Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2548
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
11 มิถุนายน 2548
 
All Blogs
 

### คนแก่(รึยังหว่า) อยากเล่า "ประสบการณ์รับน้อง"... ###

ก่อนอื่นก็ต้องขอไว้อาลัย กับ น้อง ที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้นะครับ...
...
ต้องเกริ่นก่อนว่าผมไม่ได้เรียนที่สถาบันที่เป็นข่าวนะครับ...
แต่ผมเคยผ่านประสบการณ์รับน้องมาเหมือนกัน... ที่หนัก ๆก็เป็นรับน้องหอครับ...
เอาเป็นว่าด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ขอเล่ายาวหน่อยละกันนะ
...
ผมเป็นเด็กต่างจังหวัด สอบเอนฯได้ ก็เข้ามาเรียนในกรุงเทพเมื่อปี 38... พอดี โชคดี ได้รับพิจารณาเข้าพักที่หอพักของมหา'ลัย
...
อาทิตย์แรกที่เปิดเทอม เพื่อน ๆ ต่างทยอยเข้าพักในหอพัก กัน เกือบครบ ผมก็ได้เริ่มทำความรู้จักกับรูมเมท และ ก็เพื่อนห้องข้างเคียง
บรรยากาศก็ชื่นมื่นดีครับ แหม... เฟรชชี่ อะไรมันก็สวยงามไปหมด ...
...
พอหมดอาทิตย์แรก ... วันเสาร์ ก็มีปฐมนิเทศน์ นิสิตใหม่หอพัก สถานที่ก็ไปยืมใช้ที่หอประชุมคณะวิศวะฯ
อาจารย์ (อนุสาศก<=== เขียนผิดแน่เลย) ก็มาแนะนำกฎระเบียบ พี่ ๆ ก็มาแนะนำชมรม ...
แหม... เท่มาก ตอนเรียนมัธยม ฝันมานานแล้วทำชมรมเนี่ย ... ในใจคิด ต้องสนุกแน่เลย อิอิ
...
จบการปฐมนิเทศในห้องประชุม พี่ๆ ก็ประกาศขอให้น้อง ๆ ออกไปตั้งแถว เดินกลับหอ พี่ ๆ เตรียม พิธีรับน้องอยู่...
...
ภาพในใจตอนนั้น ... มันต้องเป็นแบบ มี ร้องเพลง เต้น เอา สีเขียนหน้า เขียนตัว เล่นเกมส์ แน่เลย ...
แต่เอ... นี่ก็เย็นแล้ว (ประมาณ หกโมง ผมจำเสียงเพลงชาติได้) หุ ๆ สงสัยเค้าจะบายศรี กลางแสงเทียน เล่นกงเล่นเกมส์ คงไม่มีแล้วมั้ง
...
พอเดินแถวมาถึงหอ... เอ๊ะ หน้าตารุ่นพี่ที่ยินกั้นเป็นแถวให้เราเดิน ชักเริ่ม เครียดแฮะ และก็พร้อม ๆ กับ เสียงที่ตะโกนให้เรารีบเดิน (วิ่ง?) เข้าไปใต้ถุนหอพัก
...
ต้องขออธิบายหน่อยนึง ... อาคานหอพักที่ว่านี่ เราเรียกกันว่าหอ 3 ช่วงรับน้อง จะมีการเอาแถบผ้า มาพาดจากชั้นสองลงมา
ทำให้ บุคคลภายนอกไม่สามารถมองเห็นกิจกรรมใด ๆ ก็ตามที่เกิดขี้นภายใน
...
พอเราเข้าไปนั่ง ขัดสมาธิกับพื้นกันจนครบ โดยมีพี่ๆ หอร่วมเจ็ดแปดสิบคน มายืนล้อมพวกเราไว้
ต่อมาก็มีพี่ ๆ ออกมา ทำหน้าเครียด ด่าทอเรา เรื่องคุยกันในห้องประชุม เรื่อง เดินแถวช้า และ บลา ๆ ๆ ... ด้วยภาษาพ่อขุนฯ
ไอ้เราก็เอ๋อแ-ก ซิครับ ไม่เคยคิดว่าต้องเจออะไรแบบนี้...
แล้วพี่ ๆ ก็ให้ออกไปแนะนำตัว ชื่อจริง นามสกุล ชื่อเล่น มาจาก จังหวัด คณะ (ตอนรับน้อง ให้เรียกว่าแผนกครับ เพราะทุกคนถือว่าอยู่"คณะหอ") อ้อ ... ห้องด้วย
...
ถ้าเราออกไปรายงานตัว ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดซีเรียส ก็โดนด่า ว่า "ชีวิต เศร้า เหรอ มรึงอ่ะ" ...ยิ้มแย้มแจ่มใส ก็โดนด่าว่า " กูเป็นเพื่อนเล่นมรึงเหรอ"
ลืมพูดครับก็โดนด่า ... ไม่พูดคำว่านามสกุลก็โดนด่า ... บางคนชื่อตลกก็โดนหัวเราะเยาะ ... บางคนรุ่นพี่เค้าถูกชะตา ก็จะเปลี่ยนชื่อ เป็นชื่อ ตลก ๆ (ลามก) ให้
...โอว...ว...ว !!! พระเจ้าช่วยกล้วยทอด... แบบว่าทำอะไรก็ไม่ถูกใจพี่ ๆ หน่ะครับ...
...
พอเรารายงานตัวกันเสร็จ พวกพี่ ๆ ก็ยังมีการด่าทอ แบบไร้เหตุผล (และแกอธิบายว่าไม่ต้องมีเหตุผล... แค่เก็บกด จะมาเอาคืน อะไรทำนองนั้น)
พวกเราทุกคนคงพอรู้กันแล้วว่า มันคงไม่จบง่าย ๆ ...
ก่อนปล่อยขึ้นนอน รุ่นพี่สั่งให้ทุกคน ล็อคประตูหลังห้อง ทางออกระเบียง แต่ประตูหน้าห้ามล็อค... (พออาบน้ำจะนอนแล้ว ก็มีรุ่นพี่มาตรวจจริง ๆ แฮะ)
จากนั้น พวกเราก็หลับกันไปด้วยความอ่อนเพลียและขวัญผวา...
...
พอตอนเช้า ประมาณตีสี่กว่า ๆ (มั๊ง) ผมก็ตกใจตื่นครับ ...
จะไม่ให้ตื่นได้ไง ก็พวกพี่ ๆ เค้าวิ่งเคาะปี๊บ กันตามห้อง พร้อมตะโกนไล่เราลงไปรวมกันข้างล่าง...
(ตอนหลังถึงได้ทราบว่าต้องปิดล็อคประตูระเบียง เพราะกลัวรุ่นน้อง ที่ตกใจจะโดดออกทางระเบียง ตกลงมา)
พอมารวมกันเสร็จ ก็มีการว๊าก (อีกเช่นเคย) และก็แจ้งกฎระเบียบ อะไรห้าม... และแน่นอน ก็ไม่มีเหตุผล
รวมถึงเวลาที่ต้องเข้าเชียร์ คือ ตอนเช้า ตีห้า ถึง โมงเช้า และตอนเย็น หกโมง ถึง สามทุ่ม เย็นวันเสาร์และเช้าวันอาทิตย์ ไม่มีประชุมเชียร์
...
ผ่านไปวันสองวันแรก ด้วยความเป็นเด็กต่างจังหวัด ผมยอมรับ ว่า ช็อคพอสมควร ...
ไม่เคยได้รู้มาก่อนว่ามีแบบนี้ด้วย...
แอบ โทร กลับไปที่บ้าน (จริง ๆ พี่เค้าห้ามหล่ะครับ ... แล้วก็บอกว่าถ้าจำเป็นต้องคุย... ให้บอกที่บ้านว่า "เรื่อย ๆ")
ตอนคุยกับแม่ ผมก็พยายามเล่าแบบไม่มีอะไร ก็เล่าบ้างเรื่องต้องประชุมเชียร์ ตอนเช้าตอนเย็น (จริง ๆ อันนี้ ก็ห้าม)
แต่แม่ก็ฟังออกว่าน้ำเสียงผมไม่ค่อยสบายใจกับการประชุมเชียร์นัก... แม่บอกว่า "ถ้าไม่ไหว ออกมาอยู่หอนอกก็ได้ลูก"
...
...
...
ตอนแรกว่า จะเล่าว่า เราต้องทำอะไรกันบ้างในการเข้าประชุมเชียร์ ... แล้วก็มันจบลงอย่างไร
แต่คิดไปคิดมาไม่ดีกว่า ... ผมคิดว่าเก็บส่วนนี้ไว้ให้น้อง ๆ ใช้ในการทำเชียร์ละกัน (คงมีคนเล่ามาบ้างแล้ว แต่ผมขออณุญาต ไม่เล่าละกัน เอาเป็นว่าก็สบักสบอม จบถึงมิดเทอมหล่ะครับ)
...
มาดูกันดีกว่าว่า หลังจากที่ประชุมเชียร์ ของ "คณะหอ" จบแล้ว พี่ ๆ ได้รับเป็นน้องแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง
ลองมาไล่กันดูนะ...
...
1.รู้จักและสนิทกับเพื่อน ประมาณ 60-80 คน ไม่ใช่รู้แค่ชื่อเล่นนะ รู้ว่าเรียนคณะอะไร ห้องไหน มาจากจังหวัดไหน
(ถ้าไม่มีการบังคับกัน คงเป็นไปได้ยาก) ถามว่ามันจำเป็นไหม อืม... อาจจะ หรือ อาจไม่
แต่สำหรับ เด็กต่างจังหวัดที่ไม่เคยมาใช้ชีวิตลำพังอย่างผม มันดีมากเลยหล่ะ

