Group Blog
 
 
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
7 มีนาคม 2553
 
All Blogs
 
คงคา สายน้ำยิ่งใหญ่จากหิมาลัยสู่ Varansi









บันทึกการเดินทางสู่ดินแดนศักดิ์สิทธ์ ณ แม่น้ำคงคา เมืองพาราณสี

Varansi หรือ พาราณสี เมืองแห่งความศักดิ์สิทธิ์และเต็มเปี่ยมด้วยศรัทธา... การไปเยือนประเทศอินเดียของเตยในช่วงหนึ่งปีกว่าๆที่ผ่านมา แต่เรื่องราวต่างๆยังจำได้เหมือนเพิ่งไปมาไม่นาน เตยได้เขียนไปหนี่งตอนเกี่ยวกับการเดินทางไปอินเดียในช่วงที่กลับมาใหม่ๆ และระยะเวลาก็เนิ่นนานนับปี ภารกิจต่างๆ การงานมากทาย ทำให้ไม่มีเวลามากนักในการเรียบเรียงเรื่องราวต่อจากที่เขียนไว้

ที่จริงเตยควรจะเขียนตอนที่ 2 นี้ เกี่ยวกับพุทธคยา แต่ว่าจิตใจอยากขียนถึงสายน้ำคงคามากกว่า ทำให้ข้ามตอนมายังพาราณสี การไปอินเดียสิ่งที่อยากไปสัมผัสและรับรู้ด้วยสายตามากคือ แม่น้ำคงคาและทัชมาฮาล แต่ไม่ได้หมายความว่าสถานที่อื่นๆด้อยในความรู้สึก เตยประทับใจทุกแห่ง ถ้ามีโอกาสจะไปอินเดียและเลยไปเนปาลด้วย


จากกัลกัตตา นั่งรถมาพาราณสีหรือเมืองกาสีเมืองเก่าแก่อายุราว 4000 ปีมาแล้ว การเดินทางใช้ระยะทางประมาณ 250 กิโลเมตร และเข้าพักที่วัดไทยสารนาถ ในระหว่างวันก็ไปเที่ยวที่รามนคร เมืองหลวงเก่าของกรุงพาราณสีซี่ง เป็นที่ประทับของพระเจ้าพรมทัตในอดีต พระราชวังเก่าแก่สร้างมากว่า 400 ปีนี้ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงวัตถุโบราณ เครื่องใช้ ห้องที่ประทับ ของพระราชา ซึ่งการก่อสร้างเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม แต่ขาดการทำนุบำรุงเท่าที่ควร เป็นที่น่าเสียดาย ในอนาคตอาจทรุดโทรมลงมากกว่านี้ รามนครอยู่เลียบริมแม่น้ำคงคาที่กว้างใหญ่ สวยงามมาก เสียดายที่มีเวลาน้อยในการบันทึกรูปภาพ เพราะต้องไปอีกหลายแห่ง ทำให้อ้อยอิ่งยืนดูแม่น้ำคงคาที่อยากเห็นได้ไม่นาน เพราะไกด์ก็มาเร่งให้เดินทางต่อ







ต่อจากนั้นก็ไปที่วัดศรีลังกา ซึ่งมีพระพุทธเมตตา ตั้งประดิษฐานอยู่ องค์พระพุทธรูปสวยงามจริงๆ พระพักตร์สวยดูมีความเมตตา และเป็นความโชคดีของพวกเตยที่ท่านเจ้าอาวาสวัดศรีลังกา ท่านไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน ท่านจึงมีเมตตา สวดและทำพิธีครอบและผูกสายสิญจน์ ให้ทุกคน เป็นพิธีที่น้อยคนจะได้รับ นับเป็นความปลื้มปิติและศรัทธาของคนที่ได้ผ่านพิธีกรรมนี้เป็นอย่างมาก เพราะปกติคนที่มาแสวงบุญที่อินเดียจะมีจำนวนมาก กรุ๊ปที่มาบางกรุ๊ปเป็นร้อยคน เมื่อมารวมกับกรุ๊ปอื่นๆ ก็เป็นจำนวนหลายร้อย โอกาสที่จะทำพิธีครอบและผูกสายสิญจน์จึงเป็นไปได้ยาก จึงถือเป็นเกียรติและศรัทธาที่ผู้ได้รับย่อมจดจำและนำสิ่งที่ได้เป็นแนวทางกระทำความดีต่อโลกมนุษย์นี้ต่อไป





