พฤษภาคม 2560

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
The Walker's Journal :เพิ่มระยะที่เดินในแต่ละวัน




ข้อดีอย่างหนึ่งของการออกกำลังกายด้วยการเดินนั้นคือ คุณสามารถทำได้ในแทบทุกที่ในเวลาที่ต้องการ ไม่ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เหมาะสมเหมือนเมื่อออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไรมากมายที่ต้องซื้อหามาให้สิ้นเปลือง ที่คุณต้องการเพื่อการเดินก็คือรองเท้าที่ใส่แล้วเดินสบายสักคู่หนึ่งเท่านั้น

ขอยกตัวอย่างที่สุดโต่งจากเพื่อนชาวฝรั่งเศสผู้หนึ่งของผมที่ขอสมมุตินามตามท้องเรื่องว่าชื่อปิแอร์ รายนี้กินเบียร์อย่างกับน้ำ สูบบุหรี่จัดจนบางครั้งน่ารำคาญ แต่วิ่งฮาล์ฟมาราธอนในเวลาไม่ถึง 2ชั่วโมงตอนอายุ 50

วันดีคืนร้ายเพื่อนผมก็เกิดเป็นใหญ่เป็นโตขึ้นมา ผลจากการเป็นใหญ่คือ มีเวลาส่วนตัวในแต่ละวันน้อยลงเพราะงานสุมท่วมหัว หาเวลาออกมาวิ่งไม่ได้

แน่นอนว่าคนที่ฟิตระดับนั้นเมื่อไม่ได้ออกกำลังจะต้องหงุดหงิดพอสมควร ไหนจะงานที่แสนเครียดกับภรรยาที่คอยกระตุ้นให้ดูแลสุขภาพบ้าง ขนาดนานๆ เจอกันครั้งหนึ่งผมยังรู้สึกได้

ครั้งหลังสุดที่เจอกันปิแอร์ยกข้อมือขึ้นมาอวดFitness wrist band ให้ผมดู

"รู้ไหมว่านี่คืออะไร"

ผมเดาว่าตอนนั้นสีหน้าตัวเองคงเหนื่อยหน่ายหน่อยๆ

"เอ็งมาช้า ซดเบียร์ก่อน"

เพื่อนผมทำตามอย่างว่าง่าย จำได้แม่นว่าวันนั้นกรุงเทพฯอากาศร้อนอบอ้าวก่อนที่ฝนจะตกหนักเมื่อเวลาที่เราต้องแยกย้ายกัน ตอนมาถึงปิแอร์มีเหงื่อชื้นและคงกระหายพอดู

"อันนี้ตูเพิ่งซื้อมาจากเซ็นทรัลแทนอันเก่าที่เจ๊ง"

"เออ รู้จักสิฟะ" ผมตอบคำถามที่เพื่อนตั้งไว้

"ตอนนี้ไม่ค่อยมีเวลาวิ่งเท่าไหร่ งานท่วมหัว แต่เงินเดือนเท่าเดิม" เพื่อนผมเล่าเชิงบ่น "เมียตูเลยซื้อ wristband นี่ให้แล้วบังคับให้ตูเดิน"

ผมนึกในใจว่าเมียมันคงรำคาญความหงุดหงิดของมันมากกว่าผมแน่นอนเพราะเจอหน้ากันทุกวัน เลยออกอุบายให้มันออกกำลัง

"ตั้งกะใส่ไอ้นี่มาสี่เดือนตูเดินได้เกือบพันโลแล้ว"

คราวนี้ผมแทบสำลักเบียร์ ปิแอร์คุยให้ฟังต่อไปว่า ทุกเช้าที่อยู่ในฝรั่งเศสจะนั่งรถไฟจากบ้านที่ชานเมืองเข้าไปทำงานในปารีส และจะลงรถไฟที่สถานีก่อนสถานีที่ใกล้ที่ทำงานที่สุด แล้วเดินไปทำงานเป็นระยะทางสี่กิโล ขากลับก็จะเดินมาขึ้นรถไฟในที่เดียวกัน ตอนกลางวันถ้างานไม่ยุ่งก็จะเดินออกมากินอาหารตามร้านข้างนอก บวกระยะไปกลับได้อีกสักสองกิโล ถ้ากลางวันไม่ได้เดิน ขานั่งรถไฟกลับก็จะลงที่อีกสถานีหนึ่งซึ่งไกลหน่อยแล้วเดินกลับบ้าน

เฉลี่ยแล้ววันทำงานเดินประมาณสิบกิโล อาทิตย์หนึ่งมีอย่างน้อยห้าสิบกิโลแน่นอน ไม่นับที่ออกมาเดินยาวๆ ตอนวันหยุดสุดสัปดาห์อีก

ผมได้แต่ส่ายหัวในความคลั่งไคล้การออกกำลังกายของเพื่อนคนนี้

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ไม่ได้สุดโต่งขนาดนี้คือคนใกล้ตัวผมเอง วันดีคืนดีคุณเธอมาประชุมที่ออฟฟิสของคู่ค้าที่อยู่ห่างบ้านไปราวสักห้ากิโลในตอนบ่าย พอบ่ายแก่ๆประชุมเสร็จก็เปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้าใบ เอาแม่เสื้อใส่เป้แล้วเดินกลับบ้านหน้าตาเฉย เล่นเอาคนที่ประชุมด้วยตาค้างไปตามๆ กัน

นี่ตอนนี้ก็ถามผมสองสามครั้งแล้วว่า "ตัวเองว่าถ้าเค้าเดินจากที่ทำงานมาบ้านจะไหวไหม ว่าจะลองดูสักที"

สิบห้ากิโลนะทูนหัว

ที่เล่ามานี่เพื่อจะบอกว่า ขอเพียงตั้งใจเราจะพบโอกาสออกกำลังกายด้วยการเดินได้ไม่ยากเย็นเลย




Create Date : 19 พฤษภาคม 2560
Last Update : 4 มิถุนายน 2560 20:19:36 น.
Counter : 413 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3872406
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]