พลิกชะตาฟ้าลิขิต
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 ตุลาคม 2553
 
All Blogs
 
ทารกผู้โกงความตาย

ฝ่าวิกฤต ตอน บุตรของนางฟ้า 2.0

ทารกผู้โกงความตาย .... เจ้าเทวดาตัวน้อย

เมื่อเดือนที่แล้ว (กันยายน 2553) เด็กผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านของเราได้ให้กำเนิดเด็กทารกเพศชาย น้ำหนักตัวแค่ 2,100 กรัม ต้องเข้าตู้อบอยู่หลายวันแต่หลังจากนั้นเด็กก็แข็งแรงดี นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีเพราะเด็กคลอดก่อนกำหนดถึง 2 เดือน (อายุครรภ์ 7 เดือนโดยประมาณ) แต่ประเด็นหลักมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น เพราะอันที่จริงพวกผู้ใหญ่บางคนของแม่เด็กมีเจตนาที่จะกำจัดเจ้าหนูคนนี้ เช่นเดียวกับที่ครั้งหนึ่งลูกชายของผมก็ประสบชะตากรรมเหมือนกัน แต่เจ้าตัวน้อยของผมโชคดีกว่ามาก เพราะอะไร?...ก็เพราะว่าสาเหตุที่ทารกคนนี้คลอดก่อนกำหนดนั้นก็เป็นเพราะฤทธิ์ของยา....ยา ฟังดูโหดร้ายเกินไปมั้ยที่เราอาจจะพูดได้ว่าเด็กกระเสือกกระสนออกมาเพื่อเอาชีวิตรอด ผมไปเยี่ยมเด็กและแม่ของเด็กเพราะเป็นเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ๆ กันกับบ้านแม่ของผมห่างไปแค่ 4 หลังคาเรือน แล้วก็แกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องที่ได้ยินมาเกี่ยวกับความพยายามที่จะทำแท้ง ผมร่วมยินดีกับชีวิตน้อยๆ แล้วเอ่ยชมเจ้าหนูน้อยในใจว่า "เก่งเหมือนกันนี่เรา"

แม่ของเด็กกำลังเรียนอยู่ชั้น ม.3 แอบได้เสียกับรุ่นพี่ที่อายุห่างกันราว 5-6 ปี (ผมกับอดีตคนรักอายุห่างกัน 14 ปี ตอนที่คลอดเจ้าตัวน้อย ในเดือนพฤษภาคม 2552 เป็นช่วงปิดเทอมก่อนที่เธอจะเลื่อนชั้นขึ้น ม.5) ป้าของเด็กผู้หญิงคนนี้มีศักดิ์เป็นป้าสะใภ้ของอดีตคนรักของผม บ้านของป้าคนนี้เป็นร้านค้าอยู่ปากซอยห่างจากบ้านคนรักเก่าผมที่อยู่ในซอยไม่ถึง 50 เมตร แกเป็นคนยืนยันว่าแกจะเลี้ยงเด็กคนนี้เอง ใครไม่เอาก็ไม่เป็นไร แกเลี้ยงได้ แกเล่าให้ผมฟังว่าแม่ของคนรักเก่าผมได้ให้คำแนะนำบางอย่างกับแก ยายของเจ้าตัวน้อยของผมแนะนำแกว่า ปล่อยให้เด็กคลอดออกมาแล้วก็นำไปยกให้สถานสงเคราะห์ก็ได้ไม่ต้องทำแท้งเพราะมันอันตรายต่อแม่เด็ก (เหตุผลข้อนี้แหละที่ทำให้เจ้าตัวน้อยของผมรอดมาได้..จากคำบอกเล่าของผู้หวังดี) ยายของเจ้าตัวน้อยที่เคยไปเยี่ยมหลานที่สถานสงเคราะห์อยู่ 3-4 ครั้ง (แล้วก็ยื่นเรื่องขอ..เพราะคิดว่าเป็นวิธีเดียวที่จะขัดขวางไม่ให้ผมนำเจ้าตัวน้อยมาเลี้ยงได้) บอกกับป้าแกว่า ที่สถานสงเคราะห์เขาเลี้ยงดี ..ดีกว่าเราเลี้ยงเองด้วยซ้ำไป........(แกเอาอะไรคิด คิดหาแนวร่วมบ่วงกรรมรึป่าว)


ผมยังจำวันนั้นได้ดี 17 มีนาคม 2552 ประมาณ 5-6 วัน หลังจากที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำกลาง 1 คืน กับอีก 1 วัน อันแสนทรมาน เพราะประกันตัวไม่ทัน (คดีร่วมกันบุกรุกและทำร้ายร่างกาย) ผมได้รับโทรศัพท์ในตอน 9 โมงเช้าโดยประมาณ ผมคิดว่าเธอโทรมาเพื่อให้ผมลงไปเปิดประตูหน้าบ้านให้ จึงรีบรับโทรศัพท์ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อปลายสายเป็นเสียงของป้า พี่สาวคนโตของแม่เธอ ผู้สามารถชี้เป็นชี้ตายชีวิตของคนในครอบครัวน้องๆ ของแกได้ "มึงจะรับผิดชอบมั้ย" (คนบ้านนอกคำว่ามึงเป็นคำเรียกธรรมดา) ผมงงๆ แล้วแกก็เล่าให้ฟังและก็บอกให้ผมกับคนในครอบครัวไปพบที่บ้านแก---------ขอข้ามไปก่อนเดี๋ยวจะยาวไป --------------

สรุป จะมีการพูดคุยตกลงค่าสินสอดกันอีกครั้งในตอนเย็น ผมกลับมาดูแลร้านในตลาด ตกเย็นแม่ก็โทรมาบอกผมว่าพี่ชายของเธอ (เป็นน้องที่ผมรักและสนิทมากเหมือนน้องชายคนหนึ่ง อันที่จริงผมกับเธอเป็นญาติห่างๆ กัน) เรียกสินสอดเป็นเงินสด 200,000 บาท และทองคำหนัก 10 บาท แม่ตอบตกลงไปแล้ว ผมเองก็เห็นดีด้วย......

เมื่อตอนเช้าหลังจากวางสายจากป้าของเธอ ผมยังคงอยู่บนที่นอน ผมนอนเอามือลูบที่นอนนิ่มๆ ไปมาพลางนึกภาพที่มีเจ้าตัวน้อยนอนอยู่ตรงกลางและมีแม่ของเขานอนขนาบอยู่อีกฟาก จบซะที ผมคิด...ต่อไปนี้คงไม่มีใครมากีดกันเราอีกแล้ว ไอ้ลูกนักการเมืองกับครอบครัวของมันรวมทั้งน้าของมันที่รวมหัวกับญาติพี่น้องฝั่งแม่ของเธอที่จ้องจะเล่นงานผมคงถอดใจกันเสียที.....

อย่างที่บอกผมกลับมาร้านแล้วก็ให้บังเอิญที่ต้องเจอกันกับคุณนักการเมืองพ่อของคู่กรณีระยะประชิด นาทีนั้นสมองของผมทำงานรวดเร็วมากแต่มันสามารถมาอธิบายได้ในภายหลัง ผมเผชิญหน้ากับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหา แล้วก็บอกกับเขาว่า ผมอยากขอโทษเกี่ยวกับทุกสิ่งที่ผมทำลงไปไว้มีโอกาสผมจะไปขอโทษแม่บ้านของท่าน ลูกชาย(คู่กรณี) และลูกสาวของท่านด้วย อีกอย่างผมกำลังจะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ .........ผมมาสำนึกในตอนหลังว่านี่อาจจะเป็นอะไรที่งี่เง่าที่สุดที่ผมเคยทำลงไปก็ได้ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้รู้สึกงี่เง่า ผมรู้สึกดี ผมพบว่ามันคือความรู้สึกภาคภูมิใจ ผมได้พยายามหาเหตุผลเพื่ออธิบายกับตัวเองหลังจบการสนทนาไปแล้ว ผมรู้สึกภูมิใจเพราะว่าผมได้ปกป้องคนที่ผมรัก ผมได้ปกป้องครอบครัวของผม ผมเป็นพ่อคนแล้ว..ต่อจากนี้ไปผมจะต้องใจเย็นขึ้น นิ่งขึ้น เป็นผู้นำครอบครัว ผมจะต้องไม่มีเรื่องมีราวกับใคร ผมซึ่งแล้วและรู้ดีว่าเมื่อเรามีปัญหาคนภายในครอบครัวของเราก็พลอยต้องรับเคราะห์กรรมกับปัญหาที่เราได้ก่อ คนบางคนเกลียดเราก็พาลเกลียดคนในบ้านเราไปด้วย ผมยอมที่จะขอโทษ ผมอาจไม่ได้ผิดมากมายขนาดที่เขากล่าวหา (วันนั้นผมไม่ได้โดนตัวญาติของเขาแม้แต่ปลายเล็บ) แต่ผมอยากยุติปัญหาทุกอย่างแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ เพื่อเจ้าตัวน้อย............เพื่อเรา


แม่ผมบอกว่าเค้าจะให้มีการจัดงานแต่งงานโดยเร็วที่สุด เพราะเธอท้องได้ 7 เดือนแล้ว......ฉลองสิครับ ผมกับเพื่อนก็เลยตั้งวงนั่งดื่มกันอยู่หน้าร้านของผมในตลาดที่อยู่ติดกับสี่แยกไฟแดง ไม่นานนักสายตาของผมก็เหลียวไปเห็นรถที่บ้านเธอ(คันเดียวที่ผมขับอยู่เป็นประจำ) แล่นผ่านจากสี่แยกไปยังทิศทางที่จะมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง ผมรู้สึกตะหงิดๆ เล็กน้อยแต่ก็ไม่คิดอะไรมาก ผมมารู้ในภายหลังว่า ตอนนั้นแหละที่พวกเขากำลังจะพาเธอไปทำแท้ง .....ก็อย่างที่บอกพวกเขาไม่ได้ทำ ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของผู้หญิงที่อุ้มท้อง เจ้าตัวน้อยเลยรอดมาได้

พลบค่ำของวันที่ 19 มีนาคม ที่บ้านของท่านนายก อบต. ลุงของเธอ เธอพูดต่อหน้าทุกคนว่า ถูกผมข่มขืนมาตั้งแต่ยังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และผมได้ข่มขู่ว่าจะฆ่าเธอและครอบครัวของเธอพร้อมทั้งถ่ายคลิปไว้แบล็กเมล์หากเธอเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง..........

พี่ชายของเธอ เรียกค่าเสียหายเป็นเงินสด 600,000 บาท ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีกับผมตามกฏหมาย จะไม่มีการแต่งงานและห้ามผมยุ่งเกี่ยวกับเธออีก ส่วนเด็กที่เกิดมา พวกเขาจะเลี้ยงดูเอง
-------เหตุการณ์ตอนนี้เจ็บปวด คุณไม่มีวันเข้าใจ วันนี้ผมเล่าคุณได้เท่านี้ -------


ผมได้รับข่าวการสูญเสียเด็กไปอยู่สองสามครั้งระหว่างที่ยังไม่ถึงกำหนดคลอด จวบจนเมื่อตอนที่ผมสืบจนได้ข้อมูลแล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน และได้กลับมาบ้านเพื่อมอบตัวต่อสู้คดีกับคนรักของตัวเอง ก็ได้รู้ข่าวจากปากของชาวบ้านว่าเด็กเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ตอนคลอด คนแรกที่บอกกับผมก็คือแม่ของผม ...ผมบอกกับแม่ว่า "ไม่จริง เพราะผมได้อุ้มเค้าแล้ว แล้วผมจะพาแม่ไปดูว่าเค้าอยู่ที่ไหน"


เด็กทารกคือความบริสุทธิ์ งดงาม มหัศจรรย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กทารกที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณนั้นมีสายเลือดและจิตวิญญาณของคุณใหลเวียนอยู่ภายใน เมื่อแรกอยู่ในอ้อมแขนของผมเค้ามองตาผมไม่กระพริบ แม่เลี้ยงบอกว่าเด็กอายุสิบกว่าวันยังมองอะไรไม่เห็น ....มีการศึกษาหนึ่งบอกว่าเด็กเล็กๆใช้สมองส่วนกลางได้เต็มประสิทธิภาพ จนมีคอร์สที่สอนให้เด็กๆ ปิดตาเขียนหนังสือยังได้

ไม่ว่าใครจะพูดยังไงแต่...เค้าจ้องตาผม หลักฐานอยู่ในคลิปที่ผมถ่าย เจ้าตัวน้อยมีลูกตาดำที่กลมโตมาก ผิวขาวอ่อนนุ่ม ผมแทบเข่าอ่อนตอนที่ได้อุ้มเค้าครั้งแรก และต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตกลั้นน้ำตาเอาไว้

การติดตามค้นหาเจ้าตัวน้อยเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมากที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต มันคือการตามหาอัญมณี เพราะมันคือการตามหาสิ่งที่สุดแสนจะล้ำค่ามีความหมายและสำคัญที่สุดในความรู้สึกของผมเวลานั้น มีเรื่องตลกร้ายและมีเหตุการณ์มากมาย หากคิดจะเล่าวันไหนก็คงเพราะนึกสนุก .........เ

ผมเรียกเค้าตามชื่อของตัวเอกในภาพยนต์ที่ผมชอบที่สุด ชื่อที่มีความหมายถึงผู้ปลดปล่อย ในเรื่องชายคนหนึ่งตามหาเค้า เพราะเค้าคือหนึ่งเดียวคนนั้นในคำทำนายที่จะมาปลดปล่อยมนุษย์ให้หลุดจากพันธนาการ โลกแห่งความฝัน และเมื่อได้พบ มีตอนหนึ่งที่ชายคนนั้นได้พูดประโยคที่ว่า "การตามหาสิ้นสุดลงแล้ว" และในที่สุดมนุษยชาติกลุ่มสุดท้ายก็รอดพ้นจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

............เพราะเขาผมจึงสามารถดำรงสติไว้ให้ตัวผมเองยังมีลมหายใจอยู่
...........เพราะเขาผมจึงขับไล่โทสะอันเลวร้ายไปให้ไกลไม่คิดร้ายทำลายใคร
...........เพราะเขาผมจึงสำนึกได้ถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของผู้ให้กำเนิด
...........เพราะเขาที่มอบความเพียรให้เป็นพลังแก่ผมเพื่อแสวงหาปัญญา

และที่สำคัญเหนืออื่นใด....เพราะเขาที่นำทางให้ผมมาได้รู้จักการเจริญวิปัสสนา ผมหันหน้าเข้าหาธรรม และศรัทธาต่อคำสอนของพระพุทธองค์ แม้จะยังปฏิบัติได้ไม่ดีพอ แต่ผมจะดีขึ้นกว่าเดิม

เขาดึงผมกลับมาสู่หนทางที่ถูกต้อง






หากพ่อแม่คือพระอรหันต์ของผม..ลูกของผมก็คือเจ้าเทวดาตัวน้อยผู้คอยนำทาง



//video.mthai.com/player.php?id=6M1264143873M0 คลิปวิดีโอ

//www.tlcthai.com/club/view_topic.php?club=buddhism&club_id=1278&table_id=1&cate_id=788&post_id=5407 ข้อมูลที่น่าสนใจ


ผมเป็นส่วนหนึ่งของกรณีปัญหาเหล่านี้ และผมก็ปรารถนาอย่างที่สุดที่จะได้มีส่วนในการรณรงค์แก้ไขหรือบรรเทาเรื่องราวความผิดพลาดเหล่านี้เช่นกัน สัจจะอธิฐานข้อหนึ่งที่ผมตั้งไว้ก็คือ ผมเชื่อว่าความยุติธรรมมีจริงแล้วผมมีอิสระ ผมจะทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถเพื่อจะให้ปัญหาเหล่านี้ลดน้อยลงกว่าเดิมอย่างแน่นอน


Create Date : 26 ตุลาคม 2553
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2553 10:38:08 น. 1 comments
Counter : 565 Pageviews.

 
.............


โดย: Jub_ka_Jib วันที่: 26 ตุลาคม 2553 เวลา:11:12:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

neojoe
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ทุกสิ่งเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้เป็นความจริงดั่งที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ เรามีเวลาแค่ไหนที่จะทำในสิ่งที่เรารักหรืออยู่กับคนที่เรารัก..ไม่มีใครรู้ ให้อภัยซึ่งกันและกัน มอบความรักและความปรารถนาดีให้กันตั้งแต่ตอนนี้เลยดีกว่า ทำเหมือนกับว่ามันเป็นวันสุดท้ายก่อนจะถึงวันสิ้นโลก.....เราน่าจะมีความสุขกับทุกวันนะ ว่ามั้ย
Friends' blogs
[Add neojoe's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.