|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
สิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก
สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้
บันทึกจากคนที่ไปเที่ยวสุสานจิ๋นซี
สำหรับสุสานจิ๋นซีฯนั้น อยู่ที่เชิงเขาหลีซัน ห่างจากตัวเมืองซีอานไปทางทิศตะวันออกประมาณ 35 กม. ซึ่งหากนั่งรถไปจากเมืองซีอานประมาณชั่วกว่าๆ เมื่อรถแล่นผ่านเนินดินลูกใหญ่อันเป็นสถานที่ฝังศพของจิ๋นซีฯก็เตรียมลงเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง ครั้นพอรถแล่นผ่าน สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี(ที่ฝังพระศพจิ๋นซีฯ) ซึ่งเป็นเนินดินลูกใหญ่ก็เตรียมลงเดินเที่ยวได้แล้ว เพราะหลังจากนั้นอีกเพียงอึดใจก็จะถึงยังลานจอดรถที่มีรูปปั้นของจิ๋นซีฮ่องเต้ยืนโดดเด่น โดยมีเขาหลีซันเป็นฉากหลัง
สำหรับที่ตั้งของหลุมขุดค้นนั้นอยู่ห่างจากที่จอดรถประมาณ 1 กม. ซึ่งเมื่อไปถึงยังหลุมขุดค้น จุดแรกที่ควรไปดูเพื่อความเข้าใจมาที่มาที่ไปของกองทัพทหารดินเผาก็คือที่ห้องฉายวีดีโอ 360 องศา ที่ภายในอุ่นเครื่องด้วยเรื่องราวความเป็นมาของการสร้างกองทัพทหารกินเผา และการขุดค้นทางโบราณคดี ซึ่งถือว่าเป็นการบิวด์อารมณ์ก่อนชมของจริงที่ยอดเยี่ยมไม่เบา ครั้นพอเข้าชมของจริงข้าพเจ้าไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายๆคนจึงยกให้สุสานทหารจิ๋นซีเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลก เพราะสิ่งที่เห็นอยู่เบื้องหน้านั้นดูยิ่งใหญ่อลังการจริงๆ ไกด์ชาวจีนได้เล่าให้ฟังว่า จิ๋นซีฯใช้เวลา 37 ปีในการสร้างกองทัพหุ่นดินเผา(246-208 ก่อน ค.ศ.)เพราะเชื่อในชีวิตหลังความตาย ว่าหุ่นทหารเหล่านี้จะตามไปรับใช้และปกป้องในปรโลก ด้วยเหตุนี้หุ่นทหารแต่ละตัวจึงมีขนาดเท่าคนจริง และก็เป็นการจัดทัพเสมือนจริง โดยเชื่อว่ากองทัพดินเผาทหารจิ๋นซีฯนั้นมีทั้งหมด 8 หลุม แต่ว่าปัจจุบันมีการขุดค้นเพียง 3 หลุม เพราะว่าทางเมืองจีนยังไม่อยากขุดค้นเนื่องจากว่ายังหาวิธีรักษาสีของตัวหุ่นหลังเปิดหลุมให้คงสภาพเดิมไม่ได้ เพราะเดิมนั้นเมื่อขุดหุ่นขึ้นมาใหม่ๆ ทหารแต่ละนายจะสวมชุดสีสดใส โดยส่วนใหญ่จะใส่เสื้อสีชมพู สวมกางเกงสีเขียว และฟ้า แต่ว่าเมื่อเปิดหลุมอากาศและแสงแดดเข้าไปทำปฎิกริยาทำให้สีของหุ่นลอกหายไปกลายเป็นสีดินเผาเพียวๆ
