สดุดี .. 2 เมษา มหาจักรีสิรินธร เจ้าฟ้านักพัฒนา
โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นพ.ไกรสิทธิ์ ตันติศิรินทร์
ชาวไทยและชาวโลกมีความซาบซึ้งและประทับใจ ในพระจริยวัตรและพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ได้ทรงงานอย่างต่อเนื่องนานกว่า 40 ปี เพื่อการพัฒนาในมิติต่าง ๆ โดยเฉพาะคุณภาพชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย ในวงจรชีวิต ให้มีโภชนาการ สุขภาพ และสุขอนามัยที่ดี มีการศึกษาและอาชีพ ตลอดจนช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงศิลปวัฒนธรรมด้วย
จากการที่โดยเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และสมเด็จย่าฯ มาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยเฉพาะในชนบทที่ห่างไกลและทุรกันดาร จึงทรงทราบถึงสภาพและปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน ที่ต้องเผชิญกับความยากจน ขาดแคลนการบริการพื้นฐาน ปัญหาทุพโภชนาการ ที่เกิดจากการกินอาหารไม่พอเพียง ทั้งปริมาณและคุณภาพ ตลอดจนการขาดโอกาสทางการศึกษา
ปัญหาเหล่านี้มีผลต่อการพัฒนาเป็นลูกโซ่ เช่น การขาดสารอาหารจะทำให้การเจริญเติบโตทางกายชะงักงันและสติปัญญาต่ำ อาทิ การขาดไอโอดีนที่รุนแรงจะเกิดโรคเอ๋อหรือปัญญาอ่อนอย่างแรง และยังทำให้ภูมิต้านทานอ่อนแอ เกิดโรคได้ง่าย โดยเฉพาะโรคอุจจาระร่วงและโรคระบบทางเดินอาหารอักเสบ ปัญหาเหล่านี้จะมีมากและรุนแรงในท้องถิ่นทุรกันดาร ขาดแคลนน้ำดื่ม น้ำบริโภค และขาดอนามัยส่วนบุคคล
ปี 2523 สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงริเริ่ม "โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน" เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนในท้องถิ่นทุรกันดาร ให้เด็กนักเรียนได้กินอาหารที่เพียงพอกับความต้องการ ได้พลังงาน โปรตีน วิตามินและเกลือแร่ เป็นการแก้ไขและขจัดภาวะทุพโภชนาการในเด็ก
ทรงเริ่มทดลองใน 3 โรงเรียน สังกัดกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ที่จังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในขณะที่ทรงศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ทรงให้เหตุผลที่ต้องทดลองทำดูก่อน ว่าเป็นการเรียนรู้ สร้างความมั่นใจ หากสำเร็จจะได้ขยายผลต่อไป ส่วนที่ต้องไปเริ่มในโรงเรียนก็เพราะโรงเรียนเป็นแหล่งรวมของเด็กที่มาศึกษาร่วมกัน จึงทำงานสะดวกและครอบคลุมเด็กครบถ้วน เมื่อพัฒนาที่โรงเรียนได้ผลดีแล้วจึงจะใช้โรงเรียนเป็นศูนย์การเรียนรู้เพื่อขยายไปสู่ชุมชน
โครงการนี้ทรงยึดหลักให้เด็กนักเรียนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาโดยความร่วมมือของพ่อแม่ผู้ปกครองและชุมชน ทรงเน้นการเรียนรู้ โดยให้เด็กฝึกปฏิบัติและเรียนรู้ด้านการเกษตรไปพร้อมกัน ไม่ว่าเรื่องของการปลูกผักสวนครัว ปลูกไม้ผล เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ เป็นทั้งอาหารและสร้างรายได้
