Everybody needs a place to think.
Everybody needs a place to think.ความคิดนั้นต้องการพื้นที่ความสุขก็เช่นกันชีวิตประจำวันของผู้คนในเมืองใหญ่มักเดินหน้าไปหา “อะไรทำ” อยู่ตลอดเวลา การนั่งเฉยๆ หายใจไปเรื่อยๆ ดูจะเป็นกิริยาที่ไท่เป็นสุขนัก คนเมืองส่วนใหญ่จึง “อยู่ไม่สุข” ต้องเคลื่อนไหวจึงจะมีความสุข และส่วนใหญ่มักจะเป็นการเคลื่อนไหวไปหาความสุขความสำราญถ้าว่างมากก็หาอะไรทำเพื่อ “ฆ่าเวลา”เล่นแต่จริงๆแล้ว “เวลา”ที่ว่างเปล่าและไม่มีอะไรต้องทำอาจไม่ต้องถูก “ฆ่า”เสมอไปก็ได้ หากลองนั่งนิ่งๆอยู่กับมันอาจเห็นว่ามันก็น่ารักน่าชังจะตายไป นั่งกับมันบ่อยๆขี้คร้านจะกลายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยซ้ำ“วันนี้ว่างทำอะไรกันดี”“หายใจกันดีไหม” ใครคนหนึ่งที่กวนบาทาอาจตอบไปว่าอย่างนั้นบางที ที่เราบ่นว่าไม่ค่อยมีเวลา อาจเป็นเพราะว่าเราไม่อยากมีบางที ที่เราบ่นว่าไม่ค่อยมีความสุข อาจเป็นเพราะเรามัวแต่เอาเวลาไปเดินหามันอยู่........พื้นฐานที่สุดแล้วคนเราต้องการแค่นี้สำหรับการมีชีวิต-ลมหายใจเมื่อรู้ว่ากำลังหายใจ เราจะสัมผัสได้ว่าเรามีชีวิตจริงอยู่ว่าเราหายใจอยู่ในทุกวินาที แต่มีสักกี่วินาทีต่อวัน ที่เรารู้สึกว่าฉันกำลังหายใจ เราได้แต่หายใจไปโดยอัตโนมัติ จะว่าไป น้อยครั้งที่เราจะเห็นความสำคัญของลมหาใจ เช่นกันกับชีวิตเราใช้ชีวิตไปตามกระแสสังคมแวดล้อมที่ไหลบ่าเหมือนน้ำหลากที่ยากจะแข็งขืน เราดำเนินชีวิตไปโดยอัตโนมัติทุกวี่วัน น้อยครั้งที่เราจะรู้สึกได้ว่า – ฉันกำลังมีชีวิต!เมื่อรู้ว่ามีชีวิต จึงได้คิดว่าเราอยากใช้ชีวิตอย่างไรเมื่อหยุดไหลไปตามกระแสอันเชี่ยวกรากของเวลาอันเร่งรึบที่ผูกโยงเข้ากับเข็มนาฬิกา และเวลาบนข้อมือของผู้อื่นกับชีวิตการงานของเราใช้เวลาว่างไปกับการหายใจบ้างน่าจะเป็นการปรับสมดุล และปรับจังหวะชีวิตให้ “กำลังดี”มากขึ้นก็เหมือนกับความร้อนหนาวของอากาศ หากได้อยู่ในภาวะ “กำลังดี” ก็จะทำให้มีกำลัง หากมีภาวะเช่นนี้บ่อยๆ ก็น่าจะมี “กำลังดี” ทั้งกายใจจากหนังสือ “ลอนดอนไดอารี่ 1.1....พอมีเวลาให้ความสุขบ้างไหม” ฟังเพลง