หลุมแรก ถือเป็นแนวหน้าหน่วยกล้าตาย มีหุ่นทหารทำท่าถืออาวุธ(ปัจจุบันไม่มีอาวุธในมือหุ่นดินเผาแล้ว)จำพวกหอก ดาบ กว่า 6,000 นาย ยืนเรียงแถวเป็นระเบียบในหลุมที่ขุดลึกลงไปกว่า 5 เมตร กว้าง 62 เมตร ยาว 230 เมตร รวมพื้นที่กว่า 14,000 ตารางเมตร โดยพวกทหารแนวหน้ายศต่ำจะใส่เสื้อผ้าธรรมดา ส่วนพวกยศขึ้นมาหน่อยจะใส่เสื้อเกราะ ส่วนแถวหลังจะมีรถศึก และม้าศึกตัวขนาดเท่าจริงอ้วนพีดูแข็งแรง รวมถึงทหารในชุดและท่าทางที่พร้อมรบเต็มที่ หลุมที่สอง มีพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร มีหุ่นพลรบประมาณ 1,000 นาย ที่เหลือเป็นขบวนหุ่นม้าศึกและรถม้า ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมา ส่วนหลุมที่ 3 มีซากกระดูกสัตว์อยู่ด้านหน้า ว่ากันว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ ในหลุมนี้มีทหารที่ขุดแล้ว และรถม้า ม้าศึก รวมกันประมาณ 70 ตัว ที่เหลือยังไม่ได้ขุดขึ้นมาเหมือนหลุมที่สอง จึงเห็นเป็นแนวคันดินชัดเจน หากเดินผ่านๆดูเหมือนว่าหลุมที่ 3 ไม่ค่อยมีอะไรดู แต่จริงๆแล้วทางด้านซ้ายของประตูทางเข้ามีตู้โชว์หุ่นดินเผาที่สมบูรณ์เห็นรายละเอียดอยู่ในลักษณะท่าทางที่แตกต่างกันหลายตัว ซึ่งหุ่นแต่ละตัวจะมีหน้าตาไม่เหมือนกันโดยหุ่นส่วนใหญ่จะแสดงหน้าตาดุดันตามสไตล์นักรบ เมื่อดูหลุมที่ 3 เสร็จแล้วก็อย่าเพิ่งรีบกลับ เพราะที่บริเวณหลุมขุดค้นยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้ชมอีกในพิพิธภัณฑ์ที่ได้รวบรวมเอาของดีเอาไว้มากมาย อาทิ ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยฉิน เครื่องประดับ สร้อย กำไล อาวุธโบราณ และที่ถือเป็นพระเอกก็คือรถม้าอออกศึกสำริดที่เล็กกว่าของจริงหนึ่งเท่า นับว่าเป็นงานที่น่าสนใจและเห็นถึงวิวัฒนาการการใช้เหล็กในสมัยราชวงศ์ฉินได้เป็นอย่างดี
ข้าพเจ้าหลังจากชมน่าทึ่งของสุสานกองทัพทหารจิ๋นซีฯก็อดนึกไปถึงความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้แดนมังกรองค์นี้ไม่ได้ เพราะว่านอกจากสุสานทหารฯที่หลายๆคนยกให้เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับ 8 ของโลกแล้ว จิ๋นซีฮ่องเต้ยังได้ทำการเชื่อมกำแพงเมืองของแคว้นต่างๆเพื่อสกัดการรุกรานของเผ่าซงหนู ให้กลายเป็นกำแพงเมืองจีน 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกอันลือลั่น ณ วันนี้แม้ว่าจิ๋นซีฮ่องเต้จะจากโลกไปกว่า 2 พันปีแล้ว แต่ว่าเรื่องราวของพระองค์ยังคงอยู่ให้ผู้คนเล่าขานกันต่อไปทั้งในด้านมืดและด้านสว่าง นับเป็นหนึ่งในฮ่องเต้โลกไม่ลืมแห่งแดนมังกร ซึ่งหากใครได้ไปเที่ยวชมผลงานความยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้องค์นี้ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองจีน หรือกองทัพสุสานทหารจิ๋นซีฯ ก็นับว่ายากที่จะลืมเลือนเช่นกัน...