2.รู้จักรุ่นพี่ มีความสนิทสนม รู้ว่า เวลามีปัญหาในการใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ ต้องปรึกษาใคร เรื่องไหน ไปติดต่อที่ไหน

3.สามารถร้องเพลงเชียร์ ซึ่ง ผมว่า มันโบราณมากเลย แบบทำนอง โบราณจริง ๆ แล้วก็ มีเพลงภาษาเขมรด้วย
โดยทุกคนร้องได้ และผมเชื่อว่าตอนนี้หลายคนก็ยังร้องได้... เหมือนผม...

4.ไอ้เรื่องความกดดัน ที่เค้า(อ้าง)ว่ากันว่า เพื่อปรับตัวให้เข้ากับ ชีวิตต่อไปที่จะต้องไปเผชิญ ตอนทำงาน ...
จริง ๆ ผมว่ามันไม่ขนาดนั้นนะแต่ที่ผ่านมาก็มีบ้าง แบบตอนที่ทำงานที่แรก เข้าไปเป็นคนเดียวในทีมงาน (สิบคน)
ที่ไม่ได้มาจาก สามพระจอมฯ
ตอนแรกหน่ะเหรอ ... ก็มีโดนเขม่นบ้าง แต่เรารู้ว่าไอ้แบบไร้เหตุผลที่หนักกว่านี้(หมายถึงตอนรับน้อง) ก็เจอมาแล้ว แค่นี้ไม่เห็นจะเป็นไร
... ต่อมาเหรอครับ ... ผมก็ได้รับการยอมรับ และเป็นหนึ่งในทีมได้ ...
ไม่ใช่ครับ ! ไม่ใช่ฝีมือและความสามารถหรอกเพราะผมไม่มีขนาดนั้น
เป็น "ใจ" ต่างหาก... เป็นนิสัยใจคอ และ พฤติกรรม ซึ่งผมยอมรับว่า มันก็มีส่วนหนึ่งมาจากชีวิตในมหา'ลัย
และ ส่วนหนึ่งของส่วนหนึ่งคือความอดทนจากการรับน้อง