ในวันรุ่งขึ้นเวลาตี 4 ท่ามกลางอากาศหนาวและหมอกจัด อุณหภูมิประมาณ 3-4 องศา เป็นวันขึ้นปีใหม่คือ 1 มกราคม 2552 (ในเวลาขณะนั้น) เตยรีบตื่นมาล้างหน้าแปรงฟัน เตรียมตัวไปริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อลงเรือล่องแม่น้ำ ฟ้ายังมืดสนิทสลัวด้วยสายหมอก เมื่อพร้อมก็ออกเดินทาง แม้จะเป็นเวลาเช้ามืดแต่การจราจรในอินเดียก็ไม่ได้สะดวกนัก รถจอดกันไม่เป็นระเบียบและติดขัดเล็กน้อย เมือมาถึงจุดที่ต้องลงเดินไปท่าน้ำ รถจอดให้พวกเราเดิน ฝ่าดงปฏิกูลของบรรดาหมา และสิ่งสกปรกอื่นๆ เดินไป คอยระวังไป พร้อมกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ลอยมาปะทะจมูกเรื่อยๆ ทุกคนคาดหน้ากากอนามัย แต่ก็ยังได้กลิ่นนิดๆ

ระหว่างเดินไปตามทางเห็นขอทาน ต่างก็นอนหลับข้างถนนบ้าง นั่งอยู่บ้าง ชาวบ้านบางคนตื่นมาเตรียมจุดไฟ ชงชา บางคนก็เตรียมตัวนำประทีปพร้อมดอกไม้มาขาย เดินหลบคนมั่ง ขี้หมามั่ง มาจนถึงท่าเรือ อากาศยังมืดและหนาวหมอกลงจนแทบมองไม่เห็นแม่น้ำคงคา รอสักพัก เรือก็มารับ และค่อยๆพายแหวกสายน้ำคงคาออกไปสู่แม่น้ำท่ามกลางอากาศหนาวที่เยียบเย็น




เมื่ออยู่บนเรือในความรู้สึกของเตยขณะนั้น ดีใจที่ได้มีโอกาสมาลอยเรืออยู่เหนือลำน้ำคงคาอันศักดิ์สิทธิ์ที่ไหลมาจากเทือกเขาหิมาลัยผ่านเมืองต่างๆ มาสู่พาราณสี มองไปที่ชายฝั่งท่าเรือ แสงไฟสว่าง ตัดกับตึกและบ้านเรือน ดูสวยงาม เป็นเงาทอดในสายหมอกและสายน้าที่เย็นเยียบ มีเรือพายมาขายประทีปและดอกไม้ เตยซื้อและจุดอธิษฐานด้วยความศรัทธา และปล่อยประทีปลงสู่สายน้ำคงคา ประทีปอันแรก เตยปล่อยด้วยความไม่ระวังและกลัวตกน้ำจึงรีบปล่อย ทำให้เอียงและจมลงในแม่น้ำ เตยก็เกิดความไม่สบายใจ นั่งสักพักจึงซื้ออักอันหนึ่งและอธิษฐานใหม่ และค่อยๆปล่อยลอยอย่างระมัดระวัง คราวนี้ไม่จมและค่อยๆลอยห่างออกไปในสายน้ำคงคา คราวนี้สบายใจแล้ว เหมือนได้ปล่อยสิ่งอะไรๆที่มันอัดอั้นในใจออกไปและรับความสบายใจเข้ามาแทน รู้สึกดีใจมากที่มีโอกาสได้มานั่งอยู่เหนือแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นศรัทธาของผู้คนทุกมุมโลก โดยเฉพาะชาวพุทธและฮินดู


