BlogGang.com : : สุริยาอัสดง : จะต้องตายกันไปข้างนึง ?

จะต้องตายกันไปข้างนึง ?

สภาพการณ์ที่น่าจะดำเนินไปสู่ความเรียบร้อยลงตัวเหมือนอย่างที่ใครต่อใครในประเทศไทยวาดฝันไว้ โดยเฉพาะบรรดาประชาชนที่เป็น"ฐานราก"ของประเทศ และ เหล่าบรรดาภาคส่วนธุรกิจที่ เบื่อหน่ายเอือมระอาต่อสภาวการณ์ทางการเมืองของเหล่าบรรดา"ชนชั้นนำ"ที่"กุมสภาพอำนาจ"ของบ้านเมืองในรูปแบบต่างๆมานับนานแสนนาน ตราบที่พวกเขาจำความได้...

มานับ พ.ศ. นี้ (2551)ที่หะแรกหลายคนใจชื้นขึ้นมาบ้าง หลังจากที่ กระบวนการ "เปลี่ยนผ่านอำนาจ" จากรัฐบาล ภายใต้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ภายใต้ "พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน" ผบ.ทบ.-ประธานคมช. และคณะนายทหารใน คมช.(ขณะนั้น)...มาสู่..กระบวนการเลือกตั้ง..และ..มาสู่ "รัฐบาล" ที่มาจากการเลือกตั้ง..โดยประชาชน ..

แต่มาถึง วินาทีนี้ ทุกคน กลับต้องใจแป้วลงไปอีกครั้ง.. ด้วยสถานการณ์ความเป็นไปทางการเมือง..และด้วยสถานการณ์ความเป็นไปในสภาพความเป็นจริงแห่งชีวิต ที่ "โลก" ยังคงหมุนไปในวัฎจักร แห่งการแก่งแย่งแข็งขันช่วงชิงความ "ได้เปรียบ" ทั้งทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ ภายใต้การ "รุกเร้า" ที่แฝงเร้นด้วย "การคุกคาม" ในทุกวิถีและทุกวิธีการ(แม้กระทั่งการก่อการร้าย..หรือแทรกแซงทางเศรษฐกิจ-การเมือง)...แต่ผู้คนในบ้านเมือง(ประเทศไทย) โดยเฉพาะบรรดาผู้คนระดับชนชั้นนำของประเทศ ที่อยู่ใน "ชั้นอำนาจ" กลับยังคง "สัปยุทธ์" กันอย่างเอาเป็นเอาตาย..แบบไม่ลืมหูลืมตา..โดยไม่สำเหนียกถึง..ภัยคุกคาม "ภายนอก" ที่กำลัง "บีบรัด" เข้ามาติดรั้วบ้านแล้ว...

ที่ว่า "ใจแป้ว" เพราะ สถาพการณ์ของบ้านเมืองเวลานี้ จากที่ดูจะมี "ความหวัง" หลังจาก บรรยากาศ "การเลือกตั้ง" เมื่อปลายปีที่แล้ว(2550)ผ่านพ้นไป(แม้จะมีขบวนการสกัดขัดขวางไมให้เกิดการเลือกตั้งของบางฝ่ายในกลุ่มอำนาจที่สัมพันธ์กับ คมช. ที่พยายามหา "ที่ยืน" ทางการเมือง และใช้กลไกเครื่องมือใน "อำนาจ" ที่ตน "จัดตั้ง" ขึ้นในห้วงนั้น "จัดการ" กับกระบวนการประชาธิปไตย ด้วยเพราะ หวาดเกรงกับคำตัดสินของประชาชนที่ไปลงคะแนนเลือกตั้ง)...แม้กระทั่งมีการ "จัดรูป" รวมตัวกันของเหล่าบรรดาพรรคการเมือง(ที่ก็ยังปรากฎร่องรอยของการสกัดขัดขวางจาก "ขั้วอำนาจ(เดิม)" ที่ผนึกเข้ากับ "พรรคการเมือง" (บางพรรค))...กระทั่ง 5 พรรคพันธมิตรรัฐบาล..สามารถรวมตัวกันตั้งรัฐบาลสมัคร1(ภายใต้การนำของ"พรรคพลังประชาชน"..โดยมี "สมัคร สุนทรเวช" เป็นนายกฯ)ขึ้นมาได้อย่างทุลักลุเล..ท่ามกลางความรู้สึกโล่งอกโล่งใจของหลายฝ่าย..แต่ดูเหมือนว่า "ผู้คน" ที่เคยอยู่ใน "วง" ของ "อำนาจ" ของ คมช...และหลายคนยังคงอยู่ใน "วงใน" ของ "อำนาจรัฐ" ปัจจุบัน จะยัง "ไม่หยุด" ในการเคลื่อนตัว..ทั้ง "บนดิน" และ "ใต้ดิน" ต่อกัน