กว่าจะเป็น พิพิธภัณฑ์หุ่นดินเผากองทหารสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี
29 มีนาคม ค.ศ.1974 14 นาฬิกาเศษ หยังจื้อฟาชาวนาหมู่บ้านซีหยัง พบซากดินเผาชิ้นส่วนร่างกายมนุษย์ ขณะกำลังขุดบ่อน้ำที่ความลึก 3 เมตร ห่างจากสุสานจักรพรรดิฉินสื่อหวงไปทางตะวันออก 1.5 กิโลเมตร หลายวันต่อมา เจ้าคังหมิน เจ้าหน้าที่ฝ่ายวัฒนธรรมประจำอำเภอหลินถง รุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ กว้านซื้อซากโบราณวัตถุที่ชาวบ้านขุดพบ และที่เคยขายออกไปก่อนหน้านี้ ได้ 3 คันรถ หลังจากนั้นกลับไปยังห้องวิจัยเพื่อทำการศึกษา ต้นเดือนพฤษภาคม เจ้าคังหมิน จำกัดพื้นที่ 120 ตารางเมตรรอบบ่อน้ำเพื่อทำการขุดหาซากดินเผาเพิ่ม ขณะนั้นเป็นเวลาประจวบเหมาะที่ ลิ่นอันเหวิ่น นักข่าวหนังสือพิมพ์ซินหัว กลับไปเยี่ยมญาติที่อำเภอหลินถง เห็นสิ่งที่ชาวนาและเจ้าหน้าที่ขุดพบ เมื่อกลับสู่ปักกิ่งนำเรื่องตีพิมพ์ลงใน ชุนนุมเหตุการณ์ ของสำนักพิมพ์เหรินหมินยื่อเป้า
ต้นเดือนกรกฎาคม รองนายกรัฐมนตรีหลี่เซียนเนี่ยน มีคำสั่ง ให้กองโบราณคดีและคณะกรรมการมณฑลส่านซี ร่วมหามาตรการอนุรักษ์โบราณวัตถุนี้ 15 กรกฎาคม ค.ศ.1974 หยวนจงอี เจ้าคังหมิน นำทีมนักโบราณคดี เดินทางเข้าหมู่บ้านซีหยังอีกครั้ง การขุดค้นครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้น ..โลกตกตะลึง..กองทัพหุ่นทหารดินเผา เครื่องสังเวยในหลุมสุสานขนาดมหึมา 1 ตุลาคม ค.ศ.1979 พิพิธภัณฑ์หุ่นดินเผากองทหารสุสานจักรพรรดิฉินสื่อหวง เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ ได้รับการโจษขานเป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 แห่งศตวรรษที่ 20....กระทั่ง ธันวาคม ค.ศ. 1987 องค์การยูเนสโกลงมติให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม
ณ หลุมขุดค้น
หลุมขุดค้นที่ 1 ปรากฏกองทัพใต้ดินอันทรงพลานุภาพ ประกอบด้วยหุ่นทหารติดอาวุธกว่า 6,000 ตัว รวมถึงหุ่นม้า และรถศึก หุ่นดินเผาทหารและม้าศึกมีขนาดใหญ่เล็กเหมือนของจริง หุ่นทุกตัวมีสีหน้าและทรงผมเป็นลักษณะเฉพาะตัวแตกต่างกัน สูงราว 5 ฟุต 8 นิ้ว ถึง 6 ฟุต 5 นิ้ว ยืนตระหง่านเรียงรายเป็นหมวดหมู่ ในหลุมสุสานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้าง 197 ฟุต (62 เมตร) ยาว 689 ฟุต(230 เมตร) ลึก 14.8-21.3 ฟุต(5 เมตร) นักโบราณคดีจีน ตั้งข้อสังเกตว่า กองทหารอารักขาสุสานของจักรพรรดิฉินสื่อหวงที่พบในหลุมนี้ มีแนวการจัดทัพตามบันทึกในตำราพิชัยสงครามซุนอู่ หลุมขุดค้นที่ 2 ห่างจากหลุมขุดค้นที่ 1 ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 20 เมตร พบในปี 1976 พื้นที่ 6,000 ตารางเมตร แบ่งเป็น 4 ส่วน ขุดพบหุ่นดินเผาทหาร 1,000 ตัว ม้าศึก 500 ตัว และรถม้าทำจากไม้ 89 คัน เปิดให้สาธารณชนเข้าชมเมื่อปี 1994