โรงเรียนที่เข้าอยู่ในโครงการ เด็กนักเรียนจะมีอาหารกลางวันที่ถูกสุขลักษณะและมีคุณภาพทางโภชนาการ โดยมีเมนูอาหารที่เปลี่ยนไปทุกวันในรอบสัปดาห์ จากนั้นจะประเมินภาวะโภชนาการของเด็กนักเรียน โดยดูจากเกณฑ์ของน้ำหนักและส่วนสูง เด็กที่มีปัญหาน้ำหนักหรือส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์จะได้รับการแก้ไข ให้รับนมพร้อมไข่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน
สำหรับโรงเรียนในสังกัด กทม.พบว่าเด็ก ๆ จะมีปัญหาน้ำหนักเกินและอ้วน จึงต้องให้อาหารที่ลดไขมันและลดหวาน ควบคู่กับการออกกำลังกาย โดยขอความร่วมมือผู้ปกครองจัดอาหารที่ลดพลังงานมาจากบ้าน และโรงเรียนส่งเสริมให้ออกกำลังกายเพิ่มขึ้น
นอกจากที่กล่าวมา เด็กนักเรียนในโครงการยังได้เรียนรู้เรื่อง "สหกรณ์โรงเรียน" ทำให้มีความรู้เรื่องการทำบัญชีและคณิตศาสตร์ การทำงานเป็นกลุ่มหรือเป็นทีม จากการขายอาหารหรือผลผลิตที่ผลิตได้ ให้โรงเรียนหรือผู้ปกครองผ่านสหกรณ์ นอกจากนี้นักเรียนยังได้เรียนรู้เรื่องอาชีพด้วย เช่น การตัดเย็บผ้า การตัดผม ช่างซ่อมจักรยาน วิทยุ งานจักสาน เป็นต้น
โครงการพระราชดำริฯ ในระยะหลังทรงเน้นการพัฒนาการศึกษา ด้วยทรงมีพระราชดำริว่า "การศึกษาเป็นปัจจัยหลักในการสร้างและพัฒนาความรู้ ความคิด ตลอดจนความประพฤติและคุณงามความดีของบุคคล ให้ดำรงอยู่ในสังคมและโลกได้อย่างมั่นคง มีความสงบร่มเย็นได้ แม้ว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเพียงใดก็ตาม..."
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานเงินทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาขั้นประถมปีที่ 6 มาตั้งแต่ปี 2531 เพื่อให้ได้เรียนต่อจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 และถ้าเรียนดีก็มีโอกาสต่อไปจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 และเข้าศึกษาในวิทยาลัยอาชีวศึกษา หรือมหาวิทยาลัย
ล่าสุด ปี 2557 ได้พระราชทานทุนให้กับนักเรียนและนักศึกษาปีละประมาณ 1,600 คน ใช้ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ถึงปีละประมาณ 40 ล้านบาท
สำหรับนักเรียนหรือนักศึกษาที่เรียนจบแล้ว จะกลับไปทำงานพัฒนาท้องถิ่นเดิม ตัวอย่างดีเด่น คือมีนักศึกษาที่ได้รับทุนพระราชทานสำเร็จแพทยศาสตรบัณฑิต แล้วกลับไปเป็นหมอในโรงพยาบาลชุมชนบ้านเกิด นอกจากนี้ สมเด็จพระเทพรัตนฯ ยังได้พระราชทานทุนส่งให้นักศึกษาจำนวนหนึ่งไปศึกษาต่อที่ประเทศอินเดียด้วย
สำหรับงานพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนที่ทรงรับดำเนินการนั้นสิ้นสุดปี 2557 พบว่าครอบคลุมถึง 54 จังหวัด ในสถานศึกษา 825 แห่ง มีนักเรียน 121,087 คน แยกเป็นในโรงเรียนสังกัด ตชด. 196 แห่ง สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน 201 แห่ง ศูนย์การเรียนรู้ของสำนักงานการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย 279 แห่ง และโรงเรียนอื่น ๆ เช่น โรงเรียนพระปริยัติธรรม โรงเรียนในสังกัด กทม. โรงเรียนสอนศาสนา และศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาเด็กวัยเตาะแตะ
