|
ไทยพาณิชย์แนะจัดพอร์ตลงทุนหลากสินทรัพย์กระจายเสี่ยง
บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมเปิดตัว SCB SMART PLANE เลือกพอร์ตลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้ โชติกา แนะลงทุนเฉลี่ยอย่างมีวินัย และกระจายความเสี่ยงหลากสินทรัพย์ พร้อมชี้หุ้นไทยยังเป็นที่น่าสนใจหลังสภาพคล่องในโลกยังมีสูง ค้าปลีก ท่องเที่ยว การแพทย์ ยังดีในปีหน้า นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง พันธบัตรครบอายุ ลงทุนอะไรดี ว่า ในอดีตที่ผ่านมาการลงทุในตราสารที่มีความเสี่ยงน้อยอย่าง เงินฝากนั้นให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพียง 2.5% ในช่วง 10 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่น้อย ขณะที่การลงทุนในพันธบัตรให้ผลตอบแทนที่มากกว่าเงินฝากแต่ก็มีความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ยได้เช่นกัน ขณะที่การลงทุนในทองคำและอสังหาริมทรัพย์ซึ่งถือเป็นการลงทุนทางเลือกนั้น ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทองคำให้ผลตอบแทนที่สูงมากแต่ก็มีบางช่วงที่นิ่งเช่นกัน ส่วนการลงทุนในหุ้นนั้นให้ผลตอบแทนดีที่สุด แต่ก็มีความเสี่ยงตามภาวะตลาดเช่นกัน ดังนั้น การลงทุนควรจะมีการจัดพอร์ตการลงทุนเพื่อผลตอบแทนที่ดี ด้วยการลงทุนผสมกันในหลายๆ สินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง และไม่ควรลงทุนในหลักทรัพย์ใด 100% ซึ่งการจัดพอร์ตการลงทุนนั้นมีผลต่อผลตอบแทนถึง 90% นางโชติกากล่าว ทั้งนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมออก SCB SMART PLANE โดยให้นักลงทุนทำแบบทดสอบประเมินความเสี่ยงการลงทุนเพื่อหาระดับความเสี่ยงจากการลงทุนที่นักลงทุนแต่ละคนรับได้ และผู้จัดการกองทุนจะเลือกพอร์ตให้แก่นักลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดและมีความเสี่ยงน้อยที่สุด โดยใช้แผนกลยุทธ์จากการดูผลตอบแทนของสินทรัพย์ต่างๆ ย้อนหลัง และคาดการณ์ในอนาคตว่าจะเป็นอย่างไรออกมาเป็นพอร์ตการลงทุนในแบบที่ยอมรับความเสี่ยงได้ในแต่ละบุคคล (Risk Target Funds) โดยรูปแบบนี้จะเปิดตัวในช่วงกลางเดือนกันยายนนี้ อย่างไรก็ตาม การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนแบบเฉลี่ยอย่างต่อเนื่อง และมีวินัยในการลงทุนจะให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด นางโชติกากล่าว นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนสายงานวิจัย ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวถึงการลงทุนในตลาดหุ้นไทยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 20% ขณะที่เงินเฟ้อมีเพียง 3-4% เท่านั้น และเมื่อมองไปที่อุตสาหกรรมในประเทศแล้วบางอุตสาหกรรมให้ผลตอบแทนมากกว่า 20% หากเลือกลงทุนถูกในอุตสาหกรรมแล้วก็สามรถให้ผลตอบแทนที่ดี ขณะที่เมื่อเทียบกับลงทุนในพันธบัตรแล้วผลตอบแทนจากอัตราดอกเบี้ยแต่ละปีอยู่ที่ 3-4% ก็ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากหุ้นปันผลในแต่ละปี มองว่าปัจจุบันสภาพคล่องในโลกมีอยู่สูงมากจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางประเทศต่างๆ ดังนั้นเงินทุนยังมีเหลืออยู่มากและต้องหาที่ลง โดยในปีนี้เงินทุนต่างประเทศอยู่ในตลาดหุ้นไทยประมาณ 7 หมื่นล้านบาทเพราะบริษัทมีความน่าสนใจ จึงมองว่าตลาดหุ้นไทยในระยะยาวแล้วยังน่าสนใจ โดยกลุ่มอุตสาหกรรมในปีนี้และปีหน้าที่ยังน่าสนใจได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว ยานยนต์ การแพทย์ ค้าปลีกนายสุกิจกล่าว
Create Date : 04 กันยายน 2555 |
Last Update : 4 กันยายน 2555 8:15:06 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1124 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|