ในวันที่ 10 ของทุกเดือนจะมีการเปิดอบรมเตรียมความก่อนเข้ารับการทดสอบ (ติว) โดยอาจารย์ของโรงเรียนเพ็ญแขแพทย์แผนไทย เสียค่าใช้จ่ายคนละ 400 บาท
ช่วงเช้า
ติวภาคทฤษฎี(การทดสอบภาคความรู้)
ติวภาคปฎิบัติ(การทดสอบทัศนคติ)
ช่วงบ่าย
ติวภาคปฏิบัติ(การทดสอบความสามารถ)
แนวข้อสอบ
เส้นประธานสิบ
1.เส้นอิทา (ซ้าย) ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้อง ใต้สะดือสองนิ้ว เยื้องซ้ายหนึ่งนิ้ว แล่นไปที่ต้นขาดานซ้ายถึงเข่า แล้ววกกลับมาต้นขาด้านหลัง แล่นขึ้นแนบกระดูกหลังซ้าย ถึงคอ ถึงศรีษะ แล้ววกกลับมาที่ริมจมูกซ้าย ลมประจำเรียกว่า "ลมจันทรกะลา"
2.เส้นปิคลา (ขวา) ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้องใต้สะดือสองนิ้ว เยื้องขวาหนึ่งนิ้ว แล่นไปต้นขาด้านขวาถึงเข่า แล้ววกกลับมาต้นขาด้านหลังแล่นขึ้นแนบกระดูกสันหลังขวา ถึงคอ ถึงศรีษะ แล้ววกกลับมาที่ริมจมูกขวา ลมประจำเรียกว่า "ลมศุญทะละกา"
3.เส้นสุมนา ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้องเหนือสะดือสองนิ้ว แล่นขึ้นไปที่ทรวงอก ถึงลำคอไปสิ้นสุดที่โคนลิ้นเรียกว่า "รากเส้นลิ้น" ลมประจำเรียกว่า "ลมชิวหาสดมภ์"
4.เส้นกาลธารี ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้อง แล้วแตกเป็นสี่เส้น สองเส้นบนเหนือสะดือหนึ่งนิ้ว แล่นผ่านราวนมทั้งสองข้างถึงข้อมือทั้งสองข้าง แล้วเลยไปที่นิ้วมือท้ั้งสิบนิ้ว สองเส้นล่างใต้สะดือหนึ่งนิ้วแล่นไปที่ขาทั้งสองข้าง แล้วเลยไปที่นิ้วเท้าทั้งสิบ
5.เส้นสหัสรังษี ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้อง จากสะดือมาทางซ้ายมือสามนิ้ว แล่นไปที่ขาซ้ายด้านในถึงฝ่าเท้าแล่นผ่านโคนนิ้วทั้งห้า แล้วกลับมาที่สันหน้าแข้งซ้าย แล่นผ่านราวนมซ้ายรอดไหปลาร้า รอดขากรรไกรไปสุดที่ใต้ตาซ้ายเรียกว่า "เส้นรากตาซ้าย"
6.เส้นทวารี ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้องจากสะดือมาขวามือสามนิ้ว แล่นไปที่าขวาด้านใน ถึงฝ่าเท้าแล่นผ่านโคนนิ้วเท้าทั้งห้า แล้ววกลับมาที่สันหน้าแข้งขวา แล่นผ่านราวนมขวา รอดไหปลาร้า รอดขากรรไกร ไปสุดที่ใต้ตาขวาเรียกว่า "เส้นรากตาขวา"
7.เส้นจันทภูสัง หรือ ลาวุสัง ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้องจากกสะดือมาทางซ้ายสี่นิ้ว แล่นผ่านราวนมซ้าย รอดไหปลาร้า รอดขากรรไกร ไปสุดที่หูขวา เรียกว่า "เส้นรากหูซ้าย"
8.เส้นรุชำ หรือ อุรังกะ ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้อง จากสะดือมาทางขวามือสี่นิ้ว แล่นผ่านราวนมขวา รอดไหปลาร้า รอดขากรรไกร ไปสุดที่หูขวา เรียกว่า "เส้นรากหูขวา"
9.เส้นสิกขิณี หรือ คิชณะ ต้งต้นที่กึ่งกลางท้องใต้สะดือสามนิ้ว เวลากดเยื้องขวาเล็กน้อย แล่นไปที่ทวารเบา
10.เส้นสุขุมัง หรือ นันทะกะหวัด ตั้งต้นที่กึ่งกลางท้องใต้สะดือสามนิ้ว เวลากดเยื้องซ้ายเล็กน้อย แล่นไปที่ทวารหนัก
ข้อควรระวังในการนวดแพทย์แผนไทย
1.บริเวณทัดดอกไม้(ซึ่งเป็นกระดูกรูปผีเสื้อ) กระโหลกบริเวณนี้บางที่สุด กดแรงอาจจะทำให้กระดูกแตกหรือหมดสติได้
2.เส้นเลือดคอด้านหน้า เพราะเป็นเส้นเลือดใหญ่ ถ้ากดแรงอาจจะหมดสติได้
3.บริเวณไหปลาร้า เพราะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทไปเลี้ยงบริเวณไหปลาร้าเป็นจำนวนมาก ถ้ากดแรงอาจทำให้เกิดอันตรายได้และอาจเกิดการอักเสบ
4.บริเวณหัวมุมไหล่ควรกดเบาๆ เพราะมีถุงน้ำ ถ้ากดแรงอาจทำให้เกิดการอักเสบได้
5.ใต้รักแร้ เป็นบริเวณที่มีต่อน้ำเหลือง และเส้นเลือดมาก การนวดอาจเกิดการอักเสบได้
6.เนินข้อต่อด้านใน(ข้อศอก)บริเวณนี้เป็นข้อต่อและเส้นเลือดใหญ่ ถ้ามีการนวดที่แรง อาจทำให้เกิดการอักเสบและแขนจะไม่มีแรง
7.บริเวณสะบ้า(หัวเข่า) การกดบริเวณนี้อาจทำให้สะบ้าเคลื่อนหรือบิ่น
8.การเปิดประตูลม ไม่ควรเปิดนานเกิน 45วินาที ถ้าเปิดนานจะทำให้ขาไม่มีแรง
9.โรคมะเร็ง เพราะอาจทำให้เชื้อมะเร็งแพร่กระจายเร็วขึ้น
10.โรคเบาหวาน เพราะอาจทำให้เกิดอาการชา หรือเกิดแผลได้ง่ายเพราะคนเป็นเบาหวานกล้ามเนื้ออ่อนแรง
11.โรคความดันสูง การนวดอาจทำให้ความดันเพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อเส้นเลือดในสมองอาจจะแตกได้
12.คนเป็นไข้ตัวร้อนเกิน 38องศาเซลเซียส การนอนนวดในขณะมีไข้อาจทำให้ไข้สูงยิ่งขึ้น
13.ผู้ที่มีอาการปวด บวม แดง ร้อนตามข้อต่างๆ การนวดอาจทำให้อักเสบมากขึ้น
14.ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บภายใน 24-48ชั่วโมง ควรประคบเย็นก่อน ห้ามประคบร้อน
15.บริเวณกระดูกแตกหัก ร้าว ข้อเคลื่อน ถ้านวดจะทำให้อักเสบมากขึ้น
16.ผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง แผลเป็น ไม่ควรนวด อาจทำให้แผลเป็นเกิดอักเสบได้
17.แผลที่มีการผ่าตัดอาจทำให้แผลฉีกขาดได้ ต้องรอให้เกิน 1ปี6เดือนไปก่อน ถึงจะนวดได้
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [
