อวสานกันไปแล้วนะคะกับซีรี่ย์ฟอร์มยักษ์ที่เล่นเอาชาวโลกติดกันงอมแงม รวมถึงชาวไทยอย่างเราด้วย

เวลาที่เราเปิด Facebook ขึ้นมาทีไร ก็จะต้องเห็นชื่อของโทมินจุนขึ้นหลาอยู่ในหน้า Feed อย่างน้อยก็ครั้งสองครั้งต่อวัน

ไม่เฉพาะแค่คนไทย ขนาดคนเกาหลีเอง เขาก็คลั่งเรื่องนี้เอากันมากๆค่ะ อย่างเมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาซึ่งเป็นตอนจบ ก็ส่งผลให้เรื่องนี้ขึ้นเป็นท็อป key search ของ twitter เกาหลีกันเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นคำว่า You Who Came From The Star, Do MinJoon, Cheon Song Yi, Kim Soo Hyun, รวมถึงคำว่า Jeon Ji Hyeon ด้วย

โดยส่วนตัวแล้วเราเองก็ติดเรื่องนี้มากๆ เริ่มดูมาพร้อมๆกับตอนที่ออกอากาศที่เกาหลีเลย ต้องบอกว่าขอแนะนำสุดๆสำหรับคนที่ยังไม่ได้ดู ถ้าได้ดูแล้วคุณจะหลงรักอย่างเรา

แล้วอะไรที่ทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้แตกต่างจากเรื่องอื่นเหรอคะ

ข้อแรกเลยก็คือ พล็อต … อันนี้ต้องขอยกความดีให้คนเขียนบท (ปรบมือรัว)ไม่เค๊ยไม่เคยคิดเลยว่าจะได้ดูซีรี่ย์เกาหลีที่มีพระเอกเป็นมนุษย์ต่างดาว เท่านั้นไม่พอ เจ้าตัวยังอาศัยอยู่บนโลกมาถึง 400 ปีแล้วอีก! มันช่างเป็นอะไรที่แปลกใหม่ น่าติดตาม และน่าค้นหาจริงๆ

คาแร็คเตอร์ของตัวละครเองก็สำคัญค่ะ แต่ละคนมีความชัดเจนมาก แต่ขนาดเดียวกันก็ดูไม่แบนเนอะ ดูเป็น 3 มิติดี เป็นสีเทาๆไม่ได้ขาวหรือดำจนเกินไปให้ต้องสงสัยว่าคนแบบนี้ยังมีอยู่อีกเหรอ ซึ่งข้อนี้ก็ยิ่งทำให้ซีรี่ย์เรื่องนี้ดูสมจริงเข้าไปใหญ่ โดยเฉพาะตอนจบ จบได้แหวกแนวและดูจริงมาก ถึงหลายคนจะแอบโอดครวญว่าทำไมถึงไม่จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งให้มากกว่านี้ ทำไมถึงไม่มีฉากแต่งงานหรือเบบี๋เอเลี่ยนให้เห็น สำหรับเรา เราคิดว่าจบแบบนี้ดีที่สุดแล้วค่ะ เพราะถ้าจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งจริงๆมันก็ดูขัดๆกระไรอยู่ เพราะมันเป็นปมที่มีมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วว่ามีเวลาเหลืออยู่แค่ 3 เดือนเท่านั้น กลุ้มแทบตาย แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดอะไรขึ้นมันก็ไม่ใช่อ่ะเนอะ

เอาล่ะมากล่าวถึงนิสัยแต่ละคนที่เราชอบกันเลยดีกว่า

โทมินจุน นอกเหนือจากพลังพิเศษที่ติดตัวมาแล้ว ก็ยังเป็นตัวละครที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองนะคะ เหมือนเป็นตัวแทนของคนยุคเก่าต้องก้าวผ่านเข้ากาลเวลาสู่ยุคสมัยใหม่ ดูได้จากตอนแรกๆที่ยังใช้เพจเจอร์อยู่ (มันเป็นอะไรที่ Amazing มาก) นักแสดงหรือนักร้องที่ชอบก็เป็นรุ่นใหญ่ คำด่าที่ใช้ก็เป็นยุคโชซอน (ไม่มีใครเขาเข้าใจหรอกพ่อยอดขมองอิ่ม ไม่เชื่อถามซงอีดูก็ได้นะ :P)

ภายนอกดูเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองดูไม่แคร์ใคร แต่จริงๆแล้วกลับกลัวว่าตัวเองจะเจ็บปวดหากต้องสูญเสียอะไรไป

แต่คนเขียนบทเองก็สอดแทรกความน่ารักต่างๆเข้ามามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการที่มโนไปเองแล้วแอบหึง ปากบอกไม่ชอบๆเขาแต่ก็พูดถึงเขาไม่หยุด ใช้เพจเจอร์มาตลอดแต่พอเขาบอกให้ซื้อโทรศัพท์ก็ไปถอยเครื่องที่สัญญาณดีที่สุดมาทันที หรือแม้กระทั่งเรื่องที่แพ้จูบ เอ้ย แพ้น้ำลาย เราว่ามันเป็นเกล็ดเล็กเกล็ดน้อยที่ทำให้เราหัวเราะบ้าไปคนเดียวได้เลยค่ะ

คาแรคเตอร์ชอนซงอีเองนี่ก็สุดๆไปเลย ทั้งๆที่เป็นซุปตาร์ แต่กลับเกรียนรั่วฮาได้ถึงใจจริงๆ  ดูเป็นคนที่คิดอะไรไม่เหมือนคนอื่นเขาเรียกว่าแนวสุดๆ