ที่ทำให้ "ไม้แปลก" ทื่ในระยะแรกของปรากฎการณ์ฟื้นสภาพ "บทบาท" ของ "พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย"จะมีผู้คนหลายคน(โดยเฉพาะฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาล และฝ่ายที่เฝ้ามองสถานการณ์โดยไม่เข้าข้างฝ่ายใด)จะรู้สึก "เอือมระอา"..กระทั่งเป็นที่มาของเสียงกระซิบไปถึงพันธมิตรฯเกี่ยวกับเรื่องความเหมาะสมของ "จังหวะ-เวลา" ในการออกมาของพวกเขา..ที่ยังดีว่า..พวกเขายังพอมี "เหตุผล" อยู่บ้าง(ในการกำหนดวันดีเดย์(28มี.ค.51)ยกพลขึ้นบกที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์) จากประเด็น "การโยกย้ายข้าราชการ" อย่างอึกทึกคึกโครมของรัฐบาลในห้วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา.. ที่มากไปกว่านั้นน่าจะมี "ธง" ไปที่ "สัญญานอันตราย" ของพวกเขา จากปรากฎการณ์ การเคลื่อนตัวของ "พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร" ที่สามารถกลับมา "กราบแผ่นดิน" ประเทศไทยจนได้(28ก.พ.51)

อย่าลืมว่าหลังการกลับเข้ามาของ "ทักษิณ" จวบจนวันที่เขาเดินทางออกไปจากประเทศไทยและจะกลับมาอีกครั้ง ราว 10 เม.ย.51 เขา เป็นเสมือนศูนย์กลางของการเมือง ราวกับ "แม่เหล็ก" ที่ดึงดูดสิ่งต่างๆ เข้ามาที่...ไม่ว่าจะเป็น อำนาจรัฐ-มวลชน-กองกำลัง และ "ทุน"..ที่ปฏิเสธไม่ได้ ว่า สิ่งที่ถูกดึงดูดเข้าไป ย่อมปะปนไปด้วย "ความขัดแย้ง" และ "ผลประโยชน์" ของผู้คนในบ้านเมืองนี้ด้วยเช่นกัน..

อย่าลืมว่า "ทักษิณ" ถูกระบุ จาก "พันธมิตร" และใครต่อใคร(รวมถึงพลพรรคประชาธิปัตย์)ที่อยู่ตรงข้ามเขา โดยเฉพาะ "ผู้คน" (อำนาจรัฐ-มวลชน-กองกำลัง-ทุน)ที่อยู่ใน ขบวนรถไฟ คมช. ที่ตลอด 1 ปีเศษ มีการขยายและฝั่งลึกในทุกอณูของโครงสร้าง "อำนาจรัฐ"...ว่าเขาเป็น "ตัวปัญหา" ของสถานการณ์ความเป็นไป และ ที่เป็นอยู่ของบ้านเมืองเวลานี้(และรวมถึงในอนาคต)..ไม่เฉพาะแต่ปัญหา "ความขัดแย้ง" แยกขั้วแบ่งฝ่ายของ "ผู้คน" สังคม..ที่ทำให้ ทหารต้องออกมาทำ "รัฐประหาร"(19ก.ย.49)..และ "จัดรูป" อำนาจรัฐ(ผลประโยชน์) เสียใหม่..พร้อมๆกับการสร้าง "เครื่องมือ" มากมาย(ที่เกี่ยวพันไปทั้งองคพายพองค์กรตรวจสอบ "นักการเมือง" (ในมิติมุมมองของฝ่ายข้าราชการ-กองทัพ)ภายใต้ประกาศ คปค. มากมาย ทีลามเลยเข้าไปองค์กรภายใต้รัฐธรรมนูญ50) ขึ้นมาจัดการกับ "ทักษิณ" และผู้คนในเครือข่ายของเขา... ไม่นับรวมถึง "เขย่ากองกำลัง" ในทุกส่วนทุกมิติ(ข้าราชการ-ทหาร)ที่เคยมี "สัมพันธ์" กับ "ทักษิณ" ภายใต้การบริหารจัดการโดย "คมช."-"รัฐบาล"ในฐานะ"ฝ่ายบริหาร"และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ที่ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้คนที่มาจาก"อดีตข้าราชการ"... กระทั่งเป็นที่มาของคำว่าช่วงเวลานั้นเป็นห้วงเวลาแห่งของ"อำมาตยาธิปไตย"คือ"รัฐราชการ"

นี่จึงเป็นที่มาของปฏิบัติการ"โยกย้าย"ข้าราชการ ทันทีที่"รัฐบาลสมัคร"เริ่มนิ่งจากสภาพเกมกดดัน..ใน"ตั้งไข่"ก่อรูป ระยะเดือนแรก..เพราะยังถือว่ามี"อาณัติ"แห่งความเป็น"รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง"ดังนั้น การจะขยับสับเปลี่ยนผู้คนในความคิดของ"สมัคร"จึงคิดว่าน่าจะไม่มี"เอฟเฟค"เท่าใด..ประกอบกับ"สัญญาณเร้า"ที่บ่งชัดถึง"ความไม่น่าไว้วางใจ"ในการเคลื่อนขยับมากมายของ"กลุ่มอำนาจเก่า"ที่กระเพื่อมและกลายเป็น"ลูกคลื่น"ย่อมๆทันที ที่"ทักษิณ"กลับเข้ามาในประเทศไทย..ทีทำให้"สมัคร"และพลพรรค พปช.ต้องเร่งเครื่องในหลายเรื่อง หลังจากที่"รับรู้"แล้วว่า"ไม่มีใครยอมหยุด"..ที่จะชุดกระชากสถานการณ์ไปสู่"จุดเดือด"ความขัดแย้งในระดับเลือดตกยางออกของประชาชนคนในประเทศอีกครั้งในห้วงกลางเดือนเมษายน 2551 ...

"สัญญาณ" ที่บ่งชัดที่ทำให้ พรรคพลังประชาชนต้องเร่ง..ในการจัดรูปขบวน"อำนาจรัฐ"..นับตั้งแต่การโยกย้ายข้าราชการ ในส่วนที่พวกเขาถือเป็น"จุดอับ"ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของกระทรวงยุติธรรม (อธิบดีดีเอสไอ.),ตำรวจ(ผบ.ตร.),ทหาร(โยกย้ายทหารกลางปี20เม.ย.51)..นั่นคือกรณีการแจก"ใบแดง"ของ"ยงยุทธ ติยะไพรัช"ประธานสภาผู้แทนราษฎร ของ กกต.,การเร่งส่งสุปสำนวนคดีส่งฟ้องหลายคดีใน คตส.พาสข้าม"อัยการ"...ไปสู่ศาลฎีกา...และปรากฎการณ์การเลือกประธานวุฒิสภาที่ได้มาซึ่ง"ประสพสุข บุญเดช"ประธานวุฒิสภา(ที่มีเสียงเล่าลือว่าเขาเป็นหนึ่งในคนสายป๋า)กุมสภาพ"สภาสูง"ไว้ภายใต้"บทบาทสำคัญ"การเมืองไทยบรรทัดถัดไป

เพราะไม่เพียง-บทบาท "อำนาจ"กลั่นกรองกฎหมายที่ผ่านการพิจารณาของ ส.ส. ,-บทบาทถอดถอนนักการเมืองและข้าราชการระดับสูงที่ทุจริตต่อหน้าที่ ในระยะ"เฉพาะหน้า"วุฒิสภา มีบทบาทสำคัญ ในการให้ความเห็นชอบบุลคลดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระและองค์กรตามรัฐธรรมนูญ...ซึ่ง"ฝ่ายพันธมิตร"และผู้คนในสาย"อำนาจเก่า"(คมช.)เชื่อว่า ฝ่าย"อำนาจรัฐ"ปัจจุบัน ที่มี"ทักษิณ"อยู่"ข้างหลัง"จะเข้ามาบริหารจัดการกับ"ผู้คน"ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งในสภาสูงและ"องค์กรอิสระ"(ที่ถือว่าผลเลือกประธานวุฒิสภาทำให้ พปช.หนักอกหนักใจในอนาคตข้างหน้า)

