จตุรัสดัตช์ (Dutch Square)
จตุรัสดัตช์ (Dutch Square) ถือเป็นจุดท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทุกคนที่ไปเที่ยวมะละกาจะต้องไปเที่ยวเดินเก็บภาพกลุ่มอาคารสีแดงที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญเพียงแห่งเดียวที่ชาวฮอลันดาได้สร้างทิ้งไว้ให้ชาวมะละกา
สถานที่สำคัญในบริเวณนี้ได้แก่ Christ Church Melaka, อาคารสแตดท์ฮุยส์, อาคารพิพิธภัณฑ์เยาวชน, หอนาฬิกา, กังหันลมฮอลันดา, ป้อมปืนมะละกา และที่พลาดชมไม่ได้ก็คือเจ้ารูปปั้นกระจง ที่ตั้งอยู่ตรงบริเวณวงเวียนหน้าจตุรัสดัตช์ เพราะว่าเจ้ากระจงตัวนี้คือสัญลักษณ์สำคัญเมื่อครั้งที่เจ้าชายปรเมศวรผู้ครองนครเทมาเส็ก หรือ สิงคโปร์ที่ได้ย้ายมาอยู่ที่มะละกาเนื่องจากหนีจากการโจมตีของกองทัพชวา และ ได้เห็นเจ้ากระจงน้อยตัวนึงที่กำลังถูกหมาป่า 2 ตัวกำลังไล่ล่า แต่ด้วยความที่จนตรอกสุดๆ แล้ว ทำให้เจ้ากระจงตัวน้อยตัวนั้นเปลี่ยนจากการหนีมากัดฟันสู้กับเจ้าหมาป่า และ เตะหมาป่าตัวหนึ่งตกลงไปในน้ำ ทำให้เจ้าชายปรเมศวรรู้สึกมีกำลังใจในการต่อสู้ และ ได้ทรงตัดสินใจปักหลัก และ สร้างเมืองมะละกาขึ้นมา
อาคารหอคอยคู่เปโตรนาส (Petronas Twin Towers)
อาคารหอคอยคู่เปโตรนาส (Petronas Twin Towers) เป็นสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ออกแบบโดย เซซาร์ เปลลี ตั้งอยู่บริเวณใจกลางย่านธุรกิจของเมือง ที่แวดล้อมด้วยสวนสาธารณะ และส่วนอาคารคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ (KLCC-Kuala Lumpur Convention Center) อาคารเปโตรนาส มี 2 อาคารหอคอย ซึ่งนับเป็นอาคารที่สูงอันดับ 3 และ 4 ของโลก รองจากอาคารเซี่ยงไฮ้เวิลด์ไฟแนนเชียลเซ็นเตอร์เมืองเซี่ยงไฮ้ และอาคารไทเป101 ประเทศไต้หวัน มีความสูงทั้งหมด452เมตร 88 ชั้น
วัดถ้ำเปรัก (perak cave)
วัดถ้ำเปรัก (perak cave) เมืองฮิโปร์ ในมาเลเซียแม้จะมีชาวพุทธเป็นส่วนน้อยแต่ก็มีวัดจีนหลายแห่งที่นักท่องเที่ยวทุกชาติทุกศาสนานิยมไปแวะชมและสักการะ วัดถ้ำเปรัก ในเมืองฮิโปร์ เป็นวัดถ้ำที่สำคัญวัดหนึ่งของมาเลเซีย และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักเดินทางมักแวะเข้าไปชมหากมีโอกาสผ่านไปในเส้นทางนี้ ภูเขาหินลูกเล็กๆที่อยู่ริมทางแต่ก็มีถ้ำและศาสนสถานที่เป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน ที่นิยมสร้างวัดติดกับภูเขา หรือสร้างบนยอดเขา? ภายในถ้ำมีภาพจิตรกรรมผนังถ้ำที่วาดโดยจิตรกรชาวจีนที่อาศัยอยู่ฮ่องกง เป็นภาพขนาดใหญ่มาก วัดถ้ำแห่งนี้ถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีรูปปั้นพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิม พระสังขจายองค์ใหญ่ วัดนี้หากจะเทียบกับบ้านเราแล้วถือว่าเป็นวัดใหม่ที่พึ่งเปิดเมื่อปี ค.ศ 1970 หรือ พ.ศ 2513 หลังจากมาเลเซียได้รับเอกราชได้เพียง 13 ปี
วัดเขาเต่า (Wat Khao Tao)
วัดเขาเต่า (Wat Khao Tao) หรือ เค็ก ลก ซี (Kek Lok Sri) ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ภายในวัดนี้เป็นที่ประดิษฐานของเจ้าแม่กวนอิมขนาดใหญ่ และเจดีย์หมื่นพระ เป็นพุทธศิลป์ที่ผสมผสานความงามของเป็นอันดับ 3 ประเทศไว้ด้วยกัน คือ ไทย จีน พม่า ซึ่งเชื่อกันว่า วัดนี้เป็นสถานที่ ที่ศักดิ์สิทธิ์มาก โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการจะสมหวังในเรื่องของความรัก ส่วนเหตุผลที่เรียกว่าวัดเขาเต่านั้น ก็เพราะว่า เมื่อเดินขึ้นไปถึงระหว่างทางจะพบว่ามีบ่อน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีเต่าอยู่จำนวนนับไม่ถ้วน
