Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
10 มกราคม 2555
 
All Blogs
 

แนะ!! เก็งกำไร 8 หุ้นเด่น ความเสี่ยงต่ำ ดัชนีแกว่งแคบ เน้นกลุ่มเงินปันผลสูงจ่ายปีละครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.49 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.78 บาทต่อเหรียญสหรัฐ จากการแข็งค่าของเงินเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ จากความกังวลเรื่องปัญหาหนี้ยุโรปเพิ่มสูงขึ้นบดบังบังตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยวันนี้แกว่างตัวแคบ และอิงทางลง เก็งกำไร 8 หุ้น ได้แก่ IVL, AIT, TISCO, GFPT, SAT, DCC, STEC, LPN เน้นถือหุ้นปันผลสูง และจ่ายแค่ปีละครั้ง



บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: Sideways downกลยุทธ์การลงทุน: “ขึ้นขาย ลงซื้อ”

แรงกดดันหลักต่อภาพรวมยังคงมาจากเรื่องหนี้สินของยุโรปซึ่งยังไม่มีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ทำให้นักลงทุนเป็นกังวลต่อไป ขณะรอจับตาการประชุมระหว่างผู้นำฝรั่งเศส-เยอรมนีในวันนี้เพื่อหาสัญญาณใหม่ๆ เกี่ยวกับการแก้ไขวิกฤติหนี้อียู ด้านตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐนั้นดูดีขึ้นเป็นลำดับ โดยอัตราการว่างงานล่าสุดลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีที่ 8.5% ส่งผลให้ค่าเงินยูโรดิ่งลงหนักเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ส่วนค่าเงินบาทอ่อนตัวลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 31.78 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้ (7.45 น.) ปัจจัยภายในยังไม่นิ่งขณะที่มีการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้นในหลายประเด็น มอง SETI ยังอยู่ในแนวโน้มSideways down ต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงเน้นการเก็งกำไรแบบ “ขึ้นขาย ลงซื้อ” ไปก่อนแนวต้าน : 1040-1043 แนวรับ : 1030-1027

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50% : เงินสด 50%

ถือต่อในพอร์ต : IVL, AIT, TISCO

หุ้นที่ปรับออก : BWG

หุ้นที่ปรับเข้า :

1. GFPT Laggard กลุ่ม เทรดบน P/E ต่ำ ราคาพื้นฐาน 12.20 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 11.70-12.00 รับ 10.30 Cut loss 10 บาท

2. SAT มองแนวโน้มยอดผลิตฟื้นตัวขณะส.อ.ท.ปรับเป้ายอดผลิตเพิ่มขึ้นในปี 55ราคาพื้นฐาน 27 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 22-22.50 รับ 21.20-21.00 Cut loss 20.9 บาท

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดตลาดใกล้ที่จะปรับพักฐานลงรอบใหม่แล้ว…จะซื้อจึงต้องรอรับต่ำ!!

แนวโน้ม แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเดือน ธ.ค. จะเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 3 เดือน ขณะที่อัตราการว่างงานอยู่ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี แต่ตลาดหุ้นต่างประเทศยังคงแกว่งตัวผันผวนและเริ่มย้อนลงเป็นลบอีกครั้ง เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรอิตาลีและสเปนที่จะเปิดประมูลในสัปดาห์นี้ รวมทั้งยังวิตกต่อสถานการณ์หนี้ของกรีซด้วย หลัง EU/IMF เลื่อนจ่ายเงินกู้ออกไปอีก 3 เดือน นอกจากนี้ในบ้านเรายังมีแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์ ทั้งจากผลกระทบของข่าวการเก็บเงินสมทบประกันเงินฝากเพิ่มและผลประกอบการ Q4/54 ที่มีแนวโน้มออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ รวมทั้งยังต้องระวังแรงขายในส่วนของกองทุน LTF ที่ครบกำหนดด้วย

ดังนั้น FSS จึงยังคงคาดว่า SET ใกล้ที่จะมีการปรับพักตัวลงตามคาดแล้ว หลังจาก SET ดีดตัวขึ้นค่อนข้างแรงในช่วงหลังปีใหม่ไปแล้ว และเริ่มมีแรงขายกดดันมากขึ้น

กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงนี้จึงยังเน้นหาจังหวะขายทำกำไรก่อนเมื่อตลาดบวกขึ้น ส่วนจังหวะกลับเข้าเลือกหุ้นเพื่อซื้อยังแนะนำให้รอรอบปรับพักฐานลงเช่นเดิม ซึ่งเรายังคาดหมายว่า SET ยังมีโอกาสที่จะไหลย้อนลงไปแถว 1000 จุดหรือลุ้นหลุดต่ำกว่าลงไปได้ด้วย รวมทั้งยังต้องระวังแรงขายในหุ้นกลุ่มแบงก์อยู่

KGI คาดการณ์ SET วันจันทร์แกว่งตัวลงแต่ลงไม่แรง แนวรับอยู่ในช่วง 1,030 ถึง 1,033 จุด เราพบว่าตลาดหุ้นโลกเริ่มไม่ตอบสนองต่อข่าวบวกจากสหรัฐฯ โดยตลาดหุ้นหลักๆ ได้ปรับลดลงในวันศุกร์แม้ว่าสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 200 ตำแหน่ง (ตลาดคาด 1.5 แสนตำแหน่ง),การจ้างงานภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 2.12 แสนตำแหน่ง (ตลาดคาด 1.7 แสนตำแหน่ง) และการว่างงานลดลงสู่8.5% (ตลาดคาด 8.7%) ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเครื่องชี้ว่าปัจจัยยุโรปเริ่มมีน้ำหนักในเชิงลบต่อตลาดโลก โดยในสัปดาห์นี้จะมีการประมูลพันธบัตรของสเปนและอิตาลีในวันที่ 12 และ 13 ม.ค. ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อตลาดสินทรัพย์ทางการเงิน ท่ามกลางผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปี ของอิตาลีที่ขึ้นไปใกล้ 7.1%เมื่อคืนวันศุกร์ ส่วนปัจจัยที่อาจพลิกให้ตลาดหุ้นกลับมารีบาวด์ ก็ให้ติดตามการหารือของ ปธน. ฝรั่งเศสและนายกฯ เยอรมันในวันนี้ (9 ม.ค.) และการหารือระหว่างนายกฯ อิตาลีและเยอรมัน ในวันที่ 11 ม.ค.หากมีข่าวในทำนองว่าจะร่วมมือกันแก้ปัญหาหรือออกมาตรการเพิ่มเติม ก็อาจเป็นจิตวิทยาเชิงบวกได้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยมา 2 วันติดต่อกันแล้ว ในขณะที่สถาบันซื้อสุทธิแล้ว 3 วันติดต่อกันแต่ในปริมาณไม่มาก เราคิดว่ารูปแบบของตลาดจะเป็นเช่นนี้ต่อไปท่ามกลางปัจจัยภายนอกที่ไม่ชัดเจน คาดว่าหุ้นใหญ่จะพักฐานต่อหลังจากหุ้นธนาคารถูกกดดันช่วงสั้นจากแนวโน้มกำไรไตรมาส 4/54 ที่ไม่ดีรวมทั้งความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับนโยบายเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่ม ขณะที่ราคาน้ำมันที่เริ่มทรงตัวจะชะลอการปรับขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน

กลยุทธ์: ยังคงคำแนะนำให้เลี่ยงหุ้นขนาดใหญ่เช่นเดิม และเข้าซื้อหุ้นขนาดกลาง-เล็กในกลุ่มก่อสร้างรับเหมา และยานยนต์ตัวเดิมๆ เช่น DCC*, STEC, LPN และ SAT และซื้อหุ้นที่จ่ายเงินปันผลครั้งเดียวในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. น่าจะมีปัจจัยหนุนราคาหุ้น เช่น TISCO* เป็นต้น
<< Back




 

Create Date : 10 มกราคม 2555
1 comments
Last Update : 10 มกราคม 2555 8:07:37 น.
Counter : 566 Pageviews.

 

Thanks for your news.

 

โดย: Sonic_T 10 มกราคม 2555 9:51:44 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


yungbin
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add yungbin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.