The secret of getting ahead is getting started. (Mark Twain)
Group Blog
 
<<
มกราคม 2561
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
30 มกราคม 2561
 
All Blogs
 
ชีวิตผู้ลี้ภัยในสวิตเซอแลนด์ไม่ง่ายเลย (1)



หายไปเกือบปีที่ไม่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับผู้ลี้ภัยที่รู้จัก ส่วนใหญ่ก็ยังมีส่งข่าวถามไถ่ทุกข์สุขกันอยู่ประจำค่ะ ที่ยังติดต่ออยู่ก็มีหลายคน จะขอทบทวนข้อมูลคร่าวๆ ของแต่ละคนก่อน ในแต่ละเมืองจะมีบ้านให้ผู้ลี้ภัยอยู่หลายหลัง บางเมืองก็จะแบ่งเป็นตามภาษาที่ใช้ เช่นพวกใช้ฟาร์สี อาราบิค หรือมาจากอัฟริกาจะแยกกันอยู่ มีอยู่เป็นครอบครัว มีบ้านชายล้วน บ้านหญิงล้วน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ชายที่หนีร้อนมา เพราะเดินทางไกลและอันตรายพอควร

- ซาฟี่ โมฮัมเม็ด และมาเจ็ด สามคนนี้อยู่บ้านเดียวกันที่เมืองโอเบอโรร์ดอร์ฟ Oberrohrdorf
- อาลี เรซาและอาลี อามาดี สองคนนี้เป็นเพื่อนร่วมห้องกันในเมืองฟิสลิสบัค Fislisbach
- ลิอาขัด อยู่ในเมืองบาเดน Baden
- มุสตาฟา นาซเซีย และรัคมาน อยู่ที่เมืองเบริโคน Berikon
- โยมาคาน เมื่อก่อนอยู่เมืองนีเด้อวิลล์ Niederwil แล้วถูกย้ายไปอยู่เมืองฟริก Frick

หลังจากที่ได้ปิดหน่วยงานที่ใช้สอนผู้ลี้ภัยที่เคยไปช่วย เราก็ไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมใดๆ อีก (หน่วยงานอื่นยังคงมีกิจกรรมสอนภาษา เล่นกีฬาต่างๆ) แต่สามีเราก็คอยช่วยเหลือหางานให้ ทำเรซูเม่ให้ เขียนจดหมายสมัครงานให้ ถามไถ่ข่าวคราวเป็นระยะๆ ส่วนใหญ่จะยังไม่ได้วีซ่าให้อยู่ถาวร คนที่ได้จะได้พวกวีซ่า F ที่ต้องไปต่ออายุทุกปี และไม่สามารถออกนอกประเทศสวิตเซอแลนด์ได้ จะมีก็ที่มาจากซีเรีย เอริเทรีย โซมาเลียพวกนั้นที่ได้วีซ่า B คือให้อยู่ถาวร สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้

ตอนนี้จะเล่าถึงแต่ละคนว่า ปีที่ผ่านมาแต่ละคนมีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้น เล่าให้ฟังคร่าวๆ ค่ะ

คนแรกที่พูดถึงคือ ซาฟี่หรือซาฟีอุลล่า หลังจากที่ได้อยู่บ้านใหม่ในเมืองโอเบอโรร์ดอร์ฟ คนนี้ได้เรียนทำเบเกอรี่ หลักสูตรสองปี จากชีวิตคนที่เข้านอนตีสองตีสาม ก็กลายเป็นตื่นนอนตอนตีสองเพื่อไปทำงาน แต่ก็ทำอยู่ได้สี่เดือน ตอนแรกที่แกบอกว่าไม่ทำงานแล้ว เราก็แปลกใจ เพราะแกกระตือรือล้นมากมาย ก็ไม่ได้เซ้าซี้ถาม มารู้ตอนหลังคือทำงานได้เงินมาเท่าไร เมืองที่อยู่ก็หักเงินไป 95 เปอเซ็นต์ แกเลยหมดกำลังใจ ไม่อยากทำอะไรอีกพักหนึ่ง แต่ก็ยังไปเรียนภาษาอังกฤษและเลขเพิ่ม ปัจจุบันทำงานบาร์ชิชา แกบอกว่าไม่ได้ทำทุกวัน และไม่ได้บอกให้ทางเมืองรู้ เจ้าของร้านเป็นคนตุรกี ซาฟี่สามารถพูดตุรกีได้คล่อง และภาษาเยอรมัน สวิส-เยอรมันดี เลยไม่มีปัญหา แต่เราก็เตือนแกไปหลายหนแล้วว่าหากถูกจับได้น่าจะมีปัญหาทั้งเจ้าของร้านและตัวแกเอง มองด้านภาษีเงินได้ มันต้องมีปัญหาแน่ๆ