(###อ่านให้ดีนะ ผมไม่ได้ว่า การกดดันตอนรับน้องมันจำเป็นมากนะ... ตรงนี้ผมว่ามันไม่needขนาดนั้น และการสอนอย่างนี้คงถูกจริตแค่เฉพาะบางคน
ในส่วนความคิดของผม กิจกรรม"กดดัน"ต่าง ๆ ที่พี่ๆ ประเคนให้เนี่ย มันเป็นลักษณะของการ"ละลายพฤติกรรม" ของคนร้อยพ่อพันแม่มากกว่า
ซึ่งผลก็ได้ดังในขอ 1 ที่กล่าวมาแล้ว###)
...
...
และตอนหลัง ผมมารู้ว่า ส่วนใหญ่ที่สั่ง ใช่จะไม่มีเหตุผล ... (เกือบ)ทุกอย่างมันมีเหตุของมัน
แต่ด้วยความตกใจ และความไม่รู้ ทำให้เราคิดไม่ถึง เช่น...
...
ห้ามโทรกลับบ้าน หรือโทรกลับ ก็ห้ามเล่าให้ที่บ้านฟัง เรื่องเชียร์ ... อันนี้ดูจากผมเองก็ได้ เวลาเราเล่าอะไรให้ พ่อ แม่ฟังเนี่ย ผมเชื่อว่า ท่านจะ
ทุขใจมากกว่าเรา ร้อยเท่า พันเท่า ช่วงแรกเค้าเลยออกคำสั่ง แบบไม่ฟังเหตุผลว่าห้ามโทร ห้ามเล่า แต่พอ สองสามอาทิตย์ เราเริ่มปรับตัวได้
และเริ่มมี รอยยิ้มระหว่างการประชุมเชียร์ ไอ้กฎอันนี้ก็เลิกไปเอง
...
ถ้าเพื่อนในห้อง(รูมเมท) เพื่อนข้างห้อง (ฝาเมท) และเพื่อนห้องตรงข้าม (ออพโพสิทเมท) ไม่เข้าประชุมเชียร์ เราไม่รู้ว่าเค้าไปไหน... โทษหนัก
ถ้ารู้และเหตุผลไม่สมควร ก็ยังมีโทษ ... อันนี้ สำคัญครับ... เพื่อนไปไหน ไม่สบายรึป่าว มีปัญหาอะไรไหม... ถ้าไม่มีคำสั่ง ใครจะกล้า(เสือก)ถามคน
เพิ่งรู้จักกัน ครับ ... ผมว่าอันนี้เค้าบังคับให้เราดูแลกันเอง โดยเรา "จำเป็น" ต้อง"เสือก" เรื่องของเพื่อน เพราะเป็นคำสั่ง
...
ห้ามเดินคนเดียว นอกหอ ไม่ว่าที่คณะ ที่ห้าง ที่ไหน ๆ ถ้าเจอ... หนัก ... อันนี้ก็เช่นกันครับ พอจะไปไหน (เช่นไปซื้อ เครื่องเขียนที่ห้างใกล้มหา'ลัย)
ก็ต้องวานเพื่อนที่ว่าง (บางทีต้องเคาะตามห้องกันเลยหล่ะ) ไปเป็นเพื่อ ... ผมว่า มันได้สองอย่างนะ ได้มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้นด้วย รวมถึงถ้าไป
คนเดียวอาจ ถูกหลอก หรือ หลงทาง หรือ อะไรอื่น ๆ ตามที่จะเกิดกับเด็กต่างจังหวัด อย่างพวกผม ถ้าไปถูกหลอก สองคนขึ้นไปอย่างน้อยพูดได้ว่า
"กรูไม่ได้โง่คนเดียวเว้ย... อิอิ"..... -.-" กำ
...
จริง ๆ คงมีอีกนะ แต่คิดตอนนี้ ได้เท่านี้อ่ะ...
...
สิ่งที่อยากฝาก... ผมอยากจะใช้พื้นที่ตรงนี้ ถ้ามีใครผ่านมา แล้วได้อ่าน สำหรับ คนที่กำลังเป็นรุ่นพี่อยู่ตอนนี้ ผมอยากให้ "คิด"อย่างคนที่กำลังจะ
เป็นบัณฑิต ... กิจกรรมทุกอย่างควรตั้งอยู่บนเหตุผล ... แม้คุณจะไม่ได้บอกน้อง แต่ คุณจะสามารถบอกตัวเองได้ ว่า สิ่งที่ทำอยู่มันมีค่าแค่ไหน
กับน้อง ๆ ... อะไรที่เรายังตอบตัวเองไม่ได้ว่า มันจะให้ผลดีอะไรกับน้อง ๆ แล้วสามารถตัดออกไปได้ ยังไง ก็อย่าไปทำเลย
(อันนี้พูดง่าย แต่ คงทำกันยากใช่ไหมครับ) ...
...
อีกอย่าง ถึง คนที่เป็นผู้ปกครอง เป็นญาติ หรือ เป็นคนที่กำลังต้องเข้าไปสู่ขบวนการรับน้องเอง...
ผมไม่อยากให้กลัวหรือตกใจจนเกินเหตุ ผมเชื่อว่า ไม่มีรุ่นพี่ที่ไหนที่ไม่อยากมีรุ่นน้อง (ตอนผมเป็นรุ่นพี่ปีสอง ผมเห่อน้องจะตาย... พูดแล้วคิดถึง ดร.แป๋ง)
หรืออยากให้รุ่นน้อง บาดเจ็บ เสียชีวิต (แต่ถ้าสังเกตเห็นว่ามีใครเป็นแบบนั้นก็อยู่ห่าง ๆนะครับ) ...
โดยเฉพาะคนที่เคยทำเชียร์จะรู้(ผมไม่เคยนะ) มันไม่ได้เหนื่อยน้อยกว่ารุ่นน้องหรอก มากกว่าด้วยซ้ำ
งานในคณะ โปรเจ็ค รายงาน อะไร ก็ซีเรียสกว่าเด็กปีหนึ่งเยอะ
ดังนั้น น้อง ๆ จ๋า ฉกฉวยโอกาสที่ได้เข้าทำกิจกรรมรับน้องนี้ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ และ ความรัก แบบ พี่น้อง ไว้เถอะนะ มันไม่ได้มีโอกาสอย่างนี้บ่อย ๆ หรอกนะครับ...
...
...
...
...
เฮ้อ ... พูดแล้วอยากกลับไปให้พี่ ๆ รับใหม่จัง...
...
...
...