หลุมขุดค้นที่ 3 ห่างจากหลุมที่ 1 ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ 25 เมตร พบในปี 1976 ขนาด 520 ตารางเมตร พบหุ่นทหาร 68 ตัว กับรถม้า 1 คัน และม้าศึก 4 ตัว รวมถึงกระดูกสัตว์และเขากวาง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเครื่องบูชายัญในพิธีศพ นักโบราณคดีคาดว่า หลุมที่ 3 นี้อาจเป็นกองบัญชาการกลางควบคุมกองทหาร ตามใบหน้าของหุ่นดินเผาทหาร เสื้อเกราะและอาวุธที่ขุดพบมีสีทาไว้ แต่เมื่อนักโบราณคดีเปิดสุสานครั้งแรก อากาศภายนอกทำให้สีบนตัวหุ่นสลายไปในเวลาอันรวดเร็ว หลุมขุดค้นที่ 3 เปิดให้สาธารณชนเข้าชมในปี 1989 รวมวัตถุโบราณที่ค้นพบทั้งที่เป็นหุ่นทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม ทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้น ในหลุมสุสาน 25,000 กว่าตารางเมตร จนถึงวันนี้ลึกลงไปใต้สุสานจักรพรรดิจิ๋นซี ยังคงเป็นปริศนาท้าทายนักโบราณคดีทั่วโลก ถึงแม้นักโบราณคดีจีนจะคาดการณ์ได้ว่า สุสานแห่งนี้มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แต่การขุดค้นความจริงภายใต้สุสาน จำเป็นต้องอาศัยเทคนิควิธีการที่ก้าวหน้ามาก ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อการอนุรักษ์โบราณวัตถุล้ำค่า ดังนั้นการคิดค้นกระบวนการขุดค้นอันซับซ้อน จึงยังเป็นความหวังของนักโบราณคดีต่อไป...
เผยปริศนาในสุสานจิ๋นซี
ซินหัวเน็ต/ไชน่าเน็ต 29/11/46 สุสานใต้ดินของจักรพรรดิองค์แรกแห่งแผ่นดินจีนที่เรารู้จักกันในนามฉินสื่อหวงหรือจิ๋นซีฮ่องเต้นั้น ขณะนี้ได้มีการสำรวจขั้นต้น พบว่า โครงสร้างภายในสุสานที่ทำด้วยหินนั้นยังคงปิดผนึกอย่างดี และไม่เคยผ่านการรื้อทำลายมาก่อน โดยโครงสร้างของสุสานดังกล่าวมีรูปแบบการจัดสร้างที่สลับซับซ้อนและมีขนาดมหึมา ยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นสุสานของมหาจักรพรรดิในรอบพันปีแห่งแดนมังกร ต้วนชิงปอหัวหน้าคณะวิจัยแหล่งโบราณคดีศึกษาสุสานจิ๋นซี ได้ออกมาประกาศเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ปริศนาเกี่ยวกับการคงอยู่ของสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี ปฐมกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีน(ครองราชย์ระหว่างปี 247-210 ก่อนคริสต์ศักราช)ได้รับการคลี่คลายแล้ว ด้วยการใช้เทคโนโลยีรีโมทเซนซิ่ง และความรู้ด้านภูมิศาสตร์กายภาพที่ทันสมัยที่สุดช่วยในการตรวจสอบ โดยคณะวิจัยได้พบว่า ที่ตั้งของสุสานหรือพระราชวังใต้ดินของจักรพรรดิจิ๋นซีอยู่ภายใต้เนินเขาลี่ซาน เมืองซีอานในมณฑลส่านซี ดังที่เคยคาดการณ์ไว้ ตำแหน่งศูนย์กลางของสุสานแห่งนี้ คือบริเวณยอดเนินเป็นที่ตั้งของโลงบรรจุพระศพและสิ่งของเครื่องใช้ที่ทำพิธีฝังร่วมมาด้วยกัน โครงสร้างโดยรวมของสุสานเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความลึกเฉลี่ย 35 เมตร กว้าง 145 เมตร ยาว 170 เมตร ส่วนห้องบรรจุพระบรมศพที่อยู่จุดกึ่งกลาง มีความสูง 15 เมตร และมีความใหญ่โตราวสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานเลยทีเดียว การสำรวจครั้งนี้ คณะวิจัยยังได้ค้นพบกำแพงดินรอบบริเวณสุสานซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของกำแพงพระราชวังใต้ดินอีกด้วย โดยกำแพงดังกล่าวมีความยาวจากตะวันออกจรดตะวันตก 168 เมตร