|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ครม.ผ่านกฎหมายให้สิทธิผู้ป่วยไร้หวัง
ครม.ผ่านกฎหมายให้สิทธิผู้ป่วยไร้หวัง Source - ไทยโพสต์ (Th) กรุงเทพฯ--9 ธ.ค.52--ไทยโพสต์
ทำเนียบรัฐบาล - รัฐบาลผ่านร่างกฎหมายสิทธิที่จะอยู่หรือตายของผู้ป่วยระยะสุดท้าย ชี้เป็นการเคารพสิทธิการตัดสินใจ ขณะเดียวกันก็ลดภาระรัฐ
การประชุมคณะรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล วันอังคารที่ 8 ธันวาคมนี้ นพ.ภูมินทร์ ลีธีระประเสริฐ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจว่า ครม.อนุมัติในหลักการ ร่างกฎกระทรวง กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย พ.ศ. ... ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา ก่อนดำเนินการต่อไป
นพ.ภูมินทร์กล่าวว่า ตามพระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2550 มาตรา 12 วรรคหนึ่งและวรรคสอง บัญญัติให้บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตคน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วย โดยให้การทำหนังสือแสดงเจตนาดังกล่าว เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดในกฎกระทรวง
การทำหนังสือแสดงเจตนาดังกล่าว นพ.ภูมินทร์ระบุว่า เป็นการรับรองสิทธิในการปฏิเสธการรักษา ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลตรงตามความประสงค์ หรือสามารถปฏิเสธการรักษาที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองในวาระสุดท้ายของชีวิต เรียกว่าการยืดการตาย หรือผู้ป่วยที่ต้องทรมานจากโรคบางโรคในระยะยาว โดยไม่มีทางรักษาให้หายขาดได้ ยุติความทรมานนั้น โดยหนังสือดังกล่าวเป็นการเคารพสิทธิการตัดสินใจของผู้ป่วย ซึ่งอาจไม่ต้องการรักษา อันจะเป็นภาระต่อระบบบริการสาธารณสุขของประเทศและญาติ อย่างไรก็ตาม แพทย์และพยาบาลยังให้การดูแลผู้ป่วยเพื่อบรรเทาทุกข์ทรมานของผู้ป่วย ไม่ว่าจะทำหนังสือแสดงเจตนาไว้หรือไม่ก็ตาม ตามแนวทางการดูแลรักษาแบบประคับประคอง
นพ.ชาตรี เจริญศิริ รองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ อธิบายว่า หลักการกฎกระทรวงฉบับนี้คือ แพทย์ต้องให้การดูแลรักษาที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วย และแพทย์ทำตามความประสงค์ของผู้ป่วยที่ได้ทำหนังสือปฏิเสธการรักษา ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิต เช่น ไม่ใช้เครื่องปั๊มหัวใจและการเจาะคอ หรือการรักษาอื่นใดที่ขัดขวางการตายอย่างสงบตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นการเคารพสิทธิของผู้ป่วยในการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของเขาเอง อันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่นานาอารยประเทศยอมรับ
"ขอให้สบายใจได้ว่าผู้ป่วยทุกรายไม่ถูกทอดทิ้งให้ทุกข์ทรมานแน่นอน ไม่ว่าจะทำหนังสือแสดงเจตนาหรือไม่ก็ตาม ผู้ป่วยทุกรายยังคงได้รับการดูแลรักษาแบบประคับประคอง บรรเทาความทุกข์ทรมาน รวมถึงการเยียวยาจิตใจผู้ป่วยและญาติ มิได้ถูกทอดทิ้งจากผู้ดูแลรักษาแต่อย่างใด" นพ.ชาตรีกล่าว
เมื่อถามว่าการทำหนังสือแสดงเจตนาจะเปิดโอกาสให้แพทย์-พยาบาลไม่ใช้ความระมัดระวังเท่าที่ควรในการดูแลรักษาหรือไม่ นพ.ชาตรีบอกว่า ไม่แน่นอน เพราะแพทย์-พยาบาลต่างมีมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณกำกับไว้ การละเมิดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณเป็นเรื่องร้ายแรงมาก และการปฏิเสธการรักษาหรือเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุข ที่เป็นไปเพียงเพื่อยืดการตาย ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าให้มีผลในช่วงวาระสุดท้ายของชีวิตเท่านั้น ดังนั้น ก็ขอให้ทุกคนมั่นใจได้ในมาตรฐานการดูแลรักษา
"แพทย์มีจรรยาบรรณและหน้าที่ต้องช่วยอย่างสุดความสามารถ ตามแนวทางที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ป่วยตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ อย่างเช่น มีผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุสาหัสเข้ารักษาและมีหนังสือขอตายอย่างสงบ แต่แพทย์ก็ยังคงช่วยให้ผู้ป่วยมีชีวิตรอดอย่างเต็มที่ ส่วนผู้ป่วยที่มีโรครุมเร้าจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เราก็ต้องเคารพสิทธิในการตัดสินใจที่จะขอตายอย่างสงบ" นพ.ชาตรีระบุ. วันที่ 9 ธันวาคม 2552
Create Date : 11 ธันวาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 11 ธันวาคม 2552 11:58:54 น. |
Counter : 801 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|