แต่บางทีกลับดูง่ายมากๆว่ากำลังรู้สึกอะไรอยู่ เหมือนที่คนเขาพูดกันว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ เวลาเศร้าหรืออะไรมันออกทางสายตาเลยอ่ะ อุต๊ะ ปลื้มมากต้องยกความดีให้จวนจีฮุนกับเรื่องนี้เลย และยิ่งต้องขอยกนิ้วให้ด้วยสำหรับฉากร้องไห้เพราะมันทำให้เราอินตามได้สุดๆ

ยูเซมีก็เป็นอะไรที่ดูมนุษย์มาก มีความคิดริษยาอยู่ในใจ แต่ถึงใครจะบอกว่านางร้าย แต่เราก็แอบเข้าใจนางอยู่นะคะ เหมือนที่นางร้ายเพราะมันมีเหตุผล เหมือนที่ร้ายก็ร้ายไม่สุด ทำให้จะเกลียดก็เกลียดได้ไม่เต็มที่ บางทีก็ยังแอบคิดว่านางจะไม่ดีจริงๆเหรอ ไม่หรอกน้า มันเหมือนเพื่อนสนิทที่พอทะเลาะกัน หรือถึงจุดแตกหักก็เลยพูดแรงๆใส่กันหวังจะให้เจ็บที่สุดมากกว่า ก็ได้แต่หวังว่าอีกหน่อยคงปรับความเข้าใจกันได้ … สมควรมีภาค 2 อย่างยิ่ง เซมีจะได้มีคู่ซะที ฮ่าๆ

อีกวีฮยอง พระรองเกาหลีของแท้ ต้องยอมรับกับคนนี้เลยว่าเป็นคนที่ดีมากๆถึงมากที่สุด และก็รักซงอีมากๆด้วยค่ะ … แต่ทำไงได้ ในเมื่อมันไม่ใช่ ถึงจะรักเขามาตั้ง 15 ปีก็เลยยังเป็นได้แค่เพื่อนสนิทอ่ะเนอะ …

สำหรับกวีฮยองเราว่าเขาเป็นตัวละครที่ไม่ซับซ้อน เข้าใจง่าย เป็นคนที่มีใจบริสุทธิ์ มีซงอีเป็นหนึ่งในใจ แล้วก็ยังเรียกว่าเป็นคนที่เถรตรงคนหนึ่งเชียวและ รักก็บอกว่ารัก ไม่รักก็บอกว่าไม่รัก พี่ชายทำผิดก็ไม่เข้าข้าง แถมยังช่วยร่วมมือกับอัยการและตำรวจอีก (ถึงจะเป็นเพราะมีเรื่องพี่ชายคนโตเข้ามาเกี่ยวข้องก็เถอะ)… แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่เหมือนซงอี นั่นก็คือไม่มีเซ้นท์ด้านความรักเล้ย ใครเขาแอบรักเราอยู่นานนมก็ไม่รู้เรื่อง … จะว่าไปก็จะทำไงได้ล่ะคะ ในเมื่อมองแต่ซงอีคนเดียว

อีแชกยอง โรคจิตตัวจริงของเรื่อง เวลาที่คิดอะไรชั่วร้ายมักจะหมุนแหวนตะปูตลอด สำหรับเรา เขาเป็นสีสันของเรื่องคนหนึ่งเลยล่ะ ถ้าไม่มีเขา ความสนุกของซีรี่ย์ก็จะหายไปเป็นครึ่ง เป็นคนที่คนเขียนบทสร้างขึ้นมาเพื่อดึงความสามารถของโทมินจุนออกมาแท้ๆเลย

สุดท้ายคนที่เป็นที่รักไม่แพ้ใคร ชอนยุนแจ หนุ่มน้อยหน้ามนที่ตอนเปิดเรื่องออกมาเป็นเหมือนเด็กมีปัญหา รักพี่สาวสุดๆใครว่าอะไรไม่ได้ แต่ก็ไม่แสดงออกให้ซงอีเห็น บุคลิกเป็นเหมือนหนุ่มสุดเท่ พูดน้อย ต่อยหนัก แต่กลับติ๊งต๊องได้ไม่แพ้พี่สาวเลยโดยเฉพาะความบ้า E.T. … อยากขำออกมาดังๆกับฉากสุดคลาสสิกของเรื่อง E.T. ที่ซีรี่ย์ทำออกมาล้อเลียนมากๆค่ะ น่ารักสุดๆ

ถ้าบทดีแต่การถ่ายทำห่วยก็คงไม่มีประโยชน์ใช่ไหมคะ เลยต้องยอมรับว่าทีมงานเกาหลีนี่เขา CG ขั้นเทพจริงๆ เนียนมาก อย่างฉากระเบียบที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำ ถ้าไม่บอกก็ไม่รู้ว่าเป็นโรงถ่ายหนังนะเนี่ย ฉากที่พระเอกหยุดเวลาไว้อีก มันเป็นอะไรที่เริ่ดม๊ากมาก

สรุป 9 เต็ม 10 ค่ะ (ขอกักคะแนนไว้นิดนึงนะ ไม่อยากให้เต็มอ่ะ อิอิ)ขอยกให้เป็นเรื่องที่ดีติดอันดับในรอบปีของเราเลยค่ะ ถึงจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ทุกอย่างมันก็ลงตัวเนอะ ถ้าเป็นน้ำซุปก็ต้องเรียกว่า"กลมกล่อม" ทั้งบท การถ่ายทำ และ นักแสดง

---

แถมค่ะ

สารภาพเลยว่า ตอนที่ดูครั้งแรกมีแอบย้อนกลับไปดูซิกแพคของคิมซูฮยอนอีกที หุๆ ^^

---