แกเล่าว่าแกคุยกับแม่แก บางทีก็ส่งรูปของสวยๆ งามๆ ให้แม่ดู เห็นแม่ร้องไห้ แกบอกว่าชาตินี้แกคงกลับไปอัฟกานิสถานไม่ได้ เพราะว่าที่จากมาเป็นเหมือนดินแดนมาเฟีย ฆ่ากันไป แก้แค้นกันมา กลับไปก็ตาย เราก็ได้แต่พูดให้กำลังใจว่า อย่างน้อยมาอยู่นี่ แกก็กลายเป็นคนอีกคนที่น่าจะทำให้แม่ภูมิใจ เพราะเดี๋ยวนี้แกรู้หลายภาษา สามารถเขียนอ่านได้  อย่าลืมว่า ซาฟี่ตอนมาใหม่ๆ พูดได้แต่ภาษาดาลี เข้าใจฟาร์สี แต่ไม่เคยเรียนหนังสือเลยในชีวิต ตอนนี้ความที่ต้องเรียนเยอรมันแล้วอ่านคำแปล แกเลยรู้หลายภาษาโดยเฉพาะสามารถอ่านภาษาของตัวเองได้ แกส่งเงินให้แม่ใช้ด้วย (จากการที่ไม่ต้องให้เงินกับทางเมือง)

อีกคนที่อยู่บ้านเดียวกันคือ โมฮัมเม็ด คนนี้สามารถใช้ภาษาได้ดีมาก และไปสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่า แกบอกว่าเขาคงประทับใจที่แกสามารถพูดเยอรมันได้ดี หลังจากที่ไปสัมภาษณ์ 3 วันก็ได้วีซ่าชนิด F มาสบายๆ ขณะนี้ก็เรียนเป็นคนขายของในห้างอยู่ คือทำงาน 4 วัน เรียนทฤษฏี 2 วัน นี่เป็นหลักสูตรปกติที่คนสวิสเรียนเพื่อให้ได้ประกาศนียบัตรวิชาชีพ โมฮัมเม็ดไม่บ่นเรื่องเงิน แม้แกจะรู้สึกเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ถูกเมืองเอาเปรียบ แกคิดว่าเหลือเวลาเรียนอีกปีครึ่ง เรียนจบแกก็จะไปหาที่อยู่เอง ไม่พึ่งเมืองนี้อีกต่อไป จะว่าไปก็เป็นทัศนคติที่ดี คือมองไปข้างหน้า ไม่คิดหยุมหยิม โมฮัมเม็ดเป็นอีกคนที่กลับไปอัฟกานิสถานไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรผูกพัน ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่ เลยคิดถึงตัวเองและอนาคต แกเล่าว่า แม่แกมีสามีใหม่ ซึ่งค้ายา และเคยบังคับให้แกเดินส่งยา แกคงถูกทำร้ายร่างกายด้วย เลยหนีไปทำงานในอิหร่านอยู่สองปี แล้วก็หนีเหมือนกับคนอื่นๆ

ส่วนมาเจ็ด บางทีก็ได้ยินเพื่อนๆ แกเรียกว่า มาจิด ชาวอิหร่าน คนนี้เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถมาก และได้งานประจำเป็นโปรแกรมเมอร์ เคยเล่าแล้วว่าแกไม่ธรรมดา เป็นผู้ลี้ภัยที่มี Bitcoin ค่ะสามีเคยแนะให้แกไปเรียนที่ ETH ซึ่งมีโปรแกรมสอนผู้ลี้ภัยที่มีความรู้มาก่อน แกมีความสุขมาก บอกว่าเป็นเหมือนสวรรค์ ครูที่สอนมีความสามารถมาก สภาพแวดล้อมมหาวิทยาลัยนั้นสุดยอด ท่าแกจะชอบจริงๆ เพราะแกจะยิ้มปลื้มมากๆ เวลาพูดถึง มาเจ็ดก็มีปัญหากับทางเมืองเรื่องถูกริบเงินเหมือนๆ กับทุกคนที่ทำงาน แกเล่าด้วยความคับแค้นใจ ทางเมืองที่อยู่บังคับให้ทุกคนเซ็นรับว่าจะยอมจ่ายเงินให้กับทางเมือง มาเจ็ดคนนี้มีความรู้และไม่ยอมให้เมืองเอาเปรียบ แกก็ส่งจดหมายบอกกับทางเมืองไปว่าแกขอยกเลิกจดหมายที่เซ็นไป และขอออกไปอยู่เอง แม้รายได้ที่ได้มาจะแทบจะไม่พอกับค่าใช้จ่ายที่ต้องออกไปหาที่อยู่เอง ทางเมืองก็ปฎิเสธ อ้างว่ากลัวแกหนี จริงๆ แล้วอยากได้เงินแก เพราะรายได้แกสูงพอสมควรเทียบกับผู้ลี้ภัยที่ทำงานคนอื่นๆ แต่จะอ้างว่าแกจะหนี้นั้น เป็นข้ออ้างที่ไม่เข้าท่า เพราะว่ากรณีของมาเจ็ด แกทะยอยหนีออกมาทั้งครอบครัว แม่กับน้องสาวหนีมาพร้อมๆ กับแก และถูกแยกไปอยู่เมืองอาเรา Aarau พ่อแกหนีออกมา รออยู่ที่กรีซ เพิ่งได้รับอนุญาตให้มาอยู่สวิตเซอแลนด์เร็วๆ นี้เอง มาเจ็ดไม่น่าจะหนีออกนอกระบบ แกบอกว่าน้องชายแกยังอยู่ที่อิหร่านและจะไม่ออกมา เพราะว่ามีครอบครัวมีลูกเล็ก แต่ก็ไม่ได้ถามว่าออกมาเพราะอะไร ไว้รอแกเล่าให้ฟังเอง