จาก เด็กหอซีมะโด่ง RCU 78




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2548
17 comments
Last Update : 11 มิถุนายน 2548 1:46:37 น.
Counter : 2118 Pageviews.

 

ใช่เน้าะ เป็นช่วงหนึ่งของชีวิตเลยนะคะ

 

โดย: zaesun 11 มิถุนายน 2548 3:08:07 น.  

 

ไม่เคยโดนรับน้องอ่ะ แย่จัง
น่าจะสนุก ถ้ามันอยู่ในขอบเขตที่พอดี

 

โดย: Monstermon 11 มิถุนายน 2548 14:35:45 น.  

 

ส่วนตัวแล้วอยากให้การรับน้องทีต่อไปค่ะ จากที่เจอมา ตอนรับน้องก็มีโหดโหดบ้าง แต่หลังจากนั้น สิ่งที่ตามมาคือความรักเพื่อน รักรุ่นพี่ รักสถาบัน ทำให้เป็นคนกล้าแสดงออกด้วย ถ้าไม่มีรับน้องวันนั้น วันนี้เราคงเป็นเด็กที่นั่งหลบอยู่มุมห้องแน่แน่

 

โดย: กอหญ้าพาฝัน 11 มิถุนายน 2548 17:32:50 น.  

 

ยังไม่ได้อ่านข่าว
นึกถึงสมัยตอนรับน้อง สนุกสนาน บำเพ็ญประโยชน์
แต่แอบโดดห้องเชียร์ประจำเลย ไม่ดี ๆ ห้ามใครเอาอย่าง
ห้องเชียร์น่ะเข้าไปเถอะ ได้อะไรหลาย ๆ อย่าง
อย่างน้อยก็ร้องเพลงได้

...ชีวิตอินทาเนียว้าเหว่จริง ๆ ขาดผู้หญิงไว้อิงแนบข้าง

 

โดย: wmvcore IP: 210.86.217.12 11 มิถุนายน 2548 19:44:13 น.  

 

โหย โหดกว่านี้ ก้อมีนะ ทั้งตัดเกรด กรอกน้ำ(น้ำอะไรคิดเอาเอง) ก้อผ่านมาได้ด้วยดี เด็กสมัยนี้ ถูกเลี้ยงดูแบบโอ๋เกินไปหรือเปล่า ไม้เรียวของครูแทบจะแตะต้องไม่ได้
เจอเรื่องกดดันแค่นี้ รับไม่ไหว ผมเสียใจนะที่น้องเค้าต้องเสียชีวิต แต่อยากให้ทุกคนคิดให้ดีว่า ที่น้องเค้าตัดสินใจแบบนั้น เพราะรับน้องหรือเพราะแฟนทิ้งกันแน่
อย่าหลงประเด็น

อดีต ไซโคพยาบาล

 

โดย: DARKCYCLONE IP: 210.86.184.20 11 มิถุนายน 2548 23:09:29 น.  

 

ท่าน dark cyclone...
โดยความเห็นส่วนตัวผมก็คิดคล้ายท่านนั่นแหละ ว่าน่าจะมีปัญหาอื่น มากกว่า...
...
แต่ขอไม่พูดถึงละกัน เพราะเห็นเป็นประเด็นร้อน มีเถียงกันทุกกระทู้เลย...
...
เอาเป็นว่า มาเล่าถึงประสบการณ์ ของเรา ๆ กันดีก่าเนอะ
...

 

โดย: the_fool 11 มิถุนายน 2548 23:50:50 น.  

 

ไม่มีความเห็นเพราะว่าเป็นกบฎมหาลัย

 

โดย: หมาน้อยคอยรัก IP: 202.183.159.189 12 มิถุนายน 2548 16:07:03 น.  

 

คิดถึงคนเขียนเรื่องนี้จัง ไปเมืองจีนไม่กลับมาเสียที ไม่สงสารคนที่รออยู่บ้างเลย

 

โดย: pa jang IP: 202.183.173.1 12 มิถุนายน 2548 21:47:55 น.  

 

^
^
^
แปลกเนอะ อ่าน blog เรื่องรับน้องแล้วคิดถึงคนเขียน

ยุ่งเรื่องครอบครัวชาวบ้าน จะโดนเตะรึเปล่าหว่า

 

โดย: หมาน้อยคอยรัก IP: 202.183.159.176 12 มิถุนายน 2548 22:55:38 น.  

