ศอส.เผยน้ำท่วม ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 615 ราย ปภ.ย้ำเงื่อนไขช่วยเหลือ
ศอส.เผยน้ำท่วม ยอดผู้เสียชีวิตพุ่ง 615 ราย ปภ.ย้ำเงื่อนไขช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 25 พ.ย. ศูนย์สนับสนุนการอำนวยการและการบริหารสถานการณ์อุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศอส.) รายงานว่า สถานการณ์ปัจจุบัน ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 2 พื้นที่ รวม 22 จังหวัด ดังนี้ คือประเทศไทยตอนบน 16 จังหวัด 116 อำเภอ 924 ตำบล 5,530 หมู่บ้าน ราษฎรได้รับความเดือดร้อน 1,879,224 ครัวเรือน 5,036,020 คน ได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สุพรรณบุรี นครปฐม ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรสาคร สมุทรปราการ นครนายก ฉะเชิงเทรา กรุงเทพมหานคร และจังหวัดร้อยเอ็ด และมีผู้เสียชีวิต 615 ราย สูญหาย 3 คน และพื้นที่ภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ยะลา สงขลาและนราธิวาส ส่วนสถานการณ์น้ำเขื่อนเก็บน้ำขนาดใหญ่ ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 99 เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 99 เขื่อนแควน้อย มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 99 และเขื่อนป่าสัก มีปริมาณน้ำ ร้อยละ 126
ด้านนายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยถึงการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ว่า การช่วยเหลือแยกเป็น 2 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นเงินช่วยเหลือครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 5,000 บาท ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือพิเศษเบื้องต้นที่รัฐบาลมอบแก่ผู้ประสบอุทกภัย เพื่อนำมาใช้จ่ายในการดำเนินชีวิตช่วงที่น้ำท่วมขัง อยู่ระหว่างการฟื้นฟูความเสียหาย และยังไม่สามารถประกอบอาชีพหารายได้เลี้ยงครอบครัว ซึ่งผู้ประสบอุทกภัยที่มีสิทธิรับเงินช่วยเหลือต้องเป็นผู้ประสบภัยที่มีบ้านเรือนอาศัยอยู่ประจำในพื้นที่ประกาศภัยพิบัติกรณีฉุกเฉินใน 2 กรณี
คือ 1.กรณีน้ำท่วมถึงบ้านเรือนโดยฉับพลันและทรัพย์สินได้รับความเสียหาย 2.บ้านพักอาศัยถูกน้ำท่วมขังติดต่อกันไม่น้อยกว่า 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย โดยผู้ประสบภัยในพื้นที่ กทม. ให้ไปยื่นคำร้องที่สำนักงานเขต ส่วนต่างจังหวัดให้ไปยื่นคำร้องที่อำเภอหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนที่สองจะเป็นการช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2546 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้าของผู้ประสบภัย มิได้มุ่งชดเชยความเสียหายทั้งหมด ซึ่งการจ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบฯ นี้ จะเป็นการช่วยเหลือเยียวยาใน 9 ด้าน ประกอบด้วย ด้านการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ด้านสังคมสงเคราะห์และฟื้นฟูผู้ประสบภัย ด้านการแพทย์และการสาธารณสุข ด้านพืช ด้านประมง ด้านปศุสัตว์ ด้านการเกษตรอื่น ด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และด้านการปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เช่น การจ่ายเงินชดเชยความเสียหายของบ้านและโครงสร้างบ้าน จ่ายเป็นค่าซ่อมแซมบ้าน กรณีเสียหายบางส่วนจ่ายไม่เกินหลังละ 20,000 บาท
กรณีเสียหายทั้งหลังจ่ายไม่เกินหลังละ 30,000 บาท ค่าจัดการศพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตรายละไม่เกิน 25,000 บาท หากเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือผู้ที่หารายได้เลี้ยงครอบครัวจ่ายเงินช่วยเหลือสงเคราะห์ครอบครัวอีกไม่เกิน 25,000 บาท ค่าเครื่องมือประกอบอาชีพไม่เกินครอบครัวละ 10,000 บาท เป็นต้น ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะได้เร่งรัดให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ประสบภัย และ กทม. ประสานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและสำนักงานเขตเข้าสำรวจและประเมินความเสียหาย ก่อนรวบรวมและเสนออนุมัติ การจ่ายเงินช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป
Create Date : 25 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2554 20:08:00 น. |
|
0 comments
|
Counter : 359 Pageviews. |
|
|
|
| |