จากเหนือจรดใต้ 141 เมตร และกำแพงด้านทิศเหนือมีความกว้าง 22 เมตร ทิศใต้กว้าง 16 เมตร จากการตรวจสอบค่าความถ่วงจำเพาะเพื่อหาความหนาแน่นของดินพบว่า กำแพงนี้ผ่านการสร้างด้วยการกระทุ้งดินให้แน่นเป็นชั้นๆ ทำให้มีความแข็งแกร่งอย่างมาก และที่ผนังด้านในของกำแพงนักวิจัยยังพบว่ามีการเสริมหินเข้าไปอีกชั้นหนึ่งด้วย จากการสำรวจพบว่าสุสานแห่งนี้ยังไม่เคยถูกน้ำท่วม และไม่มีร่องรอยของการพังทลายมาก่อน บริเวณโดยรอบสุสานใต้ดินมีการจัดสร้างเส้นทางระบายน้ำไว้ถึง 3 เส้นทาง ในประวัติศาสตร์ชนชาติจีน ที่ราบบริเวณนี้ได้เคยมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวระดับ 8 มาแล้ว แต่สุสานจิ๋นซีแห่งนี้กลับยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้โดยไม่เสียหายแม้แต่น้อย ย่อมต้องดูจากความแข็งแรงทนทานของกำแพงเมืองนี้เอง! ต้วนชิงปอกล่าว นอกจากนั้น จากบันทึกประวัติศาสตร์จีนได้เคยกล่าวถึงสุสานแห่งนี้ไว้ว่า ให้ปรอทเป็นดั่งทะเลและสายน้ำ และเมื่อเจ้าหน้าที่วิจัยจากสถาบันวิจัยธรณีวิทยาแห่งชาติ นายหลิวซื่ออี้ได้ทำการตรวจสอบสภาพทางภูมิศาสตร์กายภาพแล้ว พบว่า ภายในเขตพระราชวังใต้ดินมีปริมาณการสะสมของปรอทสูงผิดปกติ โดยสารปรอทส่วนใหญ่กระจายตัวอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันตกเฉียงใต้ และส่วนน้อยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ ถ้าหากปรอททำหน้าที่แทนสายน้ำและทะเลจริงดังข้อสันนิษฐาน ทิศทางที่มีสารปรอทสูงคือทิศที่ตั้งของทะเลป๋อไห่และหวงไห่ของจีน จักรพรรดิฉินสื่อหวงได้เคยเสด็จไปยังอ่าวป๋อไห่ด้วยพระองค์เอง ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่จะทรงจำลองภาพดังกล่าวไว้ในพระราชวังของพระองค์ และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ถือได้ว่าจีนได้มีการศึกษาค้นคว้าด้านภูมิศาสตร์ตั้งแต่สมัยฉินทีเดียว หลิวซื่ออี้กล่าว อนึ่ง โครงการสำรวจสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการ 863 ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์สาขาต่างๆของจีน ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ และเป็นครั้งแรกที่โครงการทางโบราณคดีได้รับการเสนอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการดังกล่าว เนื่องจากเป็นโครงการสำรวจทางโบราณคดีที่ใช้เงินทุนและเทคโนโลยีระดับสูงสุดในการวิจัย ข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี มาจากบันทึกในสมัยต้นราชวงศ์ฮั่นโดยนักประวัติศาสตร์จีนยุคโบราณ ซือหม่าเชียน ที่พรรณนาถึงสภาพภายในสุสานไว้อย่างอลังการ อีกทั้งในปีค.