 

แค่เห็นชื่อหัวข้อท่านเดอะฟูล ผมก็รู้ว่าท่านก็ต้องคิดเหมือนผม และผมก็คิดเหมือนท่าน

ผมยังจำความรู้สึกตอนตี 4 วันสุดท้าย ได้อยู่เลย
มันรู้สึกดีมาก ๆ (ท่ามกลางกองโคลน และตาที่ลืมแหล่ไม่ลืมแหล่และ Ram ของสมองที่เหลือให้ใช้ประมาณ 5% )
ไม่น่าเชื่อว่ามันจะรู้สึกดี

ยืนยันเหมือนกับท่านเดอะฟูลว่าตอนรับน้องนั้น รุ่นพี่เหนื่อยกว่ารุ่นน้องอีกครับ
และตอนขึ้นปี 2 ก็ตื่นเต้นที่จะได้รุ่นน้องเหมือนกับท่านเดอะฟูลอีกเหมือนกัน

เรื่องการรับน้องนั้น แล้วแต่รุ่นพี่แล้วกันครับ
ถ้าไม่อยากให้มีกันจริง ๆ ผมก็ว่าอย่าไปทำเลย ไม่ต้องเหนื่อย
ผมเสียดายก็แต่รุ่นน้องใหม่
จะเข้าใจความรู้สึกที่ผมเคยมีได้ รึเปล่า...
จะคิดว่า หอพักเป็นเหมือนโรงแรม รึเปล่า...
จะคิดว่า คนข้างห้องเป็นใครไม่ต้องรู้จักก็ได้ รึเปล่า...
ถ้าคิดว่าเรื่องแบบนี้มันไม่สำคัญ เลิกไปก็ได้
เพราะอย่างที่บอกครับ ผมคิดว่ารุ่นพี่เหนื่อยกว่ารุ่นน้อง
ถ้าเขาไม่อยากได้ ทำไปก็เหนื่อยเปล่า

ตอนผมอยู่ปี 2 ผมอยากได้น้องใหม่มาก
ความรู้สึกนั้นไม่ใช่ อยากเอาคืน ครับ
แต่มันเป็นความรู้สึกที่ว่า
"อดทน อดทนอีกนิดเดียว อีกไม่นานหรอก
แล้วสิ่งดี ๆ จะเกิดขึ้น"
เวลาที่มีคนบอกว่ารุ่นพี่ทำเพราะอยากเอาคืน
คนอื่นไม่รู้นะ แต่ผมไม่เคยคิดอย่างนั้นน่ะ

ปล. (สำหรับ Pla_jung) จะขอก็รีบขอ อย่ารอให้ถึงปีหน้า ของอื่นนั้นราคา แต่ค่าตัวน้องรับรองเหมือนเดิม เอิ๊กกกกกก...
ปปล.คิดถึง ดร.แป๋ง เหมือนกันอะ ท่านเดอะฟูล แล้วอ้อยใจป่านนี้ลูกกี่คนแล้วไม่รู้

 

โดย: ช่างไม้ IP: 202.12.73.11 14 มิถุนายน 2548 11:13:30 น.  

 

ผมก็เป็นเด็ก คณะหอ รุ่น 81(เดี๋ยวนี้ชื่อหอ เปลี่ยนเป็นชื่อดอกไม้หมดแล้ว) เหมือนกัน ผ่านการรับน้องมาเหมือนกัน แต่มีความเห็นไม่เหมือนกัน ทำไมต้องพูดกับรุ่นน้องเรียก มึง กูด้วย คำพวกนี้ผมเลิกพูดกับเพื่อนตั้งแต่สมัยประถมแล้ว เรียกคุณ ผมก็ได้(มีที่ ๆ เขาใช้คำพูดแบบนี้จริง ๆ) แล้วพวกว๊ากเกอร์เที่ยวมาบอกให้รุ่นน้องแต่งตัวผูกไทด์ให้ถูกระเบียบ แต่ผมเห็นตัวเขาเองดันใส่กางเกงยีนส์ไปเรียน มันหมายความว่าไง แล้วผมว่าพวกว๊ากเกอร์ที่ดีๆ มันก็มี แต่พวกที่อยากเอาคืนกับรุ่นน้องก็เยอะหาเรื่องลงโทษรุ่นน้องไปเรื่อย แล้วที่บอกว่าได้เพื่อนน่ะ ผมถามจริงเถอะมีหลังจากจบรับน้องแล้วมีสักกี่คนที่ยังมาพูดคุยกันเหมือนเดิม พวกรุ่นพี่ตอนที่ว๊ากอยู่ชอบพูดว่า กูรู้จักเพื่อนกูทุกคนที่อยู่ตรงนี้(หมายถึงคนที่มียืนล้อมรอบอยู่) ผมอยากท้าให้เขาลองเรียกเรียงคนดู ว่าจะได้กี่คน โกหกทั้งนั้น แล้วช่วงที่รับน้องหออยู่ผลการสอบเก็บคะแนนของผมและคนที่ผมรู้จักในหอแย่มาก ๆ เพราะไม่มีเวลาอ่านหนังสือ รับน้องทุกวัน ตี 5 -7 โมงเช้า เย็น 6 โมงถึง 3 ทุ่ม
ทุกวันยกเว้น แมทช์วันอาทิตย์เช้า แล้วก็ห้ามเปิดไฟห้องหลังเที่ยงคืน จะเอาเวลาที่ไหนมาอ่าน ตอนไปเรียนก็ไปนั่งสัปหงกในห้องจะเรียนรู้เรื่องได้ไง แล้วพวกว๊ากเกอร์ชอบพูดว่าคนที่อยู่ในหอมีเวลามากกว่าคนอื่นเพราะเดินไปเดินกลับจากมหาลัยได้ ไม่ต้องเสียเวลาไปเจอรถติด ดังนั้นควรจะมีผลการเรียนดีกว่าคนอื่นเพราะมีเวลามากกว่า ผมอยากถามกลับว่าแล้วทำไมยังมีพวกพี่เปอร์อยู่ในหอ(หมายถึงพี่ซุปเปอรคือพวกที่เรียน 4 ปีไม่จบ)
ถ้าต้องการจะสอนให้น้องร้องเพลงพวก สุ่มบิน ซีมะโด่ง ก็สอนธรรมดา ๆ ก็ได้ แค่มีเช็คชื่อก็พอ พวกเด็กหอส่วนใหญ่ก็ต้องเข้าร่วมอยู่แล้ว เพราะถ้าไม่เข้าจะไม่ได้อยู่หอต่อ(พวกว๊ากเกอร์ชอบพูดแบบนี้ ทำให้คนที่ไม่อยากรับน้องก็ต้องทนไปรับ) แล้วแถมถ้าคนไหนไม่ไปร่วมก็จะทำให้รูมเมทโดนทำโทษ ทำให้ไม่มีใครกล้าไม่เข้า เดี๋ยวโดนเพื่อนเกลียด แล้วมีบางวันจะมีพวกพี่เปอร์บอกคนมาแล้วเอาฝรั่งมาให้ 1 ลูกแล้วใครน้องทุกคนกัดกันคนละ 1 คำซึ่งมีน้องประมาณ 300 คน จนไปหมดคนสุดท้ายพอดี ผมถามหน่อยเถอะถ้ามีใครในรุ่นน้องสักคนเป็นไวรัสตับ ก็ติดกันหมดน่ะสิ แล้วอย่ามาอ้างว่าก่อนให้กินถามแล้วว่ามีใครเป็นบ้างหรือเปล่าถ้ามีให้ออกไปก่อน เพื่อนจะได้ไม่ติด คิดง่ายเกินไปหรือเปล่าครับ จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าตัวเองเป็น โรคนี้ไม่ใช่ว่าติดเชื้อแล้วมันจะแสดงอาการอะไร และถ้าไม่มีใครไปแจ้งกับหมอโดนตรงว่าจะตรวจเลือดหาไวรัสตับ การตรวจสุขภาพธรรมดาเขาก็ไม่ได้ตรวจให้หรอกครับ แล้วคุณจะรู้ไหมว่าคุณเป็น แล้วมีใครบ้างตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปีตอนที่ยังเรียนอยู่(เพราะตอนทำงานบริษัทจะมีตรวจให้อยู่แล้ว) ถ้ามีคนติดเชื้อเพิ่มขึ้นมา พวกว๊ากเกอร์จะมารับผิดชอบไหม
นึกออกแค่นี้ตอนนี้ก็แค่นี้ก่อนแล่วกัน