ป้อมปราการคอร์นเวลลิส (fort cornwallis)
ป้อมปราการคอร์นเวลลิส (fort cornwallis) นั้นได้มีการก่อสร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 17 แต่เดิมนั้นทำด้วยไม้ ภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นคอนกรีตในปี ค.ศ.1804 ซึ่งใช้แรงงานจากนักโทษ ก่อสร้างที่ป้อมนี้มีโรงละครกลางแจ้ง ส่วนภายในป้อมเป็นศูนย์ศิลปหัตถกรรมของชาวพื้นเมือง มีโบราณวัตถุที่สำคัญคือ ปืนใหญ่ ที่ชื่อว่า สรีรัมไบ เป็นโบราณสถานของชาวดัทช์มอบให้สุลต่านแห่งยะโฮร์ ผู้ปกครองเมืองปีนังในสมัยนั้น
หอนาฬิกาควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Clock Tower)
หอนาฬิกาควีนวิคตอเรีย (Queen Victoria Clock Tower) สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสเฉลิมฉลองพระชนม์มายุ60 พรรษาของพระราชินีวิคตอเรีย แห่งอังกฤษ ในปี ค.ศ.1897 โดยมหาเศรษฐีชาวปีนัง ชื่อเซียะห์ เช็น อ็ก หอนาฬิกาแห่งนี้สูง 60 ฟุต
น้ำตกอีสกันดา (Lata Iskandar Waterfall)
น้ำตกอีสกันดา (Lata Iskandar Waterfall) เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามแบบธรรมชาติอย่างมาก ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางลงจากคาเมรอนไฮแลนด์ โดยชื่อเต็มน้ำตกอีสกันดาก็คือ Lata Iskandar Waterfall อยู่ในรัฐเปรัค ประเทศมาเลเซีย โดยเป็นน้ำตกธรรมชาติที่มีความชุมชื่นและมีน้ำไหลตลอดทั้งปี
พระราชวังอิสตานาเนการา(istana negara palace)
พระราชวังอิสตานาเนการา(istana negara palace) พระราชวังแห่งชาติ สถานที่ประทับของสมเด็จพระราชาธิบดี หรือยังดีเปอร์ตวนอากงพระราชวังแห่งนี้จะเป็นกลุ่มอาคารรูปทรงโดมเชื่อมกับทางหลวงไปยังตัวเมือง และมีถนนทางเข้าพิเศษหลายเส้นทางพระราชวังแห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร ซึ่งมีการครอบครองมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 และกลายเป็นเขตพระราชฐานนับตั้งแต่นั้น
มัสยิดจาเม็ก (Masjid Jamek)
มัสยิดจาเม็ก (Masjid Jamek) ตั้งอยู่ตรงบริเวณที่แม่น้ำกอมบักไหลมาบรรจบกับแม่น้ำกลัีง ซึ่งจุดนี้ถือเป็นจุดที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เพราะว่าเป็นจุดกำเนิดของนครกัวลาลัมเปอร์เลยทีเดียวตรงบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำทั้งสองสายนี้เมื่อ 150 ปีก่อน เป็นจุดที่มีการสร้างสถานีขนส่งแร่ลักษณะการออกแบบของมัสยิดจาเม็กตรงบริเวณเสาเป็นแนวอิฐสีส้มสลับกับสีขาว และ มียอดโดมสีขาวทรงกลมและมียอดแหลม ซึ่งเป็นลักษณะการออกแบบที่ได้รับอิทธิพลศัลปะโมกุลของอินเดียเหนือ ซึ่งมีสถาปนิกเป็นชาวอังกฤษ ชื่อว่า เอ.บี. ฮับบอก (A.B. Hubbock) ได้สร้างไว้เมื่อปี พ.ศ. 2444 พวกเราเดินชมความงามของมัสยิดแห่งนี้แค่เพียงจากบริเวณด้านนอก โดยเริ่มเดินมาจากจตุรัสเมอเดการ์ (Merdeka Square) แล้วเลาะเลียดตามขอบรั้วด้านนอกจากฝากหนึ่งไปยังอีกฝากหนึ่ง ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปชมด้านใน เนื่องด้วยเวลาที่จำกัดหากคุณต้องการเข้าไปเยี่ยมชมด้านในคุณต้องแต่งกายให้เรียบร้อย แต่ทางมัสยิดจะมีเครื่องแต่งกายเช่นผ้าคลุมศรีษะ และ โสร่งไว้ให้สำหรับคลุมขา ตรงบริเวณทางเข้า ในกรณีที่เราเกิดแต่งกายไม่ตรงตามระเบียบของทางมัสยิด มัสยิดจาเม็ก เปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 08:30 - 16:00 น. เฉพาะวันศุกร์ช่วง 11:00 - 14:30 น. ซึ่งจะปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพราะว่าจะมีการทำศาสนกิจในช่วงเวลาดังกล่าว