ศ. 1974 ได้มีการขุดพบกองทัพหุ่นดินเผาสมัยฉิน ซึ่งอยู่ห่างจากสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีไปทางตะวันออกประมาณ 1.5 กิโลเมตร และจากการศึกษานักโบราณคดีจีนเชื่อว่า กองทัพดินเผาที่ค้นพบ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของทัพทหารที่ถวายการอารักขาองค์จักรพรรดิในปรภพ ตุลาคม ปี 1979 พิพิธภัณฑ์หุ่นดินเผากองทหารสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี ได้เปิดให้สาธารณชนเข้าชมอย่างเป็นทางการ และได้รับการโจษขานให้เป็น สิ่งมหัศจรรย์ของโลกลำดับที่ 8 แห่งศตวรรษที่ 20 กระทั่งปี1987 องค์การยูเนสโกลงมติให้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรม ปัจจุบันมีการค้นพบวัตถุโบราณที่เป็นหุ่นทหารดินเผา สรรพาวุธ รถม้าและม้าศึกทั้งสิ้นกว่า 7,400 ชิ้นในพื้นที่หลุมสุสาน 25,000 กว่าตารางเมตร และมีการคาดคะเนว่าอาณาเขตของสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีจะมีพื้นที่กว่า 2,180 ตารางกิโลเมตร
ขอบคุณแหล่งข้อมูล China manager Online
แรงบันดาลใจในการทำเรื่องนี้เกิดจากอยากจะเอาเพลง Endless Love จากภาพยนตร์เรื่อง The Myth มาพรีเซ้นต์ในบล็อคครับ เพราะชอบเพลงนี้มาก ๆ ที่รู้จักเพลงนี้ครั้งแรกไม่ได้เพราะไปดูหนังเรื่องนี้มานะครับ แต่รู้จากบล็อคของคุณ สมันน้อย เบอร์14 ฟังครั้งแรกในบล็อคของคุณสมันน้อย(ขออนุญาติเอ่ยถึงนะครับ) รู้สึกชอบมากครับ(ฟังเป็นสิบ ๆ รอบและหลังไมค์ขอเพลงจากเขาด้วย ก็ขอขอบคุณคุณสมันน้อยอีกครั้งครับ)ครั้นจะพรีเซ้นต์แต่เพลงอย่างเดียวโดด ๆ มันก็ไงอยู่ ก็เลยเอาเรื่องราวเกี่ยวกับในหนังมาขุดคุ้ยด้วยเพราะไปเจอกระทู้เกี่ยวกับ"ปริศนาปรอทในสุสานจิ๋นซี" ในห้องหว้ากอพันทิพด้วย ก็เลยสืบค้นข้อมูลมาได้แบบนี้ครับ และก็มีโอกาสได้ดูหนังเรื่องนี้ด้วยครับ ไม่สนุกเลย แต่ชอบนางเอกเรื่องนี้มากเลยครับ สเป็คผมเลย แต่หนังเรื่องนี้ทำให้ผมเกิดความอยากรู้เกี่ยวกับสุสานจิ๊นซีฮ่องเต้มากขึ้น ทำให้เกิดคำถามนะ ว่าพระศพขององค์จิ๋นซีฮ่องเต้ยังอยู่หรือเปล่า อยู่ที่ไหน แล้วตกลงมีจริงหรือไม่ ต่อไปจะมีคนค้นพบหรือไม่ ด้วยเทคโนโลยีการค้นหาในสมัยนี้ไม่สามารถที่จะไขปริศนาสุสานจิ๋นซีได้ทั้งหมด.. ก็ยังคงเป็นคำถามต่อไป....และขอปิดท้ายด้วยมิวสิควีดีโอจากหนังเรื่อง The Myth ครับ
Create Date : 23 กุมภาพันธ์ 2550 |
Last Update : 28 มีนาคม 2550 23:38:17 น. |
|
11 comments
|
Counter : 924 Pageviews. |
|
|
|
โดย: แกงส้มชะอมกุ้งใส่ผักบุ้งนิดนึง (น้องแกงส้ม ) วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:20:18:08 น. |
|
|
|
โดย: รถเมล์สาย 170 (รถเมล์สาย 170 ) วันที่: 26 มีนาคม 2550 เวลา:23:32:42 น. |
|
|
|
โดย: I.Brother วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:1:17:16 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:55:47 น. |
|
|
|
โดย: nakwan6 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:22:10:28 น. |
|
|
|
โดย: b@rbOr วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:9:21:11 น. |
|
|
|
โดย: จอย IP: 115.67.181.255 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:20:24:36 น. |
|
|
|
โดย: คนน่ารัก IP: 115.67.181.255 วันที่: 6 กันยายน 2552 เวลา:20:32:07 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณนะคะ ที่เอาความรู้ดีดี มาให้แกงส้มได้อ่านอีกแล้ว..^^ (ชอบค่ัะ)
ปล..ลืมบอกสวัสดีค่ะ แวะมาทักทาย ค่ะ