โดยองค์กรอิสระแรกที่กำลังอยู่ในช่วงของการ"รับสมัครคัดเลือก"คือ"ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ"ที่จะเข้ามาแทนที่"คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ"ที่เกิดขึ้นจากคำสั่ง คปค.(จะมีอายุ150วัน หลัง มีนายกฯและ ผู้นำฝ่ายค้านแล้ว)ซึ่งจะเป็นองค์กรที่มี"บทบาท"ถัดจากนี้ โดยเฉพาะการ"รับไม้ต่อ"จากกระบวนการต่างๆที่"รัฐธรรมนูญ50"ระบุในระดับขั้นการ"ยุบพรรคการเมือง"...ที่ขณะนี้ในส่วนของ"เป้าหมาย"คือพรรคพลังประชาชน(พปช.)มีคดีของ"ยงยุทธ ติยะไพรัช"รองหัวหน้า พปช.ที่"ศาลฎีกา"รับฟ้องแล้ว(20มี.ค.) อันทำให้เขาต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ประธานรัฐสภา (จริงๆ)และหาก"มีความผิด"ก็เรื่องก็จะถูกส่งมาสู่"ศาลรัฐธรรมนูญ"เพื่อดำเนินไปสู่การ"ยุบพรรค พปช."..(ที่ยังมี พรรคชาติไทย,มัชฌิมาฯ ที่จ่อเป็นต้นแบบบรรทัดฐานอยู่ด้วย)..นอกจากนี้"ศาลรัฐธรรมนูญ"ยังมี"บทบาท"สำคัญต่อบรรดา กฎหมายหลายฉบับที่มีผลทางการเมือง ที่ค้างระหว่างการวินิจฉัย มากมาย รวมถึง การที่ พปช.เตรียมยื่นให้วินิจฉัย ประเด็น การทำหน้าที่ของ คตส.ให้เป็น"โมฆะ"หรือ รวมถึงการขอให้ บรรดา องค์กร ข้อกฎหมาย ที่เกิดขึ้นภายใต้ยุคสมัย คมช.เป็น"โมฆะ"เพื่อเปิดช่องไปสู่การคืน"ความเป็นธรรม"ให้กับคนบ้านเลขที่ 111 ซึ่งรวมถึง"ทักษิณ"

ไม่แปลกที่ กระบวนการก่อรูปของ"ศาลรัฐธรรมนูญ" ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการสรรหา ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ สาขาผู้ทรงคุณวุฒินิติศาสตร์-รัฐศาสตร์ ที่ปรากฎชื่อของ"นายจรัญ ภักดีธนากุล"และ"ธีรภัทร เสรีรังสรรค์"(ที่ชัดเจนว่ามีความคิดในทางปฏิปักษ์กับ"ทักษิณ"และเครือข่าย) จะทำให้ผู้คนใน พปช.หนาวๆร้อนๆ และเริ่มส่งสัญญานต้านอย่างหนาแน่น..

กระนั้น ก็น่าสนใจกับการเคลื่อนตัวของฝ่ายต่างๆในระยะนี้ ในการเตรียมพร้อม เพื่อเข้าโรมรันกัน..แบบไม่ยอมกันในระดับ"ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง"(ดังที่สมัครบ่นดังๆ(21มี.ค.)และเคยส่งสัญญานผ่านเพลงสุนทรภรณ์"เรือมนุษย์"ราวกับจะบอกว่าเซ็งๆเบื่อๆกับสภาพของบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยร่องรอยความขัดแย้ง)ระหว่างฝ่าย"อำนาจเก่า"และ"อำนาจใหม่"..ที่ราวกับว่ามีความพยายามจะให้สถานการณ์ไหลเข้าไปสู่จุด"นัดพบ"(28มี.ค. :ดีเดย์พันธมิตรชุมนุม)ของ"ผู้คน"ที่มีความเห็นทางการเมือง"แตกต่าง-แปลกแยก"กัน..ถึงขนาดมีข่าวการเคลื่อนไหวของทหาร และหน่วยจรยุทธ์ของแต่ละฝ่าย อย่างเอาเรื่องเอาราว โดยที่ในหัวจิตหัวใจของทุกคน(ในระดับนำที่อยู่ในวงความขัดแย้ง)ไม่ได้ระลึกถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว(ทั้งที่แต่ละคนมักอ้างความจงรักภักดี) ที่ทรงให้ทุกฝ่ายปรองดองสามัคคีเพื่อไม่ให้ชาติวิกฤติเมื่อ 5 ธ.ค.2550 ที่ผ่านมา..แม้แต่น้อย..

ที่สำคัญพวกเขา ไม่เคยคิดถึง"ประชาชน"ที่จะเดือดร้อนแสนสาหัสถัดจากนี้ไป..หากสถานการณ์บานปลายไหลไปสู่"จุดเดิม"(19ก.ย.49)ที่คงไม่มีใครพึงปารถนาโดยเฉพาะ"ประชาชน"เจ้าของประเทศตัวจริง....

จาก คอลัมน์:ดอกไม้หลายสี โดย ศักดา จิวัธยากูล 21 มีนาคม 2551

Create Date : 23 เมษายน 2551

Last Update : 23 เมษายน 2551 22:14:35 น.

0 comments

Counter : 437 Pageviews.