 

โดย: K.J. IP: 203.209.43.60 15 มิถุนายน 2548 13:38:25 น.  

 

โทษนะท่านเดอะฟูล ผมขอตอบหน่อย

คนอื่นไม่รู้นะ แต่ผมรู้จัีกเพื่อนผมทุกคนจริง ๆ
ถ้าเป็นรุ่นพี่น่ะอาจจะไม่รู้จักหมด เพราะตอนรับน้อง ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับรุ่นพี่เท่าไร เขาให้แต่กับรุ่นเดียวกัน
ยืนยันอีกทีว่ารุ่นเดียวกับผมเนี่ย ผมรู้จักหมดนะ

แต่ไม่ค่อยอยากบอกว่าเกรดปีหนึ่งผม ดีกว่าปีอื่นอีก ฮ่าๆๆ

 

โดย: ช่างไม้ IP: 202.12.73.11 15 มิถุนายน 2548 15:43:49 น.  

 

ยินดีที่ได้รับความคิดเห็น อีกแง่มุมของน้อง "คณะหอ"อีกคนนะครับ
...
ขออนุญาตแทนตัวเองว่าพี่ละกันนะ...
...
พี่เห็นด้วย กับ น้อง เรื่อง กินฝรั่ง ต่อ กันเนี่ย เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถ้าแยกมาแล้วได้แต่ผลเสีย
พี่ยังนึกถึงผลดีไม่ออกเลย (รุ่นพี่ก็โดนเหมือนกัน วันกินฝรั่งนี่ รู้สึกจะเกือบร้อยคนได้)
...
พี่ไม่ได้ทำรับน้อง ... อืม รุ่น81 มีตั้ง สามร้อยแหนะ (รู้สึกแย่ที่ตัวเองไม่ได้สังเกตตอนอยู่หอเลยว่า รุ่นน้อง ๆ เยอะมาก) รุ่นพวกพี่ที่รับมาด้วยกัน ตอนนั้น วันสุดท้าย (จะเยอะ... นึกออกใช่มะ) ประมาณ 120 เอง
...
เรื่อง ชื่อ ถ้าเป็นสตาฟ ชั้นปีนึงมีสตาฟกี่คน... ในสตาฟ คงจะรู้จักชื่อกันอยู่แล้ว ... แล้วทำไมน้องบอก ว่าพี่ไม่รู้จักชื่อกันเอง ขอเดาละกันนะ...
1. ถ้าไม่รู้จักชื่อกัน แสดงว่า ต้องเป็นระหว่าง สตาฟ กับคนที่ไม่ใช่
2. ถ้าเป็นคนละรุ่น โอกาสที่สตาฟ กับคนที่ไม่ใช่ จะไม่รู้จักกันมีสูง (อย่างท่าน ช่างไม้ว่าไว้ ผมก็จำชื่อ พี่ ๆ ได้ไม่กี่คนหรอกครับ จำได้เฉพาะคนที่มีบทบาท และ เกี่ยวพันกับเรา)
3. หอพัก ต่างจาก คณะ อื่น คณะอื่น มีมากตอนปีหนึ่ง แล้ว ค่อย ๆ ลดลงไป (ลาออก เอ็นท์ใหม่ หรือ รีไทด์) แต่คณะหอ จะมีคนเข้าใหม่ ที่ไม่ได้รับมาด้วยกัน เริ่มตั้งแต่เทอมสอง และ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อย ๆ ทุกเทอม...
สำหรับตัวพี่เอง ถ้าเอา เพื่อนชั้นปีเดียวกันในหอ ที่ไม่รู้จักก็มีมาก ... แต่ไม่ใช่กับคนที่ถูกรับมาด้วยกัน... ขอยืนยันคำเดียวกับท่านช่าง ... ผมจำได้ทุกคน(แต่ตอนนี้เริ่มลืมละ บางคน จำคณะได้ ลืมชื่อ บางคนจำชื่อได้ ลืมจังหวัด ...เฮ้อ เซ็งตัวเอง)
...
ประเด็นเรื่องเวลา อันนี้น่าเห็นใจ ... แต่การทำกิจกรรมมันต้องเสีย "เวลา" อยู่แล้ว คราวนี้มันขึ้นอยู่กับ ตัวกิจกรรม มันคุ้มค่า กับ "เวลา" ที่เสียไปหรือไม่?
ผมเชื่อว่าท่าถ้ากิจกรรม ให้เหลือแต่"ผลดี" เราจะได้กิจกรรมที่คุ้มค่ากับ เวลาที่ต้องเสียไป รวมถึงอาจใช้เวลาน้อยลงเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม
(แต่อายเหมือนกันที่จะบอกว่าเกรดปีหนึ่งดีสุดเลย 555)
...
เรื่อง ภาษา อันนี้ ไม่มีความเห็น สำหรับ พี่ เฉย ๆ
...
ท้ายนี้ อยากฝากถามว่า น้อง ได้กลับ ไปงานคืนสู้เหย้าชาวซีมะโด่ง บ้างป่าว ถ้าไป รู้สึกดีไหม ถ้ารู้สึกดี ก็พยายามไปให้ได้ทุกปีนะ ... เผื่อคนที่ไม่ได้ไปอย่าง เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ อีกหลายคนด้วย (ไม่ได้ไปมา2 ปีแล้วอ่ะ โดนไล่ออกจากพรมแดนประเทศไทยตลอดเลย



