจนเกินไป
บางคนรักใคร ก็จะยอมทุ่มเงิน ทุ่มทุ่น แบบที่เรียกว่า ไม่อั้น (แบบนี้จะมีแต่ทุกข์)
เมื่ออยากให้คนรักพ้นทุกข์ ต้องลงมือเข้าไปช่วยเหลือ
อาจจะช่วยด้วยแรงกาย แรงใจ หรือด้วยทรัพย์
แต่อย่าให้ยิ่งช่วยแล้วตัวเราเองกลับวุ่นวาย เศร้าหมอง หรือขุ่นมัว
ข้อสำคัญการช่วยต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน โดยเฉพาะตัวผู้ช่วยเอง
คนเรามักจะคิดว่าถ้าเรารักใคร เราย่อมเสียสละได้ทุกสิ่งเพื่อคนรัก นั่นคือการเป็น คนดี
แต่การยอมเจ็บ ยอมจน ยอมตาย เพื่อคนที่เรารัก ไม่น่าจะเรียกว่า "ทำถูกต้อง" ไปเสียหมด
เพราะยังไม่ทราบเลยว่า อีกฝ่ายเขามีใจรักตัวเองหรือเปล่า?
หรือเขาอยากให้คุณทำอะไรแบบนั้นให้หรือเปลา?
หรือเขาอยู่ในสภาพเป็นทุกข์จริงๆหรือเปล่า?
ถ้าเขาอยู่ของเขาดีๆ แต่คุณกลับเข้าไปช่วยเขาเรื่องโน้นเรื่องนี้
เขากลับจะ เกลียด และ รำคาญ จนไม่อยากจะให้คุณเข้าใกล้อีกต่อไป
หลักธรรมอันที่สาม คือ มุทิตา
มุทิตา หมายถึง ความยินดีที่ผู้อื่นมีความสุขในทางที่เป็นกุศล
เป็นหลักธรรมที่นำมาใช้กับความรักได้ยากมาก
เพราะจะต้องยินดี เมื่อคนที่เรารักมีความสุข ซึ่งเขาอาจจะสุขเพราะคนอื่นก็ได้
ตรงนี้ต้องมองที่ "ความดี" คือใครทำดีกับเขา เขามีความสุขใจ เราก็ต้องไม่ริษยา
ไม่ใช่ว่าจะต้องเป็นเราคนเดียวที่มีสิทธิ์ดูแล
แต่ในกรณีที่มีผู้อื่นมาให้ความสุขกับคู่รักของเราแทนตัวเรา
แบบในละครเรื่องดอกส้มสีทอง ความสุขในที่นี้คือ กามารมณ์
แบบนี้จะให้ภรรยาตัวจริงมายืนแสดงมุทิตา คงเป็นเรื่องแปลกประหลาด
นี่จึงต้องมีคำอธิบายประกอบท้ายความหมายด้วยคำว่า "ในทางที่เป็นกุศล"
หลักธรรมข้อที่สี่ ข้อสุดท้าย เรียกว่า อุเบกขา
อุเบกขา หมายถึง การวางจิตเป็นกลาง ความวางเฉยต่อสัตว์ทั้งหลาย
ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่าอุเบกขา คือ การอยู่นิ่งๆด้วยความอดทน อดกลั้น
แบบว่า ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน ไม่ร้อนไม่หนาว หรือเอาเป็นว่า ไม่สนใจ กันไปเลย
คิดแบบนี้ไม่ค่อยถูกต้องนัก
อุเบกขา ของจริง จะเป็นหลักธรรมที่ใช้ควบคุม เมตตา กรุณา มุทิตา
อุเบกขา ของจริง ต้องเป็นสิ่งที่ดี ทำแล้วทุกฝ่ายมีความสุข
หากว่าเราอยากช่วยเหลือคนที่เรารัก แต่เราไม่มีปัญญาช่วย
คนทั่วไปก็จะจิตตก ต้องเป็นทุกข์ เสียใจ เครียด นั่งโทษตัวเอง
แต่ถ้ามีอุเบกขา ธรรมข้อนี้แหละที่จะทำให้เราหัดทำใจ วางความทุกข์ลง
ยอมรับความทุกข์ของคนที่เราห่วงใย คิดว่า กรรมย่อมเกิดมาจากกรรม
เขาคงทำกรรมนั้นไว้ เขาจึงต้องมารับกรรม หน้าที่เราคือร่วมทุกข์กับเขา
คอยแนะนำ เรียกว่าแก้ไขไม่ได้ ก็อยู่ใกล้ๆ
ไม่ใช่บอกว่าไม่รู้จะทำอะไรแล้วก็หายหัวไปเลย
สรุปคือ ต้องไม่น้อมไปในความปรารถนาดี ในการที่จะบำบัดทุกข์
และในการชื่นชมยินดี ต้องเข้าสู่สภาพเป็นกลาง ไม่มากไป ไม่น้อยไป
ทั้งหมดนี้รวมกันเรียกว่า พรหมวิหาร4