ส่วนครูในโรงเรียนก็ทรงไม่ได้ละเลย ได้พระราชทานทุนให้ศึกษาเพิ่มเติม ให้ครูได้ทำการวิจัยเพื่อนำมาปรับปรุงการเรียนการสอน นอกจากนี้แล้ว สมเด็จพระเทพรัตนฯ ทรงมีพระราชดำริให้โรงเรียนเป็น ศูนย์ของการพัฒนาและขยายผลสู่ชุมชน โดยโรงเรียนทำหน้าที่ร่วมกับชุมชน มีภาครัฐให้การสนับสนุน เช่น การจัดการให้มีศูนย์ดูแลเด็กและผู้สูงอายุ โดยผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรงช่วยดูแลเด็กเล็ก มีชื่อว่า "ศูนย์วัยต้วมเตี้ยมเลี้ยงดูวัยเตาะแตะ"
โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเด็กนักเรียนในพระราชดำริยังได้รับการขยายผลไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในอาเซียนรวม 10 ประเทศ ได้แก่ ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา เวียดนาม มองโกเลีย ภูฏาน บังกลาเทศ อินโดนีเซีย ติมอร์ตะวันออก และฟิลิปปินส์ นานาชาติต่างยอมรับและชื่นชมในพระปรีชาสามารถ และพระเมตตากรุณาทรงงานอย่างต่อเนื่อง จนเกิดสัมฤทธิผล จึงทรงได้รับการถวายรางวัล หรือตำแหน่งเกียรติยศที่สำคัญมากมาย
ไม่ว่ารางวัลรามอนแมกไซไซ ด้านบริการสาธารณะ ปี 2534, โล่เกียรติยศผู้นำดีเด่นผู้อุทิศตนเพื่อโครงการกำจัดโรคขาดสารไอโอดีนอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ปี 2547 ทูตพิเศษของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ, ทูตสันถวไมตรีแห่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ, รางวัลอินทิราคานธี ด้านสันติภาพการลดอาวุธและการพัฒนา ปี 2547, รางวัลพิเศษสมาพันธ์โภชนาการนานาชาติ เป็นต้น
นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยหลายแห่ง ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกาได้ถวายปริญญาเอกกิตติมศักดิ์ สาขาการพัฒนาการศึกษารวมถึงการพัฒนามนุษย์แด่พระองค์ด้วย เป็นที่ประจักษ์ชัดแก่ปวงชนชาวไทยว่าหลายทศวรรษที่ผ่านมา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นเจ้าฟ้าที่ทรงงานหนักยิ่ง ทั้งยังเป็นนักพัฒนาตัวอย่าง ทรงห่วงใยทุกข์สุขของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า ดังปรากฏในพระราชนิพนธ์ "ทัศนะจากอินเดีย" ที่สะท้อนถึงความห่วงใยที่ทรงมีต่อบ้านเมือง สังคมว่า "...แวดวงชีวิตของฉันแต่ไหนแต่ไรมา มีอยู่สองประการคือ วงวิชาการ และแวดวงครูบาอาจารย์ผู้รู้ในสาขาวิชาต่าง ๆ ทั้งสายศิลปวัฒนธรรมและเทคโนโลยี กับอีกเรื่องคือการพัฒนาสังคมให้เจริญก้าวหน้า งานที่เห็นพ่อแม่ทำมาตลอดตั้งแต่รู้ความ คือการทำให้ผืนแผ่นดินและทุกคนในแผ่นดินมีความเจริญรุ่งเรือง เน้นหนักในการช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส ผู้ที่มีความทุกข์ยาก..."
จึงสมแล้ว ที่เป็นเจ้าฟ้าแห่งแผ่นดินของปวงชนชาวไทย ในโอกาสอันเป็นมงคลที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 5 รอบ ขอถวายพระพรให้ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ขอบคุณ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ สิริสวัสดิ์ศุกรวารค่ะ
Create Date : 03 เมษายน 2558 |
|
0 comments |
Last Update : 3 เมษายน 2558 13:01:47 น. |
Counter : 1513 Pageviews. |
|
|
|