)

...
อ้อ... คุ้น ๆ เหมือนกันว่าเปลี่ยนเป็นชื่อดอกไม้ จำได้แต่หอพุตตาลอ่ะ (น่าเข็กกะโหลกตัวเอง) ยังไงท่าแวะมาอีก รบกวน เล่าให้ฟังหน่อยนะครับ ว่าเปลี่ยนเป็นชื่อไรบ้าง

 

โดย: the_fool IP: 221.228.141.203 15 มิถุนายน 2548 16:21:41 น.  

 

ตอนนี้เปลี่ยนเป็นพุดตาล ชวนชม เฟื่องฟ้า จำปี(หอชาย) แล้วหลังจากผมจบมีอีก 2 หอใหม่ พุดซ้อน กับ พวงชมพูครับ
ผมเองก็ไม่ได้ไปร่วมงานคืนสู่เหย้าเหมือนกันครับ งานเยอะครับ แต่ผมก็ผูกพันธ์กับหอมากนะ อยู่มา 4 ปี
ผมบอกตรง ๆ ว่าวันที่รับน้องวันสุดท้าย ตอนที่พี่โจ้ (ประธานเชียร์ปีนั้นครับ) ตะโกนออกมาว่าพวกมึงเป็นน้องกูแล้ววิ่งออกมาคลุกโคลนตอนนั้นผมเองก็ซึ้งจนน้ำตาซึมเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่สนับสนุนให้มีการรับน้องต่อนะ รู้สึกว่าผลเสียมันมากกว่า และผมก็รับไม่ได้ตรงที่พวกว๊ากเกอร์เที่ยวมาบอกให้รุ่นน้องแต่งตัวผูกไทด์ให้ถูกระเบียบ แต่ตัวเขาเองดันใส่กางเกงยีนส์ไปเรียน นี่แหละ พอเจอน้องแต่งตัวผิดระเบียบที่มหาลัย ถ้าจำหน้าได้ว่าเป็นเด็กหอ พอถึงเวลารับน้องก็จะเรียกมาลงโทษ แต่คนที่ลงโทษน่ะใส่กางเกงยีนส์ไปเรียนเนี่ย ผมไม่รู้จะบรรยายยังไง คุณไม่ทำคุณไม่ผิด แต่พอคุณเห็นคนอื่นทำผิดคุณกลับมาลงโทษ ผมบอกตรง ๆ ว่า มันทุเรศครับ แค่แต่งตัวให้ถูกระเบียบเป็นตัวอย่างให้น้องดูยังทำไม่ได้เลย แล้วมาเที่ยวถืออำนาจว่าเป็นรุ่นพี่มาสอนคนอื่นน่ะ จะให้คิดยังไงครับ ผมเลยรู้สึกว่าพวกว๊ากเกอร์บางคนก็ถือโอกาสเอาคืนกับรุ่นน้องจริง เพราะไม่ได้คิดจะทำตัวป็นตัวอย่างที่ดีเลย คอยเอาแต่จับผิดหาเรื่องลงโทษน้องเท่านั้น

ที่ผมบอกว่าพวกว๊ากเกอร์จำชื่อไม่ได้ทุกคนน่ะ ผมหมายถึงจำคนที่มายืนล้อมรอบแล้วคอยเชียร์ เออ ๆ ตอนที่พวกว๊ากเกอร์พูดน่ะครับ (ถ้าเป็นเด็กหอคงนึกออก)ไม่ได้หมายถึงสตาฟ์ เพราะสตาฟ็มีไม่กี่คนเอง เพราะตอนที่พวกว๊ากเกอร์เขาพูด เขาชี้นิ้วไปที่คนที่อยู่รอบ ๆ ครับ ไม่ใช่พวกสตาฟฟ์ และถ้าพวกรุ่นน้องจำ 4 ทิศ 8 ทิศ ไม่ได้ เขาก็จะทำแบบนี้ทุกที (เหมือนกับบอกว่าเขาจำได้ทุกคนจริงๆ แต่ทำไมรุ่นน้องจำแค่ 8 คนไม่ได้) แต่ผมเชื่อว่าโกหกแน่ๆ เอาแค่ชื่อก็พอครับ ไม่ต้องบอกห้อง บอกคณะ
มาจากจังหวัดไหน เหมือนที่ให้น้องพูด