มาเจ็ดบ่นให้ฟังด้วยความเซ็งสุดๆ ว่าการทำแบบนี้คือทำให้คนไม่ทำงาน เพราะว่าผู้ลี้ภัยที่ถูกริบเงินไปเกือบหมด ส่วนใหญ่จะเลิกทำงาน รอเงินรายสัปดาห์ ซึ่งไม่มาก แต่ก็ดีกว่าไปทำงานแล้วเหลือเงินนิดเดียว น้อยกว่านั่งเฉยๆ อยู่กับบ้าน ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคนดูแลในเมืองไม่สามารถคิดได้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปนั้น ไม่ได้ช่วยอะไรเลย กลับส่งให้คนออกไปทำงานนอกระบบหรือหยุดทำงานซะ มาเจ็ดบอกว่ารู้สึกเหมือนถูกลงโทษที่ทำงาน เหมือนเป็นทาส ที่ทางเมืองบังคับให้เขาจ่ายเงิน ในกรณีมาเจ็ด คิดเป็นเปอเซ้นต์แล้วเท่ากับคนอื่น แต่เม็ดเงินมากกว่าทุกคน

ปี 2561 ทางคันโตนอาร์เกา Aargau จ่ายเงินให้ผู้ลี้ภัยน้อยลงจากปีที่แล้ว อายุต่ำกว่า 25 จะเหลือประมาณวันละ 8-8.3 ฟรังซ์ต่อวัน

ในแง่ของภาระขอระดับรัฐและเมืองที่ให้ผู้ลี้ภัยอาศัย ก็เข้าใจว่าเขาก็ต้องมีภาระคือค่าบ้าน ค่าน้ำ ค่าไฟ/แก๊ซ ค่าขยะ ค่าประกันสุขภาพ ค่าตั๋วรถเมล์ที่ให้เกือบฟรีๆ ตู้เตียง เครื่องซักผ้า ค่าทำความสะอาดบ้าน ซึ่งเมื่อรวมกัน 15-30 คน ต่อเมือง รวมๆ กันเป็นเงินมิใช่น้อยๆ

ต่อตอนที่ 2 คราวหน้าค่ะ

ท้ายนี้มีบทความจากหนังสือพิมพ์ เป็นภาษาเยอรมัน แต่ก็อปไปอ่านในกูเกิ้ลทรานสเลทได้ค่ะ

https://www.aargauerzeitung.ch/aargau/kanton-aargau/schaebig-und-zynisch-sparen-bei-fluechtlingen-stoesst-auf-kritik-132063494  ข่าวนี้พูดถึงการถกเถียงกันเกี่ยวกับเงินที่ใช้กับผู้ลี้ภัยว่าน้อย และเหมือนกับเป็นการสื่อสารว่าเมืองเราไม่ต้อนรับผู้ลี้ภัย อีกทั้งเป็นเรื่องของการเมืองมากกว่าเรื่องเงิน

https://www.aargauerzeitung.ch/aargau/baden/550-franken-miete-fuer-eine-matratze-in-der-zivilschutzanlage-betreiberfirma-rechtfertigt-sich-131996227  ข่าวนี้บอกว่าเมืองเก็บเงินค่าเช่าเตียงจากผู้ลี้ภัยคนละ 550 ฟรังซ์ต่อเดือน ทั้งห้องมีคนนอนรวมกัน 23 คน บางเมืองเขาก็มี subcontract ให้เอกชนบริหารเรื่องที่พักผู้ลี้ภัยค่ะ





Create Date : 30 มกราคม 2561
Last Update : 30 มกราคม 2561 16:03:39 น. 0 comments
Counter : 547 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

94025
Location :
Switzerland

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เพิ่งเห็น โฆษณาเต็มไปหมดเลย ไม่รู้เอาออกยังไง เราไม่ได้เงินจากค่าโฆษณานะ ขอโทษด้วยค่ะ
Friends' blogs
[Add 94025's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.