สิงหาคม 2557

 
 
 
 
 
2
3
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
คามู คามู (Camu Camu) กับปัญหาความขมุกขมัว
เสียงโฆษณา: “…โลชั่นที่อุดมไปด้วยสารสกัดจากสุดยอดผลไม้ คามู คามู ซึ่งให้วิตามินซีเข้มข้นถึง……” 
บุรุษที่ 1: หา!? อะไรนะ? เมื่อกี้เขาว่าใช้สารจากอะไรนะ คาๆ มัวๆ หรือเปล่า? 
บุรุษที่ 2: ผลขมุกขมัว (เสียงของคนที่นั่งข้างๆ ตอบมา…ท่าทางจะหูไม่ดีพอกัน) 
บุรุษที่ 1: ผลบ้าอะไรชื่อขมุกขมัว? 
บุรุษที่ 2: ก็คาๆ มัวๆ รวมกันเป็นขมุกขมัวไงล่ะ 
บุรุษที่ 3: มันชื่อผล คามู คามู (เสียงสวรรค์ตอบมา…อารมณ์รับไม่ได้กับการโต้เถียงอันไร้สาระสิ้นดี) 

          อ๋อ…ผลคามู คามู นั่นเอง ช่างเป็นผลไม้ที่ชื่อฟังดูแปลกหูจริงๆ เห็นในโฆษณาบอกว่ามีวิตามินซีสูง แถมช่วยให้ผิวกระจ่างใสอีกต่างหาก อื้ม…น่าสนใจทีเดียว ไหนลองตามไปดูกันหน่อยดีกว่า ว่าเจ้าผลขมุกขมัว เอ้ย! ผลคามู คามู เนี้ย…มันมีดีอย่างไร!! 

คามู คามู (Camu-camu) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  เป็นพืชในวงศ์ Myrtaceae มีลักษณะเMyrciaria dubia เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีการกระจายตัวอยู่บริเวณพื้นที่น้ำท่วมถึงในประเทศบราซิล ไปจนถึงประเทศเปรู มีความสูงประมาณ 2 – 3 ม. ดอกมีขนาดเล็กสีขาว ผลมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว และจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีแดงอมม่วงเมื่อสุก มีรสเปรี้ยว ปัจจุบันนิยมนำผลคามู คามู มาทำเป็นน้ำผลไม้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไอศกรีม ชาวเปรูดื่มน้ำคั้นจากผล หรือน้ำคั้นที่ผสมกับน้ำเปล่าเพื่อรักษาไข้หวัด และใช้บรรเทาอาการของโรคในระบบทางเดินอาหาร นำส่วนเปลือกต้นมาทำยาพอก ใช้รักษาแผล นำเปลือกต้นมาต้มกับส่วนของผลและเหล้ารัม ใช้รักษาโรคไขข้ออักเสบ (rheumatism)



การวิเคราะห์ทางเคมีพบว่าผลสดของ คามู คามู มีวิตามินซีสูงมาก โดยมีกรดแอสคอร์บิก (ascorbic acid) หรือวิตามินซี 2.4 – 3.0 ก./เนื้อผลสด 100 ก. ซึ่งมากกว่าปริมาณของวิตามินซีในส้มถึง 30 เท่า มีธาตุเหล็กเป็น 10 เท่า ไนอาซีน 3 เท่าไรโบฟลาวิน (วิตามินบี 2) 2 เท่า และมีฟอสฟอรัสมากกว่าส้มถึง 50% อีกด้วย นอกจากนี้ในผลคามู คามู ยังมีสารในกลุ่ม phenolic ถึง 30 ชนิด เช่น flavonoids, flavanols, flavan-3-ols, catechins, ellagic acid, gallic acids, anthocyanins, delphinidin 3-glucoside, cyanidin 3-glucoside, flavonols, rutin, flavanones, naringenin, tannins (gallo- และ ellagitannins) ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นที่คาดการณ์กันว่า เจ้าผลคามู คามู น่าจะสามารถนำมาพัฒนาเป็นยา เครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์สำหรับรักษาหรือบรรเทาโรคต่างๆ ได้ 

การศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาจำนวนมากพบว่าผลคามู คามู มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และมีคุณค่าทางอาหารสูง การศึกษาในอาสาสมัครชายที่สูบบุหรี่เป็นประจำจำนวน 20 คน โดยสุ่มให้ดื่มน้ำคั้นของผลคามู คามู 100% ขนาด 70 มล. (มีปริมาณวิตามินซี 1050 มก.) หรือ ได้รับวิตามินซี 1050 มก. อัดเม็ด เป็นเวลา 7 วัน พบว่ากลุ่มที่ดื่มน้ำคั้นของผลคามู คามู มีระดับตัวชี้วัดของภาวะการเกิดออกซิเดชันและภาวะการอักเสบลดลง ในขณะที่ค่าดังกล่าวของกลุ่มซึ่งได้รับวิตามินซีอัดเม็ดไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับงานวิจัยที่เกี่ยวกับการรักษาภาวะของเบาหวานพบว่า สารสำคัญอย่างสารในกลุ่ม phenolic และ ellagic acid ในผลคามู คามู ไม่สามารถยับยั้งเอนไซม์ alpha-amylase หรือ alpha-glucosidase ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับการเกิดภาวะเบาหวานได้





Create Date : 04 สิงหาคม 2557
Last Update : 4 สิงหาคม 2557 15:21:51 น.
Counter : 826 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 1614783
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]