แล้วที่ผมบอกว่าคะแนนตอนสอบเก็บคะแนนแย่น่ะ ผมไม่ได้หมายถึงผลการเรียนของทั้งปี หรือทั้งเทอมครับ ผมหมายถึงคะแนนตอนสอบเก็บคะแนนแค่นั้น เพราะรับน้องมันแค่ เดือนเดียวเอง มีสอบไปแค่ครั้งเดียว ประมาณ 3-4 วิชา(สำหรับคณะผมนะ) ซึ่งเป็นคะแนนถ้าเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์กับคะแนนทั้งเทอมก็ประมาณ 10 % ถ้าหลังจากรับน้องเสร็จมาตั้งใจหน่อยก็ทำเกรดดี ๆ ได้ครับ ยิ่งของเทอม 2 ยิ่งไม่เกี่ยวกับการรับน้องเลยครับ
สุดท้ายผมอยากบอกว่าที่ผมตอบมานี้ผมไม่ได้มีอคติกับพี่ the_fool นะครับ เพราะผมเชื่อว่าถ้าพี่ the_fool จะเป็นว๊ากเกอร์ จริง ๆ คงเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้องได้ครับ และคงทำเพื่อน้องจริง ๆ (แต่ขอเหอะเลิกใช้คำว่ามึง กูซะที ใช้คุณ ผม ก็ได้ ) ขอบคุณครับ

 

โดย: K.J. IP: 203.209.43.17 15 มิถุนายน 2548 18:07:39 น.  

 

ทานข้าว กลับมา รีเฟรช ดูอีกที ...
ยินดีครับ น้อง K.J. เข้ามาตอบไวดีเหลือเกิน... :-)
...
พี่ก็ไม่ได้อคติกับ น้อง หรือ ไม่ได้อคติ กับคนไม่เห็นด้วยหรอกครับ... เพียงแต่บ่น ๆ เพ้อ ๆ แบบคิดถึงความหลัง...
...
ส่วนว๊ากเกอร์ พี่ไม่ได้เป็นครับ ไม่เคยเป็น เพราะดุใครไม่เป็น แล้วก็ไม่มีความรับผิดชอบพอด้วย (ตื่นก่อน นอนทีหลัง)
...
ไอ้เรื่อง 8 ทิศ มีครับ คนจำไม่ได้หมด แต่ไม่มาก... แล้วยิ่งน้องบอก รุ่นน้องมี ตั้ง 300 ได้ซัก ห้า หกทิศ ก็ถือว่าโอเคแล้ว(สำหรับมุมมองพี่นะ ไม่ใช่สตาฟว๊าก)
...
อ้อ ถ้า โจ้ 78 วิดวะฯ ตอนนี้ อยู่โรงงานแถวอยุธยา นะ (ข่าวล่าสุด นัดเจอกันก่อนพี่มาจีนประมาณ ปีที่แล้วปลายปี) ถ้าจะเอาคืน บอกมาได้ เด๋ว หาที่อยู่ให้ อิอิ

 

โดย: the_fool 15 มิถุนายน 2548 18:35:44 น.  

 

มาแวะอ่านค่ะ


 

โดย: PADAPA--DOO 16 มิถุนายน 2548 11:54:52 น.  

 

น้องเข้ามาที่ blog นี้ด้วยความบังเอิญสุด ๆ ค่ะ
กำลังหาความหมายของเพลง "สุ่มบิน" อยู่ แล้วก็ได้เข้ามาเจอ...รับน้อง ภาพที่พี่เล่า มันเรียกความทรงจำสมัยนั้นได้เป็นอย่างดี แต่น้องแน่ใจได้ว่าที่หอหญิง การรับน้องคงไม่หนักมากเช่นหอชาย แม้น้องจะได้ยินเพื่อนหอชายร่วมรุ่นบอกกันว่า "เรื่อย ๆ" เมื่อโดนถามว่า "รับน้องเป็นไงมั่ง" แต่จากสีหน้าในวันแรก ๆ น้องเดาได้เลยค่ะว่าเรื่อย ๆ แสดงความหมายมากกว่าคำของมันเอง อย่างที่พี่ว่า จะอย่างไร การรับน้องให้อะไรมากมาย แล้วแต่ว่าแต่ละคนจะคิดกันอย่างไร แต่ที่น้องคิดส่วนใหญ่แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมามันเป็นผลดีมากกว่าผลเสียค่ะ จนตอนนี้เพื่อน 8 ทิศของน้องยังติดต่อกันอยู่เลยค่ะ ซึ่งน้องว่ามันเป็นผลพวงจากการรับน้องนั่นเอง แต่บางเรื่องก็อาจไม่เข้าที น้องก็เพิ่งทราบว่าที่หอชายมีการบังคับให้กินฝรั่งเพียงลูกเดียว น่าเห็นใจอยู่นะคะ

เขียนยาวแล้วเมื่อยค่ะ เอาเป็นว่า งานคืนสู่เหย้าที่เพิ่งผ่านมา "88 ปี ร่วมกันน้องพี่ซีมะโด่ง" น้องได้มีโอกาสไปร่วมงาน แล้วก็เจอะเจอทั้งเพื่อน ทั้งพี่ ทั้งน้อง มากมาย ดีใจมากเลยค่ะ ที่ไม่ว่าจะกี่ปี ๆ สัมพันธ์ของชาวซีมะโด่งก็ยังมั่นคง

ปล. น้องว่าน้องเห็นพี่โจ้ 78 มาในงานด้วยนะคะ
ปล. 2 ดร.แป๋ง ที่กล่าวถึงใช่พี่แป๋ง วิดยา ธรณีหรือเปล่าคะ
ปล. 3 แวะไปเยี่ยมกันได้ค่ะ ที่ //www.cmadong.com

 

โดย: RCU 81 IP: 61.91.218.208 10 พฤศจิกายน 2548 17:59:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


the_fool
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add the_fool's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.