ฟ้าเริ่มสว่าง ผู้คนต่างมาชำระล้างร่างกายที่ท่าน้ำ ดูเป็นภาพชีวิตที่ดำเนินมานับพันปี เหมือนโลกไม่ได้หมุนไปไหน พาราณสี ยังคงสภาพแบบนี้ตราบนานเท่านาน เรือค่อยๆล่องไปจนถึงท่าน้ำที่ทำพิธีเผาศพ แต่เข้าไปใกล้มากไม่ได้ เตยก็ใช้กล้องตัวเล็กของเตย ซูมภาพเท่าที่ทำได้ แม้เห็นไม่ชัดนักแต่ก็ใช้ได้ มองไปจะเห็นมีควันไฟจากซากศพที่ถูกเผาลอยจางๆ จากกองฟืนที่ไม่เคยดับ เห็นศพถูกห่ออยู่ในผ้าขาวหม่นๆ มีพวงมาลัย ดอกดาวเรืองเต็มไปหมด สักพักเรือก็พายห่างออกมา หันไปทางท่าเรือ ผู้คนเริ่มมาแยะขึ้น ดีที่พวกเตยมาแต่เช้ามืด ก็เลยไม่เบียดเสียดนัก เรือพายกลับสู่ท่าเรือ






หลังจากนั้นก็เดินกลับไปขึ้นรถเพื่อกลับไปที่พักคือวัดไทยสารนาถ และเหมือนเดิมคือ เดินไป หลบไป กลิ่นก็เหมือนเดิมอีก เตยคิดว่าเป็นแบบนี้มาเป็นพันๆปีแล้วก็เลยไม่รังเกียจในสภาพแบบนี้ แต่ก็เลี่ยงที่จะเหยียบของสกปรกแหละน่า บางคนที่อายุมากๆ เดินไม่ไหว ก็จะนั่งรถสามล้อถีบ ให้ไปส่งที่รถแทน แต่พวกเตยเดินไหวอ่ะ เอ้าเดินๆ ออกกำลังกายยามเช้ากันอีกครั้ง

ระหว่างทางเดินกลับก็ได้เห็นภาพชีวิตชาวบ้านอินเดียด้วย เป็นอะไรที่เตยชอบเวลาไปต่างถิ่น ชอบดูชีวิตพื้นบ้านของแต่ละแห่งเก็บไว้ในความทรงจำที่ไม่เคยลืม และรู้สึกสบายใจที่ได้มาสัมผัสแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์จากหิมาลัยที่ยิ่งใหญ่

“คงคา”














Create Date : 07 มีนาคม 2553
Last Update : 7 มีนาคม 2553 15:45:53 น. 2 comments
Counter : 1062 Pageviews.

 
ภาพสวยมากเลยครับผม


โดย: DAN_KRAB วันที่: 8 มีนาคม 2553 เวลา:14:39:54 น.  

 
โห....ภาพสวยได้อารมณ์มากค่ะคุณเตย
ได้อ่านตอนต่อแล้ว ดีใจๆ แต่ไว้ช่วงสงกรานต์ก่อน
กี๋เคลียร์งานเสร็จแล้วจะมานั่งอ่านให้สบายใจไปเลย

วันนี้แค่ดูรูปไปพลางๆ ก่อน รูปสวยได้อารมณ์ดีค่ะคุณเตย


โดย: กี๋พกแป้ง วันที่: 29 มีนาคม 2553 เวลา:2:17:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

terrynop
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นลูกพระอาทิตย์ อยากไปเดินท่อมๆ หลายๆแห่งในโลกนี้ ไปมามั่งแล้วละ แต่ก็ยังอยากไปอีกเรื่อยๆ

Visitors








Friends' blogs
[Add terrynop's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.